ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 509 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 10161 - 10180 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10161 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์) | นร.01 | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตรา ๒๑,๐๐๐ บาท
ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) เสนอ ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ สิงหาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10162 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายมงคลชัย สมอุดร) | นร.01 | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมงคลชัย สมอุดร
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี
(สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10163 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางเบญจวรรณ เพชรสุขศิริ) | สธ. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางเบญจวรรณ เพชรสุขศิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์
(เทคโนโลยีชีวภาพ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๓
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10164 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ 12 | นร10 | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10165 | ขออนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ประจำปีการศึกษา 2563 - 2564 จากคณะรัฐมนตรี | กห | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10166 | แผนปฏิบัติการภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2561 - 2565 ฉบับทบทวน แผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และคำของบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร11 | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10167 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลชุมแพ อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... | มท | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10168 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2563) | นร04 | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10169 | การส่งเสริมการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม | นร. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
เพื่อเป็นการส่งเสริมการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมและเปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่าง ๆ
ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการในด้านต่าง ๆ ของรัฐบาล
รวมทั้งสร้างความเข้าใจและการรับรู้ที่ถูกต้องให้แก่ทุกภาคส่วนและประชาชนทั่วไป
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) และสำนักงาน ก.พ.ร.
บูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อจัดให้มีเวทีสร้างการรับรู้และรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวข้างต้น
โดยให้พิจารณากำหนดประเด็นในการดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๖ ด้าน และให้กำหนดหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในแต่ละประเด็นให้ชัดเจนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10170 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | ทส. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน
๔๓๕,๒๘๙,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและลดผลกระทบจากสัตว์ป่า
รวมถึงการแก้ไขปัญหาการดูแลสัตว์ป่าของกลางตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ จำนวน ๓ โครงการ
ได้แก่ โครงการแก้ไขปัญหาช้างป่าออกหากินนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์แบบบูรณาการ
โครงการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบของลิงในชุมชน
และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการรับสัตว์ป่าของกลางและสัตว์ป่ากรณีแก้ไขปัญหาตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ในกรงเลี้ยง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10171 | รายละเอียดงบการเงินของสำนักงาน กสทช. ประจำปี 2562 ที่เปลี่ยนแปลงไปจากรายงานผลการปฏิบัติงาน กสทช. ประจำปี 2562 | กสทช. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๒ โดยในส่วนงบการเงิน ปี
๒๕๖๒ ที่ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ซี่งบัดนี้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
และได้แจ้งข้อมูลงบการเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10172 | การนำเสนอรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (ฉบับที่ 2) | ยธ. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติ
หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (ฉบับที่ ๒)
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดส่งรายงานผลการดำเนินงานฯ
ต่อคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทรมานต่อไป
โดยรายงานผลการดำเนินงานของไทยฯ (ฉบับที่ ๒) กระทรวงยุติธรรม
โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้จัดทำด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมในช่วงระหว่างปี
๒๕๖๐-๒๕๖๒
โดยได้ดำเนินการลงพื้นที่เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานตามอนุสัญญาฯ
ทั้งในส่วนของพัฒนาการ ปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะ และข้อท้าทายต่าง ๆ
ตลอดจนประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับแก้ไขเป็นร่างฉบับสมบูรณ์
ซึ่งครอบคลุมพัฒนาการการดำเนินงานตามอนุสัญญาฯ ทั้งในเชิงนโยบาย กฎหมาย
และการปฏิบัติตามประเด็นที่คณะกรรมการสหประชาชาติกำหนด พร้อมทั้งได้ส่งให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบความถูกต้องแล้ว
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เกี่ยวกับการพิจารณาปรับเนื้อหาบางส่วนในรายงานผลการดำเนินงานของไทยฯ
(ฉบับที่ ๒) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรายงานผลการดำเนินงานฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันสอบทานข้อมูลและตัวเลขเชิงสถิติต่าง
ๆ ในรายงานผลการดำเนินงานฯ
ให้สอดคล้องและถูกต้องตรงกันก่อนดำเนินการเผยแพร่รายงานผลการดำเนินงานฯ
และส่งให้คณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทรมานต่อไป
๓.
ให้กระทรวงยุติธรรมบูรณาการการดำเนินการร่วมกับคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการต่อต้านการทรมานฯ
ของไทยเกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน
รวมถึงการสร้างการรับรู้และจิตสำนึกแก่เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนเพื่อให้ตระหนักว่าการทรมาน
การลงโทษที่โหดร้าย
และการบังคับให้หายสาบสูญเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและฝ่าฝืนต่อหลักสิทธิมนุษยชน
รวมทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อกระบวนการติดตามและตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของไทยด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10173 | โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ในการดำเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค (Regional Innovation Center : RIC) ในประเทศไทย | นร.11 | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยในฐานะผู้ประสานงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค
(Regional Innovation Center : RIC) ประเทศไทย
โดยมีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติในการดำเนินงานศูนย์
RIC ประเทศไทย และเห็นชอบร่างเอกสารโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติในการดำเนินงานศูนย์
RIC ในประเทศไทย
รวมทั้งอนุมัติให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างเอกสารโครงการฯ
ของฝ่ายไทย พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
สำหรับงบประมาณสนับสนุนโครงการฯ ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๔๒.๖๒๕ ล้านบาท และได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๓๐.๕๐๐ ล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
เห็นควรพิจารณาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
รวมทั้งให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น การเปิดโอกาสการมีส่วนร่วมของประชาชนในการออกแบบและพัฒนานวัตกรรมเชิงนโยบาย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารโครงการฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการดำเนินงานของศูนย์
RIC ประเทศไทย
เพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินงานให้ชัดเจน
และให้รายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นระยะ ๆ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10174 | การเร่งรัดการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) | นร 05 | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง
การสนับสนุนการใช้สินค้าและบริการของวิสาหกิจชุมชน ชุมชน และท้องถิ่น)
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการจัดซื้อจัดจ้างการผลิตสินค้าและบริการในเรื่องต่าง
ๆ จากวิสาหกิจชุมชน ชุมชน และท้องถิ่น
โดยให้แต่ละหน่วยงานพิจารณาจัดซื้อจัดจ้างในอัตราส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐
ของมูลค่าความต้องการใช้ทั้งหมดของหน่วยงาน นั้น
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ SMEs
ให้ถูกต้องครบถ้วนโดยเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อ SMEs ในการขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินกิจการ
รวมทั้งการจำหน่ายสินค้าและบริการของ SMEs ในแต่ละกลุ่มธุรกิจ/แต่ละพื้นที่ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10175 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต และหนังสือรับรองการแจ้งตามกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต หนังสือรับรองการแจ้ง และการให้บริการในการจัดการสิ่งปฎิกูลหรือมูลฝอย พ.ศ. 2559 พ.ศ. .... | สธ. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตและหนังสือรับรองการแจ้งตามกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต
หนังสือรับรองการแจ้ง และการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๕๙
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการดำเนินกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพที่มีข้อกำหนดของท้องถิ่นให้เป็นกิจการควบคุมการจัดตั้งตลาด
การจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารหรือสะสมอาหาร การจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ
และค่าธรรมเนียมการออกหนังสือรับรองการแจ้งเกี่ยวกับการจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารหรือสะสมอาหารที่ราชการส่วนท้องถิ่นสามารถเรียกเก็บได้ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต
หนังสือรับรองการแจ้ง และการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยมีกำหนดระยะเวลาใช้บังคับหนึ่งปีนับแต่วันที่ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีผลใช้บังคับ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการยกเว้นค่าธรรมเนียมตามร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อรายได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดเก็บ
จึงเห็นควรที่กระทรวงสาธารณสุขจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วนสำหรับใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการคลังของประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10176 | การกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้
COVID-19 Active Response and Expenditure Support Program ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) โดยอนุมัติให้ใช้อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทตามเงื่อนไขที่กำหนดใน Asian
Development Bank Ordinary Operations Loan Regulations ลงวันที่ ๑
มกราคม ๒๕๖๐ ของ ADB และอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจาก
ADB วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เพื่อนำไปใช้จ่ายในแผนงาน/โครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
รวมทั้งอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในสัญญาเงินกู้ฯ
ในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดเตรียมทำคำรับรองทางกฎหมาย
(Legal Opinion) สำหรับสัญญาเงินกู้ฯ ของ ADB ในโอกาสแรก ภายหลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้ดังกล่าวแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายสันติ พร้อมพัฒน์) เสนอเพิ่มเติมว่า ขออนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างสัญญาเงินกู้ฯ
ด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประมาณการความต้องการใช้วงเงินอย่างรอบคอบ
เพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถวางแผนและบริหารจัดการการกู้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และให้กระทรวงการคลังมีการบริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้ต่างประเทศ
ทั้งด้านอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยด้วยความระมัดระวัง
เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างสัญญาเงินกู้ฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10177 | ผลการดำเนินโครงการตามภารกิจของ บจธ. สิ้นสุด ณ วันที่ 7 มิถุนายน 2563 | บจธ. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการดำเนินโครงการตามภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
(องค์การมหาชน) (บจธ.) สิ้นสุด ณ วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งประกอบด้วย
โครงการต้นแบบการบริหารจัดการที่ดินแบบครบวงจร โครงการแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิในที่ดินของเกษตรกรและผู้ยากจน
โครงการนำร่องธนาคารที่ดิน ในพื้นที่นำร่อง ๕ ชุมชน
และโครงการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาด้านที่ดิน วงเงินงบประมาณ ๔๐๐.๔๒๗ ล้านบาท โดย
บจธ.
ได้ดำเนินโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของโครงการเรียบร้อยแล้ว
และมีงบประมาณคงเหลือ ๗๗.๔๒๙ ล้านบาท ซึ่ง บจธ. จะนำเงินคงเหลือส่วนนี้
และเงินสมทบของ บจธ. จำนวน ๕.๐๗๑ ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๘๔.๕๐๐ ล้านบาท
ไปใช้ดำเนินโครงการต้นแบบการบริหารจัดการที่ดินแบบครบวงจรเพิ่มเติมใน ๔ พื้นที่
ในท้องที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และตาก ให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๓ ตามที่ บจธ. เสนอ และให้ บจธ.
รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน เช่น (๑) บจธ.
ควรถอดบทเรียนที่ได้รับจากการปฏิบัติงานในโครงการนำร่องธนาคารที่ดิน
ในพื้นที่นำร่อง ๕ ชุมชน เพื่อเป็นแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินการของ บจธ.
ในระยะต่อไป (๒) บจธ. ควรสรุปปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดในการดำเนินโครงการ
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งธนาคารที่ดิน และ (๓)
งบประมาณคงเหลือที่จะนำมาดำเนินการจะมีผลให้เกิดภาระงบประมาณอย่างต่อเนื่อง
จึงควรดำเนินการประเมินผลการดำเนินงานของ บจธ. รอบ ๑ ปี โดยคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน
ตามนัยมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
(องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเร่งดำเนินการประเมินผลการดำเนินงานของ
บจธ. ว่า เกิดผลสัมฤทธิ์หรือมีความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับภาระงบประมาณ
และสมควรยุบเลิกหรือไม่ ตามนัยมาตรา ๕
แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่
๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งต้องดำเนินการภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ๓.
มอบหมายให้กระทรวงการคลังและผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการเสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งธนาคารที่ดินหรือองค์การอื่นที่มีวัตถุประสงค์ในลักษณะทำนองเดียวกับธนาคารที่ดินต่อคณะรัฐมนตรี
ตามนัยมาตรา ๖ แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
(องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
ซึ่งต้องดำเนินการภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ๔. ให้ บจธ.
บูรณาการการดำเนินงานตามแผนงานการพัฒนาที่ดินและส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นรูปธรรม
รวมถึงร่วมกันพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบ ข้อกำหนด
และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการของเกษตรกรหรือผู้ยากจนที่ถือครองที่ดินของ บจธ.
(ทั้งลักษณะเช่าที่ดินและการจำนองที่ดิน) ให้สามารถเข้าร่วมโครงการของหน่วยงานต่าง
ๆ ได้ เพื่อให้เกษตรกรหรือผู้ยากจนกลุ่มนี้ได้รับโอกาสในการพัฒนาอาชีพและสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือจากภาครัฐในระยะต่อ
ๆ ไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10178 | แนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | รง. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว
๓ สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา)
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามมาตรา
๖๔ แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 และร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามมาตรา
๖๔ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวม ๒ ฉบับ
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔.
ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10179 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 13/2563 | นร.11 | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอโครงการของจังหวัดที่มีหน่วยรับผิดชอบอยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และโครงการของส่วนราชการสังกัดกระทรวงคมนาคมและกระทรวงพลังงานเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ทั้งนี้
ในส่วนของโครงการภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนของจังหวัด รวมทั้งสิ้น
๕๗ จังหวัด ๑๕๗ โครงการ กรอบวงเงิน ๘๘๔,๖๒๕,๐๖๘ บาท ให้จังหวัดใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
โดยให้ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับโครงการก่อสร้างกำแพงคอนกรีตหุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติและโครงการติดตั้งหลักนำทางยางธรรมชาติเพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน
วงเงินรวม ๔๐,๑๗๙.๔๖ ล้านบาท
โดยหากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
ก็เห็นสมควรที่กระทรวงคมนาคมจะดำเนินการในพื้นที่เกาะกลางที่มีความเสี่ยงหรือมีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
ในลักษณะโครงการนำร่อง โดยการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๓ จากรายการที่ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว และ/หรือมีเงินเหลือจ่ายจากการจัดซื้อจัดจ้าง
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ มาดำเนินโครงการดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า หน่วยงานเจ้าของโครงการควรเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความชัดเจนของโครงการ/รายการ
ระยะเวลาดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ อัตรา และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น ๆ ของภาครัฐ
มีความโปร่งใสที่แสดงถึงความรับผิดชอบของหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง
สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10180 | ร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตให้ผู้ป่วยหรือผู้ประกอบกิจการด้านเกษตรกรรมในการผลิต
นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภทที่ ๕
เพื่อแก้ไขปัญหาการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของประชาชนที่ต้องการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค
และปัญหาการพัฒนาองค์ความรู้และต่อยอดกัญชาทางการแพทย์ รวมทั้งกำหนดเกี่ยวกับกระบวนการเก็บรักษาและทำลายยาเสพติดให้โทษของกลาง
เพื่อแก้ไขปัญหาการเก็บรักษายาเสพติดให้โทษของกลางไว้เป็นเวลานาน
ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณและสถานที่ในการเก็บรักษา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น มาตรา ๔ ให้เพิ่มข้อความต่อไปนี้เป็น (๔) ของมาตรา
๒๖/๒ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
(ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ “(๔)
ในกรณีที่เป็นการผลิตของผู้ป่วยที่ได้รับการรับรองจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย หรือผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์
หรือหมอพื้นบ้านตามกฎหมาย ว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ตามมาตรา ๒๖/๕ (๗)
ให้กระทำได้ไม่เกินปริมาณที่จำเป็นสำหรับใช้รักษาโรคเฉพาะตัว
เมื่อได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาต” ทั้งนี้ เพราะนิยามคำว่า “ผลิต หมายถึง เพาะ
ปลูก...ซึ่งมีความหมายอย่างกว้าง การเพาะ ปลูก เพียง ๑
ต้นย่อมถือว่าเป็นการผลิตแล้ว จึงควรกำหนดขอบเขตไว้” และมาตรา ๕ (๘)
“ผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตด้านเกษตรกรรมรวมถึงเกษตรกร...”
ควรพิจารณาการให้คำนิยาม “ผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตด้านเกษตรกรรม” และ
“เกษตรกร” เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมายต่อไป เป็นต้น
ไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และขั้นตอนการขออนุญาตปลูกกัญชาให้ชัดเจน
และควรมีมาตรการควบคุมการอนุญาตนำเข้ายาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา
เพื่อป้องกันมิให้นำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง
และมิให้เอื้อประโยชน์แก่บุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น กรณีที่ผู้ประกอบวิชาชีพจะให้คำรับรองให้ผู้ป่วยปลูกกัญชาได้
ควรมีมาตรการควบคุมที่ชัดเจนและรัดกุม และควรให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลและป้องกันไม่ให้มีการนำกัญชาไปใช้ประโยชน์อื่นนอกเหนือจากทางการแพทย์เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ |