ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 508 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 10141 - 10160 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10141 | คำสั่งนายกรัฐมนตรี เรื่อง การบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และเรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการบริหารเศรษฐกิจ | นร.11 | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๖/๒๕๖๓ ลงวันที่
๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ เรื่อง
การบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
เพื่อจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) และแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เพื่อทำหน้าที่จัดทำข้อเสนอและกรอบแนวทางการดำเนินมาตรการเศรษฐกิจ
สั่งการส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งกำกับดูแล ควบคุม และติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ๑.๒ คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๗/๒๕๖๓ ลงวันที่
๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการบริหารเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อนและเร่งรัดให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับนโยบาย แนวทาง
และมาตรการรัฐบาลไปปฏิบัติเพื่อให้การดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลบรรลุผลสำเร็จ
และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องตามความเป็นจริง
๒.
เห็นชอบตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอเพิ่มเติมว่า
เห็นควรให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
เป็นกรรมการในคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
10142 | รัฐบาลสหราชอาณาจักรเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย (นายมาร์ก กุดดิง) | กต. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมาร์ก กุดดิง (Mr. Mark Gooding) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายไบรอัน จอห์น เดวิดสัน (Mr.
Brian John Davidson) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
10143 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (นายดนุชา สินธวานนท์) | กปร. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ
นายดนุชา สินธวานนท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
(สำนักงาน กปร.) ซึ่งจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ต่อไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓
ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงาน กปร. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
10144 | การมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ตามลำดับ ดังนี้ ๑. พลเอก ประวิตร
วงษ์สุวรรณ ๒. นายวิษณุ
เครืองาม ๓. นายอนุทิน
ชาญวีรกูล ๔. นายจุรินทร์
ลักษณวิศิษฏ์ ๕. นายดอน
ปรมัตถ์วินัย ๖. นายสุพัฒนพงษ์
พันธ์มีเชาว์
|
|||||||||||||||||||||||||||
10145 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติไม่ให้ซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรพิจารณาเสริมประเด็นที่อาจเกี่ยวข้อง
เช่น การสานต่อนโยบายประเทศไทย ๔.๐
โดยให้ความสำคัญเรื่องการวิจัยและพัฒนาในสาขาที่จะส่งเสริมความมั่นคงทางสุขภาพของไทย
การส่งเสริมความพร้อมของผู้ประกอบการต่อการเติบโตเศรษฐกิจดิจิทัลและโลจิสติกส์ในอนาคต
การส่งเสริมทักษะแรงงานเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัลโดยการศึกษาออนไลน์และธุรกิจสร้างสรรค์
และการขยายฐานทางอุตสาหกรรม (diversification) ให้ลดการพึ่งพาสาขาหรือตลาดต่างประเทศรายใดรายหนึ่งเกินควร
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
10146 | ขอความเห็นชอบผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว | มท. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเจรจาและร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเห็นชอบผลการเจรจา และได้ผ่านการตรวจร่างสัญญาฯ
จากสำนักงานอัยการสูงสุดเรียบร้อยแล้ว
และให้กระทรวงการคลังพิจารณาเสนอความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งความเห็นต่อรายงาน เรื่อง การพิจารณาศึกษาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า
(บีทีเอส)
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า
(บีทีเอส) สภาผู้แทนราษฎร เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนี่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
10147 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสมชัย อัศวสุดสาคร) | สธ. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมชัย
อัศวสุดสาคร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์
(นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑
เมษายน ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
10148 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2563 และวันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม 2563) | นร.04 | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันศุกร์ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่
๒๕ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๓
สิงหาคม ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่
๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ และสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
10149 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีศึกษาโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร | ปช. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต
กรณีศึกษาโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ บริษัท
ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)
เป็นผู้ร่วมดำเนินการในการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน
ทั้งในส่วนของการกำหนดแผนยุทธศาสตร์การก่อสร้าง และการบริหารจัดการท่อร้อยสายสื่อสารให้เป็นแนวทางเดียวกันทั้งประเทศ
เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการโทรคมนาคมทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ เสถียรภาพของโครงข่ายสื่อสาร
ความมั่นคงของประเทศ และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ทั้งนี้ ให้หน่วยงานเจ้าของพื้นที่มีหน้าที่อำนวยความสะดวกในการดำเนินการ ๑.๒ ให้บริษัท
กรุงเทพธนาคม จำกัด
เป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อให้สามารถตรวจสอบการดำเนินงานได้ กรณีตามวรรคหนึ่ง ให้รวมถึงบริษัทหรือนิติบุคคลที่จัดตั้งโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือหุ้นเกินร้อยละ
๕๐ ๑.๓
พิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาในเรื่องของขั้นตอนการขออนุญาตดำเนินการก่อสร้างท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดิน
ตามมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
โดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
กับหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ควรพิจารณาร่วมกันเพื่อให้อนุญาตการใช้สิทธิแห่งทาง
และอนุญาตให้ใช้พื้นที่ในการก่อสร้าง ทั้งนี้ เพื่อลดปัญหาและความเสียหายต่อประโยชน์ของรัฐ
อันเกิดจากการที่ผู้ประกอบการได้รับอนุญาตใช้สิทธิแห่งทาง
แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่ก่อสร้าง
จึงไม่สามารถดำเนินการได้แม้ว่ามีการลงนามในสัญญาว่าจ้างก่อสร้างแล้วก็ตาม ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
(กรุงเทพมหานคร) สำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเป็นไปตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเช่น (๑)
ในระดับจังหวัดและท้องถิ่น
เห็นควรให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อบูรณาการการดำเนินการนำสายสื่อสารลงใต้ดินโดยหน่วยงานเจ้าของพื้นที่เป็นหน่วยงานหลักดำเนินการร่วมกับบริษัท
ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหรือการไฟฟ้านครหลวง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (๒)
เห็นควรนำแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินเพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียนของการไฟฟ้านครหลวงไปประกอบการพิจารณาในการดำเนินการต่อไปด้วย
และ (๓) เห็นควรจัดทำแผนเพื่อให้เป็นแนวปฏิบัติเดียวกันทั่วประเทศ การจัดทำแผนใด ๆ
ต้องรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
หน่วยงานที่มีแผนจะนำสายสื่อสารลงใต้ดินขอให้นำส่งแผนมาที่สำนักงานกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
เพื่อพิจารณาความพร้อมและบรรจุเป็นแผนนำสายสื่อสารลงใต้ดินของสำนักงานกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติต่อไป เป็นต้น
ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
10150 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการองค์การสะพานปลา แทนตำแหน่งที่ว่าง | กษ. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายประยูร ดำรงชิตานนท์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการองค์การสะพานปลา แทนตำแหน่งที่ว่าง
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเข้าแทนนี้อยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน
|
|||||||||||||||||||||||||||
10151 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายเกียรติภูมิ วงศ์รจิต) | สธ. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายเกียรติภูมิ วงศ์รจิต ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ผู้ครองตำแหน่งอยู่เดิมจะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑
ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
10152 | การแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลอง (แม่น้ำเจ้าพระยา บึงบอระเพ็ด และบึงสีไฟ) | นร. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการแก้ไข
ปรับปรุง พัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลอง
ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำและเป็นเส้นทางการคมนาคมทางน้ำที่สำคัญ บรรลุผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
อันจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขอนามัยของประชาชน
จึงมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับ ติดตาม
และเร่งรัดการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องในเรื่องสำคัญเร่งด่วน
ดังต่อไปนี้ ๑. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานและเร่งรัดการพัฒนาและฟื้นฟูสภาพของบึงบอระเพ็ด
จังหวัดนครสวรรค์ และบึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร
ให้เป็นพื้นที่ชะลอและรองรับน้ำหลากในช่วงฤดูฝนและสามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้ในช่วงฤดูแล้ง
๒.
ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร)
ร่วมกับกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแนวทางการดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในการสัญจรทางน้ำของประชาชน
รวมทั้งการปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ การแก้ไขปัญหามลภาวะและคุณภาพน้ำในคลองแสนแสบ
|
|||||||||||||||||||||||||||
10153 | ความตกลงพหุภาคีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการบริหารภาษี (Convention on Mutual Administrative Assistance in Tax Matters) และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....[สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2563)] | กค. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันศุกร์ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๓ ซึ่งให้เสนอ ๑.
ความตกลงพหุภาคีว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการบริหารภาษี (Convention
on Mutual Administrative Assistance in Tax Matters) ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒.
ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน เมื่อความตกลงฯ
ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
10154 | การดำเนินการเพื่อรองรับและขับเคลื่อนการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 | นร.09 | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการดำเนินการในการขับเคลื่อนการดำเนินการตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ๒. เห็นชอบ ๒.๑ ให้ผู้รักษาการตามกฎหมาย
สำนักงานสถิติแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำฐานข้อมูลและสถิติเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย
การร้องเรียน และปัญหาในการดำเนินการตามกฎหมายในความรับผิดชอบ ๒.๒
การประกาศรายชื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
การจัดทำคำอธิบายและคำแปล และการเผยแพร่ข้อมูลกฎหมายและกฎเกณฑ์ ๒.๒.๑
ให้ผู้รักษาการตามกฎหมายตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลรายชื่อกฎหมายและหน่วยงานที่รับผิดชอบการดำเนินการซึ่งแยกตามผู้รักษาการ
โดยหากมีข้อเสนอแก้ไข ให้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ๒.๒.๒
ให้ผู้รักษาการตามกฎหมายประกาศรายชื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบการดำเนินการ
สำหรับกฎหมายที่นายกรัฐมนตรีกำหนดหน่วยงานผู้รับผิดชอบแล้วให้ถูกต้อง ๒.๒.๓
ให้ผู้รักษาการตามกฎหมายหารือร่วมกันเพื่อกำหนดผู้รับผิดชอบการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
การจัดทำคำอธิบายและคำแปล และการเผยแพร่ข้อมูลกฎหมายและกฎเกณฑ์ สำหรับกฎหมายที่มีผู้รักษาการหลายคน
ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ และประกาศภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
ในกรณีที่ยังตกลงกันไม่ได้หรือมิได้ตกลงกัน
ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้กำหนดหน่วยงานผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้
เว้นแต่กรณีที่มีนายกรัฐมนตรีรักษาการรวมอยู่ด้วยซึ่งได้กำหนดผู้รับผิดชอบไว้แล้ว ๒.๒.๔
ให้ผู้รักษาการตามกฎหมายเผยแพร่ข้อมูลกฎหมายและกฎเกณฑ์ในความรับผิดชอบของตนทั้งหมดรวมไว้ในที่เดียวกันผ่านทางเว็บไซต์ของกระทรวง
หรือของสำนักงานปลัดกระทรวง ภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
และให้มีหนังสือแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป ๒.๓
ให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบการบังคับใช้กฎหมายเร่งตรวจสอบกฎหมายในความรับผิดชอบว่า
มีกรณีที่ต้องมีการออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อที่ประชาชนจะสามารถปฏิบัติตามกฎหมายหรือได้รับสิทธิประโยชน์จากกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา
๒๒ หรือไม่ หากมี ต้องเร่งออกกฎหรือดำเนินการใดให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา ดังนี้ ๒.๓.๑ ภายในวันที่
๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ สำหรับกฎหมายที่มีผลใช้บังคับก่อนวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๒.๓.๒
ภายใน ๒ ปี นับแต่กฎหมายมีผลใช้บังคับ สำหรับกฎหมายที่มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่
๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ในการออกกฎดังกล่าว
หน่วยงานของรัฐต้องคำนึงถึงระยะเวลาในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
และระยะเวลาที่จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาด้วย ทั้งนี้
ต้องไม่น้อยกว่า ๙๐ วัน ก่อนวันครบกำหนดดังกล่าว ๒.๔
ในร่างกฎหมายหรือกฎที่หน่วยงานของรัฐจะจัดทำขึ้นไม่ต้องกำหนดบทบัญญัติเร่งรัดการออกกฎหรือการดำเนินการอื่นใดซึ่งมีเนื้อหาลักษณะเดียวกันไว้อีก
เนื่องจากเป็นการกำหนดซ้ำซ้อนและอาจขัดหรือแย้งกันได้ ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา ๒๒
พระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ.
๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||
10155 | การยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 พื้นที่โซน C (สำนักงาน ปปง.) | ปปง. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่อง
การยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ
๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ พื้นที่โซน C (สำนักงาน
ปปง.) ออกไปก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||
10156 | การยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 พื้นที่โซน C (สำนักงาน ป.ป.ท.) | ปปท. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่อง การยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ
๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ พื้นที่โซน C (สำนักงาน ป.ป.ท.) ออกไปก่อน |
|||||||||||||||||||||||||||
10157 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการติดตามทรัพย์สินของรัฐคืนจากการเอาไปโดยมิชอบ พ.ศ. .... | นร. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายวิษณุ เครืองาม) เสนอว่า สมควรทบทวนร่างพระราชบัญญัติมาตรการติดตามทรัพย์สินของรัฐคืนจากการเอาไปโดยมิชอบ
พ.ศ. .... ของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
โดยเฉพาะในประเด็นของหน่วยงานที่จะเป็นผู้ทำภารกิจในการติดตามทรัพย์สินของรัฐคืนตามร่างพระราชบัญญัตินี้
เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการจัดให้มีมาตรการทางกฎหมายเพื่อการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบเป็นไปอย่างรวดเร็วและเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
จึงเห็นควร ๑.
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการติดตามทรัพย์สินของรัฐคืนจากการเอาไปโดยมิชอบ
โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
แทนการตราพระราชบัญญัติมาตรการติดตามทรัพย์สินของรัฐคืนจากการเอาไปโดยมิชอบ พ.ศ.
.... แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒. ให้นำกระบวนการติดตามทรัพย์สินของรัฐคืนตามร่างพระราชบัญญัติมาตรการติดตามทรัพย์สินของรัฐคืนจากการเอาไปโดยมิชอบ
พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วมาเป็นหลักการในการจัดทำร่างระเบียบดังกล่าว ๓. ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานรับผิดชอบภารกิจในการติดตามทรัพย์สินของรัฐคืนตามร่างระเบียบนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
10158 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวปิยวรรณ ล่ามกิจจา นางสาวนิภา ลำเจียกเทศ นายกิตติ สุทธิสัมพันธ์ และนางชลิดา พันธ์กระวี) | กค. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย
ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. นางสาวปิยวรรณ
ล่ามกิจจา ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ (นักวิเคราะห์รัฐวิสาหกิจทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ตั้งแต่วันที่
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ๒. นางสาวนิภา
ลำเจียกเทศ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบ การเงินการคลัง
(นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ๓. นายกิตติ
สุทธิสัมพันธ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหาร การจัดเก็บภาษี
(นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ ๑๘
มีนาคม ๒๕๖๓ ๔. นางชลิดา
พันธ์กระวี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการคลัง (นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานปลัด กระทรวงการคลัง
ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓
|
|||||||||||||||||||||||||||
10159 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.7/2553 คดีหมายเลขแดงที่ ฟ.9/2563 ระหว่าง บริษัท เครือสหวิริยา จำกัด ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน ผู้ฟ้องคดี คณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของกฎที่ออกโดยคณะรัฐมนตรี ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้อง | นร 05 | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
ในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.๗/๒๕๕๓ คดีหมายเลขแดงที่ ฟ.๙/๒๕๖๓ ระหว่างบริษัท
เครือสหวิริยา จำกัด ที่ ๑ กับพวกรวม ๒ คน ผู้ฟ้องคดี คณะรัฐมนตรี
ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของกฎที่ออกโดยคณะรัฐมนตรี
ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้อง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
10160 | การสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน | นร 05 | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า
ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ และวันที่ ๒๗
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ รวมทั้งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓
เกี่ยวกับการจัดทำข้อมูลผลงานรัฐบาล ผลการดำเนินการ
และผลสัมฤทธิ์ของงานในเรื่องต่าง ๆ เพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชนอย่างถูกต้อง
ทั่วถึง และต่อเนื่อง จึงขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐจัดทำข้อมูลเพื่อการประชาสัมพันธ์ในลักษณะที่กระชับ
ชัดเจน และเข้าใจง่าย โดยอาจจัดทำในลักษณะเป็นภาพหรือกราฟิกเพื่อการสื่อสาร (Infographics)
ที่มีรูปแบบทันสมัยและดึงดูดความสนใจ นั้น
เพื่อให้มีการดำเนินการข้างต้นอย่างต่อเนื่องและทุกภาคส่วนได้ทราบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง
ทันต่อสถานการณ์
รวมถึงมีส่วนร่วมในการเสนอแนะและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ
ที่รัฐบาลได้ดำเนินงานอยู่ในปัจจุบัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลและประโยชน์ที่เกิดขึ้นต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมจากการดำเนินงานของภาครัฐตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศในช่วงที่ผ่านมา
ตลอดจนแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในระยะต่อไป ทั้งนี้ ในการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวให้ดำเนินการในรูปแบบการสื่อสารแบบมีส่วนร่วม
(Participatory Communication) โดยผ่านช่องทางการสื่อสารออนไลน์
(Online) และการเปิดเวทีสร้างการรับรู้และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวสามารถเข้าถึงประชาชนได้ในทุกกลุ่ม
และเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
|