ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 40 จากทั้งหมด 6222 หน้า แสดงรายการที่ 781 - 800 จากข้อมูลทั้งหมด 124436 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 781 | ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | นร.07 | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
พร้อมเอกสารประกอบงบประมาณ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป ๒.
มอบหมายให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมข้อมูลและจัดทำประเด็นเกี่ยวกับเหตุผลความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับเพื่อประกอบการชี้แจงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 782 | การขอรับความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 46 การประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ครั้งที่ 2 และการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับกับสาธารณรัฐประชาชนจีน | กต. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 783 | ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทและบวชชีพรหมโพธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช 2568 โดยไม่ถือเป็นวันลา | นร.01 | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว
ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ
ลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทและบวชชีพรหมโพธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช ๒๕๖๘
โดยไม่ถือเป็นวันลา ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้
ในส่วนของการเข้าร่วมบวชชีพรหมโพธิและบวชเนกขัมมะพรหมโพธิของสตรีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในครั้งนี้
ให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง
การให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่
และลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรม) ด้วย
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการบรรพชาอุปสมบท ๙๙ รูป
และบวชชีพรหมโพธิ ๗๓ คน
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ในส่วนของการขอยกเว้นการดำเนินการตามประกาศสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
เรื่อง แนวทางและขั้นตอนการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการให้ข้าราชการ
เจ้าหน้าที่
และลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรมในสำนักปฏิบัติธรรมที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับรอง
ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ รวมถึงประกาศที่เกี่ยวข้อง นั้น
ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเร่งประสานหารือกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและดำเนินการให้ถูกต้องตามหน้าที่และอำนาจตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อโปโดยด่วน ๓.
ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเร่งรัดการพิจารณาปรับปรุงประกาศเกี่ยวกับสำนักปฏิบัติธรรมที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้เหมาะสมและเป็นปัจจุบัน
เพื่อสามารถรองรับให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรมได้อย่างถูกต้องและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 784 | การประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 16 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) | นร.11 สศช | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับผู้นำ
ครั้งที่ ๑๖ แผนงาน IMT - GT ที่จะมีการรับรองในการประชุมระดับผู้นำ
ครั้งที่ ๑๖ แผนงาน IMT - GT และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
ได้ร่วมกับผู้นำประเทศแผนงาน IMT - GT ให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมฯ
ในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ รวมทั้งให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) หรือผู้แทนที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) มอบหมาย ปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐมนตรีประจำแผนงาน IMT
- GT และเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๑๖ แผนงาน IMT-GT
ในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้แผนงาน
IMT - GT ในด้านต่าง ๆ เช่น การฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 785 | การเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติด | นร. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ปัจจุบันปัญหาอาชญากรรม ปัญหาความเดือดร้อนในสังคมและชุมชน รวมทั้งปัญหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัวซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นผู้ติดยาเสพติด
นับวันจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งและมีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ก่อให้เกิดการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก จึงขอมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย
ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด กระทรวงยุติธรรม
(สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด-สำนักงาน ป.ป.ส.) กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดกับการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในการตรวจตรา
ตรวจสอบ จับกุม และยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งผู้ค้าและผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการ
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการดำเนินการควบคุมตัวและบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดด้วย โดยให้สำนักงาน
ป.ป.ส. เป็นหน่วยงานประสานการดำเนินการและบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงให้จัดทำแผนกำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานต่าง ๆ ในภาพรวม ทั้งนี้
ให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณากำหนดเป็นตัวชี้วัดผลงานที่สำคัญของหน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 786 | การปราบปรามปัญหาการพนันออนไลน์ | นร. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า แม้ว่าปัจจุบันรัฐบาลได้เร่งรัดการดำเนินการปราบปรามและจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ไปแล้วเป็นจำนวนมาก
แต่ปัญหาการพนันออนไลน์ดังกล่าวยังคงปรากฏอยู่ในสื่อสังคมอย่างแพร่หลายและส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง
มีประชาชนจำนวนมากมีปัญหาหนี้สินจากการเล่นพนันและปัญหาครอบครัวแตกแยก
รวมทั้งยังเป็นบ่อเกิดของปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ ตามมาอีกด้วย ดังนั้น
จึงขอมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในการปราบปรามการพนันออนไลน์อย่างจริงจัง
เข้มข้นและต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น และให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว แล้วให้ประชาสัมพันธ์ผลงานและการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในเรื่องนี้ให้ประชาชนทราบโดยทั่วกันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 787 | ขอมอบหมายการดำเนินการสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการและสำรวจตลาดผลไม้ของไทยในจังหวัดจันทบุรีของนายกรัฐมนตรี | นร. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
จากการลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดจันทบุรี
ซึ่งเป็นจังหวัดที่ปลูกผลไม้ที่สำคัญของประเทศไทย (เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด)
เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ และได้รับฟังปัญหาของสินค้าผลไม้ในเรื่องคุณภาพและภาวะผลไม้ล้นตลาด
รวมทั้งอุปสรรคในกระบวนการและขั้นตอนของการส่งออกสินค้าผลไม้ไปยังตลาดต่างประเทศ
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดติดตามให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีจัดการประชุม (workshop) ร่วมกับทุกภาคส่วนภายในจังหวัดทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตและส่งออกสินค้าผลไม้ให้ครบทั้งกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
เพื่อรับฟังปัญหา ความเห็น ข้อเสนอแนะ และแนวทางการดำเนินการ
แล้วนำมาใช้เป็นต้นแบบให้กับจังหวัดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งในด้านของการตรวจสอบคุณภาพของสินค้าผลไม้ให้ได้มาตรฐานตามที่กำหนด
รวมทั้งการดำเนินการตามกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
ซึ่งจะนำไปปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกำหนดบทลงโทษ
ให้มีความเหมาะสมและชัดเจนมากยิ่งขึ้นต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของเจ้าหน้าที่ในสังกัดที่บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสม
ถูกต้อง อย่างเคร่งครัด เช่น
การควบคุมสินค้าเกษตรตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agriculture Practice :
GAP) รวมทั้งให้เร่งพิจารณาทบทวนและปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ต่าง
ๆ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
และให้กำหนดบทลงโทษให้เหมาะสมและชัดเจนด้วย ๓.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดให้มีห้องปฏิบัติการประจำจังหวัด
(Lab) เพื่อใช้ตรวจสอบคุณภาพของสินค้าผลไม้
โดยเฉพาะในพื้นที่ที่จะมีการส่งออกสินค้าผลไม้ไปยังต่างประเทศมาก ๔.
ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงแรงงานและหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการออกใบอนุญาตเพื่อให้แรงงานต่างด้าวสามารถทำงานข้ามจังหวัดได้ในช่วงระยะเวลาที่กำหนดตามความจำเป็นในแต่ละกรณี
เช่น ช่วงระยะเวลาที่จังหวัดมีผลิตผลทางการเกษตรออกสู่ตลาดมากและขาดแคลนแรงงานเก็บเกี่ยว
โดยให้กำหนดมาตรการควบคุมและบทลงโทษตามกฎหมายที่เหมาะสมและชัดเจนด้วย ๕.
ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ ในการประสานขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสาธารณรัฐประชาชนจีนในการกำหนดให้มีด่านตรวจสอบคุณภาพสินค้าผลไม้เพียงด่านเดียวจากฝั่งประเทศไทย
รวมทั้งเร่งกำหนดมาตรการร่วมกันเพื่อลดระยะเวลาการตรวจกักสินค้าผลไม้ให้เหลือเพียงไม่เกิน
๗ วัน เพื่อให้สินค้าผลไม้ของไทยออกสู่ตลาดของสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ภายในเวลาอันควรและสามารถรักษาคุณภาพมาตรฐานของสินค้าผลไม้ไว้ได้ตลอดจนลดความเสียหายอันอาจเกิดขึ้น
รวมทั้งขอให้พิจารณาจัดหาพื้นที่หรือโกดังสินค้าที่เหมาะสมและมีคุณภาพในการรองรับการเก็บสินค้าผลไม้ของไทยเพื่อให้สามารถรักษาคุณภาพของสินค้าผลไม้ดังกล่าวให้คงอยู่ได้อย่างยาวนานด้วย ๖.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเร่งศึกษานวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้นำมาประยุกต์ใช้เพื่อลดต้นทุนการผลิตสินค้าผลไม้ต่าง ๆ
ของไทย
รวมทั้งพัฒนาสายพันธุ์ของผลไม้ที่เหมาะสมกับประเทศไทยและตรงตามความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น ๗.
ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการออกใบรับรองวิชาชีพสำหรับเกษตรกรที่ได้รับการฝึกอบรมและมีประสบการณ์และความชำนาญเพื่อเป็นนักคัดนักตัดทุเรียน
เพื่อให้สามารถควบคุมคุณภาพของการเก็บเกี่ยวผลผลิตทุเรียนให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามมาตรฐานและความต้องการของตลาด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 788 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ทส. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมควบคุมมลพิษก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๑,๕๖๐,๒๔๖.๙๖ บาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหน่วยงานภาครัฐควรให้ความสำคัญต่อการประหยัดพลังงาน
การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรเป็นค่าสาธารณูปโภคได้อย่างคุ้มค่าและเหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 789 | แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท | กค. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน
๑๕๗,๐๐๐ ล้านบาท และมอบหมายหน่วยงานรับงบประมาณจัดทำโครงการและคำของบประมาณ
เพื่อดำเนินการตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดังกล่าว ตามมติคณะกรรมการฯ ครั้งที่
๒/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ตามนัยข้อ ๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าในการจัดทำโครงการและการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ พ.ศ.
๒๕๖๗ รวมทั้งกฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เห็นว่าหากหน่วยงานได้รับการจัดสรรงบประมาณด้านน้ำแล้ว
ขอให้เร่งรัดดำเนินการ พร้อมทั้งเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และรายงานให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 790 | ขอความเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย รัฐบาลแห่งมาเลเซีย และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือด้านน้ำมันปาล์ม | กษ. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
รัฐบาลแห่งมาเลเซีย และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือด้านน้ำมันปาล์ม
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน
สนับสนุนและเอื้ออำนวยการส่งเสริมการค้า
รวมถึงเสริมสร้างประสบการณ์และการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกัน
บนพื้นฐานของการต่างตอบแทนและผลประโยชน์ร่วมกันในด้านการพัฒนาน้ำมันปาล์ม
มีสาขาความร่วมมือ เช่น การเสริมสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในอนุภูมิภาค
IMT - GT เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม
การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ไห้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ที่เห็นควรคำนึงถึงพื้นที่ที่ใช้ในการปลูกปาล์ม
ควรเป็นพื้นที่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องมีการบริหารจัดการต้นปาล์มตามหลักวิชาการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
และหากประสงค์จะดำเนินการในเขตพื้นที่ป่าไม้ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 791 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 (เรื่อง ขออนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร) | กษ. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙
กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง ขออนุมัติจัดสรรเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร
ในประเด็นเงินจ่ายขาด จากจำนวน ๑๐ ล้านบาท เป็นจำนวน ๒๕.๓๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่าให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการวิเคราะห์ลูกหนี้เพื่อจัดชั้นลูกหนี้
บริหารจัดการหนี้ที่ผิดนัดชำระหนี้ เพื่อลดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ พร้อมกำหนดมาตรการสร้างแรงสูงใจให้กลุ่มเกษตรกรชำระหนี้ควบคู่กับการขยายระยะเวลา ๕ ปี
โดยกำหนดเป้าหมายการรับชำระหนี้และส่งเงินต้นคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๐ ต่อปี รวมถึงกำหนดแผนการดำเนินงานและแนวทางการช่วยเหลือ
กลุ่มเกษตรกร เพื่อให้สามารถเร่งรัดและติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงพาณิชย์ เห็นว่าการพิจารณาดำเนินโครงการฯ
รวมถึงการเบิกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ จะต้องคำนึงถึงเหตุผล ความจำเป็น
ความคุ้มค่า รวมถึงเป็นไปด้วยความโปร่งใส
ตามข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบได้ และให้มีการติดตามประเมินผลโครงการและการชำระหนี้ของเกษตรกรอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
เพื่อให้สามารถส่งคืนเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมสหกรณ์)
เร่งรัด ติดตามการชำระหนี้เงินกู้ของกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มเกษตรกรเพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการผลิตและการตลาดและบริหารจัดการหนี้ที่ผิดนัดชำระอย่างเหมาะสม
โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๗๓ และไม่ให้มีการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการดังกล่าวออกไปอีก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 792 | ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.09 | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเปลี่ยนชื่อสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็นสำนักงานพระคลังข้างที่
และรวมกิจการของสำนักพระราชวังเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับสำนักงานพระคลังข้างที่เดิมเข้ามาบริหารจัดการโดยสำนักงานพระคลังข้างที่ตามพระราชบัญญัตินี้
เพื่อเป็นการสืบทอดประวัติความเป็นมาให้สอดคล้องกับโบราณราชประเพณี และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 793 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | นร 05 | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายชูศักดิ์ ศิรินิล) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า
โดยที่ปัจจุบันคณะรัฐมนตรียังไม่ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
พ.ศ. ๒๕๓๔ ดังนั้น เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินของกระทรวงยุติธรรมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและต่อเนื่อง
และเป็นไปตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
พ.ศ. ๒๕๓๔ จึงเห็นควรพิจารณามอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ซึ่งในครั้งนี้คณะรัฐมนตรีอาจพิจารณามอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายชูศักดิ์ ศิรินิล) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาชี้แจงว่า
กรณีดังกล่าวเป็นไปตามมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.
๒๕๓๔ ที่คณะรัฐมนตรีจะมอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้
และเมื่อคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์ ศิรินิล)
เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแล้ว
ก็เป็นผู้สั่งและปฏิบัติราชการในกรมสอบสวนคดีพิเศษและสามารถเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษในฐานะผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 794 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวจิตรา ณีศะนันท์) | กค. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวจิตรา ณีศะนันท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง (ผู้อำนวยการสูง) กองมาตรฐานการกำกับและตรวจสอบภาษี
กรมสรรพากร ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ)
กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 795 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (นายสุวัฒน์ วิริยพงษ์สุกิจ) | สธ. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสุวัฒน์ วิริยพงษ์สุกิจ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล
แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 796 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายกิตติวัฒน์ ปัจฉิมนันท์) | พณ. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกิตติวัฒน์ ปัจฉิมนันท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 797 | แต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (นายพิสิฐ รังสฤษฎ์วุฒิกุล) | นร.04 | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพิสิฐ รังสฤษฎ์วุฒิกุล เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ
แทนประธานกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของประธานกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 798 | ผลการพิจารณา เรื่อง ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร | อว. | 13/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณา เรื่อง
ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยได้สรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการ เช่น ๑) การจัดสรรงบประมาณกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษาให้แก่สถาบันอุดมศึกษา
ควรคำนึงถึงจุดมุ่งหมาย ศักยภาพ และการดำเนินการที่ผ่านมาของสถาบันอุดมศึกษา เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษานำเอาจุดเด่นและศักยภาพในการจัดการศึกษาการวิจัยและการสร้างนวัตกรรมมาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการพัฒนาประเทศทั้งในปัจจุบันและอนาคตอย่างยั่งยืน
๒) การรับเงินอุดหนุนการพัฒนาการอุดมศึกษาระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสถาบันอุดมศึกษาซึ่งได้รับการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา
ต้องมีการกำหนดผลสัมฤทธิ์และตัวชี้วัดที่ตรวจสอบได้ ๓) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปรับปรุงแผนด้านการอุดมศึกษา
พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐ ให้สอดคล้องกับบริบททางสังคมที่สำคัญในช่วง พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ กรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๓ และกรอบนโยบายและยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐ และ ๔) การจัดทำรายงานประจำปีของสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม จะนำรายงานทางการเงินและการบริหารกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษามาใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำรายงานประจำปีเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี
และรัฐสภาต่อไป ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 799 | ผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร | นร.53 | 13/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ
สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้พิจารณาข้อสังเกตร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยสรุปผลการดำเนินงานได้ ดังนี้ ๑) ปัญหาด้านการเงินและการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
สสว. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการส่งเสริมให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุน
การจัดให้มีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และการค้ำประกันสินเชื่อสำหรับ SME การพิจารณาสินเชื่อจากข้อมูลด้านที่ไม่ใช่การเงิน (Non-financial Data) เช่น ข้อมูลการใช้ไฟฟ้าและน้ำประปา
ข้อมูลการใช้โทรศัพท์ (Telco) เป็นต้น
และได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลของ SME ระหว่างหน่วยงานด้วย SME
One ID เพื่ออำนวยความสะดวกให้ SME สามารถใช้หมายเลข
ID เดียวกันในการเข้ารับบริการต่าง ๆ ๒) ปัญหาด้านแรงงาน
สสว. ได้บรรจุประเด็นด้านการสร้างความพร้อมของแรงงานไว้ในแผนการส่งเสริม SME
ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐) และแผนปฏิบัติการส่งเสริม SME ประจำปี เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่มีบทบาทภารกิจนำไปจัดทำแผนงานหรือโครงการส่งเสริม
SME เพื่อขอรับงบประมาณประจำปี
โดยรูปแบบของการส่งเสริมมีทั้งการสร้างอาชีพ การพัฒนาทักษะแรงงานใหม่ ๆ
เพื่อให้สอดรับกับอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้
ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Business
Development Service) ๓) ปัญหาด้านภาษี สสว.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการ อาทิ การให้สิทธิประโยชน์กับ SME กรมสรรพากรได้ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และให้ความรู้ความเข้าใจด้านภาษี ๔)
ปัญหาด้านข้อจำกัดของกฎหมาย ปัจจุบัน สสว. ได้มีการช่วยเหลือและส่งเสริม SME
ให้เข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง และ ๕)
ปัญหาด้านอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานกำกับดูแล ปัจจุบัน สสว.
ได้ดำเนินการตามบทบาทภารกิจดังกล่าวโดยการจัดทำนโยบายและแผนการส่งเสริม SME
ในภาพรวมของประเทศ และใช้แผนปฏิบัติการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมประจำปี
(Action Plan) เป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงและบูรณาการโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 800 | รายงานการเงินประจำปีพร้อมกับรายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 | ลต. | 13/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินประจำปีพร้อมกับรายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
