ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 49 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 961 - 980 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
961 | ขออนุมัติรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป โครงการจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา ระยะที่ 2 | ศธ. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ ของกระทรวงศึกษาธิการ โครงการจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา
ระยะที่ ๒ งบประมาณจำนวน ๒๙,๗๖๕,๒๕๓,๖๐๐ บาท และอนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการจัดหาอุปกรณ์ฯ
ระยะที่ ๒ เป็นระยะเวลา ๕ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙-๒๕๗๓ วงเงินทั้งสิ้น ๒๙,๗๖๕.๒๕ ล้านบาท โดยปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ขอรับงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวน
๕,๙๕๓.๐๕ ล้านบาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการจัดหาอุปกรณ์ฯ ระยะที่ ๒ และส่วนที่เหลือจำนวน
๒๓,๘๑๒.๒๐ ล้านบาท ขอผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๗๐ - ๒๕๗๓ ต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมีการดำเนินโครงการเดิมให้มีความก้าวหน้าก่อน
เพื่อให้สามารถติดตามประเมินผลโครงการสำหรับนำข้อมูลมาใช้ปรับปรุงขั้นตอนและกระบวนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพตามมติคณะรัฐมนตรีได้
เนื่องจากปัจจุบันการดำเนินโครงการยังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำเอกสารกำหนดขอบเขตและรายละเอียดของการจัดหาพัสดุและงานจ้าง
และควรมีการจัดทำแผนการดำเนินงานในภาพรวมที่เชื่อมโยงให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพในทุกพื้นที่
และการพัฒนาสื่อดิจิทัลที่สอดคล้องกับนักเรียนแต่ละช่วงชั้นและบริบทของแต่ละพื้นที่
รวมทั้งการกำหนดผลสัมฤทธิ์ของโครงการที่สามารถสะท้อนถึงคุณภาพการศึกษาที่ดีขึ้น สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เห็นควรนำดิจิทัลแพลตฟอร์มเข้ามาสนับสนุนในการจัดการเรียนการสอนให้มีช่องทางที่หลากหลาย
เพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้
และส่งเสริมการพัฒนาทักษะที่จำเป็นให้แก่นักเรียนและครูผู้สอนเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณ
วงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด
ให้เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
962 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ | ปช. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙
ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จำนวน ๕,๒๕๕,๘๖๖,๑๐๐ บาท และกองทุนป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จำนวน ๕๑๔,๓๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าว เป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการควบคุม และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
963 | ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ และการนำส่งเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตนในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติ พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตนในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรง พ.ศ. .... | รง. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบ ๑.๑
ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ และการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง
และผู้ประกันตนในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบของนายจ้างและการนำส่งเงินสมทบของนายจ้างตามมาตรา
๔๗ วรรคสอง และการนำส่งเงินสมทบของผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ ในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรงจากวาตภัยและอุทกภัย
ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และพัทลุง ในงวดเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๗
ถึงงวดเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่นายจ้างและผู้ประกันตน และ ๑.๒
ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตนในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการลดหย่อนการออกเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของนายจ้าง
ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ และผู้ประกันตนมาตรา ๓๙
ในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรง โดยให้การลดหย่อนการออกเงินสมทบมีผลใช้บังคับในงวดเดือนพฤศจิกายน
พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงงวดเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ รวม
๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าการปรับลดอัตราเงินสมทบดังกล่าว
จะทำให้รายรับของกองทุนประกันสังคมลดลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมในระยะยาว
กระทรวงแรงงานจึงควรมีแผนการรองรับผลกระทบดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
สำนักงบประมาณ เห็นควรที่กระทรวงแรงงานจะประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้ผู้เกี่ยวข้องทราบอย่างทั่วถึง
เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคมทั้งในระยะสั้น
ระยะกลาง และระยะยาว โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่องและเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคม
รวมถึงภาระการเงินการคลังที่อาจเกิดขึ้นแก่รัฐในอนาคต
ตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
964 | การขอก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ สำหรับโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ทดแทนและเพิ่มเติม และโครงการเช่าบริการระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV System) และเทคโนโลยีอื่น เพื่อการควบคุมทางศุลกากร | กค. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงการคลัง สำหรับโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ทดแทนและเพิ่มเติม
และโครงการเช่าบริการระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV System) และเทคโนโลยีอื่น เพื่อการควบคุมทางศุลกากร ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคมนาคม เห็นควรดำเนินโครงการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และข้อบังคับให้ถูกต้อง ครบถ้วน โดยคำนึงถึงความประหยัด
และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าด่านศุลกากรเชียงของ และด่านศุลกากรแม่สอด
ที่ปัจจุบันยังคงมีจำนวนตู้สินค้าอยู่ในระดับต่ำและอาจมีความเสี่ยงของจำนวนตู้สินค้าผ่านด่านในอนาคต
ควรให้กรมศุลกากรพิจารณาความคุ้มค่าในการจัดหาระบบตรวจสอบตู้ฯ แบบขับผ่าน (Drive - Through) โดยอาจพิจารณาระบบตรวจสอบตู้ฯ
แบบเคลื่อนที่ได้ (Mobile) เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการระบบตรวจสอบตู้ฯ
ในพื้นที่ดังกล่าวให้สอดคล้องกับความต้องการขนส่งสินค้าและแผนการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งที่เกี่ยวข้องในอนาคต
และมอบหมายให้กรมศุลกากร
พิจารณาเพิ่มประสิทธิภาพด้านพิธีการทางศุลกากรในเชิงรุกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนการเปิดให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนา
อาทิ โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือแหลมฉบัง ระยะที่ ๓ เพื่อให้การพัฒนาขีดความสามารถในการดำเนินพิธีการศุลกากรสอดคล้องและบูรณาการกัน ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด
ให้เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
965 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป โครงการก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ ระยะที่ 2 คลองหก | ทส. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ - ๒๕๗๑
โครงการก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ ระยะที่ ๒ คลองหก จำนวนเงิน ๔,๕๘๖,๗๓๙,๑๓๐ บาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และยืนยันความพร้อมของรายการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ ประมาณการราคารวมถึงการดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ ตลอดจนสถานะการเงินการคลังและคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนดตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสมและจำเป็นตามวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุน
และรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด ให้เหมาะสม
สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา
แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอน และกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
966 | การเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของกระทรวงมหาดไทย สำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณและมีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป | มท. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๓ โครงการ
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๕,๖๙๓.๔๔๔๒ ล้านบาท ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และยืน ยันความพร้อมของรายการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ ประมาณราคา
รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด
การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ เป็นต้น ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด
ให้เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา
แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
967 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โครงการก่อสร้างอาคารจอดรถของอาคารรัฐสภา (เพิ่มเติม) บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา ตามแนวถนนสามเสน | สผ. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
โครงการก่อสร้างอาคารจอดรถของอาคารรัฐสภา (เพิ่มเติม) บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา
ตามแนวถนนสามเสน วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๔,๕๙๓,๒๗๓,๙๖๓ บาท ทั้งนี้
ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าหากโครงการก่อสร้างอาคารจอดรถของอาคารรัฐสภา
(เพิ่มเติม) บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา ตามแนวถนนสามเสน
เป็นอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษหรือส่วนหนึ่งของอาคารเดิมที่ได้รับอนุญาตเป็นอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่ไว้แล้วจะเข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ
ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๖ ลงวันที่ ๒๐
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ข้อ ๔ วรรคสอง สำนักงบประมาณ เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และยืนยันความพร้อมของรายการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ ประมาณการ หรือผลการสืบราคา
รายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง
และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ
รวมถึงดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
968 | ขออนุมัติรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป โครงการส่งเสริมการเรียนรู้อาชีวศึกษาทุกที่ทุกเวลา : จัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา | ศธ. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงศึกษาธิการ โครงการส่งเสริมการเรียนรู้อาชีวศึกษาทุกที่ทุกเวลา
จำนวน ๓,๓๐๒,๑๓๓,๑๒๐
บาท
เป็นโครงการจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา
งบประมาณ จำนวน ๓,๒๑๒,๑๓๓,๑๒๐ บาท และโครงการผลิตสื่อวีดิทัศน์หรือสื่อโทรทัศน์เพื่อการศึกษาอาชีวศึกษา
สำหรับการเรียนรู้แบบออนไลน์
และบริการหน่วยประมวลผลและพื้นที่หรืออุปกรณ์จัดเก็บสื่อดิจิทัล
และการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบงานหรือระบบฐานข้อมูลภายนอก
เพื่อขยายช่องทางเผยแพร่สื่อดิจิทัล งบประมาณจำนวน ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณและยืนยันความพร้อมของรายการดังกล่าว
โดยกำหนดวัตถุประสงค์และสาระสำคัญของรายการ รายละเอียด คุณลักษณะเฉพาะ
ประมาณการราคาหรือผลการสอบราคา สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการให้ชัดเจน และพิจารณาดำเนินการเช่าเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาตามคุณลักษณะที่เหมาะสมและสอดคล้องกับจำนวนนักเรียนที่จำเป็นต้องใช้งานของสถานศึกษาในแต่ละประเภทวิชาและสาขาวิชาระยะเวลาการใช้งานแต่ละภาคการศึกษาและความพร้อมของสื่อและระบบที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน
และเนื่องจากเป็นโครงการที่จัดหาคอมพิวเตอร์ของรัฐที่มีงบประมาณตั้งแต่ ๑๐๐
ล้านบาทขึ้นไป ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ
ตามหนังสือสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีด่วนที่สุด ที่ นร ๐๕๐๖/๑๓๓๗๖ ลงวันที่ ๑๒
พฤษภาคม ๒๕๕๔ เพื่อประกอบการพิจารณา ตลอดจนกำหนดให้มีมาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหากจะขยายการดำเนินโครงการนี้ต่อไปควรให้มีการดำเนินการในส่วนที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้แล้วเสร็จก่อน
และเพื่อให้รู้ถึงปัญหาอุปสรรคและข้อควรระวังก่อนจะมีการผูกพันงบประมาณในระยะยาวต่อไป
ควรพิจารณาทบทวนแนวทางการจัดสรรอุปกรณ์ให้สอดคล้องความจำเป็นทั้งในมิติของสาขาวิชาเรียน
ระดับชั้น และการเลือกประเภทโรงเรียนเพื่อการนำร่อง พร้อมทั้งกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน
เพื่อให้สะท้อนวัตถุประสงค์ของโครงการในการยกระดับคุณภาพและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด
ให้เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
969 | ขออนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของสำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม | คค. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงคมนาคม
(สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม) จำนวน ๑ โครงการ คือ โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่
ระยะเวลาดำเนินการ ปี ๒๕๖๙ - ๒๕๗๑ วงเงินรวม ๔,๕๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ
ประมาณการราคา รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมดำเนินตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ
พ.ศ. ๒๕๓๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อาคารและสิ่งปลูกสร้างโครงการและพื้นที่อย่างเต็มศักยภาพ
เช่น กระทรวงคมนาคม
โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
ควรพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการจราจรบริเวณสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
(สถานีกลางบางซื่อ) และพื้นที่บริเวณใกล้เคียง
เพื่อป้องกันและลดปัญหาการจราจรติดขัดในบริเวณดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นต้น ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด
ให้เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
970 | โครงการสถาบันการแพทย์ศิริราชระดับนานาชาติ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล | อว. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงิน
ตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม โครงการสถาบันการแพทย์ศิริราชระดับนานาชาติ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
มหาวิทยาลัยมหิดล (ปีงบประมาณ ๖๕๖๙ - ๒๕๗๔) มูลค่า ๑๖,๙๖๐,๕๙๔,๓๐๐ บาท และสนับสนุนโครงการให้แล้วเสร็จ โดยขออนุมัติจากเงินงบประมาณ
ตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๖๙ - ๒๕๗๔ จำนวน ๑๑,๐๔๘,๓๒๙,๑๒๐ บาท และเงินนอกงบประมาณ จำนวน ๕,๙๑๒,๒๖๕,๑๘๐ บาท
เป็นงบลงทุนค่าก่อสร้าง ครุภัณฑ์การแพทย์ และงบบุคลากร (หมวดเงินเดือน)
โดยเป็นลักษณะเงินอุดหนุน ทั้งนี้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเสนอในขั้นขออนุญาตก่อสร้าง
หรือหากใช้วิธีการแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
โดยไม่ยื่นขอรับใบอนุญาต ให้เสนอในขั้นการแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นแล้วแต่กรณี
และจะต้องจัดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนตามประกาศสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง
แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๖ ด้วย กระทรวงสาธารณสุข เห็นควรเพิ่มเติมข้อมูลการเปิดบริการในแต่ละปีงบประมาณ
แผนการสรรหาบุคลากรวิชาชีพเฉพาะตามการจัดระบบบริการ
และแผนอัตรากำลังจำแนกตามแผนกที่เปิดบริการให้ชัดเจน
โดยคำนึงถึงหลักความประหยัดและความคุ้มค่าในด้านทรัพยากรประเทศ
ภาระผูกพันในการจัดสรรงบประมาณด้านบุคลากรที่จะเกิดขึ้นในอนาคต |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
971 | แผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | กสศ. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
(กสศ.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ภายในกรอบวงเงิน ๗,๙๘๗,๖๑๔,๙๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๖ (๓)
ของพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยให้ กสศ.
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
พร้อมรายละเอียดของกลุ่มเป้าหมายและค่าใช้จ่ายที่ชัดเจน ตามความจำเป็นอย่างเหมาะสม
โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่กลุ่มเป้าหมายจะได้รับเป็นสำคัญ รวมถึงพิจารณานำเงินนอกงบประมาณหรือเงินอื่นใดของ
กสศ. มาสมทบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในทุกแหล่งเงินที่สามารถนำมาใช้จ่ายได้
เพื่อให้สอดคล้องตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายวิธีการงบประมาณ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงยุติธรรม เห็นว่าในการขับเคลื่อนการพัฒนาเครือข่ายเมืองแห่งการเรียนรู้ของประเทศไทยและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านเยาวชนและประชากรวัยแรงงาน
ขอให้พิจารณาการส่งเสริม สนับสนุน และให้ความช่วยเหลือผู้ต้องขัง และผู้ถูกคุมความประพฤติที่มีการศึกษาต่ำกว่าขั้นพื้นฐานให้ได้รับการศึกษาหรือพัฒนาให้มีความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพตามความถนัดและมีศักยภาพที่จะพึ่งพาตนเองในการดำรงชีวิตได้ต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
972 | โครงการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ภูเก็ต | อว. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม โครงการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ภูเก็ต (พ.ศ. ๒๕๖๙ - ๒๕๗๒)
ในวงเงินงบประมาณ ๓,๑๔๐,๓๑๓,๐๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๙ - ๒๕๗๒) ทั้งนี้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรคำนึงถึงความประหยัด
ความคุ้มค่า ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ พันธกิจของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ รวมทั้งให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม จัดทำแผนการดำเนินการด้านบุคลากร
และยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ
ประมาณการค่าก่อสร้าง สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ
โดยให้ความสำคัญกับประโยชน์ที่ประเทศชาติและประชาชนจะได้รับ รวมถึงความครอบคลุมและชัดเจนเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายการให้บริการผู้ป่วยกลุ่มผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ผู้มีสิทธิในระบบประกันสังคม
และผู้มีสิทธิรักษาพยาบาลสวัสดิการข้าราชการได้เข้าถึงการบริการที่มีมาตรฐานและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ตลอดจนความสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรมีการบริหารจัดการโครงการฯ ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
และพิจารณาความเป็นไปได้ของการร่วมลงทุนจากภาคส่วนต่าง ๆ
ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามัน (Andaman
Wellness Economic Corridor) อาทิ หน่วยงานท้องถิ่นและภาคเอกชนที่มีศักยภาพให้เข้ามาร่วมลงทุน
เนื่องด้วยโครงการมีเป้าหมายในการสร้างรายได้จากบริการนักท่องเที่ยวต่างชาติระดับสูงร่วมด้วย
ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระงบประมาณของภาครัฐให้สามารถนำเงินไปลงทุนพัฒนาหน่วยบริการสาธารณสุขอื่นได้เพิ่มขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
973 | เรื่องสืบเนื่องจากการเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2568 ของนายกรัฐมนตรี | นร. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการเดินทางไปร่วมการประชุม
World Economic Forum (WEF) ประจำปี
๒๕๖๘ ระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๕ มกราคม ๒๕๖๘ ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส
ทำให้มีโอกาสหารือในระดับทวิภาคีกับผู้นำประเทศหลายประเทศ
ตลอดจนได้พบปะกับผู้นำภาคเอกชนหลายท่าน
รวมทั้งได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association : EFTA) ซึ่งถือเป็นผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมในการเพิ่มศักยภาพในด้านการค้าการลงทุนของประเทศไทยกับประเทศคู่ภาคีอื่น
ๆ ให้มากขึ้นด้วย ในการนี้ จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการในเรื่องต่าง
ๆ ที่ประเทศไทยมีศักยภาพใน ๓ ด้าน ดังนี้ ๑.๑ Logistics Hub of Asia โดยที่ประเทศไทยมีที่ตั้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เหมาะสม
มีความมั่นคง และเป็นกลางทางการเมือง รัฐบาลจะสานต่อโครงการแลนด์บริดจ์ (Landbridge)
รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่
รวมถึงการสร้างสนามบินขนาดใหญ่เพื่อรองรับการเป็น Aviation Hub จึงขอให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดทำแผนและกระบวนการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ของโครงการแลนด์บริดจ์
(Landbridge) และโครงการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนและเหมาะสม
ทั้งในเรื่องแผนการดำเนินงานและกรอบระยะเวลาของโครงการให้แล้วเสร็จ
แล้วดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปโดยด่วน ๑.๒ Kitchen of the World โดยที่รัฐบาลมุ่งเน้นที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหาร
(Food Security) และเป็นคลังอาหารของโลก (World Food
Storage) เพราะประเทศไทยมีผลผลิตทางการเกษตรที่เพียงพอและมั่นคง
ซึ่งถือเป็น Soft Power ที่สำคัญประการหนึ่งของประเทศ จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์
กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดทำแผนบูรณาการในการดำเนินการเพื่อเพิ่มปริมาณและมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและวัตถุดิบอาหารไทยไปยังตลาดโลกให้มากยิ่งขึ้น
ให้แล้วเสร็จ แล้วดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปโดยด่วน ๑.๓ Green Energy Resources โดยที่ประเทศไทยมีความพร้อมในการผลักดันการใช้พลังงานสะอาดเพื่อรองรับการตัดสินใจเข้ามาลงทุนทางด้านเทคโนโลยีของบริษัทชั้นนำต่าง
ๆ ในระดับโลก จึงขอให้กระทรวงพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดทำแผนการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภครวมทั้งนักลงทุนจากต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ให้เสร็จแล้วดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปโดยด่วน ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี
(FTA) กับเขตการค้าอื่น ๆ เพิ่มเติม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทยกับสหภาพยุโรป (European
Union : EU) ให้บรรลุผลโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
974 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของสำนักงานอัยการสูงสุด | อส. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ของสำนักงานอัยการสูงสุด จำนวน ๒๐,๘๙๗,๕๑๒,๔๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าว
เป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
975 | การดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 | นร. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๗ และ ๗ มกราคม ๒๕๖๘) มอบหมายให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการและดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ
(ฝุ่นละออง PM2.5) ในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศให้เหมาะสมและครบถ้วน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
นั้น ในขณะนี้ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นวงกว้าง
จึงขอให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เร่งรัด ติดตาม
และกำกับดูแลการดำเนินงาน/มาตรการต่าง ๆ ในความรับผิดชอบอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง
เพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวเกิดผลเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการเผาป่าและพื้นที่เพาะปลูกพืชไร่
อันเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการเกิดฝุ่นละออง PM2.5
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
976 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน | สผผ. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน จำนวน ๗๔๑,๒๐๖,๑๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าว
เป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
977 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | สม. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จำนวน ๔๓๘,๘๕๑,๖๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าว เป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ
ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
978 | โครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน 3 GeV และห้องปฏิบัติการ | อว. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม โครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน ๓
พันล้านอิเล็กตรอนโวลต์ (GeV) และห้องปฏิบัติการ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย สำนักงบประมาณ เห็นควรให้สถาบันแสงซินโครตรอน
(องค์การมหาชน) คำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มผู้ใช้บริการเดิมรับทราบถึงแผนการดำเนินงานโครงการในช่วงเปลี่ยนผ่าน
เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการใช้บริการเครื่องกำเนิดแสงเพื่อพัฒนางานวิจัยที่จำเป็นต้องใช้ระยะเวลานานในการศึกษาและวิเคราะห์เพื่อให้ได้ผลสรุป
รวมทั้งกำหนดแผนการตลาดเชิงรุกเพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนจากภาคเอกชนและกำหนดแผนการขยายกลุ่มผู้ใช้บริการให้หลากหลายมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทั้งในและต่างประเทศ
และควรพิจารณาทบทวนอัตราค่าบริการให้มีความเหมาะสมและเพียงพอต่อการบริหารโครงการในระยะยาวและเพื่อสามารถลดการพึ่งพางบประมาณจากทางภาครัฐ
พร้อมทั้งวางแผนการบริหารโครงการอย่างรัดกุมและรอบคอบเพื่อให้โครงการสามารถแล้วเสร็จได้ตามกำหนด ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ ๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมดให้เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
979 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ดศ. | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลให้เป็นหน่วยงานของรัฐตามมาตรา
๖๓/๑๕ วรรคหก แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
980 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 28 มกราคม 2568 | นร 05 | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีจะลากิจในวันอังคารที่ ๒๘ มกราคม ๖๕๖๘ ตั้งแต่เวลา ๑๔.๐๐ น. เป็นต้นไป ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|