ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 770 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 15381 - 15400 จากข้อมูลทั้งหมด 124270 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15381 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (นางอมรา กลับประทุม) | กค | 05/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอมรา กลับประทุม เป็นกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทน นายสันติ กีระนันทน์ ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15382 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ (จำนวน 6 คน 1. นายประทีป เจริญพร ฯลฯ) | ทส | 05/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ จำนวน ๖ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายประทีป เจริญพร ด้านการบริหารจัดการที่ดิน ๒. นายอิทธิพล ศรีเสาวลักษณ์ ด้านกฎหมายและนโยบายเกี่ยวกับที่ดิน ๓. นายมานัส ฉั่วสวัสดิ์ ด้านการจัดการที่ดินของรัฐ ๔. นายมณฑล สุดประเสริฐ ด้านการผังเมือง ๕. นายประยุทธ หล่อสุวรรณศิริ ด้านการจัดการที่ดินป่าไม้ ๖. นายสิริวิชญ กลิ่นภักดี ด้านการจัดรูปที่ดินและจัดระบบน้ำเพื่อเกษตรกรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15383 | การแต่งตั้งกรรมการสภาสถาปนิก (จำนวน 5 คน 1. นายทวีเกียรติ ศรีสกุลเมฆี ฯลฯ) | มท | 05/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสภาสถาปนิก จำนวน ๕ คน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายทวีเกียรติ ศรีสกุลเมฆี ๒. นางดวงขวัญ จารุดุล ๓. นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ๔. นายสมชาย วัฒนะวีระชัย ๕. นายธนภัทร เลาหจรัสแสง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15384 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านชีววิทยาศาสตร์ (นายบุญชัย สมบูรณ์สุข) | วท | 05/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายบุญชัย สมบูรณ์สุข เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารในคณะกรรมการบริหารศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15385 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายณรงค์ แผ้วพลสง) | ศธ | 05/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายณรงค์ แผ้วพลสง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการภาค ๑๕ (เชียงใหม่) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15386 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง (จำนวน 13 ราย 1. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ฯลฯ) | มท | 05/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง รวม ๑๓ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ ๒. พลอากาศเอก ชาญฤทธิ์ พลิกานนท์ กรรมการอื่น ๓. พลตรี ปรัชญา เฉลิมวัฒน์ กรรมการอื่น ๔. นางมยุรศิริ พงษ์ธรานนท์ กรรมการอื่น ๕. นายนิวัติ ลมุนพันธ์ กรรมการอื่น ๖. ศาสตราจารย์สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ กรรมการอื่น ๗. นายเดชบุญ มาประเสริฐ กรรมการอื่น ๘. นายสราวุธ เบญจกุล กรรมการอื่น ๙. นายมนัส แจ่มเวหา กรรมการอื่น ๑๐. ศาสตราจารย์บุญเสริม กิจศิริกุล กรรมการอื่น ๑๑. นายมนตรี บุญพาณิชย์ กรรมการอื่น ๑๒. นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ กรรมการอื่น ๑๓. นายสุวิชญ โรจนวานิช กรรมการอื่น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15387 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (จำนวน 6 คน 1. ศาสตราจารย์ สุรศักดิ์ ลิขสิทธิ์วัฒนกุล ฯลฯ) | ยธ | 05/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย รวม ๖ คน (แทนผู้ที่ดำรงตำแหน่งครบวาระ) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ศาสตราจารย์สุรศักดิ์ ลิขสิทธิ์วัฒนกุล ประธานกรรมการ ๑.๒ นายรอยล จิตรดอน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๓ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๔ นายภัคพล งามลักษณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๕ ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๖ นายสุรงค์ บูลกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยในครั้งต่อไปให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ตามนัยของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย ทั้งนี้ การสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิครั้งต่อไปให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาทบทวนระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การสรรหาประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การมหาชน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกรณีการเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย ไม่ได้ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย รวมทั้งกระทรวงยุติธรรมยังไม่ได้มีการแก้ไขระเบียบให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เรื่อง ผลการดำเนินการตามมาตรา ๕/๘ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ของสำนักงาน ก.พ.ร. ในขณะที่องค์การมหาชนอื่น ๆ เช่น ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) ได้มีการแก้ไขระเบียบและนำเสนอคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวแล้ว ดังนั้น สำนักงาน ก.พ.ร. จึงควรกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจนเพื่อให้การสรรหาและแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การมหาชนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15388 | กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 4/2561 | นร04 | 05/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกำหนดการนายกรัฐมนตรีในการเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดพิจิตร และจังหวัดนครสวรรค์ และประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ ณ จังหวัดนครสวรรค์ ระหว่างวันจันทร์ที่ ๑๑-วันอังคารที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15389 | ขออนุมัติใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการจ่ายเงินงบอุดหนุนเฉพาะกิจโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด | พม | 05/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๑ ในวงเงิน ๑,๔๓๗,๙๔๗,๘๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดสำหรับผู้มีสิทธิที่จะได้รับเงินต่อเนื่อง ๖ เดือน (เมษายน-กันยายน ๒๕๖๑) ที่สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งงบประมาณไว้ ซึ่งได้รวมผู้มีสิทธิที่ลงทะเบียนไว้และรอรับสิทธิเมื่อมีกำหนดคลอดระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-กันยายน ๒๕๖๑ และผู้มีสิทธิที่ลงทะเบียน และพิสูจน์สิทธิผ่านในเดือนเมษายน ๒๕๖๑ เป็นเดือนแรกไว้ด้วยแล้ว โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องสอดคล้องรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดให้มีมาตรการเพื่อกำกับดูแลการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดให้เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ ตลอดจนกำหนดให้มีกลไกในการติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินอุดหนุนดังกล่าวที่ชัดเจน โปร่งใส เป็นรูปธรรม ตามวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างเคร่งครัด และจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15390 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 05/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านเศรษฐกิจ ดังนี้
๑. ตามที่ประธานสมาคมการค้า Air Business College พร้อมคณะนักธุรกิจจากสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน นั้น ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนกับสาธารณรัฐประชาชนจีนให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมให้นักลงทุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามาลงทุนในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (East Economic Corridor : EEC) ๒. ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๑ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการจัดทำความร่วมมือในด้านการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) กับสาธารณรัฐประชาชนจีนให้มากยิ่งขึ้น นั้น มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) กำกับติดตามให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้บรรลุผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว รวมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมในการจัดตั้งหน่วยงานรองรับการดำเนินการเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาดังกล่าวในรูปแบบองค์การมหาชนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15391 | การเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี | นร05 | 05/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า นายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะเดินทางไปสหภาพยุโรป ในระหว่างวันอังคารที่ ๑๙-วันอังคารที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๑ จึงให้เลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๑ ไปเป็นวันพุธที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15392 | การขอโอนสัมปทานปิโตรเลียม เลขที่ 3/2515/7 เลขที่ 5/2515/9 และเลขที่ 3/2549/71 (การขอโอนสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 3/2515/7 และเลขที่ 2/2515/9) | พน | 05/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. ให้บริษัท เชลล์ อินทีเกรทเต็ด แก๊ส ไทยแลนด์ พีทีอี ลิมิเต็ด โอนสิทธิประโยชน์ และพันธะ ซึ่งถืออยู่ทั้งหมดในอัตราร้อยละ ๒๒.๒๒๒๒ ตามสัปทานปิโตรเลียม เลขที่ ๓/๒๕๑๕/๗ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข ๑๖ และ ๑๗ และสัมปทานปิโตรเลียม เลขที่ ๕/๒๕๑๕/๙ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข ๑๕ ให้แก่บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ๒. ให้บริษัท ไทยเอนเนอร์จี จำกัด โอนสิทธิ ประโยชน์ และพันธะ ซึ่งถืออยู่ทั้งหมดในอัตราร้อยละ ๒๒.๒๒๒๒ ตามสัปทานปิโตรเลียม เลขที่ ๓/๒๕๔๙/๗๑ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G12/48 ให้แก่บริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15393 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการบริหารองค์การมหาชน และขอจัดกลุ่มองค์การมหาชน | นร | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๔๗ (เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนฯ หลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมฯ และการพัฒนาการดำเนินงาน และการประเมินผลองค์การมหาชน) วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง แนวทางการบริหารของคณะกรรมการองค์การมหาชน) และวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง การจัดกลุ่มองค์การมหาชนกรณีสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน)] เกี่ยวกับการบริหารองค์การมหาชน และขอจัดกลุ่มองค์การมหาชน ตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีสาระสำคัญครอบคลุมใน ๓ ประเด็นหลัก ได้แก่ (๑) การปรับหลักเกณฑ์การกำหนดกรอบวงเงินรวมสำหรับค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรสำหรับองค์การมหาชนใหม่ (๒) การจัดกลุ่มใหม่สำหรับสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ และสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) และ (๓) กำหนดให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เป็นองค์การมหาชนกลุ่มที่ ๑ พัฒนาและดำเนินการตามนโยบายสำคัญเฉพาะด้าน ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. จัดให้มีกลไกในการทบทวนความเหมาะสมของสัดส่วนค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรขององค์การมหาชนแต่ละแห่งอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงภารกิจ รายได้ และเงินทุนสะสมของแต่ละองค์การมหาชน รวมทั้งยึดหลักการที่มิให้มีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเกินกว่าความจำเป็นและไม่เป็นภาระงบประมาณของประเทศ และให้นำเสนอคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนพิจารณาเป็นประจำทุกปี เพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลขององค์การมหาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การปรับกรอบวงเงินรวมค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเป็นไม่เกินร้อยละ ๔๐ ของแผนการใช้จ่ายเงินประจำปี การยกเว้นการกำหนดให้องค์การมหาชนที่มีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรต่อแผนการใช้จ่ายเงินประจำปีเกินกว่าที่กำหนดไว้ต้องส่งแผนการปรับปรุงค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเป็นเวลา ๓ ปี เสนอคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนพิจารณา การทบทวนหลักเกณฑ์และปรับปรุงการจัดกลุ่มองค์การทั้งหมดโดยรวมใหม่ตามสภาพการณ์เปลี่ยนแปลงของสถานการณ์และนโยบายปัจจุบัน การกำหนดนโยบายหรือหลักเกณฑ์ในการให้ผู้บริหารลำดับที่ ๑ และ ๒ ขององค์การมหาชนเข้าดำรงตำแหน่งและหมดวาระการดำรงตำแหน่งพร้อมกันเพื่อประโยชน์ในการบริหารองค์การต่อไป และการให้หน่วยงานจัดทำแผนอัตรากำลังและแผนการใช้จ่ายงบประมาณด้านบุคลากรให้สอดคล้องกับภารกิจและบทบาทของหน่วยงาน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) และกระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบพระชนมพรรษา เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนดตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ [เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (องค์การสวนสัตว์) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) เร่งศึกษาแนวทางการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (องค์การสวนสัตว์) รวมทั้งการแก้ไขกฎหมายขององค์การสวนสัตว์ให้สอดรับกับแนวทางการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ เรื่อง การทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชน) ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15394 | สรุปผลการประชุมระหว่างประเทศระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการขนส่งทางน้ำภายในประเทศ (International Ministerial Conference on Inland Water Transport) | คค | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมระหว่างประเทศระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการขนส่งทางน้ำภายในประเทศ (International Ministerial Conference on Inland Water Transport) ภายใต้คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งสหประชาชาติสำหรับภูมิภาคยุโรป (United Nations Economic Commission for Europe : UNECE) ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๑ เมษายน ๒๕๖๑ ณ เมือง Wroclaw สาธารณรัฐโปแลนด์ โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร) เป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุมฯ โดยวัตถุประสงค์ของการประชุมฯ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ และแนวทางปฏิบัติด้านคมนาคมขนส่งทางน้ำภายในประเทศของประเทศต่าง ๆ โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมบทบาทของการขนส่งทางน้ำภายในประเทศ การใช้ประโยชน์จากศักยภาพของการขนส่งทางน้ำอย่างเต็มที่ และคำนึงถึงความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมได้นำเสนอประเด็นยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการคมนาคมขนส่งของไทยในระยะ ๒๐ ปี ที่กำหนดเป้าหมายการพัฒนาด้านขนส่ง ๔ เรื่อง ได้แก่ ประสิทธิภาพ ความสะอาดและปลอดภัย ความเสมอภาคและเท่าเทียม และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งนำเสนอบทบาทด้านการคมนาคมขนส่งทางน้ำภายในประเทศของไทย เช่น การที่ไทยเข้าเป็นสมาชิกคณะกรรมการประสานการดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง (Joint Committee on Coordination of Commercial Navigation on the Lancang-Mekong River : JCCCN) เพื่อร่วมกันบริหารจัดการและพัฒนาแหล่งน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้ให้การรับรองปฏิญญาระดับรัฐมนตรีสำหรับการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการขนส่งทางน้ำภายในประเทศ (Ministerial Declaration of the International Conference on Inland Transport) มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมบทบาทของการขนส่งทางน้ำภายในประเทศ เพื่อส่งเสริมการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางน้ำภายในประเทศ รวมถึงกองเรือพาณิชย์และท่าเรือให้ทันสมัย และเพื่อส่งเสริมให้สาขาการขนส่งทางน้ำภายในประเทศมีขีดความสามารถในการแข่งขันและเป็นที่ต้องการของสาขาการขนส่ง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15395 | รายงานผลการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๕ เมษายน ๒๕๖๑ เพื่อศึกษาแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากประเทศต้นแบบและนำแนวคิดมาปรับใช้กับประเทศไทย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้นำคณะเข้าพบหารือกับผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และเอกชนเฉพาะทางที่เกี่ยวข้อง โดยมีประเด็นสำคัญโดยสรุปคือ ภาครัฐควรมีบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวก กำหนดนโยบาย สร้างเครือข่าย เชื่อมโยงพื้นที่สร้างสรรค์ของเอกชน และสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมให้เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยจัดจ้างงานจากแหล่งภายนอก (outsource) และสนับสนุนให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์มากขึ้น โดยปัจจัยความสำเร็จในการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์คือ การสร้างเวทีสาธารณะให้บุคคลจากต่างสาขาได้พบปะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แบ่งปันทักษะและประสบการณ์ (cross discipline) และผู้ประกอบการจะต้องได้รับการปลูกฝังแนวคิด (mindset) การทำธุรกิจแบบมืออาชีพ (entrepreneurship) เพื่อให้เข้าใจถึงการทำธุรกิจตามกลไกตลาด สะท้อนต้นทุน กำไรที่แท้จริง รู้จักคิด วิเคราะห์ วางแผน เพื่อขยายธุรกิจ และเตรียมพร้อมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทุกเมื่อ ๒. แนวทางการดำเนินการต่อไปของกระทรวงพาณิชย์ เช่น ร่วมมือกับองค์กรด้านการวิจัยนวัตกรรมทางนโยบาย (Nesta) ในการพัฒนาบุคลากรภาครัฐและยกระดับกระบวนการจัดทำนโยบาย เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจสร้างสรรค์สาขาต่าง ๆ มาเผยแพร่องค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ นักออกแบบ นักคิด และนักสร้างสรรค์ชาวไทย ศึกษาวิเคราะห์ถึงมาตรการและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อออกมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการและพื้นที่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15396 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมีนาคม 2561 | พณ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทย การส่งออกของไทยในเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ ๗.๑ (YoY) หรือคิดเป็นมูลค่า ๒๒,๓๖๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๑๓ เมื่อรวมไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๑ ขยายตัวร้อยละ ๑๑.๓ (YoY) ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ ๗ ปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น สินค้าอุตสาหกรรมของไทยมีการยกระดับเทคโนโลยีขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง และการส่งออกกระจายสู่ตลาดศักยภาพและตลาดใหม่อื่น ๆ ได้มากขึ้นตามแนวทางการสร้างหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และกระชับความสัมพันธ์เชิงรุก ด้านการนำเข้า คิดเป็นมูลค่า ๒๑,๐๙๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๙.๕ (YoY) โดยเป็นการนำเข้าสินค้าต่าง ๆ เช่น สินค้าเชื้อเพลิง สินค้าทุน และวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูปเพื่อใช้ในการผลิตในประเทศ ส่งผลให้การค้าเกินดุล ๑,๒๖๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้านการส่งออกรายสินค้าและรายตลาด โดยสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหดตัวครั้งแรกในรอบ ๑๖ เดือน ที่ร้อยละ ๓.๓ (YoY) สินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๑๓ ที่ร้อยละ ๗.๗ (YoY) และด้านการส่งออกรายตลาดยังคงขยายตัวได้ดีในทุกตลาดสำคัญ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และอาเซียน ขณะที่จีนกลับมาหดตัวจากปัจจัยระยะสั้น เนื่องจากฐานมูลค่าส่งออกปีก่อนอยู่ในระดับสูงและมาตรการควบคุมปริมาณส่งออกยางพาราทำให้ส่งออกน้อยลง ส่วนตลาดเอเชียใต้ แอฟริกา ตะวันออกกลางมีการขยายตัวในอัตราสูง ๒. แนวโน้มการส่งออกปี ๒๕๖๑ คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทิศทางราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นตามอุปสงค์โลก และความสามารถในการปรับตัวของผู้ส่งออกไทย โดยสินค้าสำคัญที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก แผงวงจรไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ข้าว ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15397 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 1 รายการ และกรมสุขภาพจิต 2 รายการ) (ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อสร้างอาคารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เป็นอาคาร คสล. 5 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 3,520 ตารางเมตร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสงคราม ตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม 1 หลัง) | สธ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการ จาก อาคารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เป็นอาคาร คสล. ๕ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๓,๕๒๐ ตารางเมตร (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสงคราม ตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ๑ หลัง เป็น รายการอาคารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เป็นอาคาร คสล. ๕ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๓,๕๒๐ ตารางเมตร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสงคราม ตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ๑ หลัง วงเงิน ๔๕.๓๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินการและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15398 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ. .... | รง | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ. ๒๕๔๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติมให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน โดยกำหนดให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเป็นเงินในอัตรา ๖๐๐ บาทต่อเดือน ต่อบุตร ๑ คน จำนวนคราวละไม่เกิน ๓ คน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการรองรับในเรื่องจำนวนเงินของกองทุนประกันสังคมที่จะลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของกองทุนประกันสังคมในระยะยาว รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการและกำหนดกลไกการตรวจสอบอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินสงเคราะห์บุตรเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราที่กำหนด และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15399 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสามง่าม จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... | มท | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15400 | รายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ประจำปี พ.ศ. 2559 | ยธ | 28/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ของสำนักงาน ป.ป.ส. ประกอบด้วย ผลการจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศ ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะในด้านกำลังพล การสับเปลี่ยนหมุนเวียน การใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. รวมทั้งด้านเครื่องมืออุปกรณ์ในการทำงาน โดยเป็นการรายงานผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๑๙ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. เห็นชอบให้นำความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ควรประสานกับหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อแต่งตั้งบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. และวางระบบการจัดการบุคลากรในการปฏิบัติหน้าที่ให้เพียงพอและมีความต่อเนื่อง รวมทั้งพัฒนาขีดความสามารถของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการใช้อำนาจตามกฎหมายและเทคนิคการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับยาเสพติด ควรบูรณาการการปฏิบัติงานและร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิผล ตลอดจนควรมีแผนปฏิบัติการตามข้อเสนอแนะดังกล่าวที่ชัดเจนและมีตัวชี้วัดผลงานที่เป็นรูปธรรมด้วย เป็นข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี และให้นำรายงานผลการปฏิบัติงานฯ พร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้สำนักงาน ป.ป.ส. รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....