ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 50 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 981 - 1000 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
981 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | ตผ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวน ๓,๘๖๙,๒๔๖,๕๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าว เป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
982 | การกำหนดเขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคหรืออาการที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 | สธ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการกำหนดเขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง
การป้องกัน และการควบคุมโรค หรืออาการที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕
ไมครอน ตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒
และมอบหมายให้คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมพิจารณาปรับปรุงหรือกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อใช้ดำเนินการในเขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง
การป้องกัน และการควบคุมโรคหรืออาการที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕
ไมครอนได้ตามความเหมาะสม และสมควรแก่กรณี ตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม
กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมีการนำข้อมูลบ่งชี้ด้านสุขภาพมากำหนดเป็นหลักเกณฑ์ร่วม
อาทิ ข้อมูลความชุกของโรคหรืออาการที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่นละอองฯ เพื่อให้การกำหนดมาตรการรองรับมีความสอดคล้องกับปัญหาในพื้นที่ สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรดำเนินการตามแนวทางตัวชี้วัดขับเคลื่อนการบูรณาการร่วมกัน
(Joint KPIs) เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม
ควรบูรณาการกำหนดมาตรการ แนวทาง และผู้รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ให้ชัดเจน
เพื่อใช้ในการกำกับ ติดตาม และประเมินผลสัมฤทธิ์ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน
๒.๕ ไมครอน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
983 | โครงการจัดหาระบบแฟ้มสะสมทักษะ (Skill/Credit Portfolio) รายบุคคลระดับอุดมศึกษาสำหรับการวางแผนและพัฒนากำลังคน ของประเทศ | อว. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม โครงการจัดหาระบบแฟ้มสะสมทักษะ (Skill/Credit Portfolio) รายบุคคลระดับอุดมศึกษาสำหรับการวางแผนและพัฒนากำลังคนของประเทศ
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๕,๔๑๓.๗๕ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ๔ ปี
(พ.ศ. ๒๕๖๙ - ๒๕๗๒) ทั้งนี้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรเชื่อมโยงหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับหน่วยงานด้านการศึกษาอื่นที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและการจัดหาระบบคลาวด์ควรดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบาย
มาตรฐาน และกรอบกฎหมายที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว สำหรับการกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ต่าง ๆ
ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ
ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหากจะมีการพัฒนาระบบในการสะสมและจัดการข้อมูลทักษะที่สามารถเชื่อมโยงระหว่างการศึกษาและอาชีพ
ควรมีการหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน
สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ในการออกแบบพิมพ์เขียว (blueprint) ระดับประเทศ
โดยพิจารณาต่อยอดจากแพลตฟอร์มการพัฒนาทักษะและยกระดับทักษะของบุคคลที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว
และออกแบบองค์ประกอบภายในแพลตฟอร์ม (module) ที่มีการกำหนดบทบาทหน้าที่และผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนอย่างเป็นเอกภาพบนมาตรฐานเดียวกัน
ซึ่งจะช่วยให้ภาครัฐสามารถวางแผนพัฒนาทักษะของกำลังคนได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด
ให้เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
984 | ขอรับจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ภายใต้มาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองปี 2568 | ทส. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ ๒๕๖๘ ภายใต้มาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี ๒๕๖๘ วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๖๒๐,๖๙๑,๓๖๐
บาท โดยแยกรายหน่วยงาน ดังนี้ ๑) กรมป่าไม้ วงเงิน ๑๘๗,๐๒๒,๓๓๐ บาท และ ๒) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช วงเงิน ๔๓๓,๖๖๙,๐๓๐ บาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำกับ
ติดตามหน่วยงานผู้รับผิดชอบแผนงาน/โครงการให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
985 | ขออนุมัติรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐
ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงยุติธรรม
โครงการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดยโสธร พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ตำบลสำราญ
อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร จำนวนเงินทั้งสิ้น ๑,๖๒๓,๑๕๖,๕๐๐ บาท
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ทั้งนี้
ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เห็นควรดำเนินการขออนุญาตเจาะน้ำบาดาลและใช้น้ำบาดาล ให้เป็นไปตามกฎหมาย และการดำเนินการใด
ๆ ในพื้นที่ป่า ขอให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงยุติธรรมจัดทำแผนการดำเนินการ
และยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ
ประมาณการค่าก่อสร้าง สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมตามความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ สถานะการเงินการคลังของประเทศ และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสมและจำเป็น
ตามวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
986 | ขออนุมัติรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป โครงการส่งเสริมการศึกษาเท่าเทียมด้วยระบบดิจิทัลพัฒนาทักษะและเครดิตพอร์ตโฟลิโอ (The Digital Skill/Credit Portfolio: Empowering Educations) | ศธ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ ของกระทรวงศึกษาธิการ โครงการส่งเสริมการศึกษาเท่าเทียมด้วยระบบดิจิทัลพัฒนาทักษะและเครดิตพอร์ตโฟลิโอ
(The Digital Skill/Credit Portfolio : Empowering
Educations) งบประมาณจำนวน ๔,๒๑๔,๗๓๘,๐๙๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงบบประมาณ เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจัดทำแผนการดำเนินการ
และยืนยันความพร้อมของรายการดังกล่าว โดยกำหนดวัตถุประสงค์และสาระสำคัญของรายการ
รายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ ประมาณการราคาหรือผลการสอบราคา
สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการให้ชัดเจนและเนื่องจากเป็นโครงการที่จัดหาคอมพิวเตอร์ของรัฐที่มีงบประมาณตั้งแต่
๑๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ
ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๕๐๖/๑๓๑๗๖ ลงวันที่ ๑๒
พฤษภาคม ๒๕๕๔ เพื่อประกอบการพิจารณา
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมตามความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ
ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสมและจำเป็นตามวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหากจะมีการดำเนินการพัฒนาระบบเพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
กระทรวงศึกษาธิการควรพิจารณาให้ความสำคัญกับการปรับปรุงและต่อยอดจากระบบดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการเรียนรู้แห่งชาติแทนการพัฒนาระบบใหม่
เพื่อลดความซ้ำซ้อนและต้นทุนในการดำเนินงาน
พร้อมทั้งควรมีการออกแบบแนวทางและพัฒนากลไกอื่น ๆ
ในระบบนิเวศของการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล อาทิ การพัฒนาทักษะดิจิทัลของครูในการใช้สื่อการเรียนรู้ออนไลน์
การส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองของนักเรียน
การกำหนดนโยบายที่ชัดเจนในการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารจัดการสถานศึกษา
เพื่อให้การขับเคลื่อนแพลตฟอร์มการเรียนรู้ดิจิทัลของประเทศสามารถนำไปสู่การพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่างแท้จริง ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด ให้เหมาะสม
สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป ๓.
ในขั้นการดำเนินโครงการส่งเสริมการศึกษาเท่าเทียมด้วยระบบดิจิทัลพัฒนาทักษะและเครดิตพอร์ตโฟลิโอ
(The Digital Skill/Credit Portfolio :
Empowering Educations) ของกระทรวงศึกษาธิการดังกล่าว ให้กระทรวงศึกษาธิการหารือร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงแรงงาน
กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนและเหมาะสมเกี่ยวกับแนวทางการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้
รวมทั้งการจัดทำระบบคลังหน่วยกิตของโครงการฯ เพื่อให้สอดคล้อง เชื่อมโยง
เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
และไม่เกิดความซ้ำซ้อนกับการดำเนินโครงการจัดหาระบบแฟ้มสะสมทักษะ (Skill/Credit
Portfolio) รายบุคคลระดับอุดมศึกษาสำหรับการวางแผนและพัฒนากำลังคนของประเทศของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และสามารถตอบสนองต่อการวางแผนการพัฒนากำลังคนของประเทศได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
987 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จำนวน ๑ รายการ ได้แก่ โครงการบิน ป้องกัน แก้ไขปัญหาภัยพิบัติ
เหตุฉุกเฉินทางธรรมชาติโดยบูรณาการอากาศยานกับภาคพื้นดิน ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ.(๒๕๖๙ – ๒๕๗๓) จำนวนเงิน ๑,๕๕๕.๑๒ ล้านบาท ทั้งนี้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรพิจารณาถึงการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่มีภารกิจด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
และการบริหารจัดการเกี่ยวกับภัยพิบัติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำข้อมูลความคุ้มค่าและการใช้ประโยชน์อากาศยานดังกล่าว
เพื่อประกอบการพิจารณาในรายละเอียดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
988 | ขออนุมัติการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) | กษ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๔
รายการ (ภายใต้โครงการ จำนวน ๔ โครงการ) วงเงินรวม ๑,๖๓๓.๓๙๔๗
ล้านบาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กรมชลประทานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และยืนยันความพร้อมของโครงการและรายการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ
ประมาณการราคา และกำหนดแบบรูปรายการก่อสร้างให้มีความเหมาะสม
รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด
การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ การมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เห็นควรดำเนินการอย่างรัดกุมและเร่งรัดการก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงาน
สำหรับโครงการบรรเทาอุทกภัยพื้นที่ลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่างอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดเพชรบุรี เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีวงเงินงบประมาณเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท ยังไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
เห็นควรให้นำเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
989 | กรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ | อว. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ รวมทั้งระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์
สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติเสนอ สำหรับกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๑๑๕,๒๓๖,๑๕๗,๑๐๐ บาท และกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๔๔,๙๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท นั้น
สำนักงบประมาณจะพิจารณาตามประมาณการรายรับและฐานะการคลังของประเทศ
โดยคำนึงถึงภารกิจและความจำเป็นในการดำเนินการให้สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ
แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ และนโยบายสำคัญของรัฐบาล
ตลอดจนความพร้อม ความครอบคลุมของแหล่งเงิน
ศักยภาพและความสามารถในการใช้จ่ายงบประมาณ
รายงานผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณที่ผ่านมา
การมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ความเป็นธรรมทางสังคม และนโยบายรัฐบาล
รวมทั้งการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโดยผ่านกลไกของกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ
และเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐ ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงาน
และข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินการดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด
รวมทั้งควรติดตามและประเมินผลการดำเนินงานเพื่อให้เกิดผลสำเร็จอย่างยั่งยืน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
990 | การขอรับการจัดสรรเงินอุดหนุนเป็นรายปีเป็นการจ่ายขาดให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค (งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569) | นร.01 | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินการขอรับการจัดสรรเงินอุดหนุนเป็นรายปีเป็นการจ่ายขาดให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๓๗๗,๔๐๐,๑๐๐ บาท ตามนัยมาตรา
๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับติดตามการใช้จ่ายเงินอุดหนุนของสภาองค์กรของผู้บริโภคให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประสิทธิภาพ ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการดำเนินงานของสภาองค์กรของผู้บริโภค
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สภาองค์กรของผู้บริโภค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
991 | การนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม "วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช" เพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก | ทส. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเอกสารนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม “วัดพระมหาธาตุ
วรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช” และให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกลงนามในเอกสารดังกล่าว
เพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส
สาธารณรัฐฝรั่งเศส และกรณีที่ศูนย์มรดกโลกมีความเห็นต่อความครบถ้วนสมบูรณ์ (Complete) ของเอกสารนำเสนอเป็นมรดกโลก
และมีข้อเสนอแนะในการปรับแก้ไขเอกสารโดยไม่กระทบต่อสาระสำคัญของเอกสารนำเสนอฯ
หากกรมศิลปากรพิจารณาแล้วไม่กระทบต่อสาระสำคัญของเอกสารนำเสนอฯ ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
เห็นควรให้กรมศิลปากรดำเนินการปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวตามความเห็นของศูนย์มรดกโลก
โดยพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก่อนนำเสนอเอกสารดังกล่าวต่อคณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม
และคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และนำเรียนคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
ก่อนจัดส่งให้ศูนย์มรดกโลก ตามรอบการจัดส่งภายในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
992 | รัฐบาลจอร์เจียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งจอร์เจียประจำประเทศไทย (นายวาฮ์ตัง ยาออชวีลี) | กต. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวาฮ์ตัง ยาออชวีลี (Mr. Vakhtang Jaoshvili) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งจอร์เจียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย สืบแทน นายอาชิล ซูลีอาชวีลี (Mr.
Archil Dzuliashvili) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
993 | ร่างกฎกระทรวงการกำหนดค่าล่วงเวลาและค่าตอบแทนการทำงานที่เกินกว่าวันละแปดชั่วโมงในงานเฝ้าดูแลสถานที่หรือทรัพย์สินอันเป็นหน้าที่การทำงานปกติของลูกจ้าง พ.ศ. .... | รง. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการกำหนดค่าล่วงเวลาและค่าตอบแทนการทำงานที่เกินกว่าวันละแปดชั่วโมง
ในงานเฝ้าดูแลสถานที่หรือทรัพย์สินอันเป็นหน้าที่การทำงานปกติของลูกจ้าง พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการคุ้มครองให้ลูกจ้างที่ทำงานเฝ้าดูแลสถานที่หรือทรัพย์สินอันเป็นหน้าที่การทำงานปกติ(พนักงานรักษาความปลอดภัย)
มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาและค่าตอบแทนสำหรับการทำงานที่เกินกว่าวันละ ๘
ชั่วโมงในอัตราที่เพิ่มขึ้น และได้รับค่าตอบแทนในการทำงานที่เป็นธรรม
ซึ่งจะทำให้ลูกจ้างมีรายได้ที่สอดคล้องและเพียงพอต่อการดำรงชีวิตตามสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นควรมีการตรวจสอบการจ้างงานของผู้ประกอบกิจการหรือนายจ้าง
เนื่องจากหากมีการลดอัตราการจ้างงาน หรือเลิกจ้างเกิดขึ้น
จะส่งผลให้ภาระการปฏิบัติงานของลูกจ้างเพิ่มมากขึ้นและอาจเกิดการปฏิบัติงานควบ ๒
กะ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของลูกจ้าง และเกิดความเสียหายขึ้นได้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าการกำหนดอัตราภายใต้ร่างกฎกระทรวงฯ ยังมีระดับที่ต่ำกว่าอัตราการจ่ายค่าล่วงเวลาที่จ่ายให้ลูกจ้างทั่วไป
ซึ่งกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และในระยะต่อไป
กระทรวงแรงงานควรพิจารณาปรับอัตราการจ่ายค่าล่วงเวลาและค่าตอบแทนการทำงานที่เกินกว่าวันละแปดชั่วโมงให้กับกลุ่มลูกจ้างที่ไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลา
แต่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนตามมาตรา ๖๕ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑
และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้การยกระดับการคุ้มครองแรงงานเป็นมาตรฐานเดียวกัน
และไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในกลุ่มลูกจ้างดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
994 | รัฐบาลสาธารณรัฐกินีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐกินีประจำประเทศไทย (นางกูงบา ดีย็อป) | กต. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางกูงบา ดีย็อป (Mrs. Koumba Diop) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐกินีประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย สืบแทน นายมุฮัมมัด ลามีน กงเด (Mr.
Mohamed Lamine Conde) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
995 | รัฐบาลสาธารณรัฐบุรุนดีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐบุรุนดีประจำประเทศไทย (พลจัตวา อาลัว บีแซ็งดาวี) | กต. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลจัตวา อาลัว บีแซ็งดาวี (Brig. Aloys Bizindavyi) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐบุรุนดีประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย สืบแทน นายเกเบรียล ซาบูชิมิเก (Mr.
Gabriel Sabushimike) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
996 | รัฐบาลสาธารณรัฐสโลวีเนียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสโลวีเนียประจำประเทศไทย (นายโบชต์ยัน มาโลฟฮ์) | กต. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายโบชต์ยัน มาโลฟฮ์ (Mr. Bostjan Malovrh) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสโลวีเนียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน สืบแทน นางสาวอาเลงกา ซูฮาดอลนิก
(Ms. Alenka Suhadolnik) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
997 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวศศิธร พลัตถเดช และนางภาวิณา อัศวมณีกุล) | นร.11 สศช | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ดังนี้ ๑. นางสาวศศิธร พลัตถเดช
ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๒. นางภาวิณา อัศวมณีกุล
ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
998 | นโยบายการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | ตผ. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบนโยบายการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
ซึ่งมีความสอดคล้องและเป็นไปตามนโยบายการตรวจเงินแผ่นดิน (พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐)
และเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากนโยบายการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
- ๒๕๖๗ เพื่อให้การตรวจเงินแผ่นดินเกิดผลสัมฤทธิ์
การบริหารการเงินการคลังมีเสถียรภาพ
ส่งเสริมสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ และเป้าหมายอื่น ๆ
รวมถึงใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนการตรวจสอบและแผนปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘
โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑) ทิศทางและเป้าหมายในการตรวจเงินแผ่นดิน เช่น
การตรวจเงินแผ่นดินต้องเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นไปตามวัตถุประสงค์ คุ้มค่า
เกิดผลสัมฤทธิ์ มีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐ
๒) ผลสัมฤทธิ์ในการตรวจเงินแผ่นดิน เช่น
การตรวจเงินแผ่นดินสามารถระงับยับยั้งความเสียหายร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังและทรัพย์สินของรัฐ
และ ๓) การดำเนินการเพื่อพัฒนาการตรวจเงินแผ่นดิน เช่น ส่งเสริมและผลักดันให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการตรวจเงินแผ่นดิน
พัฒนาระบบการตรวจเงินแผ่นดินอิเล็กทรอนิกส์ และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) มาช่วยในการปฏิบัติหน้าที่
ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
999 | การแก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ | นร.09 | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแก้ไขมาตรา ๑๕๒๓ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ๒๔) พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยมีผลใช้บังคับในวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๘
ที่แก้ปัญหาความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๗ วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม
ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ ๑๓/๒๕๖๗ และมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ
ดำเนินการแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด ข้อบัญญัติ ประกาศ คำสั่ง
มติคณะรัฐมนตรี หรือแนวปฏิบัติในเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับมาตรา ๑๕๒๓ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่
๑๓/๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1000 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | ทส. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม
อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน
อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม
อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน
อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑
ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาการใช้บังคับในวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๘
เพื่อปรับปรุงเป็นฉบับใหม่ โดยกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากยิ่งขึ้นและเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการบังคับใช้กฎหมาย
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ |