ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 39 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 761 - 780 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
761 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.01 | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด
(ก.ธ.จ.)ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินงานของ ก.ธ.จ. ทั้ง ๗๖ คณะ/จังหวัด ได้สอดส่องการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ
๒,๒๔๔ เรื่อง และมีข้อเสนอแนะ ๑,๙๑๒ ข้อ ใน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) แผนงาน/โครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด
(๒) แผนงาน/โครงการของส่วนราชการในจังหวัด (๓)
แผนงาน/โครงการของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ (เช่น อปท. รัฐวิสาหกิจ) และ (๔)
เรื่องร้องเรียน ๒. ปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญและแนวทางการแก้ไขของ
ก.ธ.จ. เช่น (๑) การปฏิบัติงานของ ก.ธ.จ. ในระดับพื้นที่ขาดระบบการประสานงานที่มีประสิทธิภาพ
แนวทางการแก้ไข สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด
ขอความอนุเคราะห์จังหวัดเชิญ ก.ธ.จ. เข้าร่วมประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด เพื่อให้
ก.ธ.จ. ได้ชี้แจงบทบาทหน้าที่ และแนวทางการปฏิบัติงานของ ก.ธ.จ. (๒) งบประมาณมีไม่เพียงพอกับการปฏิบัติงานของ
ก.ธ.จ. แนวทางการแก้ไข เช่น ให้ ก.ธ.จ. จัดทำแผนการใช้จ่ายงบฯ ในการสอดส่องโครงการภายในกรอบวงเงินที่ได้รับจัดสรรปรับแผนการลงพื้นที่และหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ๓. แนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานของ ก.ธ.จ. ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ เช่น สอดส่องแผนงานโครงการที่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและเรื่องที่ส่งผลกระทบกับประชาชนให้มากยิ่งขึ้น
สนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในภารกิจงานของ ก.ธ.จ.
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
762 | รายงานประจำปี 2566 ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) | สธ. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๖ ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข
(สวรส.) สรุปได้ ดังนี้ (๑) สรุปผลงานที่สำคัญ/โดดเด่น เช่น ๑) ดำเนินการทบทวนขอบเขตและศึกษาผลกระทบของนโยบายอนุญาตให้กัญชาถูกกฎหมาย
๒) ดำเนินโครงการพัฒนาห้องปฏิบัติการจีโนมสำหรับการแพทย์จีโนมิกส์ในด้านมะเร็ง
เพื่อยกระดับศักยภาพด้านการวิจัยและการบริการด้านการรักษาโรคมะเร็งให้สามารถแข่งขันได้ในระดับประเทศและนานาชาติ
๓) ดำเนินโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสภาวิชาชีพและกระทรวงสาธารณสุข
เพื่อวางแผนและบริหารจัดการกำลังคนสุขภาพของไทยแบบบูรณาการ ๔)
ดำเนินการถอดบทเรียนการดำเนินนโยบายคนไทยทุกครอบครัวมีหมอประจำตัว ๓ คน ใน ๓ ระดับ
(ระดับหมู่บ้าน ระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และระดับโรงพยาบาล) และ ๕)
ดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการกำกับการกินยารักษาวัณโรคโดยใช้แอปพลิเคชั่นมือถือ
และ (๒) งบแสดงฐานะการเงินและงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๗ เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
763 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2567 | กค. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ ๓ ปี
๒๕๖๗ ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง โดยกระทรวงการคลังเห็นว่า การกำหนดเป้าหมายนโยบายการเงินและการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยน
กนง. ควรคำนึงถึงนโยบายแห่งรัฐ สภาวะทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ
เพื่อให้แนวนโยบายการเงินและแนวนโยบายแห่งรัฐสามารถทำงานสอดประสานกันกับสภาวะเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ
โดยรายงานฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑) เศรษฐกิจโลก
ประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวที่ร้อยละ ๒.๘ และ ๒.๖ ในปี ๒๕๖๗ และปี ๒๕๖๘ ตามลำดับ
โดยมีแรงขับทางเศรษฐกิจหลักมาจากภาคบริการเป็นสำคัญ ๒) เศรษฐกิจไทย
มีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ที่ร้อยละ ๒.๗ และ ๒.๙ ในปี ๒๕๖๗ และปี ๒๕๖๘
ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น
การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวต่อเนื่อง การใช้จ่ายภาครัฐที่เร่งขึ้นในช่วงครึ่งหลัง
ปี ๒๕๖๗ และการส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวตามอุปสงค์สินค้าโลก และ ๓) ภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวขึ้น
โดยสินเชื่อโดยรวมชะลอลงโดยเฉพาะสินเชื่อ SMEs และอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่
๓๔.๗๘ บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
764 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 31 และถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ประจำปี 2567 | กค. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ครั้งที่ ๓๑ และถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ประจำปี ๒๕๖๗
เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู โดยผลการประชุมฯ
และถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญ เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินโลก ซึ่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะสามารถขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ
๓.๑ ใน ๕ ปีข้างหน้า โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่ควรระมัดระวัง เช่น
การชะลอตัวของเศรษฐกิจหลัก ต้นทุนการขนส่ง และสถานการณ์หนี้สาธารณะ โดยผู้แทน IMF ได้เสนอแนะเชิงนโยบายแก่สมาชิกเขตเศรษฐกิจว่า
ควรรักษาพื้นที่เชิงนโยบายและเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
และใช้โอกาสนี้ในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่สำคัญ ทั้งนี้ ถ้อยแถลงร่วมฯ
มีการปรับเปลี่ยนถ้อยคำตามที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕
ตุลาคม ๒๕๖๗ โดยเป็นการเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ
ตลอดจนเน้นย้ำถึงแผนความเชื่อมโยงของเอเปค
ซึ่งเป็นการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาความรู้ทางการเงิน
และให้ความสำคัญกับการใช้มาตรการทางการคลังและการเงินที่ผสมผสานเพื่อขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ
ซึ่งสาระสำคัญของถ้อยแถลงร่วมฯ
จะเป็นประโยชน์ต่อไทยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจและเพิ่มบทบาทของไทยในเวทีโลก
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
765 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีหน่วยงานของรัฐไม่จัดสรรเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวตามความจำเป็นพื้นฐานค่าอาหารกลางวันและค่าอาหารเสริม (นม) ให้แก่ผู้เรียนของศูนย์การเรียนที่จัดโดยองค์กรชุมชนและองค์กรเอกชน | ศธ. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงศึกษาธิการถอนเรื่องนี้คืนไปได้
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
766 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 | อก. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย
พ.ศ. ๒๕๓๕ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๓๗)
ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมกรณีการขออนุญาตและออกใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก
หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ ๓ การขอและการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการในใบอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต
รวมถึงการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องให้กระทำโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
767 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ในบริบทการป้องกันประเทศ | กห. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ในบริบทการป้องกันประเทศ
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว
ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๕ - ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ณ รัฐปีนัง
ประเทศมาเลเซีย โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ซึ่งมีสาระสำคัญ เช่น ๑)
ตระหนักถึงความท้าทายด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ที่มีความซับซ้อน และบทบาทเชิงรุกของหน่วยงานด้านการป้องกันประเทศของอาเซียนในการร่วมกันรับมือกับความท้าทายดังกล่าว
๒) ระมัดระวังว่าปัญญาประดิษฐ์ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้งานเพิ่มขึ้นในหลากหลายบทบาทในด้านการป้องกันประเทศ
ซึ่งได้ทำให้เกิดทั้งโอกาสและประโยชน์ เช่น การเพิ่มความถูกต้องและแม่นยำ
ตลอดจนได้สร้างความท้าทายและความเสี่ยง เช่น การแข่งขันสะสมอาวุธ
การประเมินที่ผิดพลาด การพึ่งพาที่มากเกินไป ๓)
การส่งเสริมความร่วมมือในการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในบริบทการป้องกันประเทศอย่างรับผิดชอบ
สอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ๔)
การส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยีของหน่วยงานด้านการป้องกันประเทศ
เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาการใช้ปัญญาประดิษฐ์
และลดความต่างที่มีอยู่ของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เช่น
การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดี การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้
การถ่ายทอดเทคโนโลยี การสนับสนุนทางเทคนิค การฝึกอบรมและการวิจัยร่วมกัน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
768 | ร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [(เพิ่ม (ฆ/4) ว่าด้วยการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำ)] | คค. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
(ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖
โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการระดับชาติเกี่ยวกับการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำ
เรียกว่าคณะกรรมการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำแห่งชาติ (กชน.)
มีหน้าที่และอำนาจในการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำ กำหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย
แนวทาง มาตรการ
และเขตความรับผิดชอบในการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำของประเทศไทย
กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการค้นหาและช่วยชีวิตอากาศยานและเรือที่ประสบภัย (สำนักงาน
กชย.) สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำ
มีหน้าที่ และอำนาจในการกำกับดูแลการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
โดยให้ส่งความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานอัยการสูงสุดไปเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
769 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลๆกการปรึกษาหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศ การบูรณาการแอฟริกาและชาวโกตดิวัวร์ในต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐโกตดิวัวร์ | กต. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
770 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตทำงาน การออกใบอนุญาตทำงาน และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตทำงาน
การออกใบอนุญาตทำงาน และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขกฎกระทรวงการขออนุญาตทำงาน
การออกใบอนุญาตทำงาน และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๓
เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว
เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอน และภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นควรนำเทคโนโลยีดิจิทัลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มาปรับใช้กับการดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทย
เช่น การขออนุญาตทำงาน การออกใบอนุญาตทำงาน
รวมถึงการเชื่อมโยงข้อมูลสำคัญระหว่างหน่วยงานของรัฐ และกระทรวงแรงงานควรมีมาตรการควบคุมและตรวจสอบการมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการดังกล่าวแทนดำเนินการดังกล่าวอย่างเคร่งครัดและรัดกุม สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรจัดทำแนวทางปฏิบัติและประชาสัมพันธ์เผยแพร่กฎกระทรวงดังกล่าว
รวมทั้งให้กระทรวงแรงงานเร่งจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนให้เป็นปัจจุบัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
771 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 150 ปี กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 150 ปี กระทรวงการต่างประเทศ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก
๑๕๐ ปี กระทรวงการคลัง พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)
ชนิดราคาห้าสิบบาท (ประเภทธรรมดา) เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสครบ ๑๕๐ ปี กระทรวงการคลัง
ในวันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ และร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก
๑๕๐ ปี กระทรวงการต่างประเทศ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)
ชนิดราคายี่สิบบาท จำนวน ๒ ประเภท (ประเภทธรรมดาและประเภทขัดเงา)
เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสครบ ๑๕๐ ปี กระทรวงการต่างประเทศ ในวันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ.
๒๕๖๘ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
772 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 150 ปี กระทรวงการต่างประเทศ พ.ศ. .... | กต. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก
๑๕๐ ปี กระทรวงการต่างประเทศ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)
ชนิดราคายี่สิบบาท จำนวน ๒ ประเภท (ประเภทธรรมดาและประเภทขัดเงา)
เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสครบ ๑๕๐ ปี กระทรวงการต่างประเทศ ในวันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ.
๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
773 | ร่างพระราชกฤษฎีกาการกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.12 | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาการกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต
พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อเพิ่มเติมรายชื่อพระราชบัญญัติและประเภทของใบอนุญาตที่สามารถดำเนินการชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตได้
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าหากภายหลังการรับชำระค่าธรรมเนียมแทนการต่อใบอนุญาตประกอบกิจการอุตสาหกรรมไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้
พุทธศักราช ๒๔๘๔ แล้วพบว่าผู้รับอนุญาตขาดคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด
จะเป็นเหตุทำให้เกิดข้อโต้แย้งระหว่างหน่วยงานราชการกับผู้รับอนุญาตในการเพิกถอนใบอนุญาตได้
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าหน่วยงานภาครัฐควรกำหนดช่องทางการชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตหากผู้รับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานให้สามารถชำระค่าธรรมเนียมทั้งหมด
ณ จุดเดียว ควรตรวจสอบคุณสมบัติและข้อมูลการดำเนินงานของกิจการ
เพื่อเร่งพัฒนาระบบฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบันและมีการเชื่อมโยงกัน
และหน่วยงานเจ้าของใบอนุญาตแต่ละหน่วยงานจะต้องระบุหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนภายใต้เงื่อนไขการต่อใบอนุญาตที่กำหนด
รวมถึงการกำหนดช่องทางการชำระค่าธรรมเนียมจะต้องมีรายละเอียดวิธีการชำระค่าธรรมเนียมที่ชัดเจนและควรมีการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางที่หลากหลายเพื่อให้เป็นที่ทราบโดยทั่วกัน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
774 | ร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดคุณสมบัติและตำแหน่งของผู้บริหารงานและผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัว) | ศย. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยกำหนดให้มีอธิบดีผู้พิพากษาคดีเยาวชนและครอบครัวภาคและรองอธิบดีผู้พิพากษาคดีเยาวชนและครอบครัวภาค
ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านคดีเยาวชนและครอบครัวทำหน้าที่บริหารงานศาลเยาวชนและครอบครัวในเขตอำนาจของตนเป็นการเฉพาะ
รวมทั้งกำหนดคุณสมบัติของผู้บริหารงานและผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวไว้เป็นพิเศษ
โดยมีคณะกรรมการนโยบายการปฏิบัติราชการของศาลเยาวชนและครอบครัวช่วยกำกับดูแลการบริหารราชการของศาลเยาวชนและครอบครัว
เพื่อให้การอำนวยความยุติธรรมในคดีเยาวชนและครอบครัวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาในประเด็นความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เกี่ยวกับการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายการปฏิบัติราชการของศาลเยาวชนและครอบครัว
อาจเป็นการซ้ำซ้อนกับหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมและคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม
ควรพิจารณาถึงความจำเป็นในการมีคณะกรรมการดังกล่าวด้วย ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงาน ก.พ.
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้อาจส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายบุคลากร
ค่าใช้จ่ายด้านบริหารจัดการ และด้านการลงทุน ควรพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุน
ผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนจะได้รับ ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังแก่รัฐเพื่อมิให้เกิดภาระงบประมาณเกินความจำเป็น สำนักงาน ก.พ.
เห็นว่าการกำหนดให้มีตำแหน่งผู้บริหารงานศาลเยาวชนและครอบครัวเพิ่มขึ้นอาจต้องคำนึงว่าจะต้องไม่กระทบต่องบประมาณค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐและต้องคำนึงถึงการบริหารงานบุคคลประกอบด้วย ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ ๓.
ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว
อาจจะส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายบุคลากร ค่าใช้จ่ายด้านบริหารจัดการ และด้านการลงทุน
ดังนั้น สำนักงานศาลยุติธรรมควรพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุน
ประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนจะได้รับ ความเหมาะสมกับสถานการณ์และสถานะทางการเงินการคลังของประเทศในปัจจุบันเพื่อมิให้เกิดภาระงบประมาณเกินความจำเป็นตามนัยมาตรา
๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ เห็นว่าควรเตรียมความพร้อมและบริหารจัดการทั้งด้านบุคลากร
งบประมาณ อาคารสถานที่ และด้านอื่น ๆ ให้เหมาะสม เพื่อรองรับการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรในตำแหน่งต่าง
ๆ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
775 | ร่างกฎกระทรวงการยื่นคำขอ การกำหนดค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติการนอกเวลาราชการหรือนอกสถานที่ทำการโดยปกติ พ.ศ. .... | ทส. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการยื่นคำขอ
การกำหนดค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติการนอกเวลาราชการหรือนอกสถานที่ทำการโดยปกติ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการยื่นคำขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. ๒๕๖๒ นอกเวลาราชการหรือนอกสถานที่ทำการโดยปกติ และการกำหนดค่าเบี้ยเลี้ยง
ค่าพาหนะเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่น
เพื่อจ่ายให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรกำหนดอัตราค่าพาหนะเดินทางกรณีต้องเดินทางไปปฏิบัติการในต่างประเทศ
โดยให้เป็นไปตามสิทธิของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
พ.ศ. ๒๕๒๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๕๐
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎกระทรวงนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าการรับชำระเงินจากผู้ที่ยื่นคำขอจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
รวมทั้งการให้บริการของเจ้าหน้าที่ต้องเป็นไปอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
776 | การกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการของสำนักงานธนานุเคราะห์ ประจำปีงบประมาณ 2568 | พม. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมติอนุมัติการกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการของสำนักงานธนานุเคราะห์
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘ จำนวน ๒๐๐ ล้านบาท เพื่อเป็นการเตรียมเงินทุนหมุนเวียนและรองรับธุรกรรมการให้บริการรับจำนำแก่ประชาชน
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานธนานุเคราะห์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงบประมาณ เห็นว่าสำนักงานธนานุเคราะห์ควรบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและพิจารณาเบิกเงินกู้เท่าที่จำเป็น
เพื่อไม่ให้เกิดภาระดอกเบี้ยต่อองค์กรในระยะยาว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
777 | ขออนุมัติผ่อนผันการเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงพันนาและป่าดงพระเจ้า เพื่อสร้างวัดถ้ำพวง ท้องที่ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร | พศ. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวนเนื้อที่ ๑๕ ไร่ เพื่อสร้างวัดถ้ำพวง ท้องที่ตำบลปทุมวาปี
อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าในการเข้าดำเนินการใดในพื้นที่ดังกล่าว
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน
แก้ไข และติดตามตรวจสอบผลกระทบที่กำหนดไว้ในรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Accounting Report : EAR) อย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
778 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (นางสาวสุดาวรรณ
หวังศุภกิจโกศล) ๒. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวจิราพร
สินธุไพร)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
779 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายประภูศักดิ์ จินตะเวช) | คค. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายประภูศักดิ์ จินตะเวช
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม [ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร เจริญศรี)]
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
780 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติยกเลิกบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่กำหนดความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ปปง. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบ ๑.๑
ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า
“ความผิดมูลฐาน” และ “สถาบันการเงิน” และเพิ่มบทนิยามคำว่า “เครือข่ายอาชญากรรม”
รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การรายงานการทำธุรกรรมของสถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพ
องค์ประกอบคณะกรรมการและการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
และหลักเกณฑ์การดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐาน
หรือความผิดฐานฟอกเงิน
ตลอดจนแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับกองทุนป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
และบทกำหนดโทษ ๑.๒
ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่กำหนดความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่กำหนดความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินซึ่งบัญญัติไว้ในกฎหมายอื่น รวม
๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
โดยให้ส่งความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
และสำนักงานศาลยุติธรรม
ไปเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ |