ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 211 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 4201 - 4220 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4201 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2563 | กค. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน
ประจำปีบัญชี ๒๕๖๓ เป็นการรายงานสถานะทางการเงินของทุนหมุนเวียนในภาพรวม
ผลการประเมินผลการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน ข้อสังเกตการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของคณะทำงานจัดทำบันทึกข้อตกลงและประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน
และบทบาทของทุนหมุนเวียนที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรา
๓๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4202 | แนวทางการจัดทำและการกำหนดมาตรการที่ใช้บังคับแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานของรัฐซึ่งมีพฤติกรรมที่เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมหรือไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรม และข้อกำหนดจริยธรรมของหน่วยงานของรัฐ | นร.10 | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการจัดทำและการกำหนดมาตรการที่ใช้บังคับแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานของรัฐซึ่งมีพฤติกรรมที่เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมหรือไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรม
และข้อกำหนดจริยธรรมของหน่วยงานของรัฐที่ได้แจ้งเวียนให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคล
องค์กรที่มีหน้าที่จัดทำประมวลจริยธรรม
และหน่วยงานของรัฐนำไปใช้ปฏิบัติตามมติคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม
ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๖
โดยมีสาระสำคัญครอบคลุมเกี่ยวกับการกำหนดให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคล
องค์กรที่มีหน้าที่จัดทำประมวลจริยธรรมกำหนดกระบวนการและขั้นตอนการพิจารณาและดำเนินการเรื่องร้องเรียนกรณีมีการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ
มอบหมายส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับงานจริยธรรมเป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนและรายงานต่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐ
ภายใน ๗ วัน นับแต่รับเรื่อง
และให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐพิจารณาและสั่งการเพื่อดำเนินการ ภายใน ๓๐ วัน
นับแต่ได้รับรายงาน พร้อมทั้งให้แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ร้องทราบโดยเร็ว ตามที่สำนักงาน
ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4203 | รายงานผลการดำเนินโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร.01 | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน
ประจำเดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๖ โดยมีผลการดำเนินงานของส่วนราชการต่าง ๆ เช่น (๑)
การรายงานผลการลงทะเบียนเป็นจิตอาสาพระราชทาน (มท.) โดยมีประชาชนลงทะเบียนแล้ว ๗,๐๒๕,๖๗๑ คน (๒) การจัดกิจกรรมจิตอาสาของส่วนราชการต่าง ๆ (๑๖ หน่วยงาน)
ประกอบด้วย จิตอาสาพัฒนา จิตอาสาภัยพิบัติ จิตอาสาเฉพาะกิจ และวิทยากรจิตอาสา
๙๐๔ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม ๑,๐๒๘,๑๔๗ คน
และ (๓)
การติดตามความก้าวหน้าโครงการในภารกิจของโครงการในกิจการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน
เช่น โครงการที่ได้รับเงินพระราชทานบริจาคช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติภาคใต้
การเข้าร่วมประชุมติดตามงานประจำสัปดาห์ร่วมกับโครงการในภารกิจของโครงการในกิจการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน
พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม ๑๑ ครั้ง
และลงพื้นที่ติดตามความต่อเนื่องของโครงการจิตอาสาพระราชทาน จำนวน ๘ โครงการ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4204 | รายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ และรายงานผลการดำเนินงานการชี้แจงประเด็นสำคัญที่ทันสถานการณ์ ครั้งที่ 2/2566 ประจำเดือนมกราคม–มีนาคม 2566 | นร.02 | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง
โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี
และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์
และรายงานผลการดำเนินงานการชี้แจงประเด็นสำคัญที่ทันสถานการณ์ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๖ ประจำเดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๖
โดยมีประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของไทย
รวมทั้งประเด็นประชาสัมพันธ์เดือนเมษายน ๒๕๖๖ ได้แก่
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปี ๒๕๖๖ และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร
ส่วนประเด็นสำคัญที่ทันสถานการณ์ มีประเด็นที่ส่วนราชการต้องชี้แจงต่อประชาชน ๑๘
ประเด็น เช่น ประเด็นข้อกังวลผักไทยราคาตกหลังจีนเปิดประเทศ (พณ.)
และประเด็นมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชน (ดศ.)
โดยมีประเด็นที่ไม่ผ่านหลักเกณฑ์การประเมินเนื่องจากไม่ตอบรับการชี้แจง ได้แก่
ประเด็นผักเมืองหนาวตกต่ำ ผลกระทบจากการนำเข้าผักจากจีน (กษ.)
และประเด็นการลักลอบนำเข้าหมูจากต่างประเทศทำให้ราคาหมูหน้าฟาร์มตกต่ำ (กค.) ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4205 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน | รง. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงาน
และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4206 | สรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 25 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 - 30 เมษายน 2566) | นร.04 | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๕ (ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔-๓๐ เมษายน ๒๕๖๖) สรุปได้ ดังนี้ (๑)
ผลการดำเนินงานตามนโยบายหลัก ๑๐ ด้าน ได้แก่
การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การสร้างความมั่นคง
ความปลอดภัยของประเทศและความสงบสุขของประเทศ การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก
การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค
การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งของฐานราก
การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย
การพัฒนาระบบสาธารณสุขและหลักประกันทางสังคม และการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
และ (๒) นโยบายเร่งด่วน ๕ เรื่อง ได้แก่ การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน
การยกระดับศักยภาพแรงงาน
การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
และการพัฒนาระบบการให้บริการประชาชน
ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4207 | ขออนุมัติการลงนามใน Letter of application for cooperating status เพื่อเข้าร่วมเป็น Cooperating Non - Contracting Party (CNCP) กับคณะกรรมาธิการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรมีชีวิตทางทะเลของมหาสมุทรแอนตาร์กติก (CCAMLR) ของประเทศไทย | กษ. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการลงนามใน
Letter of application for cooperating status เพื่อเข้าร่วมเป็น Cooperating Non-Contracting
Party (CNCP) กับคณะกรรมาธิการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรมีชีวิตทางทะเลของมหาสมุทรแอนตาร์กติก
(CCAMLR) ของประเทศไทย และอนุมัติในหลักการโดยก่อนที่จะมีการลงนาม
และให้อธิบดีกรมประมงหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายเป็นผู้ลงนามใน Letter of application for cooperating status
โดยเอกสารการลงนามฯ เป็นเอกสารแสดงความจำนงเพื่อขอเป็นประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกแต่ให้ความร่วมมือต่อคณะกรรมาธิการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรมีชีวิตทางทะเลของมหาสมุทรแอนตาร์กติก
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศไทยปฏิบัติตามการอนุรักษ์ ๑๐-๐๕
ที่เป็นมาตรการที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการป้องกันการทำประมงที่ผิดกฎหมาย
ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม สำหรับปลาหิมะโดยเฉพาะ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสาร Letter of
application for cooperating status
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์โอกาสและสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกอบกิจการประมงจะได้รับจากการเข้าร่วมเป็น
CNCP
และการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดกฎระเบียบที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามมาตรการอนุรักษ์
๑๐-๐๕ อย่างต่อเนื่องให้กับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ และผู้ประกอบกิจการประมงที่มีการนำเข้าและส่งออกปลาหิมะให้สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4208 | รายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 56 การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน + 3 ครั้งที่ 26 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย
(Asian Development Bank : ADB) ครั้งที่
๕๖ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒-๕ พฤษภาคม ๒๕๖๖
และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓
ครั้งที่ ๒๖ เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ณ สาธารณรัฐเกาหลี
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมประชุม
สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) การประชุม AFMGM+3 ครั้งที่ ๒๖
มีสาระสำคัญ เช่น IMF คาดการณ์ว่าในปี ๒๕๖๖ เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวที่ร้อยละ
๒.๘ และเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียจะขยายตัวที่ร้อยละ ๔.๖
โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อและหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้น
ควรให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ครอบคลุมและยั่งยืน
การพัฒนากลไกการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแบบเร่งด่วนเพื่อให้ประเทศสมาชิกสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือทางการเงินได้มากขึ้น
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ได้เห็นชอบเอกสารผลลัพธ์ของการประชุม
AFMGM+3 ในรูปแบบแถลงการณ์ร่วมฯ โดยมีการปรับปรุงถ้อยคำเพื่อให้มีความเหมาะสมและสะท้อนข้อเท็จจริงมากขึ้น
แต่ไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบเมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖ (๒) การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ
ADB ครั้งที่ ๕๖ ผู้ว่าการของแต่ละประเทศสมาชิกใน ADB
ได้เรียกร้องให้ ADB
ให้ความช่วยเหลือแก่สมาชิกเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-๑๙
ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และภาวะเงินเฟ้อ
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะผู้ว่าการของไทยใน ADB ได้เสนอแนะให้ ADB ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความยากจนและการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
(๓) การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน-ญี่ปุ่น
ในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เสนอให้อาเซียน-ญี่ปุ่นขยายบทบาทและยกระดับความร่วมมือทางการเงินระหว่างกันให้ครอบคลุมประเด็นการใช้เทคโนโลยีทางการเงินและการเงินที่ยั่งยืน
และ (๔) งานเปิดตัวรายงาน เรื่อง “แนวทางการจัดหาเงินทุนใหม่ ๆ
เพื่อเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนและยืดหยุ่นในอาเซียน+๓” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานและการจัดทำนโยบายและมาตรการทางการเงินเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของไทย
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4209 | รายงานผลการเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี 2565 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2565 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 | กค. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
ปีบัญชี ๒๕๖๕ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๕ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ซึ่งทุนหมุนเวียนได้นำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน
จำนวน ๒๒,๘๓๘.๕๗ ล้านบาท
ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินเรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย (๑) ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน
ปีบัญชี ๒๕๖๕ ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๕ จำนวน ๑ ทุน
ได้แก่ กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จำนวน ๑๔,๓๗๗.๕๗
ล้านบาท (๒) ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน ปีบัญชี ๒๕๖๕
(ครั้งที่ ๒) ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินภายในวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๖ จำนวน ๑๕ ทุน
รวม ๘,๔๖๐.๙๙ ล้านบาท เช่น เงินทุนหมุนเวียนการบริหารจัดการเหรียญกษาปณ์
ทรัพย์สินมีค่าของรัฐ และการทำของ เงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตวัคซีนจำหน่าย และกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4210 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 56 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กต. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
ครั้งที่ ๕๖ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๕ ฉบับ
และให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสาร
จำนวน ๑๒ ฉบับ และเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสาร จำนวน ๓ ฉบับ โดยร่างเอกสารที่จะร่วมรับรองทั้ง
๑๒ ฉบับ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและคู่เจรจาในการส่งเสริมความร่วมมือและต่อยอดในการดำเนินงานในด้านต่าง
ๆ ส่วนร่างเอกสารที่จะมีการลงนามทั้ง ๓ ฉบับ เป็นเอกสารที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสมาชิกอาเซียนแต่ละประเทศจะลงนามเพื่อให้ความยินยอมต่อการภาคยานุวัติสนธิสัญญา
TAC กับเม็กซิโก ปานามา
และซาอุดีอาระเบีย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
ครั้งที่ ๕๖ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๕ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศหรือส่วนราชการเจ้าของเรื่องดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรวิเคราะห์ ติดตาม
และประเมินผลการดำเนินงานตามความร่วมมือดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4211 | รายงานสรุปคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดี | อส. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดีที่สำนักงานอัยการสูงสุดจัดทำขึ้น
ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการรายงานผลการพิจารณาชี้ขาดการดำเนินคดีระหว่างส่วนราชการกับเอกชน
และข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการหน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง รวม ๘๗
เรื่อง ตามที่คณะกรรมการชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4212 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | พน. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น
๑๑๖,๐๗๔,๐๐๐ บาท ให้กรมธุรกิจพลังงาน
โดยให้กรมบัญชีกลางเป็นผู้อนุมัติและดำเนินการแทนกรมธุรกิจพลังงาน
ผ่านวิธีการเบิกจ่ายงบประมาณแทนกัน
และให้กรมธุรกิจพลังงานดำเนินมาตรการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
เมื่อได้รับความเห็นจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๓) แล้ว ทั้งนี้
ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแล และการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4213 | แนวทางการดำเนินมาตรการภาษีสรรพสามิตเพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันดีเซล | กค. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการดำเนินมาตรการภาษีสรรพสามิตเพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันดีเซล
โดยให้ใช้มาตรการของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีฐานะการเงินดีขึ้นโดยลำดับหน้าที่ดูแลเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันดีเซล
ทั้งนี้
กระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานจะได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิดต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4214 | ขออนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ประจำปีการศึกษา 2566 - 2567 | กห. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร
ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๖-๒๕๖๗ ห้วงเวลาการศึกษาตั้งแต่ตุลาคม ๒๕๖๖ ถึงกันยายน ๒๕๖๗ ทั้งนี้
หากผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารับการศึกษาหลักสูตรข้างต้น
แจ้งความประสงค์สละสิทธิ์ หรือหากการตรวจสอบคุณสมบัติในภายหลัง
พบว่าผู้ที่ได้รับการคัดเลือกฯ ขาดคุณสมบัติตามระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรฯ
พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้กระทรวงกลาโหมตัดรายชื่อออกจากที่ได้รับอนุมัติ
รวมทั้งพิจารณาผู้ที่จะเข้ารับการศึกษาทดแทนได้ตามความเหมาะสม
โดยไม่ต้องขออนุมัติใหม่ทั้ง ๒ กรณี ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ประธานสภาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4215 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการและสถานที่ดำเนินการก่อสร้างโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย กำแพงเพชร และโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย สระแก้ว | ศธ. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ
โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเปลี่ยนแปลงรายการและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๖๘
รายการก่อสร้างอาคารเรียนและรายการหอพักนักเรียนแบบพิเศษของโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย
กำแพงเพชร และโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย สระแก้ว
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ ที่ได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว และเห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการ
โดยสำนักงานคณะกรรมการขั้นพื้นฐานเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป
ให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญาต่อไป
ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินการก่อสร้างดังกล่าว
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจะต้องได้รับอนุญาตการใช้พื้นที่จากหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ให้เรียบร้อยก่อนดำเนินการ
และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4216 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง - คงคา ครั้งที่ 12 | กต. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา ครั้งที่ ๑๒ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว
ตามที่ประเทศสมาชิกมีฉันทามติ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญมุ่งเน้นส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอินเดียกับประเทศลุ่มน้ำโขงในด้านต่าง
ๆ อาทิ การพัฒนาที่ยั่งยืน การค้าและการลงทุน
ความเชื่อมโยง การเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัล การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สาธารณสุข
การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม
ซึ่งสอดคล้องแนวทางการขับเคลื่อนหลักของประเทศตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่างประเทศที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาที่ยั่งยืนกับต่างประเทศ
และการพัฒนาเพื่อให้ไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้า
การลงทุน และการบริการที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา
ครั้งที่ ๑๒
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4217 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2565 สภาองค์กรของผู้บริโภค | สอบ. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี
๒๕๖๕ สภาองค์กรของผู้บริโภค ประกอบด้วย (๑) ผลการดำเนินงานปี ๒๕๖๕ ได้แก่ งานคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค
การผลักดันประเด็นปัญหา สู่การแก้ไขปัญหาเชิงนโยบาย
งานส่งเสริมความเข้มแข็งเครือข่ายภาคีและองค์กรผู้บริโภค งานสื่อสารสาธารณะ เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค
และงานยกระดับการบริหารสำนักงานและธรรมาภิบาลที่ดีในองค์กร (๒) ปัญหาและอุปสรรค เช่น ขาดการรับรู้บทบาทหน้าที่ที่กำหนดให้ไว้เป็นผู้แทนผู้บริโภค
และความสับสนชื่อองค์กรระหว่างสภาองค์กรของผู้บริโภคและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
การให้ความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้
และขาดการสนับสนุนงบประมาณ จึงทำให้โครงการต่าง ๆ
ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง (๓) ข้อเสนอในการคุ้มครองผู้บริโภค ๘ ด้าน
เช่น จัดอบรมความรู้ทางการเงินและวินัยทางการเงินแก่สมาชิกของสภาองค์กรของผู้บริโภคและประชาชนทั่วไป
การยกระดับมาตรฐานการให้บริการสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่ และมีมาตรการในการควบคุมผู้ขายสินค้าบนช่องทางออนไลน์ให้แสดงเลขทะเบียนพาณิชย์
ชื่อร้านค้า ที่อยู่ และเงื่อนไขในการรับประกันสินค้าที่ชัดเจน และ (๔) รายงานการเงินของสภาองค์กรของผู้บริโภค
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
โดยบริษัท เอ.ซี คลัภย์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบบัญชี
ได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่างบการเงินที่แสดงฐานะการเงินของสภาองค์กรของผู้บริโภค
ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ตามที่สภาองค์กรของผู้บริโภคเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4218 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
