ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 35 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 681 - 700 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
681 | ผลการประชุมระดับสูงในห้วงสัปดาห์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ประจำปี 2567 | กต. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมระดับสูงในห้วงสัปดาห์ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค
ประจำปี ๒๕๖๗ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าตามตารางติดตามผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปคและการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค
ประจำปี ๒๕๖๗ ซึ่งจะมีการประชุมฯ ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ มีหัวข้อหลัก
คือ “เสริมสร้างพลัง การมีส่วนร่วม และการเติบโตที่ยั่งยืน”
โดยผลักดันประเด็นสำคัญ ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) การค้าและการลงทุน เน้นการเปิดเสรีทางการค้า
รวมถึงขับเคลื่อนวาระเขตการค้าเสรีเอเชีย- แปซิฟิก ด้วยมุมมองใหม่ (๒)
การส่งเสริมนวัตกรรมและดิจิทัล เพื่อนำแรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ (๓) การเติบโตอย่างยั่งยืน
เน้นการผลิตพลังงานจากไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำและการป้องกันและลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร
ซึ่งประกอบด้วยการประชุมและกิจกรรมสำคัญ เช่น (๑) การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค
ครั้งที่ ๓๑ (๒) การหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับแขกพิเศษของประธาน
(๓) การประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปค (๔)
การหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเปค เป็นต้น โดยในห้วงสัปดาห์การประชุมดังกล่าวได้มีการรับรองเอกสารผลลัพธ์
จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ ๑) ถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีเอเปค ประจำปี ๒๕๖๗ ๒)
ปฏิญญามาชูปิกชูของผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ๓)
ถ้อยแถลงอิชมาว่าด้วยมุมมองใหม่ในการขับเคลื่อนเขตการค้าเสรีเอเชีย - แปซิฟิก และ ๔)
แผนงานลิมา เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจในระบบและเศรษฐกิจโลกของเอเปค
ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เห็นชอบแล้ว โดยมีการปรับแก้ถ้อยคำให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
เช่น
การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อใช้ประโยชน์และรับมือกับความท้าทายจากปัญญาประดิษฐ์
การส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ การลดการอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ไร้ประสิทธิภาพ
การต่อต้านการคอร์รัปชัน และการส่งเสริมการใช้บัตรเดินทางสำหรับนักธุรกิจเอเปคให้มีความครอบคลุมยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
682 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 4/2566 เรื่อง การจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ : ศูนย์ธุรกิจอีอีซีและเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ | สกพอ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๖ เรื่อง การจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ :
ศูนย์ธุรกิจอีอีซีและเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ ทั้งนี้ หากคณะรัฐมนตรีรับทราบโดยไม่มีข้อทักท้วงหรือไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น
ให้ถือว่าคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหรือเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๖
เพื่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกจะออกประกาศจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเร่งรัดการดำเนินงานและบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมและขนส่ง
และการบริหารจัดการน้ำ เช่น กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน
และการประปาส่วนภูมิภาค เป็นต้น รวมทั้งจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินโครงการ
เพื่อลดปัญหาการดำเนินงานล่าช้าในอนาคต กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจและประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินโครงการ
รวมทั้งผลกระทบและการป้องกันปัญหาจากการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นโดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
เพื่อส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนและน่าอยู่ของเมืองและพื้นที่โดยรอบ และการดำเนินการใด
ๆ ในพื้นที่ป่า ขอให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
683 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 3/2566 เรื่อง (ร่าง) แผนภาพรวมเพื่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2566 - 2570 | สกพอ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เรื่อง (ร่าง) แผนภาพรวมเพื่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ทั้งนี้
หากคณะรัฐมนตรีรับทราบโดยไม่มีข้อทักท้วงหรือไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น
ให้ถือว่าคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนภาพรวมเพื่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อเสนอแนะของกระทรวงคมนาคมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่าในการดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาพื้นที่
EEC ในแนวทางที่ ๑ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายและบริการแห่งอนาคตในพื้นที่
EEC จะต้องพิจารณาถึงความเป็นธรรม ความเสมอภาค
และการไม่เลือกปฏิบัติ
รวมทั้งการพัฒนาและสนับสนุนเสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ด้วย กระทรวงมหาดไทย เห็นว่าการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่เขตภาคตะวันออกต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย
ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี ขั้นตอนและแนวทางการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยคำนึงถึงความถูกต้อง โปร่งใส และประโยชน์สูงสุดของรัฐและประชาชนเป็นสำคัญ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรเร่งแปลงแผนภาพรวมฯ
พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ไปสู่การปฏิบัติ
โดยจัดทำแผนปฏิบัติการ/ขับเคลื่อนการดำเนินงานตามความเหมาะสมของการพัฒนาในแต่ละประเด็น
ติดตามและประเมินผลการพัฒนาเป็นระยะและประเมินผลสัมฤทธิ์ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ในวงกว้างและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
การดำเนินงานด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์เชิงรุก
การเสริมสร้างความเชื่อมั่นของภาคเอกชนเพื่อดึงดูดการลงทุนจากนานาชาติ
ตลอดจนบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวก แก้ไขปัญหา/อุปสรรค
และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการลงทุนของภาคเอกชน
ซึ่งจะช่วยให้การขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนภาพรวมฯ
สามารถบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการพัฒนาได้อย่างเป็นรูปธรรม |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
684 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 5/2567 เรื่อง การจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ: ศูนย์การแพทย์และสุขภาพ ปลวกแดง | สกพอ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(กพอ.) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เรื่อง
การจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ศูนย์การแพทย์และสุขภาพ ปลวกแดง ทั้งนี้
หากคณะรัฐมนตรีรับทราบโดยไม่มีข้อทักท้วง หรือไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น
ให้ถือว่าคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหรือเห็นชอบตามมติ กพอ. ดังกล่าว เพื่อ กพอ.
จะออกประกาศจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ
ประกาศมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำหนดขอบเขตงานและความรับผิดชอบระหว่างภาครัฐและเอกชน
โดยควรกำหนดลักษณะ/นิยามของทรัพย์สินและสินทรัพย์ที่เอกชนจะต้องส่งมอบให้ภาครัฐให้มีความชัดเจนโดยเฉพาะอุปกรณ์ทางการแพทย์
อาคารปฏิบัติงานต่าง ๆ เป็นต้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการดำเนินโครงการมีการระบุระยะเวลาดำเนินโครงการรวม ๕๐ ปี
หากในกรณีที่โครงการมีการสร้างอาคารและสิ่งก่อสร้างประกอบเพิ่มเติม ที่เข้าข่ายประเภทและขนาดที่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ให้ดำเนินการตามข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และการเพิ่มและดูแลพื้นที่สีเขียวในการจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
: ศูนย์การแพทย์และสุขภาพ ปลวกแดง มีประเด็นที่ควรคำนึงถึง ได้แก่ ๑)
การออกแบบแนวกันชนพื้นที่สีเขียว ๒) การใช้ไม้พื้นถิ่นและไม้ยืนต้น รวมทั้งต้นไม้ที่มีประสิทธิภาพ
ในการดูดซับมลพิษ ๓) การนำพรรณไม้ที่มีคุณสมบัติต่าง
ๆ มาใช้ในการสร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเป็นศูนย์สุขภาพ และ ๔)
การเปิดพื้นที่สีเขียวเพื่อบริการสาธารณะ หรือสวนสุขภาพ เพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ
เสริมสุขภาพให้กับชุมชน
เป็นแหล่งเรียนรู้และสร้างความมั่นคงทางอาหารอีกทางหนึ่งด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขติดตามประเมินผลการดำเนินการของโรงพยาบาลปลวกแดง
๒ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงจัดเตรียมแผนรองรับการใช้ประโยชน์ในสินทรัพย์หรือทรัพย์สิน
ตลอดจนการบำรุงรักษาอาคารและอุปกรณ์ทางการแพทย์ภายหลังสิ้นสุดระยะเวลาร่วมลงทุนเพื่อให้โรงพยาบาลสามารถให้บริการสาธารณสุขต่อไปได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
685 | ผลการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 10 | กต. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
686 | ขออนุมัติจ่ายเงินค่าขนย้าย (ที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ) เป็นกรณีพิเศษให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ (ครั้งที่ 2) | กษ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถอนเรื่องนี้คืนไปเพื่อพิจารณาทบทวนรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
687 | แนวทางการดำเนินการสืบเนื่องจากผลการประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐเฉพาะกิจเพื่อจัดทำอนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างครอบคลุมว่าด้วยการต่อต้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อวัตถุประสงค์ทางอาชญากรรม | กต. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
688 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน 4 โครงการ | กษ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่
จำนวน ๔ โครงการ ประกอบด้วย (๑)
โครงการประตูระบายน้ำศรีสองรักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
จากเดิม ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ - พ.ศ. ๒๕๖๖) เป็น ๑๐ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๑ - พ.ศ. ๒๕๗๐) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม (๒)
โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดนครศรีธรรมราช จากเดิม ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ - พ.ศ. ๒๕๖๖) เป็น ๑๐ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ - พ.ศ. ๒๕๗๐) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม (๓)
โครงการประตูระบายน้ำบ้านก่อพร้อมระบบส่งน้ำ จังหวัดสกลนคร จากเดิม ๕ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ - พ.ศ. ๒๕๖๖) เป็น ๙ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ - พ.ศ. ๒๕๗๐)
ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม และ (๔) โครงการประตูระบายน้ำลำน้ำพุง
- น้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร จากเดิม ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
- พ.ศ. ๒๕๖๖) เป็น ๙ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๗๐) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
เร่งรัดติดตามการดำเนินโครงการทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๐
ตามที่ได้ขอขยายเวลาในครั้งนี้อย่างเคร่งครัด โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรเร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการที่กำหนดไว้
รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่
ทั้ง ๔ โครงการ ต่อคณะกรรมการลุ่มน้ำที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบ
ทุก ๖ เดือน เพื่อติดตามและกำกับโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้
เนื่องจากเป็นโครงการสำคัญต่อการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
689 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.01 | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้
(ฉบับที่..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.
๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์ประกอบของคณะกรรมการพิจารณาบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้
(ก.บ.จ.ต.) การปรับถ้อยคำในข้อกำหนดเกี่ยวกับการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
รวมทั้งการเพิ่มข้อกำหนดเกี่ยวกับการนับระยะเวลาทวีคูณ ทั้งนี้
เพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมกับกฎหมาย ระเบียบ และสภาวการณ์ปัจจุบัน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
690 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 5 สายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงอนุสรณ์สถาน - บางปะอิน พ.ศ. .... | คค. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข
๕ สายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงอนุสรณ์สถาน - บางปะอิน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางหลวงพิเศษหมายเลข ๕ สายทางยกระดับอุตราภิมุข
ช่วงอนุสรณ์สถาน - เป็นทางหลวงที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวง
และกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ให้ดำเนินการต่อได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กรมทางหลวงเร่งรัดและกำกับการดำเนินโครงการทางหลวงพิเศษดังกล่าว
ให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของโครงการ
ประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
691 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2566/2567 | อก. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ เป็นรายเขต ๙ เขตคำนวณราคาอ้อย ที่ระดับคุณภาพความหวาน ๑๐
ซี.ซี.เอส. และกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อย ต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย โดยราคาเฉลี่ยทั่วประเทศในอัตรา
๑,๔๐๔.๑๗
บาทต่อตันอ้อย
ที่ระดับคุณภาพความหวาน ๑๐ ซี.ซี.เอส. และกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อย เท่ากับ
๘๔.๒๕ บาทต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส.
และผลตอบแทนการผลิต และจำหน่ายน้ำตาลทราย เท่ากับ ๖๐๑.๗๙ บาทต่อตันอ้อย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม
(สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรม
โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายดำเนินการทบทวนระเบียบมาตรการต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้อง และแนวทางการจัดเก็บรายได้
เพื่อให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายมีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงพอในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
ตลอดจนเพิ่มโอกาสของอุตสาหกรรมอ้อยไปสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่อง
เพื่อรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
692 | มาตรการบริหารจัดการผลไม้ที่จะออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก | นร.04 | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า
ปี ๒๕๖๘ ผลไม้หลายชนิดจะมีปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะทุเรียน
ซึ่งเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่สร้างรายได้จากการส่งออกให้แก่ประเทศมากว่า ๑๕๐,๐๐๐๐ ล้านบาทต่อปี นั้น เพื่อป้องกันปัญหาราคาทุเรียนตกต่ำและสินค้าตกค้างในช่วงที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากในอีก
๒ - ๓ เดือนข้างหน้า จึงขอมอบหมายการดำเนินการต่าง ๆ
เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรไทย ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งเตรียมมาตรการรองรับการกระจายผลผลิตทุเรียนออกจากแหล่งผลิตต่าง
ๆ ให้เหมาะสม รวมทั้งให้รณรงค์ส่งเสริมการบริโภคทุเรียนภายในประเทศ และเร่งขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มเติมเพื่อส่งเสริมการส่งออกผลไม้ดังกล่าวไปยังประเทศอื่น
ๆ ให้มากขึ้นด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร)
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการขยายระยะเวลาเปิด -
ปิดด่านทางบก ที่เชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เหมาะสม
สอดคล้องกับปริมาณและช่วงเวลาของการขนส่งทุเรียนผ่านด่านต่าง ๆ ด้วย ๓.
ให้กระทรวงคมนาคมเร่งหารือภาคเอกชนในการเตรียมความพร้อมและอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและตู้ขนส่งสินค้าให้เหมาะสมเพียงพอ ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับดูแลการตรวจสอบคุณภาพของทุเรียนอย่างเคร่งครัด
เข้มงวด โดยเฉพาะการตรวจสอบสารแคดเมียมและสารย้อมสี (Basic Yellow 2) จะต้องตรวจสอบให้ครบถ้วน (๑๐๐%) และหากพบผู้กระทำความผิด
ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งประชาสัมพันธ์ข่าวสารในเรื่องนี้ให้เกษตรกรทราบอย่างถูกต้อง
ทั่วถึง โดยเร็วด้วย ๕.
ให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ ในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการในการนำเข้าทุเรียนจากไทยให้รับความสะดวก
คล่องตัว และรวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น
การให้การยอมรับผลการตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการของไทยตั้งแต่ต้นทางโดยไม่ต้องตรวจสอบซ้ำเมื่อถึงปลายทาง ทั้งนี้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแนวทางการดำเนินการทั้ง
๕ ข้อดังกล่าวข้างต้นไปปรับใช้กับสินค้าเกษตรชนิดอื่น ๆ เช่น มังคุด เงาะ ลำไย
ที่จะมีผลผลิตทยอยออกสู่ตลาดในระยะต่อ ๆ ไป ตามความจำเป็นเหมาะสมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
693 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นางสิริพรรณ แสงอรุณ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | สธ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นางสิริพรรณ แสงอรุณ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์
(มาตรฐานห้องปฏิบัติการ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ตั้งแต่วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗ ๒. นายปัญจพล แก้วอุบล ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) โรงพยาบาลตรัง
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ ๓. นายสมบูรณ์ อภิชัยยิ่งยอด ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลราชบุรี
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดราชบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๗
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
694 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา และนางรักชนก โคจรานนท์) | วธ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ๒. นางรักชนก โคจรานนท์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
695 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (1. รองศาสตราจารย์วีระพงษ์ แพสุวรรณ ฯลฯ รวม 13 คน) | ศธ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รวม ๑๓ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
ดังนี้ ๑. รองศาสตราจารย์วีระพงษ์ แพสุวรรณ ประธานกรรมการ ๒. รองศาสตราจารย์ศักรินทร์ ภูมิรัตน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. ศาสตราจารย์วิเชียร เลาหโกศล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายภาสกร ประถมบุตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. รองศาสตราจารย์สรนิต ศิลธรรม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. รองศาสตราจารย์อภิสิฏฐ์ ศงสะเสน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. รองศาสตราจารย์ดวงพร ภู่ผะกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. นายอิทธิพร แก้วทิพย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๙. นางศุภรัตน์ โชติสกุลรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๐. นางอัญญารัตน์ ชวดนุช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ครูผู้สอนด้านวิทยาศาสตร์
ภาคเหนือ) ๑๑. นางสาวปุณยาพร ผิวขำ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ครูผู้สอนด้านวิทยาศาสตร์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ๑๒. นางสาวศศิธร เขียวกอ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ครูผู้สอนด้านวิทยาศาสตร์
ภาคกลาง) ๑๓. นายวิสุทธิ์ คงกัลป์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(ครูผู้สอนด้านคณิตศาสตร์
ภาคใต้)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
696 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือน (นายธนันท์รุตม์ ลิ้มทรงพรต) | คค. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายธนันท์รุตม์ ลิ้มทรงพรต เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือน
แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากขอลาออก ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
697 | แต่งตั้งกรรมการอื่น (ผู้ทรงคุณวุฒิ) ในคณะกรรมการกำกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (นางสาวชุณหจิต สังข์ใหม่) | คค. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวชุณหจิต สังข์ใหม่ เป็นกรรมการอื่น (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย)
ในคณะกรรมการกำกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
แทนกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
698 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (1.นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ฯลฯ จำนวน 3 คน) | ยธ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ
จำนวน ๓ คน
เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากลาออกและดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านอาชญาวิทยา ๒. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธานี ชัยวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ด้านเศรษฐศาสตร์ และกระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
699 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม แทนกรรมการอื่นที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ (รองศาสตราจารย์อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ และนายสมศักดิ์ อนันทวัฒน์) | สธ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมมีจำนวนกรรมการเกินกว่าสิบเอ็ดคนแต่ไม่เกินสิบห้าคน
(นับรวมประธานกรรมการ กรรมการอื่นที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
และผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมซึ่งเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง) ตามมาตรา ๑๘
แห่งพระราชบัญญัติองค์การเภสัชกรรม พ.ศ. ๒๕๐๙ และมาตรา ๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม จำนวน ๒ คน แทนกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากขอลาออก
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
700 | ขอถอนร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... | ทส. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถอนร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง
ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. ....
ตามที่เสนอได้
|