ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 507 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 10121 - 10140 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10121 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและรายงานผลการดำเนินงานโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบผลการดำเนินงานและเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม
๒๕๖๑ (เรื่อง ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ยกเลิกมติข้อ ๑
เฉพาะในส่วนที่อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอเพิ่มเติมว่า “ขอให้โครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง
ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑/๒๕๖๐ (เรื่อง
การกำกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ)
เพื่อให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของโครงการฯ มีความโปร่งใสและเป็นธรรมตามหลักธรรมาภิบาล” ๑.๒ ให้ยกเลิกมติข้อ ๖ ที่กำหนดว่า
“ในส่วนของการประกวดราคาค่าจ้างก่อสร้างเพื่อดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย
(รฟท.) เสนอคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๑๑/๒๕๖๐ (เรื่อง การกำกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ)
เพื่อพิจารณาวิธีการประกวดราคาโครงการฯ ที่เหมาะสม ทั้งนี้
ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด” และเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
การดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส
และตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน พิจารณาถึงกรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรี ความคุ้มค่า
ต้นทุน และประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ นอกจากนี้
ควรให้ความสำคัญกับการกำกับและติดตามให้ รฟท.
เร่งดำเนินโครงการลงทุนที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบให้เป็นไปตามแผนดำเนินการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแล้ว
พร้อมทั้งเร่งดำเนินการปรับปรุงและจัดหารถจักรและล้อเลื่อนให้มีความพร้อมและสามารถรองรับปริมาณความต้องการเดินทางและขนส่งสินค้าทางรางที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคตภายหลังจากที่ได้ดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่
ระยะที่ ๑ และรถไฟสายใหม่ จำนวน ๒ เส้นทาง แล้วเสร็จ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ในการเสนอขออนุมัติโครงการต่อคณะรัฐมนตรีในครั้งต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแล รฟท. ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐
พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ที่กำหนดให้ในขั้นตอนการริเริ่มแผนงานหรือโครงการ
ให้ส่วนราชการพิจารณาความจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า จัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการนั้น
ๆ อย่างละเอียด รอบคอบ ให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติก่อนอย่างเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10122 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ครั้งที่ 2) (นางรวีวรรณ ภูริเดช) | ทส. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ
นางรวีวรรณ ภูริเดช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๒) ตั้งแต่วันที่
๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10123 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขับเคลื่อนการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน พ.ศ. .... | นร15 | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการขับเคลื่อนการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน
มีหน้าที่และอำนาจในการให้ความเห็น
และข้อเสนอแนะแก่สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดอง และหน่วยงานของรัฐ เกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุง
แก้ไข
หรือยกเลิกกฎหมายหรือกฎที่มีผลใช้บังคับอยู่หรือการเสนอกฎหมายหรือกฎที่ต้องจัดทำขึ้นใหม่
ตลอดจนกำหนดให้สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดองทำหน้าที่เป็นหน่วยงานธุรการให้แก่คณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน
ตามที่สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดองเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒.
ให้สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดองรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ขณะนี้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศทั้ง ๑๓ ด้าน อยู่ระหว่างการจัดทำปรับปรุงเพิ่มเติมแผนการปฏิรูปประเทศ
ซึ่งได้กำหนดให้มีการจัดลำดับความสำคัญของกฎหมายที่ต้องดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ
จึงเห็นควรให้คณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วนพิจารณาใช้ประกอบการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปฉบับปรับปรุงเพิ่มเติม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10124 | การมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีในกรณีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง | นร.04 | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๓๗/๒๕๖๓ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
และปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ในกรณีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง
ลงวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10125 | การมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค | นร.04 | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๔๑/๒๕๖๓ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ลงวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10126 | การแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน | นร.04 | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๔๒/๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ลงวันที่ ๑๓
สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10127 | การมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๓๘/๒๕๖๓ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๓
สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10128 | การมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่
๒๓๙/๒๕๖๓ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการต่าง
ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓ และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๔๐/๒๕๖๓ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ
และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมายและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๓
สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10129 | ขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการบรรเทาปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม ในพื้นที่ 76 จังหวัดทั่วประเทศ | นร.14 | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๑,๘๙๒.๘๗๑๑
ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการบรรเทาปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมในพื้นที่ ๗๖ จังหวัดทั่วประเทศ ของ ๕ หน่วยงาน ได้แก่ กรมชลประทาน
กระทรวงมหาดไทย กองทัพบก กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมเจ้าท่า โดยรายละเอียดของแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ ๑.๑ ให้หน่วยรับงบประมาณ ได้แก่ จังหวัด ๗๖ แห่ง
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมโยธาธิการและผังเมือง
ซึ่งมีฐานะเป็นหน่วยรับงบประมาณตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ
และเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการของกระทรวงมหาดไทย รวมถึงกรมชลประทาน
กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กองทัพบก และกรมเจ้าท่า เป็นผู้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามขั้นตอนของระเบียบและแนวทางที่เคยปฏิบัติต่อไป ๑.๒ ให้หน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างเคร่งครัด
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และเร่งรัดดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน
๒๕๖๓ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ
เพื่อทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
และเห็นควรให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขากองอำนวยการน้ำแห่งชาติ
ติดตาม ประเมินผลการดำเนินโครงการ รวมถึงสรุปผลสัมฤทธิ์ที่ได้รับจากการดำเนินโครงการ
และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไปด้วย
๒.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10130 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โครงการส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในชุมชน | สธ. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๓ โครงการส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านในการเฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในชุมชน วงเงินจำนวน ๓,๖๒๒,๓๑๙,๕๐๐
บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10131 | การจัดทำร่างข้อตกลงว่าด้วยการรับรองประกาศนียบัตรคนประจำเรือระหว่างประเทศไทยกับเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน กาตาร์ รัฐเซีย เยอรมนี ยูเครน อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ รวม 12 ประเทศ | คค. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการจัดทำร่างข้อตกลงว่าด้วยการรับรองประกาศนียบัตรคนประจำเรือระหว่างประเทศไทยกับเกาหลีใต้
ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน กาตาร์ รัสเซีย เยอรมนี ยูเครน อังกฤษ
ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ รวม ๑๒ ประเทศ ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงด้านการเดินเรือพาณิชย์ระหว่างประเทศหลังจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ทั่วโลกได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญ เช่น
หน่วยงานที่มีอำนาจต้องรับรองว่าการฝึกอบรมและการประเมินความรู้ความสามารถของคนประจำเรือ
และผู้ที่รับผิดชอบในการฝึกอบรมและการประเมินความรู้ความสามารถของคนประจำเรือ
ดำเนินการโดยผู้ที่มีคุณวุฒิที่เหมาะสม และเป็นไปตามบทบัญญัติของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐานการฝึกอบรม
การออกประกาศนียบัตร และการเข้าเวรยามของคนประจำเรือ ค.ศ. ๑๙๗๘ (International
Convention on Standards of Training, Certification and
