ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 45 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 881 - 900 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
881 | ขออนุมัติกู้เงินระยะสั้น (วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) วงเงิน 1,500 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | คค. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกู้เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน
รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม โดย รฟท.
จะดำเนินการกู้เงินได้ภายหลังจากวงเงินกู้ได้รับการบรรจุไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่ผ่านความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้ การขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการกู้เงิน
ให้ รฟท. พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สำหรับเงินกู้ระยะสั้น
(วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง (หนังสือกระทรวงการคลัง
ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๙๐๔/๑๕๑๖๕ ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) สำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๙/๙๘๐ ลงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร
๑๑๒๔/๑๐๗๖๐ ลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๗) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการตามแผนวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ (แผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย)
เพื่อแก้ไขปัญหาองค์กรภายใต้การกำกับของกระทรวงคมนาคมให้เห็นผลเป็นรูปธรรมตามแผนที่กำหนดไว้โดยเร็ว สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งปรับปรุงรายละเอียดของแผนฟื้นฟูกิจการและดำเนินการตามแนวทางของแผนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะด้านการหารายได้และการพัฒนาขีดความสามารถของกิจการ
รวมทั้งการพิจารณารายละเอียดและส่งมอบทรัพย์สินที่มีศักยภาพให้กับบริษัทลูกที่จัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารสินทรัพย์ของการรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการขนส่งระบบราง
ให้มีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์
สามารถสร้างรายได้ให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
882 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือในการลงทุนด้านการพัฒนาสีเขียวระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | พน. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
883 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการส่งเสริมด้านการลงทุนในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | สกพอ. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการส่งเสริมด้านการลงทุนในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับกระทรวงพาณิชย์
สาธารณรัฐประชาชนจีน และอนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
ของฝ่ายไทย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างไทย-จีน
โดยดำเนินการในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการลงทุนภายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น
(๑) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (๒) สนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายด้านดิจิทัล (๓)
ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร เช่น
เครือข่ายบรอดแบนด์และระบบนำทางด้วยดาวเทียม (๔) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ
เช่น ระบบ AI
และเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะ และ (๕) พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น
ระบบการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพ ระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะ และคลังสินค้าอัจฉริยะ
รวมทั้งแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางด้านดิจิทัลและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีระหว่างกัน
ทั้งนี้ ร่างบันทึกความเข้าใจฯ จะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนาม
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ
เอกชน และสถาบันการศึกษา โดยเฉพาะกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เพื่อสามารถเชื่อมโยง ขยายผล และต่อยอดการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล
ภายใต้กรอบความร่วมมือของร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าวไปยังพื้นที่อื่น
ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศด้วยการสร้างมูลค่าจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลได้ยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
884 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านปัญญาประดิษฐ์ ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | อว. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านปัญญาประดิษฐ์ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (Memorandum of
Understanding on Jointly Supporting the Building of Joint Laboratories in
Artificial Intelligence between the Ministry of Higher Education, Science,
Research and Innovation of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Science
and Technology of the People’s Republic of China) และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนความร่วมมือด้านการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านปัญญาประดิษฐ์
(AI) และการประยุกต์ใช้ AI แบบบูรณาการระหว่างสถาบันวิจัย
มหาวิทยาลัย และสถาบันเทคโนโลยีขั้นสูงของทั้งสองประเทศ
เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI รวมทั้งการแลกเปลี่ยนและพัฒนานักวิจัย ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
885 | ขออนุมัติการลงนามในพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ กักกันโรค และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ของผลิตภัณฑ์ประมงที่มาจากการเพาะเลี้ยงส่งออกมายังสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย และสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | กษ. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ
กักกันโรค และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ของผลิตภัณฑ์ประมงที่มาจากการเพาะเลี้ยงส่งออกมายังสาธารณรัฐประชาชนจีน
ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานศุลกากรจีน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ
โดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) โดยร่างพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการระบุหลักเกณฑ์ด้านการตรวจสอบและการกักกันโรคสำหรับผลิตภัณฑ์ประมงที่มาจากการเพาะเลี้ยงส่งออกไปยังจีน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างพิธีสารฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
886 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยและคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ | ดศ. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านปัญญาประดิษฐ์ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนความร่วมมือด้านการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านปัญญาประดิษฐ์
(Artificial Intelligence - AI) และการประยุกต์ใช้ AI แบบบูรณาการระหว่างสถาบันวิจัย
มหาวิทยาลัย และสถาบันเทคโนโลยีขั้นสูงของทั้งสองประเทศ
เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI รวมทั้งการแลกเปลี่ยนและพัฒนานักวิจัย โดยฝ่ายไทยและจีนจะพิจารณามอบหมายหน่วยงานในสังกัดที่มีภารกิจเกี่ยวข้องให้ร่วมจัดตั้งและพัฒนาห้องปฏิบัติการร่วมเพื่อดำเนินกิจกรรมความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับประโยชน์ร่วมกัน
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
887 | แนวทางปฏิบัติในการดำเนินการร่างอนุบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว | นร. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้ร่างอนุบัญญัติมีผลใช้บังคับได้โดยเร็วและสามารถนำมาปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กรณีร่างอนุบัญญัติซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหรืออนุมัติหลักการ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว
โดยยังคงเป็นไปตามหลักการที่คณะรัฐมนตรีมีมติและมิได้แก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญ
จึงมีมติให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปได้
โดยไม่ต้องนำเรื่องมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
888 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ
เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์
รวมทั้งกำหนดสีประจำสาขาวิชาดังกล่าว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
889 | ร่างถ้อยแถลงร่วมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วน ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านและการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันไทย - จีน เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น ผ่านวิสัยทัศน์ที่มุ่งมองไปข้างหน้าและมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง | กต. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
890 | ร่างพระราชบัญญัติโอนที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลดงเย็น อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ให้แก่นางมี รักเสมอวงศ์ พ.ศ. .... | กค. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติโอนที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลดงเย็น
อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ให้แก่นางมี รักเสมอวงศ์ พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้โอนที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะในท้องที่ตำบลดงเย็น อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ให้แก่นางมี
รักเสมอวงศ์ เพื่อแลกเปลี่ยนกับที่ดินของนางมี รักเสมอวงศ์
ที่ปัจจุบันทางราชการได้เข้าใช้ประโยชน์เป็นที่ตั้งโรงเรียนบ้านป่าเป้า
จังหวัดอุดรธานี และได้นำส่งขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุไว้เรียบร้อยแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์)
แก้ไขชื่อผู้มีอำนาจลงนามในแผนที่ท้ายพระราชบัญญัติให้เป็นไปตามปัจจุบัน
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
891 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการบริการไปรษณีย์ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและการไปรษณีย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | ดศ. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการบริการไปรษณีย์ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและการไปรษณีย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ร่วมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมความร่วมมือการแลกเปลี่ยนด้านไปรษณีย์
และการพัฒนาบริการไปรษณีย์ร่วมกันระหว่างสองประเทศ
ผ่านการจัดให้มีโครงการแลกเปลี่ยนทางไปรษณีย์ระหว่างสองประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้
ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญระหว่างกัน เช่น การพัฒนาอุตสาหกรรมไปรษณีย์
การวางแผนการพัฒนา ความปลอดภัยทางไปรษณีย์ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ลงนามเป็นระยะเวลา
๕ ปี ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
892 | การดำเนินการระงับการให้บริการสาธารณูปโภคข้ามพรมแดน | นร. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่ผู้ก่อปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่าง
ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น การพนันออนไลน์
การหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติอื่น ๆ
ตลอดจนการผลิตและลักลอบค้ายาเสพติด
มักตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณชายแดนในเขตพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านและอาจใช้บริการสาธารณูปโภคต่าง
ๆ เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา ระบบการสื่อสารโทรคมนาคม ที่มีต้นกำเนิดจากฝั่งไทย ดังนั้น
เพื่อเป็นการขจัดต้นตอของปัญหาอาชญากรรมดังกล่าว
รวมทั้งเป็นการรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน
จึงขอมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เร่งดำเนินการจัดการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อพิจารณาข้อมูล ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ให้ชัดเจนและรอบด้าน
แล้วพิจารณากำหนดมาตรการเพื่อดำเนินการระงับการให้บริการสาธารณูปโภคข้ามพรมแดนทุกประเภทเพื่อป้องกันหรือแก้ไขปัญหาในทุกพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง
โดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
893 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน (ASEAN Labour Ministers' Meeting: ALMM) ครั้งที่ 28 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ และขอความเห็นชอบต่อการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique) ของการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 28 และร่างถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ของการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 13 | รง. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน (ASEAN Labour Ministers’ Meeting : ALMM) ครั้งที่ ๒๘ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๘ - ๓๑
ตุลาคม ๒๕๖๗ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ เห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วม (Joint
Communique) ของการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ ๒๘
และร่างถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ของการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนบวกสาม
ครั้งที่ ๑๓
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองเอกสารดังกล่าว
ซึ่งประกอบด้วยการประชุมทั้งสิ้น ๔ การประชุม ได้แก่ ๑)
การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียน ครั้งที่ ๒๐ ๒)
การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ ๒๒ ๓) การประชุม ALMM
ครั้งที่ ๒๘ และ ๔) การประชุม ALMM+3 ครั้งที่
๑๓ โดยได้มีการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ของ ALMM ครั้งที่
๒๘ ซึ่งเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนในการตระหนักถึงปัญหาแรงงานขั้นพื้นฐานที่ต้องเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
และร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ของ ALMM+3 ครั้งที่ ๑๓
ซึ่งมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างประเทศอาเซียนบวกสามเพื่อส่งเสริมสภาพแรงงานและการจ้างงาน
ความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาฝีมือแรงงานผ่านโครงการความร่วมมือต่าง ๆ
ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณ และด้านวิชาการจากจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
894 | ขอความเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กับหน่วยงานของสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 2 ฉบับ | อว. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กับหน่วยงานของสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๒ ฉบับ ดังนี้
๑) ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานบริหารอวกาศแห่งชาติจีน
เกี่ยวกับอุปกรณ์สำรวจสภาพอวกาศโดยรอบของดวงจันทร์ไทย - จีน
ภายใต้พันธกิจอวกาศยานสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ หมายเลข ๗ โดยมีสาระสำคัญในการวางกรอบข้อตกลงและข้อกำหนดสำหรับความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายในการวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์สำรวจสภาพอวกาศโดยรอบของดวงจันทร์ไทย
- จีน ภายใต้พันธกิจอวกาศยานสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ หมายเลข ๗ และ ๒)
ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การพลังงานปรมาณูแห่งชาติจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในทางสันติ
มีสาระสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือในการใช้พลังงานนิวเคลียร์และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในทางสันติ
การพัฒนาความร่วมมือในด้านการวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้อง และกำหนดให้มีการดำเนินการที่สอดคล้องกับกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับของทั้งสองประเทศ
ตลอดจนสนธิสัญญาและพันธกรณีระหว่างประเทศที่ทั้งสองฝ่ายเข้าร่วม และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ทั้ง ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่ากรณีค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร
หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและความเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
895 | ขอรับการสนับสนุนการจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดิน เพื่อจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเป็นงบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 | สขค | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการสนับสนุนการจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดิน
เพื่อจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเป็นงบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙
ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สำนักงาน กขค.)
ไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๙ เพื่อให้สำนักงาน กขค. มีรายได้ของสำนักงานจำนวนพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพของสำนักงาน
กขค. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๓๙๒.๙๙๕๕ ล้านบาท และอนุมัติให้ สำนักงาน กขค.
ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๗ เรื่อง เห็นชอบแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า)
เสนอ ให้สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
896 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง) | ยธ. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลผลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมตาราง ๕
ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยลดภาระในการจ่ายค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีบางประการที่ไม่จำเป็น
เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบจากการไม่สามารถชำระหนี้ได้
และยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
897 | รายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีการบังคับสูญหายบุคคลที่พำนักอาศัยในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอลี้ภัยทางการเมือง | ยธ. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีการบังคับสูญหายบุคคลที่พำนักอาศัยในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอลี้ภัยทางการเมืองของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๗ วรรคสอง
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๔๓ วรรคหนึ่ง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
898 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองการลงทุนภายใต้ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ | กต. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙
สิงหาคม ๒๕๔๖ เรื่อง
การพิจารณาให้ความเห็นชอบการให้ความคุ้มครองการลงทุนภายใต้ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่าง
ๆ เห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองการลงทุนภายใต้ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ
ตามที่คณะกรรมการด้านการคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศเสนอ และรับทราบผลการดำเนินการของคณะกรรมการด้านการคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๕ - ๒๕๖๖ เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองการลงทุนภายใต้ความตกลงฯ
ให้มีความชัดเจนและรัดกุมมากขึ้น
และเป็นประโยชน์ในการพิจารณาท่าทีสำหรับการเจรจาความตกลงฯ
ทั้งที่อยู่ระหว่างดำเนินการและที่มีแผนจะเจรจาต่อไปในอนาคต ตามที่คณะกรรมการด้านการคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศเสนอ ๒.
ให้คณะกรรมการด้านการคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองการลงทุนใหม่นี้ให้แก่ส่วนราชการ
หน่วยงานของรัฐ รวมทั้งภาคเอกชน ให้ถูกต้องและทั่วถึง เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติในการจัดทำความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศได้อย่างถูกต้องเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
899 | ขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | สปสช. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ภายในวงเงิน ๒๖๕,๒๙๕,๕๘๒,๑๐๐ บาท
สำหรับงบประมาณบริหารงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ วงเงิน ๒,๓๐๖,๔๙๘,๑๐๐ บาท
เห็นควรที่คณะรัฐมนตรีจะมอบหมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้ตามความจำเป็นเหมาะสม
ประหยัดและสอดคล้องกับภารกิจการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติดำเนินการและบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเร่งดำเนินการและให้ความสำคัญในการสร้างจิตสำนึกด้านสุขภาพให้กับประชาชนผ่านการให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ
การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค และการใช้บริการทางด้านสาธารณสุขอย่างมีเหตุผล
รวมถึงเฝ้าระวังและป้องกันโรคไม่ติดต่อและโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้น
เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน รวมถึงช่วยลดความจำเป็นในการใช้บริการทางการแพทย์และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในระยะยาว
และพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลให้เป็นระบบเดียวกัน เป็นระบบ Service Data ที่เชื่อมโยงข้อมูลของผู้ป่วยในทุกสิทธิการรักษาพยาบาลอย่างครบถ้วนและทันสมัย
เพื่อช่วยลดความซ้ำซ้อนของบริการและเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามผลการรักษา เป็นต้น
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง
โดยให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติประชาสัมพันธ์หน่วยบริการสถานพยาบาล
เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกสิทธิสามารถเข้าถึงการให้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
และการให้บริการสาธารณสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชนอย่างทั่วถึงและเกิดประโยชน์แก่ประชาชนคนไทยทุกสิทธิ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เห็นว่างบประมาณดังกล่าว
เป็นการยกระดับการดูแลสุขภาพของประชาชนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยการต่อยอดนโยบาย
๓๐ บาทรักษาทุกที่ ซึ่งมุ่งเน้นการลดปัจจัยเสี่ยงและโรคไม่ติดต่อที่สำคัญ
พร้อมทั้งการจัดบริการสุขภาพเชิงรุก รวมถึงการส่งเสริมสุขภาพ
การควบคุมและป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพอย่างครบวงจร
อันจะส่งผลให้ประชาชนมีสุขภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นในทุกมิติได้ครอบคลุมและทั่วถึงมากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
900 | ผลการพิจารณาญัตติด่วน เรื่อง สาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหาสะพานถล่ม กรณีสะพานยกระดับถนนอ่อนนุช-ลาดกระบัง เพื่อส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ | มท. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
(นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์) รายงานว่า ได้เข้าดำเนินการตรวจสอบหาสาเหตุกรณีสะพานยกระดับถนนอ่อนนุช
- ลาดกระบัง ถล่ม และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างทั่วถึง
เป็นธรรม และมีความเหมาะสมเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม มีโครงการขนาดใหญ่ในกรุงเทพมหานครที่มีปัญหาคล้ายคลึงกัน
เช่น กรณีสะพานกลับรถบนถนนพระราม ๒
เกิดเหตุถล่มเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นประเด็นปัญหาจากที่มีผู้รับเหมาช่วงในการดำเนินการก่อสร้างที่ประสิทธิภาพในการดำเนินการเป็นรองจากผู้รับเหมาที่ได้ชนะการประมูล
ดังนั้น
กรมบัญชีกลางควรเคร่งครัดกับการขึ้นทะเบียนจัดลำดับชั้นผู้ประกอบการงานก่อสร้างให้มีความเป็นปัจจุบันทุกปีและควบคุมประสิทธิภาพของผู้รับเหมา
รวมทั้งปัญหาผู้ควบคุมงานก่อสร้างควรต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์
หรือเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านวิศวกรรม เพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างถูกต้อง
ปลอดภัย และมีคุณภาพ
|