ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 771 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 15401 - 15420 จากข้อมูลทั้งหมด 124270 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15401 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงยุติธรรม) (นายนิยม เติมศรีสุข) | ยธ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนิยม เติมศรีสุข ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15402 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล พ.ศ. .... | คค | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงชนบท ตามโครงการถนนเลี่ยงเมืองทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้าง และควรให้กรมทางหลวงชนบทร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของการพัฒนาปรับปรุงโครงข่ายถนนในความรับผิดชอบตามความจำเป็นเร่งด่วนและความสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่ เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนของภาครัฐและช่วยให้การพัฒนาโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15403 | รัฐบาลสาธารณรัฐยูกันดาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งสาธารณรัฐยูกันดาประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นางดอโรที ซามาลี ฮยูฮา (Mrs. Dorothy Samali Hyuha)] | กต | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางดอโรที ซามาลี ฮยูฮา (Mrs. Dorothy Samali Hyuha) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐยูกันดาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สืบแทน นางสาวนิมิชา ยายานท์ มาทวานี (Miss Nimisha Jayant Madhvani) ซึ่งมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย และเป็นเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐยูกันดาประจำประเทศไทยคนล่าสุดที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายอักษรสาส์นตราตั้ง เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15404 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งกำหนดให้คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) อาจกำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้รับการเยียวยาโดยให้ได้รับเงินเดือนหรือเงินประจำตำแหน่งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับร่างมาตรา ๓ อาจมีความซ้ำซ้อนกับบทบัญญัติในร่างมาตรา ๔ เกี่ยวกับการเยียวยาข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา และการปรับเพิ่มเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ควรคำนึงถึงผลกระทบและความเหลื่อมล้ำระหว่างข้าราชการทุกประเภท ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ เช่น การพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้รับเงินเดือนหรือเงินประจำตำแหน่ง เป็นกรณีที่จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเป็นคราว ๆ ไป มิใช่เป็นการกำหนดให้ ก.พ.อ. มีอำนาจปรับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งได้เอง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองซึ่งต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15405 | ผลการดำเนินการตามมาตรา 5/8 แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 เรื่อง แนวทางการควบคุมดูแลกิจการของคณะกรรมการองค์การมหาชน | นร12 | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ยกเลิกแนวทางการบริหารของคณะกรรมการองค์การมหาชน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๒ และเห็นชอบผลการดำเนินการตามมาตรา ๕/๘ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ เรื่อง แนวทางการควบคุมดูแลกิจการของคณะกรรมการองค์การมหาชน ซึ่งได้มีการกำหนดแนวปฏิบัติในการควบคุมดูแลกิจการของคณะกรรมการองค์การมหาชนตามมาตรา ๒๔ และมาตรา ๒๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งการส่งเสริมให้คณะกรรมการองค์การมหาชนมีเครื่องมือกำกับการปฏิบัติงาน และแนวทางการควบคุมกิจการขององค์การมหาชน และให้องค์การมหาชนที่จัดตั้งโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม นำไปใช้เป็นแนวปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. เช่น การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและคณะอนุกรรมการ ควรเพิ่มจำนวนที่ปรึกษาของคณะกรรมการเป็นจำนวนไม่เกิน ๔ คน การปรับการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเป็นไม่ให้เกินกว่าร้อยละสามสิบของงบประมาณค่าใช้จ่ายตามแผนการใช้จ่ายเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการองค์การมหาชนในปีงบประมาณนั้น การปรับถ้อยคำเกี่ยวกับการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการองค์การมหาชนให้สอดคล้องกับมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ และการกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการไว้ด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. เร่งชี้แจงกับองค์การมหาชนที่ต้องนำแนวทางการบริหารของคณะกรรมการองค์การมหาชนไปใช้เป็นแนวปฏิบัติให้ชัดเจนและมีความเข้าใจตรงกัน เพื่อให้บรรลุผลตามเป้าประสงค์ของสำนักงาน ก.พ.ร. ต่อไป ๓. ในส่วนของการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรไม่ให้เกินกว่าร้อยละสามสิบของงบประมาณค่าใช้จ่ายตามแผนการใช้จ่ายเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการองค์การมหาชนในปีงบประมาณ ยกเว้นองค์การมหาชนที่มีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดไว้เป็นการเฉพาะนั้น ให้สำนักงาน ก.พ.ร. จัดให้มีกลไกในการทบทวนความเหมาะสมของสัดส่วนค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรขององค์การมหาชนแต่ละแห่งอย่างต่อเนื่อง โดยให้คำนึงถึงภารกิจ รายได้ และเงินทุนสะสมของแต่ละองค์การมหาชน รวมทั้งยึดหลักการที่มิให้มีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเกินกว่าความจำเป็น และไม่เป็นภาระงบประมาณของประเทศ และนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเพื่อพิจารณาเป็นประจำทุกปีด้วย เพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลขององค์การมหาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๔. สำหรับประเด็นการใช้ระบบสัญญาจ้างกับเจ้าหน้าที่ขององค์การมหาชนทุกตำแหน่ง ให้องค์การมหาชนระบุรายละเอียดการจ้างงานในสัญญาจ้างให้ชัดเจน โดยเฉพาะการจ่ายค่าตอบแทนพิเศษตามผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ขึ้นอยู่กับผลประกอบการขององค์การมหาชน แต่ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนพิเศษทุกปี เพื่อป้องกันการตีความที่แตกต่างกันระหว่างหน่วยงานกับเจ้าหน้าที่ รวมทั้งให้กำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณระยะเวลาของสัญญาจ้างและหลักเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อการเลื่อนหรือการดำรงอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม เพื่อให้สัญญาจ้างมีสาระสำคัญที่ครบถ้วนสมบูรณ์ มีมาตรฐานเดียวกัน และสามารถพัฒนาบุคลากรขององค์การมหาชนได้ตามเป้าหมายของหน่วยงานด้วย ๕. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาทบทวนความจำเป็นในการคงอยู่หรือยุบเลิกองค์การมหาชนที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่และวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งหน่วยงาน ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การทบทวนความจำเป็นในการคงอยู่หรือยุบเลิกองค์การมหาชน) เป็นประจำทุกปีงบประมาณ เพื่อให้เกิดการประเมินผลสัมฤทธิ์และปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง และให้พิจารณาส่งเสริมให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการภาครัฐ (Citizen Engagement) ในสาขาและรูปแบบต่าง ๆ เช่น การสร้างเครือข่ายประชารัฐ และการถ่ายโอนภารกิจด้านการปฏิบัติไปให้หน่วยงานภายนอกภาครัฐ เป็นต้น เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ รวมทั้งคำนึงถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของภาครัฐและประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นสำคัญ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15406 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 9/2561 เรื่อง มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ | สลธ.คสช. | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙/๒๕๖๑ เรื่อง มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ลงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการบรรเทาความเสียหายแก่ผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งไม่อาจชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยขยายระยะเวลาการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ เพื่อให้สามารถประกอบกิจการและชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ได้ในที่สุดบนพื้นฐานความเป็นจริงในสังคม ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15407 | สรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 2/2561 | นร10 | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ โดยนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานการประชุมได้มีประเด็นข้อสั่งการให้คณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่ารับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น (๑) การปรับปรุงระบบการให้บริการประชาชน โดยทดแทนการใช้สำเนาเอกสารทางราชการ อาทิ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ด้วยเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก (๒) การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีตามแนวทาง อาทิ กรณีส่วนราชการกำหนดแผนงาน/โครงการขนาดใหญ่ หรือมีระยะเวลาดำเนินการผูกพันมากกว่าหลายปีงบประมาณ ให้จัดทำเป็นแผนแม่บท โดยแบ่งเป็นแผนงาน/โครงการย่อยที่จะดำเนินการในแต่ละปี เพื่อจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี และกำหนดแผนงาน/โครงการต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ (๓) ให้ทุกส่วนราชการ โดยกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับโครงการประชารัฐ โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ให้แก่ข้าราชการในพื้นที่ และข้าราชการท้องถิ่น เพื่อให้สามารถชี้แจงข้อมูลให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ เป็นต้น ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15408 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2561 | ดศ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ประธานกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบและมีมติในประเด็นต่าง ๆ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ ได้แก่ ความคืบหน้าการดำเนินการของยุทธศาสตร์อวกาศแห่งชาติ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่ภาคตะวันออก ความคืบหน้าการดำเนินการรวมร่างพระราชบัญญัติกำกับกิจการอวกาศแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์การอวกาศแห่งชาติ พ.ศ. .... และนโยบายการกำหนดสิทธิในการส่งและรับสัญญาณและการเข้าตลาดของดาวเทียมต่างชาติ (Landing Right and Market Access Policy) ๒. ที่ประชุมได้พิจารณาในประเด็นต่าง ๆ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ ได้แก่ แนวทางการบริหารเอกสารข่ายงานดาวเทียมและสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมตามมาตรา ๖๐ แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๓. ที่ประชุมได้มีมติในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ โครงการดาวเทียม THEIA ของประเทศสหรัฐอเมริกา และแนวทางการดำเนินงานเพื่อจัดตั้งสำนักงานประสานงานภูมิภาค (Regional Liaison Office : RLO) ของสำนักงานกิจการอวกาศส่วนนอกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office of Outer Space Affairs) ในประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15409 | สรุปภาพรวมสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการประจำเดือนเมษายน 2561 | พณ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปภาพรวมสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการประจำเดือนเมษายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการเดือนเมษายน ๒๕๖๑ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๐๗ (YoY) เป็นการเพิ่มอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๑๐ และเป็นอัตราที่สูงสุดในรอบ ๑๔ เดือน รวม ๔ เดือนแรกอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๐.๗๕ ซึ่งเป็นอัตราที่อยู่ในกรอบคาดการณ์เงินเฟ้อของกระทรวงพาณิชย์ร้อยละ ๐.๗-๑.๗ จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาพลังงาน การเพิ่มขึ้นของสินค้าเกษตรบางตัว และกำลังการบริโภคเฉลี่ยของประชาชนที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ในขณะที่ต้นทุนราคาสินค้าอุตสาหกรรมโดยรวมยังชะลอตัว ๒. แนวโน้มสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในระยะต่อไปจะมีอัตราที่สูงขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคบางส่วนเริ่มคาดการณ์สถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการว่าจะเพิ่มสูงขึ้นตามราคาพลังงาน ประกอบกับโครงการลงทุนของภาครัฐและเอกชนเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรม ส่งผลให้ความต้องการและราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในไตรมาสที่สองจะอยู่ในกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลางที่รัฐบาลกำหนด ร้อยละ ๒.๕?๑.๕ และคาดว่าทั้งปีจะอยู่ในกรอบเงินเฟ้อที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ที่ร้อยละ ๐.๗-๑.๗
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15410 | การเสนอข้อมูลการต่ออายุโครงการ GSP ของสหรัฐฯ | พณ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อมูลการต่ออายุโครงการสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalized System of Preference : GSP) ของสหรัฐฯ ซึ่งได้ประกาศต่ออายุโครงการ GSP แก่ประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนา อีก ๓ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๑-๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ รวมทั้งจำเป็นต้องทบทวนรายชื่อประเมินคุณสมบัติประเทศที่ได้รับสิทธิด้วย โดยได้ประกาศรายชื่อประเทศที่ต้องถูกทบทวนประเมินคุณสมบัติดังกล่าวแล้ว ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย และคาซัคสถาน เป็นต้น โดยไทยไม่อยู่ในรายชื่อดังกล่าว เนื่องจากไทยมีแผนปฏิบัติการด้านการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การคุ้มครองสิทธิแรงงาน และการปราบปรามและการบังคับใช้กฎหมาย และการพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดี สภาผู้ผลิตสุกรสหรัฐฯ (National Pork Producers Council : NPPC) ได้ยื่นคำร้องขอให้ United States Trade Representatives (USTR) พิจารณาตัดสิทธิ GSP แก่ไทย เนื่องจากไทยไม่เปิดตลาดสินค้าให้แก่สหรัฐฯ อย่างเป็นธรรมและสมเหตุผลจากการที่ไทยห้ามนำเข้าเนื้อสุกรจากสหรัฐฯ ที่มีสารเร่งเนื้อแดง ซึ่ง USTR จะนำประเด็นดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาข้อเท็จจริงก่อนที่จะประกาศรับคำร้องในช่วงพฤษภาคม ๒๕๖๑ ต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การติดตามการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านการคุ้มครองสิทธิแรงงานของไทย และการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างใกล้ชิด เพื่อประโยชน์ต่อการทบทวนประเมินคุณสมบัติประเทศที่ได้รับสิทธิ (Country Assessment) เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับสิทธิ GSP อย่างต่อเนื่อง และการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐฯ ในอนาคต อาทิ ขยายการค้าไปยังตลาดใหม่ ๆ และส่งเสริมผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนในประเทศที่ได้รับสิทธิดังกล่าว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15411 | การลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ในปี 2560 | กค | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๐ และเห็นชอบในหลักการและแนวทางการดำเนินการการลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๐ โดยผลการลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนฯ ปี ๒๕๖๐ ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนระหว่างวันที่ ๓ เมษายน ถึงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ มีผู้มาลงทะเบียนทั้งสิ้น ๑๔.๒ ล้านคน ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติทั้งสิ้น ๑๑.๔ ล้านคน (เป็นผู้สูงอายุ ๓.๖ ล้านคน และเป็นผู้พิการ ๓.๘ แสนคน) ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้มีสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยปัจจุบันมีผู้รับบัตรสวัสดิการฯ แล้ว ๑๑.๑ ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๖ ของผู้ที่ผ่านคุณสมบัติทั้งหมด และมีรายการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการฯ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ แล้ว ๒๗,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับแนวทางการดำเนินการการลงทะเบียนเพิ่มเติมฯ เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนฯ ปี ๒๕๖๐ สามารถลงทะเบียนเพิ่มเติมฯ ได้ โดยผ่านกลไกการดำเนินงานของโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ทั้งนี้ ผู้ที่ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนฯ ปี ๒๕๖๐ ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติและไม่มีสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่สามารถมาลงทะเบียนในการลงทะเบียนเพิ่มเติมฯ ได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรพิจารณาวิธีการลงทะเบียนและวิธีการตรวจสอบการลงทะเบียนที่เหมาะสม รวมถึงการอำนวยความสะดวกที่จะเอื้อต่อการเข้าร่วมโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ของกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว และเมื่อกระทรวงการคลังดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนเพิ่มเติม และได้จำนวนผู้ลงทะเบียนที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์แล้ว ให้ดำเนินการตามนัยมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในโอกาสแรก แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง รวมทั้งควรประเมินจำนวนผู้ที่จะลงทะเบียนเพิ่มเติมและงบประมาณที่ต้องใช้ในเบื้องต้น ตลอดจนควรมีการติดตามผลภาระต่องบประมาณที่เกิดขึ้นจริงและผลสัมฤทธิ์ของโครงการลงทะเบียนฯ ปี ๒๕๖๐ เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงโครงการลงทะเบียนฯ ปี ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15412 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2562-2564) และกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะ ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 (การปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี) | กค | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด โดยในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเสนอเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อคณะรัฐมนตรี ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องส่งเรื่องดังกล่าวให้กระทรวงการคลังและ/หรือสำนักงบประมาณก่อน เพื่อพิจารณาเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี แล้วให้ส่งเรื่องดังกล่าวพร้อมความเห็นของกระทรวงการคลังและ/หรือสำนักงบประมาณไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ คืนให้แก่ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15413 | ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | นร07 | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ผลการรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๒ การปรับเปลี่ยนงบประมาณตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณของหน่วยงาน และปรับเปลี่ยนหน่วยงานต้นสังกัดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว พร้อมเอกสารประกอบงบประมาณ ๒. ให้นำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว พร้อมเอกสารประกอบงบประมาณเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15414 | การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | นร07 | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๕๐ คน ตามสัดส่วนที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี จำนวน ๑๐ คน ให้ประกอบด้วย
๑. นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ๒. นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๓. นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ๔. นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ๕. นางสาวจิราภรณ์ ตันติวงศ์ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ๖. นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๗. นางสาวอมรวดี จักรไพวงศ์ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ๘. นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ๙. นายภูมิรักษ์ ชมแสง รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ๑๐. นายสมหมาย ลักขณานุรักษ์ ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15415 | ร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีด้านการท่องเที่ยวเอเปคประจำปี พ.ศ. 2561 | กก | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีด้านการท่องเที่ยวเอเปคประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปค ครั้งที่ ๑๐ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ ณ เมืองพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี โดยร่างแถลงการณ์ฯ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ระหว่างประเทศสมาชิกเอเปคในการพัฒนาความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการลงทุนด้านการท่องเที่ยว การสร้างงาน และมาตรฐานอาชีพและเครื่องมือการฝึกสอน ซึ่งจะมีการดำเนินการในหลายมิติ เช่น (๑) สนับสนุนผู้ประกอบการในการเข้าถึงการบริการทางการเงิน นวัตกรรม และการสร้างงาน (๒) ให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสตรีต่อการมีส่วนร่วมในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และ (๓) สร้างโอกาสในภาคการท่องเที่ยวโดยการเพิ่มขีดความสามารถในการอำนวยความสะดวกทางด้านการศึกษา การเข้าถึงทางการเงิน โครงสร้างพื้นฐาน และการจ้างงาน เป็นต้น ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทยนั้น หากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15416 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายดนัย เมนะโพธิ) | กต | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายดนัย เมนะโพธิ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15417 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต (จำนวน 5 คน 1. นางดาราพร ถิระวัฒน์ ฯลฯ) | กค | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ได้แก่ นางดาราพร ถิระวัฒน์ และนายอรรถพล อรรถวรเดช ๒. ด้านการเงินการธนาคาร ได้แก่ นางจรี วุฒิสันติ ๓. ด้านคอมพิวเตอร์ ได้แก่ นายอนุชิต อนุชิตานุกูล ๔. ผู้แทนผู้ประกอบการด้านธุรกิจภาคเอกชน ได้แก่ นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15418 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง | พม | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง โดยมีความคืบหน้าด้านการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ซึ่งมีเป้าหมายดำเนินการระยะแรกในคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ จำนวน ๕๐ ชุมชน ๗,๐๖๙ ครัวเรือน ณ เดือนเมษายน ๒๕๖๑ มีพื้นที่สามารถดำเนินการได้ ๒๙ ชุมชน ๒,๖๓๕ ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ ๓๗.๒๘ ของเป้าหมายดำเนินการทั้งหมด ประกอบด้วย บ้านที่สร้างแล้วเสร็จ จำนวน ๑,๑๙๐ ครัวเรือน จาก ๑๘ ชุมชน คิดเป็นร้อยละ ๑๖.๘๓ และบ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง จำนวน ๑,๒๓๑ ครัวเรือน จาก ๑๙ ชุมชน โดยมีพื้นที่พร้อมเริ่มก่อสร้าง จำนวน ๒๑๔ ครัวเรือน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15419 | รายงานการประชุมคองเกรสนานาชาติของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ ครั้งที่ 23 (23rd International Congress of the UIHJ) | ยธ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมคองเกรสนานาชาติของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๒๓ (23rd International Congress of the UIHJ) ที่กระทรวงยุติธรรมและกรมบังคับคดีได้ร่วมจัดการประชุมขึ้นในหัวข้อเรื่อง “หลักประกันความยุติธรรมที่มั่นคงและยั่งยืน : เจ้าพนักงานบังคับคดี องค์ประกอบสำคัญของหลักธรรมาภิบาล (Guaranteeing a Secure and Sustainable Justice : the Judicial Officer, an Essential Element of Good Governance)” เมื่อวันที่ ๑-๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) เป็นประธานการประชุม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ให้กรมบังคับคดีเป็นสมาชิกถาวร (Full Member) ของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ ซึ่งการเป็นสมาชิกแบบสมาชิกถาวรดังกล่าวจะมีส่วนให้กรมบังคับคดีมีสิทธิเต็มรูปแบบในการแลกเปลี่ยนและแสดงความคิดเห็นและประสบการณ์ และลงคะแนนเสียงในประเด็นต่าง ๆ ในการบริหารจัดการสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาวิชาชีพของเจ้าพนักงานบังคับคดีและมาตรฐานการบังคับคดีแพ่งให้มีประสิทธิภาพและรองรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี และสามารถนำเสนอพัฒนาการการบังคับคดีของไทยที่มีความทันสมัยและมีความสอดคล้องกับมาตรฐานสากลให้กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก อันจะเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ๒. ที่ประชุมพิจารณาเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ซึ่งจะมีวาระ ๓ ปี (๒๐๑๘-๒๐๒๑) โดยสมาชิกแบบถาวรของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศได้ลงคะแนนเลือกนายมาร์ค สมิช เจ้าพนักงานบังคับคดีประเทศเบลเยียม เป็นประธานกรรมการสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ และเลือกนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี ร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกด้วย ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีบทบาทในการเสนอความคิดเห็นและเข้าร่วมบริหารงานของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15420 | ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี (คำสั่ง นร ที่ 122/2561) | นร04 | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๒๒/๒๕๖๑ เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ โดยปรับปรุงการมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในส่วนของรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) โดยยกเลิกความในข้อ ๒.๒ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๒๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“๒.๒ มอบหมายให้กำกับดูแลองค์การมหาชนและหน่วยงานของรัฐ ดังนี้ ๒.๒.๑ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ๒.๒.๒ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ๒.๒.๓ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ๒.๒.๔ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)”
|
.....