Watchkeeping for Seafarers, 1978) ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคี เป็นต้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างข้อตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับคนประจำเรือที่มีคุณภาพและมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยทางทะเลขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ
(International Maritime Organization : IMO) มีอยู่จำกัด
กระทรวงคมนาคมควรหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงแรงงาน เป็นต้น รวมถึงภาคเอกชนในการเตรียมความพร้อมของบุคลากรในกิจการพาณิชยนาวี
โดยพิจารณาแนวโน้มความต้องการแรงงานในประเทศและต่างประเทศ
รวมถึงจัดทำฐานข้อมูลแรงงาน
มาตรการผลิตและพัฒนามาตรฐานฝีมือแรงงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลอย่างเป็นระบบ
เพื่อให้มีคนประจำเรือที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดการจ้างงานไทยและสามารถขยายตลาดการจ้างงานในต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10132 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างปฏิญญาร่วมแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยกับกระทรวงอาหารและเกษตรสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี | กษ. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงอาหารและเกษตรแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
ว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีด้านการเกษตร
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ลงนามในร่างปฏิญญาร่วมฯ
(ผู้ลงนามของทั้งสองฝ่ายลงนามในประเทศของตน โดยจัดส่งเอกสารต้นฉบับที่จะให้อีกฝ่ายลงนามผ่านทางไปรษณีย์)
โดยร่างปฏิญญาร่วมฯ
เป็นเอกสารที่กำหนดข้อตกลงในการให้ความร่วมมือระหว่างกันในกรอบกว้าง ๆ
เพื่อเพิ่มความรู้ ความชำนาญด้านเทคนิคและวิชาการ
ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะมีการดำเนินโครงการร่วมกันเป็นระยะเวลา ๓ ปี
เพื่อพัฒนาการเกษตรในพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่และพัฒนาเกษตรกรรายย่อยของไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งพัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตรของไทยให้มีกลไกการขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินงานในเดือนกันยายน ๒๕๖๓
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการทั้งสองฝ่ายจะรับผิดชอบร่วมกัน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
๒.
สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ในโอกาสแรก ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นอย่างเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10133 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 15/2563 | นร.11 | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๓
ที่ได้มีการพิจารณาแผนงานหรือโครงการภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
(แผนงานหรือโครงการที่ ๓) ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ
และพิจารณาแนวทางการจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอโครงการขององค์กรภาคประชาชน
ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
ทั้งนี้
กรณีแผนงานหรือโครงการที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้พิจารณาในครั้งนี้และในครั้งต่อ
ๆ ไป ที่สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
เห็นชอบให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหือจำเป็น
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ นอกจากนี้ ในส่วนของแนวทางการจัดสรรงบประมาณ
(เงินกู้) ให้กับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอโครงการองค์กรภาคประชาชน
รวมทั้งแนวทางการใช้จ่ายเงินกู้ให้มีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า
และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
ก็ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณด้วย ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10134 | การปรับปรุงกลไกการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ฮาลาล | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
เพื่อให้การดำเนินการรับรองผลิตภัณฑ์ฮาลาลเป็นไปอย่างถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งศาสนาอิสลามและมาตรฐานสากล
เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคชาวมุสลิมทั้งในและต่างประเทศ
รวมทั้งตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาลด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลเพื่อการส่งออก
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม
และกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับปรุงกลไกและกฎระเบียบเกี่ยวกับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ฮาลาลให้ชัดเจน
เหมาะสม และมีเอกภาพมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งให้พิจารณากำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องกรณีที่กระทำการไม่ถูกต้องตามหลักการฮาลาลด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10135 | รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ครั้งที่ 2 | นร.12 | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๒
และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ค.ต.ป.)
คณะต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๒ รวมทั้งเห็นชอบข้อเสนอแนะของ
ค.ต.ป. โดยให้รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรม และจังหวัด ที่มีประเด็นสมควรปรับปรุงแก้ไข
รับข้อเสนอแนะและพิจารณาดำเนินการ พร้อมทั้งรายงานผลความก้าวหน้าในการดำเนินการต่อ
ค.ต.ป. คณะต่าง ๆ ต่อไป ตามมติ ค.ต.ป. ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๓
ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ ค.ต.ป. เสนอ และให้สำนักงาน ก.พ.ร.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น (๑) ควรพิจารณาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันผลักดันและกำหนดตัวชี้วัดในลักษณะ
Joint KPIs หรือ Joint OKRs เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่มุ่งหวังของการขับเคลื่อนระบบวิจัยและนวัตกรรม
โดย ค.ต.ป. ควรมีการกำกับ ติดตาม
การดำเนินงานของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายอย่างต่อเนื่อง
เพื่อจะได้เห็นถึงความก้าวหน้าและความสำเร็จตามที่มุ่งหวัง (๒)
ควรมีการเชื่อมโยงการรายงานผลการประเมิน ข้อเสนอแนะของ ค.ต.ป.
กับการกำหนดตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน โดยเฉพาะตัวชี้วัดในลักษณะ Joint KPIs เพื่อให้เกิดการผลักดันการดำเนินงานเป็นไปอย่างบูรณาการและเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10136 | การกำหนดเบี้ยประชุมหรือประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษากรรมการสรรหา กรรมการประเมินผล และอนุกรรมการตามพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. 2558 | พปส. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมหรือประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ
กรรมการ ที่ปรึกษา กรรมการสรรหา กรรมการประเมินผล
และอนุกรรมการตามพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๘
โดยนำหลักเกณฑ์การจ่ายเงินค่าเบี้ยประชุมฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน
๒๕๔๗ และวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒ มาใช้เป็นแนวทางในการกำหนดเบี้ยประชุมดังกล่าว
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม)
ประธานกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เสนอ
และให้คณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.
เกี่ยวกับการกำหนดประโยชน์ตอบแทนอื่น (ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง)
ของกรรมการในคณะกรรมการกองทุนกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ซึ่งมิได้เป็นข้าราชการพลเรือน
เนื่องจากสิทธิในการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงแตกต่างกัน
จึงควรพิจารณากำหนดให้ชัดเจนว่า
จะพิจารณาให้กรรมการดังกล่าวเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางในอัตราที่ทางราชการกำหนด
สำหรับผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดีหรือปลัดกระทรวง นอกจากนี้
ขอให้คำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัดตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
๒. ให้สำนักงาน
ก.พ.ร. เร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง
การขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๔๗ เรื่อง
การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้อำนวยการองค์การมหาชน
และหลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ
ที่ปรึกษา และอนุกรรมการขององค์การมหาชน) ที่มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร.
เร่งดำเนินการรวบรวมหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับองค์การมหาชน
และแจ้งให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแลองค์การมหาชนและองค์การมหาชนทุกแห่งทราบ
เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10137 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนสมัยพิเศษและการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนบวกสาม สมัยพิเศษว่าด้วยโควิค - 19 | พณ. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนสมัยพิเศษและการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนบวกสาม
(จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) สมัยพิเศษว่าด้วยโควิด-๑๙ ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video
Conference) เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งที่ประชุมฯ
ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการลดผลกระทบทางเศรษฐกิจของโควิด-๑๙ โดยประเทศสมาชิกได้เน้นย้ำความสำคัญของการรักษาตลาดที่เปิดและไม่ใช้มาตรการจำกัดการค้าและการลงทุนโดยไม่จำเป็น
เพื่อเป็นการรักษาห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งยืนยันที่จะลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
(RCEP) ภายในปี ๒๕๖๓ และที่ประชุมฯ
ได้รับรองแผนปฏิบัติการฮานอยว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของอาเซียนให้เข้มแข็งในการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-๑๙
เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-๑๙
โดยกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในการเคลื่อนย้ายสินค้าที่จำเป็น
โดยเฉพาะสินค้าทางการแพทย์และอาหารซึ่งต้องมีการอำนวยความสะดวกทางการค้า
รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อบรรเทาผลกระทบของการระบาดใหญ่ของโควิด-๑๙ เป็นต้น
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฮานอยฯ
เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10138 | รายงานผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิภัย ครัวเรือนละ 5,000 บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 วันที่ 7 ตุลาคม 2562 วันที่ 3 ธันวาคม 2562 และวันที่ 31 มีนาคม 2563 | มท. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติ
ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๒ วันที่ ๗
ตุลาคม ๒๕๖๒ วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ และวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓
ที่อนุมัติหลักการงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๒,๐๙๒,๔๐๐,๐๐๐ บาท
เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย
หรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐
บาท โดยมีกำหนดสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการช่วยหลือเยียวยาฯ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน
๒๕๖๓ ซึ่งกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
ได้ส่งข้อมูลครัวเรือนให้ธนาคารออมสินดำเนินการโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์เข้าบัญชีผู้ประสบอุทกภัย
๓๐ จังหวัด จำนวน ๖๘,๙๐๙ ครัวเรือน เป็นเงิน ๓๔๔,๕๔๕,๐๐๐ บาท
และการจ่ายเงินช่วยเหลือดังกล่าวได้เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓
คงเหลืองบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินงาน ณ วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓ จำนวน
๑,๗๔๗,๘๕๕,๐๐๐ บาท ซึ่งได้ส่งคืนสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปแล้ว
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10139 | ผลการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน - จีน สมัยพิเศษ ว่าด้วยโควิด - 19 | คค. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน-จีน
สมัยพิเศษ ว่าด้วยโควิด-๑๙ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ด้วยระบบการประชุมทางไกล
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเข้าร่วมการประชุมฯ ซึ่งสาระสำคัญของประชุมฯ
ได้มีการกล่าวถ้อยแถลงของรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน-จีน และเลขาธิการอาเซียนเกี่ยวกับมาตรการด้านการขนส่งเพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) เช่น มาตรการผ่อนคลาย
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และข้อเสนอแนะต่าง ๆ ทั้งนี้ เลขาธิการอาเซียนได้กล่าวย้ำถึงผลลัพธ์การประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๓๖ และการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสามว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙
ในการร่วมมือกันเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นและแสวงหาความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาเพื่อบรรเทา
ควบคุม และตอบสนองต่อผลกระทบของโควิด-๑๙
โดยเฉพาะในภาคการขนส่งที่เป็นแนวหน้าของการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว
และแสดงบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคต่อไป นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ
ได้มีการรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน-จีน
ว่าด้วยการเสริมสร้างการขนส่งและโลจิสติกส์ที่ราบรื่นเพื่อต่อสู้กับโควิด-๑๙
และการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10140 | แผนผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ | ทส. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ แผนผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์บริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นใน
บริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก บริเวณฝั่งธนบุรีตรงข้ามกรุงรัตนโกสินทร์
ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ใกล้เคียงบริเวณฝั่งธนบุรี และบริเวณที่ ๔
บริเวณพื้นที่ต่อเนื่องกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก
เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ๑.๒ การขยายพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ จากเดิม
๓ บริเวณ (กรุงรัตนโกสินทร์ชั้นใน กรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก
และบริเวณฝั่งธนบุรีตรงข้ามกรุงรัตนโกสินทร์) เป็น ๔ บริเวณ
โดยเพิ่มพื้นที่ส่วนขยาย บริเวณที่ ๔ พื้นที่ต่อเนื่องบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก
ตั้งแต่แนวกึ่งกลางคลองรอบกรุง (คลองบางลำพูและคลองโอ่งอ่าง) แนวกึ่งกลางแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศเหนือและทิศใต้
และแนวคลองผดุงกรุงเกษมฝั่งตะวันออก เพื่อจะได้ปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๕๖ ต่อไป ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
สำนักงบประมาณ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และธนาคารแห่งประเทศไทย
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น (๑)
ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในทุกมิติและจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย
รวมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
(๒) ไม่ควรพัฒนาระบบการสัญจรริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์และการรักษาความปลอดภัยของแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม
สถานที่สำคัญ และหน่วยงานราชการที่ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระ และ (๓) แผนผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ได้กำหนดให้รื้อถอนอาคารของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและส่วนราชการบางแห่ง
และก่อสร้างอาคารใหม่ในพื้นที่ที่เหมาะสมนั้น
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรพิจารณาจัดหาพื้นที่จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาใหม่ทดแทนตำแหน่งเดิมที่ต้องรื้อถอน
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |