ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 40 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 781 - 800 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
781 | รายงานผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑)
การสร้างเครือข่ายพันธมิตรและความร่วมมือด้านการค้า
โดยการประชุมร่วมกับผู้นำเข้ารายสำคัญในตลาดสหรัฐฯ จำนวน ๓ ราย การเยี่ยมชมโรงงานและหารือกับผู้บริหาร บริษัท Overhill Farms และการเยี่ยมชม Port of Long Beach ๒) การส่งเสริม Soft Power ของไทยผ่านอาหารไทยและร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์
Thai SELECT โดยการเข้าร่วมกิจกรรมผลักดันสินค้าและบริการสู่สากล
ผ่านผู้มีอิทธิพลทางความคิดและสื่อบันเทิงระดับโลก และการเข้าร่วมกิจกรรม Sa
Wad Dee Thai SELECT Festival ๓)
การส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับห้างสรรพสินค้า H Mart ซึ่งจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทย
และ ๔) การประชุมติดตามสถานการณ์การค้าและการส่งออกสินค้าไทยในภูมิภาคอเมริกาและลาตินอเมริกา
ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแนวทางการดำเนินการต่อยอดการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าอาหารไทย
โดยใช้อาหารไทยเป็น Soft Power และส่งเสริมสินค้าอุตสาหกรรมอาหารไทยในฐานะครัวโลก
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
782 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 | นร. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖
ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๘ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๙ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง)
วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่
๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ ๒๘กุมภาพันธ์
๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
783 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568) | ปสส. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
784 | ร่างเอกสารแนวทางการเจรจายกระดับกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา (AFAIPC) และการร่วมประกาศเริ่มเจรจาฯ ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ 31 | พณ. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
785 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง พ.ศ. .... | อก. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมบางรายการสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรองตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง
พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึงในโอกาสแรก
รวมทั้งแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลของการดำเนินงานดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
786 | ขอผ่อนผันการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อดำเนินงานขยายเขตไฟฟ้าตามแผนงานขยายเขตไฟฟ้าให้หมู่บ้านในโครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความมั่นคงพื้นที่ชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดแม่ฮ่องสอน | มท. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบผ่อนผันการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๓๒
เรื่องขอผ่อนผันใช้พื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ
เพื่อก่อสร้างทางเพื่อความมั่นคง และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์
๒๕๓๘ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ ภาคตะวันตก ภาคกลาง และลุ่มน้ำป่าสัก
และการกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนอื่น ๆ
(ลุ่มน้ำชายแดน)
ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีมติเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นชอบต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
เพื่อดำเนินงานขยายเขตไฟฟ้าตามแผนงานขยายเขตไฟฟ้าให้หมู่บ้าน ในโครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความมั่นคงพื้นที่ชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดแม่ฮ่องสอน ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการดำเนินการในพื้นที่ของกรมป่าไม้
จะต้องยื่นคำขออนุญาตใช้พื้นที่โดยเป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๕ เรื่อง
ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๖ เรื่อง
การดำเนินโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นจะต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า
และกรณีการดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
จะต้องได้รับอนุมัติ/อนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ก่อนดำเนินการ รวมทั้งต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒
พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒
และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะต้องถือปฏิบัติตามรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อย่างเคร่งครัด เนื่องจากการขยายเขตไฟฟ้าดังกล่าวดำเนินการในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวและเปราะบางทางระบบนิเวศ
รวมทั้งควรดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงาน โดยลดผลกระทบต่อระบบนิเวศให้มากที่สุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
787 | ร่างพระราชกฤษฎีกาประโยชน์ตอบแทน และค่าใช้จ่ายในการเดินทางของกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ ซึ่งมิได้ปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา พ.ศ. .... | ตช. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาประโยชน์ตอบแทน
และค่าใช้จ่ายในการเดินทางของกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.)
ซึ่งมิได้ปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้กรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจได้รับเงินค่าตอบแทนรายเดือน
ในอัตราเดือนละ ๔๒,๕๐๐ บาท
ได้รับค่ารักษาพยาบาลหรือการประกันสุขภาพตามที่จ่ายจริงในอัตราเบี้ยประกันคนละไม่เกิน
๓๐,๐๐๐ บาท ต่อปี
และได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเช่นเดียวกับผู้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับสูง
ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณในประเด็นการกำหนดค่าตอบแทนเป็นรายครั้งตามนัยพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ
พ.ศ. ๒๕๔๗ และความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นว่าการพิจารณากำหนดเงินค่าตอบแทนรายเดือนตามร่างฯ
ควรกำหนดในอัตรา ๔๑,๕๐๐ บาท ซึ่งเป็นอัตราที่ลดหลั่นลงมาจากอัตราเงินเพิ่มของประธาน
ก.ร.ตร. และเป็นอัตราเดียวกันกับเงินเพิ่มของกรรมการ ก.ร.ตร. ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) และให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ เห็นควรที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะพิจารณาจากหน้าที่และอำนาจ
ลักษณะงานและลักษณะการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ
จำนวนหน่วยงานและข้าราชการที่ต้องดูแลรับผิดชอบ
รวมทั้งควรนำข้อมูลสิทธิประโยชน์อื่นที่กรรมการได้รับทั้งหมดมาประกอบการพิจารณาด้วย
เช่น สิทธิในการได้รับค่าตอบแทนหรือการประกันสุขภาพ
สิทธิในการได้รับบำเหน็จตอบแทน การนับระยะเวลาและการคำนวณบำเหน็จตอบแทน เพื่อให้การกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายเป็นไปด้วยความรอบคอบรัดกุม
ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยไม่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำของการกำหนดค่าตอบแทนในภาพรวม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
788 | ร่างอนุบัญญัติที่กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาตจัดตั้งหอการค้าและสมาคมการค้า | พณ. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
789 | รายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีปัญหากระบวนการขอประทานบัตรเหมืองแร่เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และการประกอบกิจการเหมืองแร่อุตสาหกรรมชนิดหินปูนและหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี | อก. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
790 | ขอผ่อนผันการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาตและยังไม่ได้ยื่นคำขออนุญาตภายในระยะเวลาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 และเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | ทส. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ ผ่อนผันให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่ได้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาตและยังไม่ได้ยื่นคำขออนุญาตในระยะเวลาที่กำหนดตามมติดณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ (เรื่อง การเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้
และขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๒๓
ในกรณีที่ปรากฏว่ายังมีส่วนราชการใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต)
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง
ขอขยายเวลาในการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓) สามารถยื่นคำขออนุญาตได้ภายใน ๑๘๐
วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติในครั้งนี้ (ภายในวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๘)
โดยโครงการที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐจะขอยื่นคำขออนุญาตดังกล่าวข้างต้นได้
จะต้องเป็นโครงการที่ได้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓
เท่านั้น
และให้ทุกส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้
ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกำหนดเวลาข้างต้น (ภายในวันที่
๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๘) อย่างเคร่งครัด โดยไม่ต้องจัดสรรงบประมาณค่าปลูกป่าทดแทนตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๙ สิงหาคม ๒๕๖๕ (เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๖ เรื่อง
การดำเนินโครงการใด ๆ
ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นจะต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า) ๑.๒
อนุมัติให้คณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เป็นผู้อนุญาตให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่ได้ยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์เพิ่มเติม
(Zone C) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔
และคำขออนุญาตที่ได้รับการผ่อนผันตามข้อ ๑.๑
ใช้พื้นที่หรือเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติที่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์เพิ่มเติม
(Zone C) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๓๕ (เรื่อง
การจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและที่ดินป่าไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ)
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๓๕ (เรื่อง
ผลการจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและที่ดินป่าไม้
ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเพิ่มเติม) ๑.๓. ผ่อนผันให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่ได้ยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ และคำขออนุญาตที่ได้รับการผ่อนผันตามข้อ
๑.๑ ใช้พื้นที่หรือเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่ป่าไม้ที่ถูกกำหนดเป็นเขตกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ได้ โดยไม่ต้องเสนอขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการห้ามใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ เป็นรายกรณีอีก ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐดังกล่าว ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม
(Environmental Accounting
Report : EAR) กำหนด
และต้องปฏิบัติตามมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ อย่างเคร่งครัด ๑.๔ ผ่อนผันให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่ได้ยื่นคำขออนุญาตตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔
และคำขออนุญาตที่ใด้รับการผ่อนผัน ตามข้อ ๑.๑
ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเข้าไปปรับปรุง ซ่อมแซม และบำรุงรักษาสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ตามคำขออนุญาตที่ได้ยื่นไว้ตามแต่กรณี
สามารถของบประมาณและเข้าไปดำเนินการดังกล่าวได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
พิจารณาเพิ่มช่องทางเพื่อสร้างการรับรู้
และความเข้าใจเกี่ยวกับการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้กับทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึง
เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาการเข้าใช้พื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงการใช้ประโยชน์ในพื้นที่และสภาพพื้นที่ป่าให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
791 | รายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 (เรื่อง การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน และเศรษฐกิจชุมชน) | สผผ. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (เรื่อง การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
วิสาหกิจชุมชน และเศรษฐกิจชุมชน) ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
792 | การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ และการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของราษฎร กรณีพื้นที่นิคมสร้างตนเอง ลำน้ำน่าน จังหวัดอุตรดิตถ์ | สคทช | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของราษฎร
กรณีพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่าน จังหวัดอุตรดิตถ์ บริเวณที่ ๑ - ๕ ได้แก่ ๑)
พื้นที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านทับซ้อนอุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน ๒)
พื้นที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านทับซ้อนวนอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำลี ๓) พื้นที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านทับซ้อนเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
๔) พื้นที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านทับซ้อนพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และ ๕) พื้นที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านซึ่งได้จัดที่ดินให้ราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนสิริกิติ์
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
(กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช) เร่งรัดดำเนินการแก้ไขแผนที่แนบท้ายกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับแนวทางการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐฯ
ที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอในครั้งนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน
๑๘๐ วัน ๓.
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรพิจารณาดำเนินการอย่างรอบคอบ
และเป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
เห็นว่าการดำเนินการต้องเป็นไปตามระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และคำนึงถึงการสร้างสมดุลการใช้ประโยชน์ที่ดินและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
793 | การชดเชยเยียวยาชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน | นร.04 | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน
เพื่อให้เกิดความสมดุลของจำนวนเรือประมงพาณิชย์กับปริมาณสัตว์น้ำที่จับได้ เพื่อให้การใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลมีความยั่งยืน
และแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal, Unreported and Unregulated Fishing : IUU Fishing) และไม่เป็นไปตามกฎระเบียบสากล
อย่างไรก็ตาม
ในขณะนี้ยังมีชาวประมงบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการดังกล่าวและยังไม่ได้รับความช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐ
ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง)
รับเรื่องนี้ไปพิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาชาวประมงกลุ่มนี้ให้ถูกต้อง
เหมาะสม ชัดเจน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนในคราวประชุมครั้งต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
794 | แนวทางการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า | กค. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าสำหรับผู้ถือบัตรฯ Version ๒.๕ ที่ใช้เกินวงเงิน
ดังนี้ (๑) ยกเลิกการชำระค่าโดยสารได้เกินวงเงิน ๕๐๐ บาท ๑ ครั้งต่อเดือน
โดยวงเงินที่เกินจะนำไปหักจากวงเงินในเดือนถัดไป (มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗
กรกฎาคม ๒๕๖๑) และ (๒) ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ดำเนินการ ดังนี้ ๑)
ผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนฯ ปี ๒๕๖๕ ที่ใช้สิทธิเกินวงเงิน จำนวน
๒๔๖ ราย จำนวนเงิน ๑๒,๔๙๖ บาท
ให้กรมบัญชีกลางนำจำนวนเงินค่าโดยสารที่ใช้เกินข้างต้นเบิกจ่ายจากกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมชำระให้แก่
รฟม. แทนผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติดังกล่าว และ ๒) ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนฯ
ปี ๒๕๖๕ ที่ใช้สิทธิเกินวงเงินและยืนยันตัวตนแล้ว จำนวน ๓๕๖ ราย จำนวนเงิน ๑๕,๗๙๓ บาท ให้นำจำนวนเงินค่าโดยสารที่ใช้เกินไปหักจากวงเงินในเดือนถัดไป ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่าคณะกรรมการฯ อาจพิจารณาปรับเพิ่มวงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะจาก
๗๕๐ บาท ต่อคนต่อเดือน เป็น ๑,๕๐๐ บาท
ต่อคนต่อเดือน โดยไม่จำกัดวงเงินตามประเภทรถ ซึ่งในส่วนของกระทรวงคมนาคม
ได้ดำเนินมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า ๒๐ บาท ตลอดสาย
ตามนโยบายของรัฐบาลสำหรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง)
และโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง)
เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน และส่งเสริมการใช้ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
ซึ่งการเพิ่มวงเงินจะทำให้ผู้โดยสารมีวงเงินสำหรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าทั้งไปและกลับในโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางได้มากยิ่งขึ้น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกันเร่งพิจารณาแนวทางการกำหนดให้ผู้ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะจัดให้มีระบบการตรวจสอบสิทธิที่เพียงพอและพัฒนาบัตรประจำตัวประชาชนให้สามารถรองรับการบริการต่าง
ๆ ของภาครัฐ รวมถึงระบบขนส่งสาธารณะแบบทันที (Real-time)
ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นกลไกที่สำคัญของการพัฒนายกระดับบริการภาครัฐให้เป็นรัฐบาลดิจิทัลต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
795 | การควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า | นร.04 | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่
๙ เมษายน ๒๕๖๗ มอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการปราบปราม จับกุมผู้ลักลอบนำเข้าและผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบอย่างจริงจัง
เด็ดขาด และต่อเนื่อง โดยให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการในเชิงป้องกันการเข้าถึงและการใช้บุหรี่ไฟฟ้าด้วย
นั้น ในปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้ายังคงแพร่ระบาดอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเยาวชน
นักเรียน และนักศึกษา จึงขอมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นางสาวจิราพร สินธุไพร)
เป็นเจ้าภาพรับเรื่องนี้ไปหารือร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดติดตามการดำเนินมาตรการต่าง
ๆ ให้เหมาะสม ชัดเจน รวมตลอดถึงการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอันเนื่องมาจากบุหรี่ไฟฟ้า
ให้มีบทลงโทษที่ชัดเจนและรุนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าปัจจุบันด้วย
แล้วให้รายงานผลการดำเนินการต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน ๑๕ วัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
796 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) | อว. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จำนวน ๓ คณะ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ กุมภาพันธ์
๒๕๖๘) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลโครงการห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนโดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย
(โครงการ วมว.) ๒.
คณะกรรมการบริหารโครงการห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนโดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย
(โครงการ วมว.) ๓. คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลสถาบันไทยโคเซ็น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
797 | การแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ | นร.04 | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาพืชผลทางการเกษตรและเร่งกำหนดมาตรการการยกระดับรายได้ของเกษตรกร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เช่น ข้าวเปลือก
มันสำปะหลัง ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ที่มีแนวโน้มว่าราคาจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา
จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณากำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเพื่อดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ทั้งนี้ ขอให้พิจารณารวมถึงการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ที่เหมาะสม
การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้
และการศึกษาความต้องการของตลาดเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีการผลิตพืชผลทางการเกษตรที่เหมาะสม
มีคุณภาพ และนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรได้ในระยะยาว ซึ่งจะช่วยลดภาระงบประมาณในการชดเชย
ช่วยเหลือ เยียวยาแก่เกษตรกรได้ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
798 | รัฐบาลสาธารณรัฐซูดานขอเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐซูดานประจำประเทศไทย (นายฮัสซาน อับเดลซะลาม โอเมร) | กต. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฮัสซาน อับเดลซะลาม โอเมร (Mr. Hassan Abdelsalam Omer) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐซูดานประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย สืบแทน นางซานา ฮะมัด
อะลาวัด กูราฟี (Mrs. Sanaa Hamad Alawad Gourafi) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
799 | มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2568 | นร.04 | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
(GDP) ปี ๒๕๖๗ ขยายตัวเฉลี่ยเพียงร้อยละ
๒.๕ แม้ว่าในช่วงตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๗ GDP มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
จากร้อยละ ๒.๓ เป็นร้อยละ ๓.๒ ในไตรมาสสุดท้าย แต่การขยายตัวของ GDP ปี ๒๕๖๗ ของไทย ยังต่ำกว่าการขยายตัวของ GDP ของประเทศเพื่อนบ้านอยู่พอสมควร
ดังนั้น เพื่อเร่งขับเคลื่อนให้ GDP ปี ๒๕๖๘ เติบโตได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ประมาณร้อยละ
๓ - ๓.๕ จึงขอมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย ชุณหวชิร)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ
สำนักงาน ก.พ.ร. ธนาคารแห่งประเทศไทย
รวมทั้งให้เชิญผู้แทนจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน (กกร.)
เข้าร่วมด้วยเพื่อพิจารณากำหนดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมให้เหมาะสม ชัดเจน
และเป็นรูปธรรม โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ในระยะสั้น - ระยะกลางก่อนเป็นอันดับแรก
แล้วให้นำผลการพิจารณาดังกล่าวพร้อมมาตรการที่เกี่ยวข้องเสนอต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยด่วนในคราวประชุมครั้งต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
800 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวสุรีย์พร อินทุเศรษฐ และนายรัชภูมิ เวียงสิมา) | นร.06 | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวสุรีย์พร อินทุเศรษฐ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการดำเนินงานข่าวกรองในต่างประเทศ
(นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๒๔
ตุลาคม ๒๕๖๗
|