ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 50 จากทั้งหมด 6222 หน้า แสดงรายการที่ 981 - 1000 จากข้อมูลทั้งหมด 124440 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง  | 
									วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 981 | ผลการพิจารณาญัตติมาตรการป้องกัน ฟื้นฟู และเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์โรงงานผลิตพลุและดอกไม้เพลิงระเบิด | มท. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาญัตติมาตรการป้องกัน
ฟื้นฟู และเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์โรงงานผลิตพลุและดอกไม้เพลิงระเบิด สรุปผลได้ว่า
กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง)
ได้ดำเนินการกำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับดอกไม้เพลิงโดยตลอด
โดยซักซ้อมความเข้าใจในการพิจารณาออกใบอนุญาตให้สั่งดอกไม้เพลิงถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด
และจัดทำ “แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับดอกไม้เพลิง ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน
เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียม อาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐”
เพื่อให้นายทะเบียนท้องที่ได้ถือเป็นแนวทางปฏิบัติ เป็นต้น นอกจากนี้
ได้จัดประชุมทบทวนความเหมาะสมและกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการค้าและการผลิตดอกไม้เพลิง
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทบทวนความเหมาะสมของประกาศกระทรวงกลาโหม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
หลักเกณฑ์การควบคุมและการกำกับ ดูแลการผลิต การค้า การครอบครอง
การขนส่งดอกไม้เพลิง และวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตดอกไม้เพลิง พ.ศ. ๒๕๔๗
และกำหนดแนวทางร่วมกันระหว่างหน่วยงาน
รวมทั้งได้จัดทำรายงานผลการดำเนินการฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โรงงานผลิตพลุและดอกไม้เพลิงระเบิด
โดยเป็นการประสานความร่วมมือทั้งในส่วนภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน
ตลอดจนได้มีการตรวจสอบสถานประกอบการที่เข้าข่ายเป็นผู้ผลิตดอกไม้เพลิงโดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อาทิ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พร้อมรายงานผลการดำเนินการให้กรมการปกครองทราบ ตามที่กระทรวงมหาไทยเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 982 | มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย | กค. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
และส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
โดยมีหลักการเช่นเดียวกับมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
สำหรับที่อยู่อาศัยปี ๒๕๖๙ ที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ เมษายน ๒๕๖๗)
ซึ่งสิ้นสุดแล้วเมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบ     ๒.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์หรือที่ดินพร้อมอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด     ๒.๒
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
กรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้     ๒.๓.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่ากระทรวงการคลังควรดำเนินมาตรการเท่าที่จำเป็นเพื่อลดแรงกดดันต่อเสถียรภาพทางการคลังที่อาจเผชิญกับความเสี่ยงจากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไป
อาจพิจารณาปรับลดเพดานมูลค่าที่อยู่อาศัย
รวมทั้งควรกำหนดให้มีการประเมินผลเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินมาตรการ
เพื่อประเมินความคุ้มค่า ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของโครงการ เพื่อนำมาจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย
๑๐ ปี (ปี ๒๕๖๙ - ๒๕๗๘) และปรับปรุงแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ ๒๐ ปี (ปี
๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มได้รับประโยชน์สูงสุงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 983 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับผู้มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับผู้ที่มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับผู้ที่มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ
พ.ศ. ๒๕๖๐ เกี่ยวกับการตรวจติดตามคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนแล้ว
กำหนดระยะเวลาการขอขึ้นทะเบียนใหม่กรณีผู้ประกอบการถูกเพิกถอนรายชื่อออกจากทะเบียนผู้ประกอบการ
และปรับอัตราค่าธรรมเนียมการขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการและกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการตรวจติดตาม
รวมทั้งกำหนดให้มีการปรับลดระดับชั้นของผู้ประกอบการในกรณีที่เกิดความเสียหายจากการปฏิบัติงานด้วย
เพื่อความเหมาะสมของกรอบระยะเวลาการตรวจติดตาม
เพิ่มโอกาสสำหรับผู้ประกอบการที่ถูกเพิกถอนรายชื่อออกจากทะเบียนผู้ประกอบการ
และเพื่อความเหมาะสมของอัตราค่าธรรมเนียมการขอขึ้นทะเบียนในการดำเนินการตามสภาพการณ์ในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้พิจารณาขยายขอบเขตของร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงการก่อสร้างอาคารด้วย
และให้พิจารณาในประเด็นความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่าตามร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๗
การกำหนดประเภทชั้น
การเลื่อนชั้นและการลดระดับชั้นของผู้ประกอบการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่คณะกรรมการราคากลางกำหนดตามมาตรา ๕๑ วรรคสามหรือมาตรา ๕๒ วรรคสอง
แล้วแต่กรณี ควรมีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ประกอบการใหม่ทั้งหมด
โดยไม่มีการยกเว้นคุณสมบัติด้านผลงาน บุคลากร เครื่องมือ เครื่องจักร
และอุปกรณ์การก่อสร้าง เนื่องจากเหตุแห่งการถูกปรับลดระดับชั้นของผู้ประกอบการอาจมีสาเหตุมาจากการขาดคุณสมบัติตามระดับชั้นเดิมที่ผู้ประกอบการได้ขึ้นทะเบียนไว้และการพิจารณากำหนดระยะเวลาการลดระดับชั้นของผู้ประกอบการต้องไม่น้อยกว่าระยะเวลาการตัดสิทธิ์ สำนักงบประมาณ เห็นควรที่กระทรวงการคลังจะพิจารณาเพิ่มเติมมาตรการ
วิธีการ
หรือกระบวนการในการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนให้มีความรอบคอบและเป็นปัจจุบัน
รวมทั้งกำหนดมาตรการในเชิงป้องกันเพื่อควบคุมการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการให้เป็นไปตามมาตรฐานของหลักวิชาการช่างในงานก่อสร้างอย่างมีคุณภาพ
และไม่ให้เกิดความเสียหายจากการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับประชาชนด้วย ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางศึกษาหามาตรการอื่น
ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะมาตรการที่เข้มงวดซึ่งครอบคลุมทั้งโทษทางแพ่งและอาญาสำหรับการลงโทษผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติงานให้เป็นไปตามมาตรฐานของหลักวิชาช่างในงานก่อสร้างหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าตามร่างกฎกระทรวงฯ
ที่กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอขึ้นทะเบียน การตรวจติดตามผู้ประกอบการงานก่อสร้าง
ตามร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.
๒๕๔๖ หากมีการกำหนดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
ของหน่วยงานราชการต้องมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน
และต้องไม่เป็นการสร้างภาระให้แก่ประชาชนเกินกว่าที่จำเป็นหรือเกินสมควร ดังนั้น
กรมบัญชีกลางควรมีการวิเคราะห์ถึงต้นทุนที่เหมาะสมในการดำเนินการจดทะเบียนผู้ประกอบการของกรมบัญชีกลาง
ซึ่งที่ผ่านมากรมทางหลวงได้มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเพียง ๕๐๐.- บาท
เนื่องจากการจดทะเบียนของกรมทางหลวงเป็นภารกิจที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
จึงไม่มีความจำเป็นต้องเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอันไม่เหมาะสมหรือเกินสมควรแก่ประชาชนอีก สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าการเพิ่มประเภทอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจติดตามผู้ประกอบการ
และอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจเครื่องมือ เครื่องจักร
และอุปกรณ์การก่อสร้างตามบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมท้ายกฎกระทรวงฯ
เป็นการออกกฎหมายที่เกินอำนาจกฎหมายแม่บทในมาตรา ๕๓ วรรคสาม
แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่กำหนดให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการงานก่อสร้างและผู้ประกอบการพัสดุอื่นเท่านั้น
เพื่อให้การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมครอบคลุมต้นทุนในการควบคุมหรือกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง
รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการขึ้นทะเบียนตามข้อ ๑ วรรคสอง และข้อ ๓ (๑)
ของหลักเกณฑ์ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๔
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมการขอขึ้นทะเบียนดังกล่าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
โดยคำนึงถึงค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนในการตรวจสอบคุณสมบัติเกี่ยวกับเครื่องมือเครื่องจักรตามข้อ
๓ (๙)
แห่งกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับผู้ที่มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการฯ
ด้วย 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 984 | แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 9-10 เมษายน 2568 | ปสส. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖
ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๓๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ในวันพุธที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๘ และครั้งที่
๓๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 985 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พ.ศ. .... | กค. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ รวม ๖ ชนิด ได้แก่ ๑)
เหรียญกษาปณ์ทองคำ ชนิดราคาสามหมื่นบาท ประเภทขัดเงา ๒) เหรียญกษาปณ์ทองคำ
ชนิดราคาสามหมื่นบาท ประเภทธรรมดา ๓) เหรียญกษาปณ์เงิน ชนิดราคาหนึ่งพันบาท
ประเภทขัดเงา ๔) เหรียญกษาปณ์เงิน ชนิดราคาหนึ่งพันบาท ประเภทธรรมดา ๕)
เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคายี่สิบบาท ประเภทขัดเงา และ ๖)
เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคายี่สิบบาท ประเภทขัดธรรมดา เพื่อเป็นที่ระลึกในวโรกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ในวันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 986 | ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ | สผ. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการลงมติของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
เรื่อง ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
ตามมาตรา ๑๕๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ซึ่งที่ประชุมได้ลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนเสียงไม่มากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
จึงถือว่านายกรัฐมนตรีได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎร
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 987 | ผลการสรรหากรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (1. รองศาสตราจารย์สุธรรม อยู่ในธรรม ฯลฯ จำนวน 3 คน) | สขค | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายชื่อผู้ที่ใด้รับคัดเลือกเป็นกรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า
จำนวน ๓ คน ตามที่คณะกรรมการสรรหาได้คัดเลือกแล้ว เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. รองศาสตราจารย์สุธรรม อยู่ในธรรม ๒. นางปัทมา เธียรวิศิษฎ์สกุล ๓. พลตำรวจโทพิทยา ศิริรักษ์ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 988 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการบริหาร การบำรุงรักษา และการใช้สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท) | คค. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
											    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 989 | การสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการกฎหมายการค้าระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ วาระปี ค.ศ. 2028 - 2034 และคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ วาระปี ค.ศ. 2029 - 2031 | กต. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการกฎหมายการค้าระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ
(United Nations Commission on International Trade
Law : UNCITRAL) วาระปี ค.ศ. ๒๐๒๘ - ๒๐๓๔ และคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ
(United Nations Economic and Social Council : ECOSOC) วาระปี ค.ศ. ๒๐๒๙ - ๒๐๓๑ ซึ่ง UNCITRAL
จัดตั้งขึ้นโดยข้อมติของสมัชชาสหประชาชาติ เพื่อส่งเสริมความสอดคล้องและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ
รวมทั้งลดอุปสรรคด้านกฎหมายที่เกิดขึ้นในการค้าระหว่างประเทศ และ ECOSOC เป็น ๑ ใน ๖ องค์กรหลักของสหประชาชาติซึ่งก่อตั้งขึ้นตามกฎบัตรสหประชาชาติ
มีภารกิจหลักในการขับเคลื่อนประเด็นเศรษฐกิจ สังคม การพัฒนา
และสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงประมามาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรองรับไว้แล้ว และค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 990 | การสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งสมาชิกสภาบริหาร (ITU Council) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ในระหว่างการประชุมใหญ่ผู้แทนผู้มีอำนาจเต็ม (Plenipotentiary Conference) ค.ศ. 2026 | กสทช. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ประเทศไทยสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งสมาชิกสภาบริหาร
(Council) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ
(International Telecommunication Union : ITU) (สมาชิกสภาบริหารของ ITU) อีกวาระหนึ่ง(ปี ค.ศ. ๒๐๒๗ - ๒๐๓๐) (พ.ศ. ๒๕๗๐ -
๒๕๗๓) และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขอเสียง/แลกเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกของ
ITU ในการสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งสมาชิกสภาบริหารของ ITU
ของประเทศไทย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 991 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบรับรองการจดแจ้งรายการส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบประเภทบุหรี่ซิกาแรตและบุหรี่ซิการ์ พ.ศ. .... | สธ. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบรับรองการจดแจ้งรายการส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบประเภทบุหรี่ซิกาแรตและบุหรี่ซิการ์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกใบรับรองการจดแจ้งรายการส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบประเภทบุหรี่ซิกาแรตและบุหรี่ซิการ์
ตามกฎกระทรวงกำหนดส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบ และสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบประเภทบุหรี่ซิกาแรต
และบุหรี่ซิการ์ การแจ้ง และการออกใบรับรอง พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรเร่งดำเนินการตามมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนและเผยแพร่ตามช่องทางที่กำหนด
รวมถึงในเว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ (www.info.go.th)
ต่อไป สำนักงบประมาณ เห็นสมควรที่กระทรวงสาธารณสุขจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้ผู้เกี่ยวข้องทราบอย่างทั่วถึง
และแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินงานทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 992 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ บริหารจัดการน้ำ และฟื้นฟูโครงการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย | กษ. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ บริหารจัดการน้ำ และฟื้นฟูโครงการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย จำนวน ๕๕๔ รายการ วงเงิน ๑,๑๘๒,๓๙๖,๘๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมอบหมายให้กรมชลประทานจัดส่งรายการตามแผนงานโครงการดังกล่าวให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ตรวจสอบ เพื่อป้องกันความซ้ำซ้อนกับโครงการที่หน่วยงานอื่น ๆ ได้ขอรับจัดสรรงบประมาณไปแล้ว พร้อมทั้งจัดทำแผนการใช้งบประมาณ ให้สามารถติดตามตรวจสอบการดำเนินโครงการให้เกิดประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 993 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก ที่ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เชื่อมระหว่างอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส และเมืองรันเตาปันยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย พร้อมจัดทำและลงนามร่างความตกลงว่าด้วยการก่อสร้าง | คค. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้     ๑.๑ ให้กรมทางหลวงดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก
- ลก ที่ อำเภอสุไหงโก - ลก จังหวัดนราธิวาส โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี สำหรับวงเงินลงทุนที่ฝ่ายไทยต้องรับผิดชอบ
จำนวนรวมทั้งสิ้น ๒๙๒.๖๕๐ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ๓๖ เดือน
ตามแผนการใช้จ่ายเงินที่เสนอ     ๑.๒
อนุมัติการจัดทำและลงนามร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลมาเลเซียว่าด้วยการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก - ลก แห่งที่สอง
และการปรับปรุงสะพานเดิมเชื่อมระหว่างอำเภอสุไหงโก - ลก จังหวัดนราธิวาส
ประเทศไทย และเมืองรันเตาปันยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย     ๑.๓
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยและมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องตามร่างความตกลงว่าด้วยการก่อสร้าง     ๑.๔
อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศ จัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
หรือผู้ที่ได้รับหมาย ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นว่าร่างความตกลงฯ เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ
และเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐
ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีก่อนการลงนามและการดำเนินการให้มีผลผูกพัน
แต่ไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสองของรัฐธรรมนูญฯ
ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา กรณีนี้จึงเข้าลักษณะเรื่องที่สามารถนำเสนอคณะรัฐมนตรีได้
ตามนัย มาตรา ๔ (๗) แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. ๒๕๔๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ในส่วนของรายละเอียดและการใช้จ่ายงบประมาณในการดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก
- ลก ที่ อำเภอสุไหงโก - ลก จังหวัดนราธิวาส เชื่อมระหว่างอำเภอสุไหงโก - ลก จังหวัดนราธิวาส
และเมืองรันเตาปันยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ภายในกรอบวงเงินรวม ๒๙๒.๖๕
ล้านบาท ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ระบุไว้ในรายงานฯ อย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กระทรวงคมนาคม
โดยกรมทางหลวง หารือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการปฏิบัติตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 994 | การให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อาคารพังถล่ม | นร. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จนถึงขณะนี้เหตุการณ์อาคารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างพังถล่มได้ผ่านมาแล้ว
๑๑ วัน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอาสาสมัครจากทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ร่วมมือกันในการค้นหาและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่และต่อเนื่องมาตลอดและยังคงจะดำเนินการต่อไปจนกว่าจะค้นหาผู้ประสบภัยได้ครบถ้วน
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวจะต้องควบคู่ไปกับการรื้อถอนซากปรักหักพัง
รวมทั้งการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการก่อสร้างอาคารเพื่อหาสาเหตุและผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป
ซึ่งเมื่อเช้านี้ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี
คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้มารายงานความคืบหน้าในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ในเบื้องต้นแล้ว
ทั้งนี้ เรื่องสำคัญที่จะต้องเร่งดำเนินการต่อจากนี้ คือ
การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และทายาทที่เกี่ยวข้อง
จึงขอให้สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี)
เร่งประสานงานกันกับกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมมาตรการในการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้ให้ถูกต้อง
ครบถ้วน ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๘ (เรื่อง
การเตรียมการรองรับสถานการณ์ภัยพิบัติของประเทศไทย) แล้วดำเนินการตามขั้นตอน
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 995 | (ร่าง) ข้อเสนอการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำในแหล่งน้ำนอกเขตชลประทาน | สกช. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		           คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้           ๑. รับทราบข้อเสนอการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำในแหล่งน้ำนอกเขตชลประทาน
มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำภาคเกษตรกรรมของเกษตรกรทั่วประเทศ
ซึ่งประกอบด้วย ๒ แนวทางหลัก ดังนี้ (๑)
การเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำในแหล่งน้ำนอกเขตชลประทาน
และการปรับปรุงแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทานร่วมกับการจัดทำธนาคารน้ำใต้ดิน
โดยมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมพัฒนาที่ดิน)
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำบาดาล) และกระทรวงมหาดไทย
(กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและกรมโยธาธิการและผังเมือง) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ
และ (๒) การทำฝายชะลอน้ำเพื่อกักเก็บน้ำและเพิ่มความชุ่มชื่น
และส่งเสริมการทำฝายแหล่งต้นน้ำเพื่อเป็นการเติมน้ำเข้าสู่ระบบธนาคารน้ำใต้ดินเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำใต้ดินให้เกิดความสมดุล
โดยมีกระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและกรมโยธาธิการและผังเมือง)
และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ           ๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นว่า
ควรหารือการดำเนินงานร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาลในการคัดเลือกพื้นที่นำร่องเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของแหล่งน้ำ
และมีการติดตามประเมินผลด้านวิชาการก่อนขยายผลขับเคลื่อนการดำเนินงานในภาพรวม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นว่า
การทำฝายแหล่งต้นน้ำควรคำนึงถึงการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐาน
เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมบนแหล่งต้นน้ำในระยะยาว
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเห็นว่า
การจัดสรรงบประมาณเห็นควรให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
รวมถึงกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอนอย่างเคร่งครัด
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 996 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 เรื่อง ข้อเสนอหลักการกฎหมายว่าด้วยเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม | นร.09 | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤษภาคม ๒๕๖๕ เรื่อง ข้อเสนอหลักการกฎหมายว่าด้วยเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม
โดยเห็นควรให้ยุติการดำเนินการจัดทำร่างพระราชบัญญัติเศรษฐกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล
พ.ศ. .... ไว้เป็นการชั่วคราวก่อน และมอบหมายให้หน่วยงานเจ้าของเรื่อง ได้แก่
สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง
(สำนักงาน ป.ย.ป.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าไปร่วมกันดำเนินการศึกษาทบทวนแนวทางและมาตรการส่งเสริมและกำกับดูแลเศรษฐกิจแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เหมาะสมสำหรับบริบทของประเทศไทยก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาความเหมาะสมของการมีกฎหมายดังกล่าว
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งศึกษาหาข้อยุติในการออกฎหมายเพื่อกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัล
แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๑ เดือน ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง
และสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้ารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณาถึงความเสี่ยงและโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจากการให้บริการหรือใช้บริการแพลตฟอร์ม
รวมถึงประเด็นที่เป็นช่องว่างหรือมีความซ้ำซ้อนในการกำกับดูแลภายใต้กฎหมายเฉพาะที่มีอยู่เดิม
โดยควรเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในวงกว้างในแต่ละขั้นตอนด้วย 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 997 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข ในการบริการแผนที่หรือข้อมูลทางแผนที่เป็นการเฉพาะราย พ.ศ. .... | กษ. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไข ในการบริการแผนที่หรือข้อมูลทางแผนที่เป็นการเฉพาะราย พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกค่าบริการในการขอรับบริการแผนที่หรือข้อมูลทางแผนที่
ให้สามารถรับบริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
และยกเลิกเงื่อนไขการห้ามผู้รับบริการเปลี่ยนแปลง ทำซ้ำ จ่าย แจก
หรือเผยแพร่ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของแผนที่หรือข้อมูลทางแผนที่แก่บุคคลที่ ๓
แต่ยังคงมีเงื่อนไขการห้ามจำหน่ายให้กับบุคคลที่ ๓ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงกลาโหม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย ดังนี้ (๑)
ควรกำหนดเงื่อนไข กรณีเปลี่ยนแปลง ทำซ้ำ จ่าย แจก
หรือเผยแพร่ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของแผนที่
ควรได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดกับหน่วยงานได้ (๒) ควรคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของการใช้งานแผนที่หรือข้อมูลทางแผนที่
และการใช้งานดังกล่าวที่ไม่ขัดต่อประโยชน์ส่วนรวม โดยอาจมีการออกมาตรการเพิ่มเติม
เช่น ควรมีการขอหลักฐานและผลการศึกษาที่สามารถเปิดเผยได้หลังการใช้งานเพื่อการศึกษาวิจัย
ควรมีการคิดค่าธรรมเนียมการใช้งานข้อมูลในเชิงธุรกิจเหมือนเดิม
ควรมีการออกประกาศชนิดแผนที่ภาพถ่ายตลอดจนรายชื่อระวางที่จำเป็นจะต้องดำเนินการ
เป็นต้น และ (๓)
ควรมีเงื่อนไขหรือมีข้อจำกัดในการใช้งานในกรณีที่แผนที่หรือข้อมูลทางแผนที่ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงหรือเป็นพื้นที่อ่อนไหว
และควรกำหนดรูปแบบการให้บริการให้มีความชัดเจนและมีช่องทางหลากหลาย ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 998 | ขอผ่อนผันการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อดำเนินงานก่อสร้างระบบจำหน่ายไฟฟ้า 22 kV ช่วงสถานีไฟฟ้ากาญจนบุรี 4 ถึงจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ตามโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ระยะที่ 2 และงานก่อสร้างสายส่งไฟฟ้า 115 kV ช่วงสถานีไฟฟ้ากาญจนบุรี 4 ถึงสถานีไฟฟ้าบริเวณพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมกาญจนบุรี | มท. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการผ่อนผันการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๓๒ เรื่อง
ขอผ่อนผันใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ เพื่อก่อสร้างทางเพื่อความมั่นคง
และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคตะวันตก ภาคกลาง และลุ่มน้ำป่าสัก
และการกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนอื่น ๆ
(ลุ่มน้ำชายแดน) เพื่อดำเนินงานก่อสร้างระบบจำหน่ายไฟฟ้า ๒๒ kV ช่วงสถานีไฟฟ้ากาญจนบุรี ๔ ถึงจุดผ่านแดนถาวร บ้านพุน้ำร้อน
ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
ตามโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ระยะที่ ๒ และงานก่อสร้างสายส่งไฟฟ้า
๑๑๕ kV ช่วงสถานีไฟฟ้ากาญจนบุรี ๔
ถึงสถานีไฟฟ้าบริเวณพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมกาญจนบุรี ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีมติเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นด้วยกับแผนงานก่อสร้างดังกล่าว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)
รับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย กระทรวงคมนาคม เห็นควรให้โครงการนำมาตรการการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม
พร้อมทั้งกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และการดำเนินการก่อสร้างใด
ๆ ในเขตทางหลวงจะต้องขออนุญาตจากกรมทางหลวงตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้เส้นทางเป็นสำคัญ สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๙ สิงหาคม ๒๕๖๕ เรื่อง ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๖ เรื่อง
การดำเนินโครงการใด ๆ
ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นจะต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า หากมีค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการ
ให้พิจารณาใช้จ่ายจากเงินรายได้ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต่อไป 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 999 | การนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม “พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม อัตลักษณ์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก | ทส. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		           คณะรัฐมนตรีมีมติ           ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้              
๑.๑ เห็นชอบเอกสารนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม “พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม
อัตลักษณ์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ภายใต้ชื่อ “Phra Prang of Wat Arun Ratchawararam :
The Masterpiece of Krung Rattanakosin” เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น
(Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก              
๑.๒
เห็นชอบให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกลงนามในเอกสารนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม
“พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม อัตลักษณ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ภายใต้ชื่อ “Phra Prang of
Wat Arun Ratchawararam : The Masterpiece of Krung Rattanakosin” เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น
(Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก ต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส
สาธารณรัฐฝรั่งเศส              
๑.๓ มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะหน่วยประสานงานกลางอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาตินำเสนอเอกสารการนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม
“พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม อัตลักษณ์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ภายใต้ชื่อ “Phra Prang of
Wat Arun Ratchawararam : The Masterpiece of Krung Rattanakosin” เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดกโลก
ต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส           ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘
เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘ หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ
แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า
ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่จะได้รับ
การบูรณาการของหน่วยงานหลักและหน่วยงานสนับสนุนและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1000 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของการหารือเชิงยุทธศาสตร์ไทย - สหราชอาณาจักร ครั้งที่ 5 | กต. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
											    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
