ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 502 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 10021 - 10040 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10021 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 11/2563 | นร.04 | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) การรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒)
ความคืบหน้าการพัฒนาและผลิตวัคซีนโรคโควิด-19 (๓)
การพิจารณาความเหมาะสมในการขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(๔) การพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้กฎหมายภายหลังการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วท้องที่ราชอาณาจักร
(๕) ความคืบหน้าการจัดทำข้อตกลงพิเศษ (Special Arrangement) (๖)
การเร่งเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและลดความเหลื่อมล้ำด้วยการขยายการให้บริการอินเทอร์เน็ตอย่างทั่วถึงและส่งเสริมการใช้ประโยชน์
และ (๗) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10022 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียนว่าด้วยการลดผลกระทบเชิงลบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) | นร.02 | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียน่วาด้วยการลดผลกระทบเชิงลบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (Draft) Joint Statement of the ASEAN Ministers Responsible for
Information to Minimise the Negative Effects of Coronavirus Disease 2019
(COVID-19) และอนุมัติให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ในฐานะรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียนของ ไทย รับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
แบบเวียน (Ad-referendum) โดยกรมประชาสัมพันธ์จะประสานสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อแจ้งยืนยันการรับรอง ของไทย
โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ เป็นเอกสารที่แสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลภารกิจด้านสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์จาก ๑๐
ประเทศสมาชิกอาเซียน โดยสาระสำคัญคือ การส่งเสริม บทบาท สนับสนุน และยกระดับการดำเนินงานร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน
ในการ พัฒนาการสื่อสารประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤติจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ให้มีประสิทธิภาพ ประชาชนได้รับ ข้อมูลอย่างถูกต้อง
ทันต่อสถานการณ์ และพัฒนาความร่วมมือในการจัดการกับข่าวลวงและข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระ สำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอ คณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10023 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 1/2563 | นร.11 | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๓
โดยที่ประชุมรับทราบเรื่องสำคัญ ได้แก่
การจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) สถานการณ์เศรษฐกิจและผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด 19
ความคืบหน้าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และมาตรการดูแลสภาพคล่องของ SMEs
เพิ่มเติม รวมทั้งมีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินการตามมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
กรอบข้อเสนอมาตรการเศรษฐกิจระยะเร่งด่วนเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ จำนวน ๓ ชุด
และการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนในศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10024 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1 (ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา) | นร.11 | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน
และผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก ๑ (ระยอง
ชลบุรี และฉะเชิงเทรา) เมื่อวันอังคารที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ ณ จังหวัดระยอง
และเห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ
รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10025 | ขออนุมัติใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการจ่ายเงินงบอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด | พม. | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการจ่ายเงินงบอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด
จำนวน ๒,๘๙๙,๖๔๙,๙๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10026 | ร่างกฎกระทรวงการตรวจเรือ การกักเรือ การเสนอแผนแก้ไข และค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบเรือต่างประเทศที่เข้ามาในน่านน้ำไทย พ.ศ. .... | คค. | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการตรวจเรือ
การกักเรือ การเสนอแผนแก้ไข และค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบเรือต่างประเทศที่เข้ามาในน่านน้ำไทย
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการตรวจเรือ
การกักเรือ การเสนอแผนแก้ไข
และค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบเรือต่างประเทศที่เข้ามาในน่านน้ำไทย
ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๕๘
และอนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล ค.ศ. ๒๐๐๖ (Maritime Labour Convention
2006) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10027 | โครงการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) ในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก : เมืองนวัตกรรม ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะ (EECi-ARIPOLIS for BCG) | อว. | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการโครงการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน
(Sustainable Manufacturing Center : SMC) ในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
: เมืองนวัตกรรม ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะ (EECi-ARIPOLIS
for BCG) ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘) จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ
หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะเพื่อให้ผู้พัฒนาระบบ (SI) นักนวัตกร
นักวิจัย ตลอดจนนักศึกษา
ในสาขาที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ
ที่โครงการจัดเตรียมไว้ให้ และเป็นการขยายผลการวิจัยพัฒนาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ไปสู่การลงทุนต่อยอดผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ด้วยความพร้อมทั้งทางเทคนิคและศักยภาพการแข่งขัน
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) เสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการ
SMC เป็นระยะเวลา ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘) ภายในกรอบวงเงิน
๕,๔๐๘,๗๗๐,๐๐๐ บาท จำแนกเป็นงบลงทุน จำนวน ๔,๗๐๗,๕๓๐,๐๐๐ บาท
ส่วนใหญ่เป็นค่าเครื่องจักรและครุภัณฑ์ราคาสูง และเป็นงบดำเนินงาน จำนวน
๗๐๑,๒๔๐,๐๐๐ บาท ไม่เข้าข่ายตามมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๑ เนื่องจากไม่ใช่การก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณ
ส่วนรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
จึงไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติก่อนที่จะมีการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ)
รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
รวมทั้งข้อสังเกตของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน เช่น (๑)
ควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการศูนย์ SMC ให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม
โดยเฉพาะภาคเกษตรและประชาชนทั่วไป รวมทั้งกำกับดูแลให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานด้วย
และ (๒) ควรพิจารณากำหนดตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลผลิต และผลลัพธ์ของโครงการ
SMC เพื่อวัดความสำเร็จของผลการดำเนินงานที่สอดคล้องกับแผนด้านวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมที่กำหนดขึ้นตามนโยบายและยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๗๐ ในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษที่รัฐบาลกำหนดให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
10028 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) | กค. | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๐
แห่งประมวลรัษฎากร โดยให้คงจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๖.๓ (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) หรือร้อยละ
๗ (รวมภาษีท้องถิ่น) สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี
ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓
ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ ภายหลังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สิ้นสุดลง
ควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล
โดยการขยายฐานภาษีให้มีความครอบคลุมมากขึ้น
รวมทั้งเริ่มทยอยปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามมาตรา ๘๐
ของประมวลรัษฎากร
เมื่อระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศกลับสู่ภาวะปกติก่อนการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ในปี ๒๕๖๒ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10029 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธีร์ ภวังคนันท์) | ศธ. | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายธีร์ ภวังคนันท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบเครือข่ายและการมีส่วนร่วม
(นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10030 | การต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี วงเงิน 500 ล้านบาท ของสำนักงานธนานุเคราะห์ | พม. | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
(สำนักงานธนานุเคราะห์) ต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารออมสิน วงเงิน
๕๐๐ ล้านบาท ออกไปอีก ๒ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
เพื่อเป็นเงินทุนสำรองสำหรับหมุนเวียนรับจำนำและสำหรับใช้จ่ายในการบริหารการเงินให้เกิดสภาพคล่องในกิจการ
(กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะต้องดำเนินการลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๓) ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (สำนักงานธนานุเคราะห์)
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำแผนบริหารความเสี่ยง
การวางแผนทางการเงินล่วงหน้า และการพัฒนาระบบบริหารทางการเงินให้มีประสิทธิภาพ
เพื่อให้สามารถบริการประชาชนได้ทันต่อสถานการณ์ และการกู้เงินดังกล่าวจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10031 | ขออนุมัติการดำเนินงานโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2563 | กษ. | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย
ปี ๒๕๖๓ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนลำไยให้สามารถฟื้นฟูการผลิตลำไยที่ได้รับผลกระทบทั้งด้านการผลิตและการตลาด
และส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรมีแนวทางปฏิบัติต่อสวนลำไยเพื่อประกอบอาชีพชาวสวนลำไยได้อย่างยั่งยืน
เกษตรกร จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ครัวเรือน ภายใต้กรอบวงเงินทั้งสิ้น ๓,๔๔๐,๐๔๙,๗๓๕ ล้านบาท
ระยะเวลาดำเนินการ เดือนสิงหาคม-ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
โดยในส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ทันต่อสถานการณ์ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า
ต้นทุนที่เหมาะสม เกิดประโยชน์สูงสุดกับเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงอย่างทั่วถึงและไม่เกิดความซ้ำซ้อน
รวมถึงการลดภาระงบประมาณของรัฐบาลในระยะยาว
อันจะนำไปสู่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของสถานะทางการคลังของประเทศ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรพิจารณาให้ความช่วยเหลือในด้านการปรับปรุงและพัฒนาพันธุ์ให้ได้คุณภาพเหมาะสมกับการนำไปแปรรูปผลิตภัณฑ์
และการส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากลำไยที่มีความหลากหลายมากขึ้น
เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตลำไย เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
10032 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค. | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗
และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข
๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก)
ตอนบางปะอิน-บางพลี และตอนพระประแดง-บางแค
ช่วงพระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ ๓ กันยายน
๒๕๖๓ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์การยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางในช่วงวันหยุดราชการดังกล่าว
และให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
และมาตรการการป้องกันและลดอุบัติเหตุอย่างเคร่งครัดต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10033 | ขอความเห็นชอบขยายระยะเวลาดำเนินการตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2562 - 2563 | พณ. | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินการตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน
ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๓ ออกไปอีก ๓ เดือน จากเดิมสิ้นสุดเดือนกันยายน ๒๕๖๓
เป็นสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๓ โดยใช้กรอบงบประมาณดำเนินการเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้
(๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๒) จำนวน ๑๓,๓๗๘.๙๙ ล้านบาท
ซึ่งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
ได้จ่ายเงินชดเชยส่วนต่างรายได้ให้แก่เกษตรกรแล้ว ๙ งวด เป็นเงิน ๖,๗๒๙.๕๗ ล้านบาท
คงเหลือจำนวน ๖,๖๔๙.๔๒ ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างรายได้ให้แก่เกษตรกร
และเป็นค่าบริหารจัดการของ ธ.ก.ส. (กันยายน ๒๕๖๒-ธันวาคม ๒๕๖๓)
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับ (๑) การติดตามและตรวจสอบการดำเนินโครงการฯ
ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง การเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามระยะเวลาโครงการฯ
ที่กำหนด และการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ
เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการจัดทำนโยบายที่เกี่ยวข้องต่อไป (๒) การพิจารณาเร่งรัดดำเนินมาตรการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินออกจากตลาดควบคู่ไปกับการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ
ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๓ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในประเทศ
และลดภาระงบประมาณในการจ่ายชดเชยส่วนต่างรายได้ที่จ่ายให้แก่เกษตรกรกรณีราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำมาก
และ (๓) การบูรณาการแนวทางการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันและอนาคต
โดยคาดการณ์แนวโน้มความต้องการในตลาดกับพื้นที่ปลูกปาล์มที่มีอยู่
และปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันที่จะออกสู่ตลาด เพื่อหาแนวทางในการลดอุปทานและเพิ่มอุปสงค์
โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน
เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาเชิงนโยบายในการบริหารจัดการทั้งระบบ และพิจารณาความซ้ำซ้อนของมาตรการที่รัฐให้ความช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกร
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
10034 | ขออนุมัติร่างความตกลงโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชาด้านการศึกษาระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงศึกษาธิการ เยาวชน และการกีฬาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการพัฒนาสถาบันเทคโนโลยีกำปงเฌอเตียลและสถาบันเทคโนโลยีกำปงสปือ | กต. | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างความตกลงโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชา
ด้านการศึกษา ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงศึกษาธิการ
เยาวชน และการกีฬาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
ว่าด้วยการพัฒนาสถาบันเทคโนโลยีกำปงเฌอเตียลและสถาบันเทคโนโลยีกำปงสปือ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามความตกลงฯ
โดยมีกำหนดการลงนามความตกลงฯ ในวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๓ โดยร่างความตกลงฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คู่ภาคี (กระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงศึกษาธิการ เยาวชน และการกีฬาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา)
ร่วมมือกันพัฒนาสถาบันเทคโนโลยีกำปงเฌอเตียล และสถาบันเทคโนโลยีกำปงสปือ
เพื่อมอบโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลได้ศึกษาในระดับมัธยมศึกษาทั้งสายสามัญและสายอาชีวศึกษา
ระดับอนุปริญญา ระดับปริญญา ครูทักษะชีวิต และครูวิชาชีพในระดับอุดมศึกษา รวมทั้งการกำหนดขอบเขตความรับผิดชอบของคู่ภาคี
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
๒.
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการฯ ที่จะเกิดขึ้นเห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ภายใต้โครงการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทย
ที่ได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||
10035 | ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 36 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กต. | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๖ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๓
ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุม โดยผู้นำอาเซียนได้หารือในประเด็นสำคัญ
ได้แก่ การส่งเสริมพหุภาคีนิยม การค้าเสรี และความมั่นคงระหว่างประเทศ และการส่งเสริมความร่วมมือของอาเซียนในการรับมือกับโควิด-๑๙
โดยในส่วนของไทยได้เสนอแนวทาง ๓ ประการ เพื่อการฟื้นตัวของอาเซียนหลังโควิด-๑๙ ได้แก่
(๑) ให้อาเซียนกลับมาเชื่อมโยงกันมากขึ้น ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ
ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว และการพิจารณาจัดทำข้อตกลงพิเศษเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างกัน
(๒) ให้อาเซียนสร้างความเข้มแข็งมากขึ้น ผ่านการลงทุนในเศรษฐกิจดิจิทัล
และโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green) และ (๓)
ให้อาเซียนมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น โดยสนับสนุนการจัดทำแผนฟื้นฟูที่ครอบคลุมของอาเซียน
ซึ่งควรมุ่งเน้นการเสริมสร้างความมั่นคงทางสาธารณสุข โดยเฉพาะหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
รวมถึงบริจาคเงิน ๑๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ สมทบกองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับโควิด-๑๙
ด้วย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมไปปฏิบัติและติดตามผลการประชุมดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เช่น (๑)
ควรเสนอให้ประเทศสมาชิกอาเซียนให้ความสำคัญและยกระดับความร่วมมืออย่างจริงจังในการดำเนินการตามแผนความร่วมมืออาเซียนเพื่อต่อสู้กับปัญหาการลักลอบผลิตและการค้ายาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ
ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๕ ในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งต่อไป
เพื่อลดผลกระทบจากการนำเข้าและส่งออกสารตั้งต้น เคมีภัณฑ์
และยาเสพติดจากพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำซึ่งส่งผลกระทบต่อภูมิภาคอาเซียนอย่างมีนัยสำคัญ
และ (๒) ควรเสนอให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเพิ่มความร่วมมือในการนำแผนงานเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดนในภูมิภาคอาเซียนไปดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
10036 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมทั้งสิ้น 2,771.1784 ล้านบาท ของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท | คค. | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมทั้งสิ้น ๒,๗๗๑.๑๗๘๔ ล้านบาท
ประกอบด้วย กรมทางหลวง วงเงินรวม ๑,๗๑๙.๑๐๐๘ ล้านบาท และกรมทางหลวงชนบท วงเงินรวม
๑,๐๕๒.๐๗๗๖ ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างกำแพงคอนกรีตหุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติ
(Rubber Fender Barrier : RFB) และโครงการติดตั้งหลักนำทางยางธรรมชาติ
(Rubber Guide Post : RGP) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาเลือกจุดดำเนินการ
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ที่ทุกภาคส่วนจะได้รับอย่างเคร่งครัด และรับรองความพร้อมกำลังการผลิตของสถาบันเกษตรกรในการผลิต
RFB และ RGP ตามปริมาณที่ต้องใช้ในการดำเนินโครงการฯ
ตลอดจนกำกับดูแลการผลิตและการติดตั้งให้มีมาตรฐานความปลอดภัยที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
และติดตามการปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงกำหนดพัสดุ และวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
พ.ศ. ๒๕๖๓ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย รวมทั้งให้ติดตามสถานการณ์ราคายางพาราอย่างใกล้ชิดเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาต่อไป ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10037 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | สธ. | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน
๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ในลักษณะเงินอุดหนุนให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ
เพื่อให้การสนับสนุนหน่วยงานเครือข่ายการพัฒนางานด้านวัคซีนของประเทศในการเพิ่มศักยภาพการผลิตวัคซีนให้พร้อมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโควิด
19 และการสร้างขีดความสามารถของประเทศโดยการพัฒนาวัคซีนตั้งแต่ต้นน้ำ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควร (๑)
มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขหรือนอกสังกัดที่มีความชำนาญและเกี่ยวข้องด้านเทคนิคดังกล่าวร่วมพิจารณารายละเอียดและความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายในทุกมิติสำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าว
(๒)
มีการกำหนดข้อตกลงร่วมกันของสถาบันวัคซีนแห่งชาติและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามระเบียบแบบแผนอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการวางแผนการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงิน
รวมทั้งการกำหนดราคาจำหน่ายวัคซีนที่ได้จากการพัฒนาวัคซีนต้นแบบและการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้อยู่ในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม
และ (๓) สถาบันวัคซีนแห่งชาติควรวางระบบการกำกับและติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการดังกล่าวให้ทันต่อสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเกิดผลสัมฤทธิ์ที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10038 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 4 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำฝั่งขวา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ. | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปลายมาศ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำฝั่งขวา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน้อย
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... รวม ๔ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปลายมาศ
ในท้องที่จังหวัดบุรีรัมย์ ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำฝั่งขวา
ในท้องที่จังหวัดนครนายก ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน้อย
ในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา
ในท้องที่จังหวัดนครสวรรค์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
10039 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563) | นร.04 | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๒๖
สิงหาคม ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๗
สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10040 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1 | นร.11 | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแนวทางและข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก
๑ (ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา) โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสั่งการไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบด้วย
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|