ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 44 จากทั้งหมด 6222 หน้า แสดงรายการที่ 861 - 880 จากข้อมูลทั้งหมด 124440 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง  | 
									วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 861 | ร่างกฎกระทรวงการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ พ.ศ. .... | รง. | 06/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ กำหนดเวลา
และอัตราการส่งเงินเข้ากองทุน เพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ
ให้มีความเหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรประชาสัมพันธ์การดำเนินการตามร่างกฎกระทรวงนี้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบเพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติเมื่อร่างกฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรศึกษาการประมาณการรายจ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหากจะมีการกำหนดสิทธิประโยชน์ต่าง
ๆ ของกองทุนฯ เพิ่มเติมในอนาคต รวมทั้งพิจารณาแนวทางในการจัดหารายได้ของกองทุนฯ
ให้มีเสถียรภาพและเกิดความยั่งยืนในระยะยาว และควรประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการสมัครสมาชิกกองทุนฯ
โดยใช้ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 862 | รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 กองทุนยุติธรรม | ยธ. | 06/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ กองทุนยุติธรรม โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑) ความสำเร็จของการดำเนินงานตามมาตรฐานระยะเวลางานบริการของกองทุนฯ
มีประชาชนเข้ามาขอรับความช่วยเหลือ จำนวนทั้งสิ้น ๕,๑๙๖ ราย ดำเนินการแล้วเสร็จได้ทั้งสิ้น ๔,๓๑๒ ราย
(๒) การเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการกองทุนฯ เช่น การให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”
เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ จากภาครัฐได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว (๓)
ความสำเร็จในการช่วยเหลือประชาชน จำนวน ๒,๕๖๗ ราย
เป็นเงินจำนวน ๒๒๔.๑๓ ล้านบาท. (๔) ผลการดำเนินงานที่สำคัญตามภารกิจของกองทุนฯ
เช่น ช่วยเหลือประชาชนในการดำเนินคดี จำนวน ๒ คดี การขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย
จำนวน ๒ คดี และการช่วยเหลือผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนจำนวน ๑ คดี (๕)
การประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนประจำปีบัญชี ๒๕๖๗ มีคะแนนเฉลี่ยรวม ๔.๐๕
คะแนน (คะแนนเต็ม ๕ คะแนน) และ (๖) รายงานของกองทุนฯ สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ สิ้นสุดวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 863 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 | มท. | 06/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ.
....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๒๘) และยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖๕ (พ.ศ. ๒๕๕๘)
ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
เพื่อให้การติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคาของอาคารที่ไม่ใช่อาคารอยู่อาศัยไม่เป็นการดัดแปลงอาคารที่ต้องยื่นขออนุญาตดัดแปลงอาคาร
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงพลังงาน เห็นควรมีการกำหนดแนวทางสำหรับการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ของระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาให้มีความชัดเจน
เพื่อป้องกันการตีความที่คลาดเคลื่อน
และควรมีมาตรการการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อลดการสร้างมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
มีการตัดข้อความ “โดยต้องมีผลการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงที่กระทำและรับรองโดยวิศวกรโยธาตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกรว่าสามารถติดตั้งได้อย่างปลอดภัยและแจ้งให้พนักงานท้องถิ่นทราบก่อนดำเนินการ”
ออก จากกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖๕ (พ.ศ. ๒๕๕๘) ซึ่งความปลอดภัยในการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์บนอาคารเป็นสิ่งสำคัญ
ควรให้มีการตรวจสอบความแข็งแรงหรือต้องติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้หรือผ่านการอบรมแล้ว
รวมทั้งควรคำนึงถึงการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่อาจส่งผลกระทบกับอาคารข้างเคียง
เช่น แสงอาทิตย์ความร้อน เป็นต้น 
 ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน เห็นว่าการปรับปรุงข้อกำหนดสำหรับการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ของระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาของอาคารที่ไม่ถือเป็นการดัดแปลงอาคารให้ครอบคลุมอาคารประเภทอื่น
ๆ
จะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามนโยบายของกระทรวงพลังงาน
ควรมีการกำหนดแนวทางสำหรับการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ของระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาให้มีความชัดเจน
เพื่อป้องกันการตีความที่คลาดเคลื่อน
และควรมีมาตรการการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อลดการสร้างมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 864 | รายงานผลการดำเนินโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร.01 | 06/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการจิตอาสาพระราชทาน ประจำเดือน ตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๖๗ โดยมีผลการดำเนินการของส่วนราชการต่าง ๆ เช่น (๑) การรายงานผลการลงทะเบียนเป็นจิตอาสาพระราชทาน (กระทรวงมหาดไทย) โดยมีประชาชนลงทะเบียนแล้ว ๗,๓๒๙,๐๐๕ คน (๒) การจัดกิจกรรมจิตอาสาของส่วนราชการต่าง ๆ (๑๙ หน่วยงาน) ประกอบด้วย จิตอาสาพัฒนา จิตอาสาภัยพิบัติ จิตอาสาเฉพาะกิจ และวิทยากรจิตอาสา ๙๐๔ มีการจัดกิจกรรม ๒๖,๐๓๔ ครั้ง (๓) การติดตามความก้าวหน้าโครงการในภารกิจของศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน เช่น โครงการพัฒนาพื้นที่บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ โครงการพัฒนาพื้นที่สระบ่อดินขาว จังหวัดนครสวรรค์ ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขาวง (ถ้ำมุนี) และโครงการพัฒนาและแก้ไขปัญหาคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 865 | สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร. | 06/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะมีความรุนแรงมากขึ้นและเกิดเหตุการณ์บ่อยครั้งขึ้น
ล่าสุดเหตุการณ์ลอบทำร้ายประชาชนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสเมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม
๒๕๖๘ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน ๓ ราย
รวมถึงเด็กผู้หญิงอายุ ๙ ขวบด้วย ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม
กระทรวงมหาดไทย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานความมั่นคงเพื่อเร่งดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยด่วน
ทั้งนี้ ขอให้รองนายกรัฐมนตรี
(นายอนุทิน ชาญวีรกูล)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและประสานการดำเนินงานกับหน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลชีวิตความเป็นอยู่และสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 866 | แนวทางความร่วมมือการจัดทำแคมเปญ Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 | กก. | 06/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางความร่วมมือการจัดทำแคมเปญ Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 และมอบหมายหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามแนวทางขับเคลื่อนบูรณาการการท่องเที่ยวภายใต้หัวข้อ
“Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025”
และแจ้งผลการดำเนินงานให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทราบ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติเสนอ
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กรมการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงวัฒนธรรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน)
เร่งดำเนินการตามแนวทางขับเคลื่อนบูรณาการการท่องเที่ยวในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและเป็นผลดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศโดยเร็วต่อไป ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี มารองรับเป็นอันดับแรกก่อน
และสำหรับค่าใช้จ่ายที่จะดำเนินการในปีต่อไป
เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โดยคำนึงถึงหลักความคุ้มค่าและประหยัดในการใช้จ่ายงบประมาณ
ความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ตลอดจนประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญด้วย 
 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรประชาสัมพันธ์และสร้างความตระหนักแก่ผู้ประกอบการถึงความสำคัญในการให้บริการภายใต้แนวคิด
Sustainable Tourism Acceleration Rating (STAR) เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาบริการด้านการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐาน
และสามารถสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและยั่งยืนในระยะยาว ควรติดตามและประเมินผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด
และจัดทำข้อมูลพื้นฐาน (Baseline Data) ของแผนงานโครงการ
เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินความคุ้มค่าและกำกับการดำเนินงานให้ตอบสนองต่อการบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์การดำเนินงานที่กำหนดไว้  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 867 | การทบทวนแนวทางการดำเนินงานในสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่ผันผวน | นร. | 06/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันอยู่ในภาวะผันผวนอันเนื่องมาจากสงครามการค้าและการประกาศนโยบายการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้
(Reciprocal Tariff) ของประเทศมหาอำนาจ
ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศต่าง ๆ ที่เป็นคู่ค้าด้วย ทำให้ธนาคารโลกและสถาบันต่าง ๆ
ได้คาดการณ์ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกและของประเทศไทยจะต่ำกว่าที่ได้เคยคาดการณ์ไว้
โดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Moody’s (Moody’s
Investors Service) ได้ปรับมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยเป็น Negative
Outlook และผลของปัจจัยเชิงลบต่าง ๆ
จะส่งผลให้รายได้ของประชาชนในภาพรวมลดลง โดยเฉพาะรายได้จากภาคการส่งออกของประเทศที่ต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศ
การจัดเก็บภาษีรายได้ของรัฐจะต่ำกว่าเป้าหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้รวมไปถึงแผนงานและโครงการต่าง
ๆ ของรัฐบาลที่ได้วางแผนไว้จำเป็นต้องพิจารณาทบทวนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าวและรายได้ของรัฐที่ลดลง
เช่น การใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
ค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ
การดำเนินแผนงาน/โครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙
รวมทั้งจะต้องเร่งปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ
(Domestic Economy) ให้มากขึ้น เน้นการลงทุน
และสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(Small and Medium Enterprises : SMEs) เพื่อให้ประเทศสามารถรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้อย่างเข้มแข็งต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขอเน้นย้ำกับทุกท่านว่า “ท่ามกลางวิกฤตย่อมมีโอกาส”
และขอให้เชื่อมั่นว่าเราจะสามารถฟันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ไปได้ด้วย “ความสามัคคีของทุกคนในประเทศ”
ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย ชุณหวชิร)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับเรื่องนี้ไปพิจารณารายละเอียดในคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ชัดเจน
แล้วนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 868 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำจังหวัดเชียงใหม่ และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศส ณ จังหวัดเชียงใหม่ (นายคริสต็อฟ อีฟว์ มีแชล แฌ็สแต็ง) | กต. | 06/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ นายโธมาส์ โบด (Mr. Thomas Baude) กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำจังหวัดเชียงใหม่
ตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๘ เนื่องจากเกษียณอายุ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 869 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศส ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (นายฟาบริส มาร์ตีนี) | กต. | 06/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ นายอาเล็กซ็องดร์
กาปอราลี (Mr. Alexandre Caporali)
กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ตั้งแต่วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ เนื่องจากเหตุผลด้านสุขภาพ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 870 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์เกรียงไกร เจริญผล ฯลฯ จำนวน 3 คน) | กษ. | 06/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย
จำนวน ๓ คน เพื่อแทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖
พฤษภาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์เกรียงไกร เจริญผล ๒. พลโท จิรันตน์กฤษณ์ เหลืองจินดา ๓. นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 871 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวสุมนี วัชรสินธุ์ และนายสุรชัย อภินวถาวรกุล) | สธ. | 06/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวสุมนี วัชรสินธุ์             ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเวชกรรมป้องกัน) กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม
๒๕๖๗ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 872 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ | กห. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ
ระหว่างวันที่ ๒๕ - ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ณ รัฐปีนัง มาเลเซีย โดยผลการประชุมฯ
มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑) การประชุม ADMM Retreat ที่ประชุมฯ
ได้แลกเปลี่ยนมุมมองด้านความมั่นคงของภูมิภาคในหัวข้อ “การเสริมสร้างความเป็นเอกภาพและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียน”
และได้กล่าวถึงความท้าทายด้านความมั่นคงในปัจจุบันที่มีลักษณะข้ามพรมแดน เช่น
ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนภัยคุกคามทางไซเบอร์ และ ๒)
รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียน
จำนวน ๕ ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และกัมพูชา
โดยยืนยันความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งการแก้ไขปัญหาภัยคุกคามใหม่ ๆ และการสร้างสันติสุขในภูมิภาค ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 873 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 5 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ดศ. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล
ครั้งที่ ๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๑๗ มกราคม ๒๕๖๘ ณ
กรุงเทพมหานคร โดยผลการประชุมฯ มีสาระสำคัญ เช่น ๑) ผลการประชุมรัฐมนตรี ADGMIN ครั้งที่ ๕ (เช่น
การแลกเปลี่ยนความก้าวหน้าการพัฒนาด้านดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียน การรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม)
๒) การประชุม ADGMIN กับคู่เจรจา (เช่น รับทราบแผน/ความคืบหน้า/ผลการดำเนินการด้านดิจิทัลระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่น
เกาหลี อินเดีย สหรัฐฯ) ๓) การหารือทวิภาคี (เช่น
การหารือปัญหาอาชญากรรมดิจิทัลข้ามพรมแดนกับเมียนมา การแลกเปลี่ยนความรู้และแนวปฏิบัติด้านดิจิทัลกับอินเดีย
การหารือในประเด็นด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และดิจิทัลกับญี่ปุ่น) และ ๔)
การประชุมระดับรัฐมนตรีไทย - จีน ว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ครั้งที่
๒ และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง (เช่น ทั้งสองฝ่ายได้มีการแลกเปลี่ยนนโยบายด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
พัฒนาการ และแนวทางการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง และแสดงความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันขจัดปัญหาการหลอกลวงออนไลน์
การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกลวง รวมถึงประชาชนที่โดนหลอกไปทำงาน
การจัดการข่าวปลอม และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล)
ซึ่งการเป็นเจ้าภาพของในการประชุมครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของไทยในเวทีอาเซียนและการเป็นผู้นำในการยกระดับความร่วมมือและการดำเนินงานด้านดิจิทัลของอาเซียน
เพื่อก้าวไปสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลอย่างมั่นคงปลอดภัย มีนวัตกรรม และครอบคลุม
รวมทั้งยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ไทยและส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวม
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 874 | รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ประจำปี 2567 | กก. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ
(ท.ท.ช.) ประจำปี ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. รายงานสถานการณ์การท่องเที่ยว ประจำปี ๒๕๖๗ :
ภาคการท่องเที่ยวของไทยมีรายได้รวม ๒.๗๕ ล้านล้านบาท (รายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
๑.๖๔ ล้านล้านบาท และรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศของชาวไทย ๑.๑๑ ล้านล้านบาท)
โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวน ๓๕.๕๔ ล้านคน (เพิ่มขึ้นร้อยละ
๒๖.๒๗) (นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาสูงสุด) ๒. คาดการณ์สถานการณ์การท่องเที่ยว ประจำปี ๒๕๖๘ : ภาคการท่องเที่ยวไทยจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องท่ามกลาง
(๑) ความท้าทายด้านต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยว (๒) การขยายตัวทางเศรษฐกิจในตลาดท่องเที่ยวหลักบางแห่ง
(๓) ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (๔) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ (๕) การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดท่องเที่ยวโลก
ทั้งนี้ ในกรณี Best Case คาดว่าสามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ของรัฐบาล
เท่ากับ ๓ ล้านล้านบาท โดยเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ๑.๘๕ ล้านล้านบาท
และรายได้จากไทยเที่ยวไทย ๑.๑๕ ล้านล้านบาท 
 ๓. ผลการดำเนินงานของ ท.ท.ช. ในปี ๒๕๖๗ เช่น (๑)
เห็นชอบแนวทางการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ปี ๒๕๖๗ ได้แก่
การส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพสูง
ผ่านการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย เช่น
การส่งเสริมธุรกิจการจัดประชุมสัมมนาและการจัดนิทรรศการ
การส่งเสริมการท่องเที่ยวสำราญทางน้ำและการส่งเสริมการท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม
โดยกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น
กระตุ้นการเดินทางทั้งในและนอกฤดูกาลท่องเที่ยว มาตรการอำนวยความสะดวกการเดินทางของนักท่องเที่ยวด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง
(๒) การกำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว เช่น
แนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จำนวน ๔ สาขา
คือ ธุรกิจโรงแรมธุรกิจสปา ธุรกิจขนส่ง และธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ และ (๓)
อนุมัติแผนปฏิบัติการพัฒนาการท่องเที่ยวภายในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา
(พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐) ฉบับปรับปรุง 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 875 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. .... | นร.05 | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ.
.... และร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
โดยให้ระบุวันที่เรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา (ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤษภาคม
๒๕๖๘) สำหรับวันปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาในร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรรับไปพิจารณา
แล้วแจ้งผลให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วน
ก่อนนำร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ต่อไป 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 876 | การแก้ไขร่างบันทึกผลการประชุมสภาความร่วมมือซาอุดี - ไทย ครั้งที่ 1 | กต. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแก้ไขร่างบันทึกผลการประชุมสภาความร่วมมือซาอุดี - ไทย ครั้งที่ ๑ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายลงนามในเอกสารดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๘ โดยบันทึกผลการประชุมสภาฯ ที่ลงนามมีการแก้ไขเพิ่มเติมตามข้อเสนอของฝ่ายซาอุดีอาระเบียภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบไว้ เช่น ๑) มีการแก้ไขอารัมภบทให้มีความกระชับมากยิ่งขึ้น โดยยังคงสาระสำคัญที่ย้ำความตั้งใจในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ ตลอดจนกล่าวถึงการเยือนที่สำคัญระหว่างผู้นำของทั้งสองฝ่ายในช่วงที่ผ่านมา และ ๒) มีการเพิ่มประเด็นความร่วมมือด้านการลงทุนเกี่ยวกับการหารือถึงความคืบหน้าล่าสุดในการดำเนินการตามแผนงาน ซึ่งได้นำไปสู่การจัดทำข้อริเริ่มด้านการลงทุนร่วมกันในสาขาต่าง ๆ ที่มีความสำคัญ ๓๕ ฉบับ เช่น พลังงานไฮโดรเจน พลังงานอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อาหารและการเกษตร ปิโตรเคมี การสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 877 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น ด้านระบบรางและการพัฒนาเมือง | คค. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง
และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น ด้านระบบรางและการพัฒนาเมือง และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยสำหรับการลงนามดังกล่าว โดยร่างบันทึกความร่วมมือฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดความร่วมมือระหว่างไทยกับประเทศญี่ปุ่นเกี่ยวกับการพัฒนาระบบรางและการพัฒนาเมือง
ซึ่งรูปแบบความร่วมมือจะอยู่ในลักษณะของการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ ประสบการณ์ และเทคโนโลยี
รวมถึงการจัดสัมมนา การศึกษาดูงาน และการจัดส่งผู้เชี่ยวชาญ โดยมีขอบเขตความร่วมมือ
เช่น (๑) การซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (๒)
การพัฒนาแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระยะที่ ๒ (๓)
การพัฒนาระบบรางในเขตเมือง (๔) การพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (Transit-Oriented Development : TOD) และ (๕)
การเตรียมการต่อภัยพิบัติ เป็นต้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลังไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อาทิ กรมการขนส่งทางราง สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) และการรถไฟแห่งประเทศไทย
พิจารณาจัดทำแผนบูรณาการองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบรางภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง
ๆ อาทิ ญี่ปุ่น จีน มาเลเซีย ฝรั่งเศส และเยอรมนี
เพื่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการระบบรางของประเทศ และสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางภายในประเทศ
รวมถึงการพัฒนาระบบรางให้เป็นโครงข่ายหลักในการเดินทางและขนส่งสินค้าของประเทศตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐) และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (๗)
ประเด็นโครงสร้างพื้นฐานระบบโลจิสติกส์ และดิจิทัล (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) กระทรวงการคลัง เห็นว่ากระทรวงคมนาคมควรร่วมมือกับหน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ในการพิจารณาจัดทำแผนการพัฒนาและเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมขนส่งสาธารณะในระบบต่าง ๆ
และการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ตามแนวเส้นทางและบริเวณสถานีรถไฟ เพื่อให้เกิดการบูรณาการร่วมกันกับระบบขนส่งรูปแบบอื่นอย่างไร้รอยต่อ
และเกิดประโยชน์จากการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างสมบูรณ์  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 878 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านมหาสมุทรของเอเปค ค.ศ. 2025 | ทส. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านมหาสมุทรของเอเปค
ค.ศ. ๒๐๒๕ (Joint Statement on the 2025 APEC Oceans-Related Ministerial Meeting) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ โดยไม่มีการลงนาม โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปค
และเป็นกรอบการดำเนินการในด้านความยั่งยืนของมหาสมุทรและการประมงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ผ่านการดำเนินงาน ประกอบด้วย การส่งเสริมความร่วมมือในระดับภูมิภาค
การแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ การพัฒนาศักยภาพ
และการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม และยังเป็นการสะท้อนความพยายามของสมาชิกเขตเศรษฐกิจในการยกระดับและพัฒนาความร่วมมือด้านมหาสมุทรและการประมง
รวมทั้งเพื่อใช้เป็นกรอบในการดำเนินงานของสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปค
ที่จะมุ่งส่งเสริมและกระชับความร่วมมือด้านมหาสมุทรและการประมง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 879 | การพิจารณาให้ความเห็นชอบบทแก้ไขข้อตกลง “The Agreement Establishing the ASEAN Promotion Centre on Trade, Investment and Tourism” ของศูนย์อาเซียน - ญี่ปุ่น | พณ. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบบทแก้ไขข้อตกลง “The Agreement Establishing the ASEAN Promotion Centre on
Trade, Investment and Tourism”
ของศูนย์อาเซียน - ญี่ปุ่น
ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับการเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนบังคับ (Obligatory
Contributions) และให้กระทรวงการต่างประเทศ
ดำเนินการยื่นและออกตราสารการยอมรับต่อรัฐบาลญี่ปุ่น และสำนักงานเลขาธิการอาเซียน
ตามบทบัญญัติของข้อตกลงฯ ต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นควรให้กระทรวงพาณิชย์
โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 880 | ร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ครั้งที่ 10 | กต. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
ครั้งที่ ๑๐ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองร่างบันทึกการประชุมฯ
ในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
ครั้งที่ ๑๐ โดยร่างบันทึกการประชุมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมของไทยและอินโดนีเซียที่จะกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือ
๔ ด้าน ได้แก่ (๑) การเมืองและความมั่นคง เช่น
การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การต่อต้านการก่อการร้าย (๒)
ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เช่น การเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร การท่องเที่ยว (๓)
ความร่วมมือด้านสังคมและวัฒนธรรม เช่น การศึกษา วัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และ
(๔) ความร่วมมือระดับภูมิภาคและพหุภาคี เช่น
การสร้างสันติภาพ การแก้ไขข้อพิพาท ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกการประชุมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรติดตาม ประเมินผล
และสื่อสารผลลัพธ์ของการดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
และให้รวบรวมผลการปรับแก้บันทึกการประชุมฯ
กับผลการปรับแก้ความตกลงระหว่างประเทศของกรอบความร่วมมืออื่น ๆ
พร้อมทั้งผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง รายงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบในคราวเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