เพื่อช่วยเหลือบุคคลที่ไม่มีที่ดินทำกินและได้อยู่อาศัยหรือทำกินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าที่มีการประกาศกำหนดมาก่อนวันที่พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. ๒๕๖๒ ใช้บังคับ โดยไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินนั้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (คุณหญิงกัลยา
โสภณพนิช) ที่เห็นว่าการกำหนดให้บุคคลที่อยู่อาศัยหรือทำกินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าภายใต้โครงการตามร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
พ.ศ. .... ครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินได้ไม่เกินครอบครัวละยี่สิบไร่
และในกรณีที่อยู่กันเป็นครัวเรือนตั้งแต่สามครอบครัวขึ้นไป
ให้ครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินได้ไม่เกินครัวเรือนละห้าสิบไร่ นั้น
อาจมีความไม่เหมาะสม
เนื่องจากบุคคลดังกล่าวอาจไม่มีแรงงานเพียงพอที่จะสามารถใช้ประโยชน์ที่ดินดังกล่าวได้ทั้งหมด
จึงควรปรับลดจำนวนการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินดังกล่าว และอาจพิจารณากำหนดมาตรการในการส่งเสริมศักยภาพในการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อประกอบอาชีพแทน
ไปประกอบการพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หากพื้นที่โครงการมีที่ราชพัสดุ ก็ควรกันออกจากอุทยานแห่งชาติ
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้จัดสรรแล้ว
และหากไม่เพียงพอให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานหรือแผนการใช้จ่ายงบประมาณหรือโอนเงินจัดสรร
ควรเร่งการกำหนดพื้นที่โครงการเพิ่มเติมให้ครบถ้วนโดยเร็วต่อไป
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ราษฎรในพื้นที่
ในการปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4219 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลักษณะ กิจการ หรือหน่วยงานที่ได้รับการยกเว้นไม่ให้นำพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บางส่วนมาใช้บังคับ พ.ศ. .... | ดศ. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลักษณะ กิจการ
หรือหน่วยงานที่ได้รับการยกเว้นไม่ให้นำพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.
๒๕๖๒ บางส่วนมาใช้บังคับ พ.ศ. .... ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดข้อยกเว้นให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสามารถดำเนินการเก็บ
รวบรวม ใช้เปิดเผย ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อดำเนินการตามภารกิจ ตามกฎหมาย
เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต การจัดเก็บภาษีอากร
ค่าธรรมเนียมทางภาษีอากร ค่าฤชาธรรมเนียม
การดำเนินการตามพันธกรณีหรือความร่วมมือระหว่างประเทศ การจัดเก็บภาษีตามกฎหมายว่าด้วยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
การสถาปนาสมณศักดิ์ การแต่งตั้งหรือถอดถอนข้าราชการ บุคคลหรือคณะบุคคล
ซึ่งเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์หรือที่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี
และการขอพระราชทานหรือเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑๓) เกี่ยวกับปัญหาเชิงโครงสร้าง
เนื้อหาสาระและมาตรการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
เช่น
ผู้อยู่ในบังคับของกฎหมายขาดความรู้ความเข้าใจและความพร้อมที่จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
ปัญหาการใช้บังคับกฎหมายเฉพาะซึ่งอาจมีหลักเกณฑ์คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่สูงกว่า
รวมทั้งควรมีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
ทันที ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4220 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้จัดทำโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ
จำนวน ๗ แห่ง เป็นเวลา ๒๐ ปี
เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินและได้อยู่อาศัยหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติมาก่อนวันที่พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๒ มีผลใช้บังคับให้สามารถอยู่อาศัยหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติต่อไป
โดยมิได้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินนั้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (คุณหญิงกัลยา
โสภณพนิช) ที่เห็นว่าการกำหนดให้บุคคลที่อยู่อาศัยหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติภายใต้โครงการตามร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. .... ครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินได้ไม่เกินครอบครัวละยี่สิบไร่
และในกรณีที่อยู่กันเป็นครัวเรือนตั้งแต่สามครอบครัวขึ้นไป ให้ครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินได้ไม่เกินครัวเรือนละสิบห้าไร่
นั้น อาจมีความไม่เหมาะสม เนื่องจากบุคคลดังกล่าวอาจไม่มีแรงงานเพียงพอที่จะสามารถใช้ประโยชน์ที่ดินดังกล่าวได้ทั้งหมด
จึงควรปรับลดจำนวนการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินดังกล่าว
และอาจพิจารณากำหนดมาตรการในการส่งเสริมศักยภาพในการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อประกอบอาชีพแทน
ไปประกอบการพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หากพื้นที่โครงการมีที่ราชพัสดุ ก็ควรกันออกจากอุทยานแห่งชาติ
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป
ควรเร่งการกำหนดพื้นที่โครงการเพิ่มเติมให้ครบถ้วนโดยเร็วต่อไป และต้องมีการกำกับ
ติดตาม และประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |