ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1395 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 27881 - 27900 จากข้อมูลทั้งหมด 124448 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 27881 | ร่างหลักเกณฑ์การเข้าร่วมทุนกับนิติบุคคลอื่น สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) | กษ | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์การเข้าร่วมทุนกับนิติบุคคลอื่น สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ที่ได้แก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ในการเข้าร่วมทุนกับนิติบุคคลอื่นในกิจการที่เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างหลักเกณฑ์ฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดนิยามคำว่า “สำนักงาน” “คณะกรรมการ” “รัฐมนตรี” “การร่วมทุน” ๒. กำหนดวัตถุประสงค์การร่วมทุนกับนิติบุคคลอื่น ๓. กำหนดลักษณะในการเข้าร่วมทุนกับนิติบุคคลอื่น ๔. กำหนดให้การร่วมทุน หากเข้าลักษณะตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ให้สำนักงานปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว ๕. กำหนดวงเงินการเข้าร่วมทุนของ สวก. ในแต่ละปีงบประมาณ ๖. การร่วมทุนกับนิติบุคคลอื่นให้ทำเป็นโครงการ โดยวงเงินการเข้าร่วมทุนต้องไม่เกินร้อยละห้าสิบของมูลค่าโครงการและให้อยู่ในอำนาจการอนุมัติ ๗. ในการเข้าร่วมทุน สวก. ต้องจัดให้มีการลงนามในสัญญาการเข้าร่วมทุนกับนิติบุคคลอื่น โดยร่างสัญญาการร่วมทุนกับนิติบุคคลอื่นจะต้องผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดก่อนการลงนามสัญญา ๘. ให้ สวก. ติดตาม กำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามที่กำหนดในสัญญา โดยให้มีการรายงานผลการดำเนินงาน ความก้าวหน้าของโครงการ ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการแก้ไขต่อคณะกรรมการอย่างต่อเนื่อง |
||||||||||||||||||||||||
| 27882 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๑๙ โดยกำหนดให้ลูกจ้างประจำผู้รับบำเหน็จรายเดือนหรือผู้รับบำเหน็จพิเศษรายเดือน สามารถนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปใช้เป็นหลักทรัพย์ในการประกันการกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่ากระทรวงการคลังควรประสานกับธนาคารแห่งประเทศไทยในการขอความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ในเรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการนำสิทธิบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ในการประกันการกู้เงินกับสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราดอกเบี้ยที่ควรจะกำหนดเป็นอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน เนื่องจากการกู้เงินโดยมีบำเหน็จตกทอดเป็นหลักทรัพย์ในการประกันเป็นการกู้ยืมที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อมิให้เป็นภาระแก่ผู้รับบำเหน็จมากเกินไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 27883 | การโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุคืนให้แก่ผู้ยกให้ รายบริษัท ชะอำคันทรีโฮม จำกัด | กค | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กพ.๖๑๘ และ กพ.๖๑๙ ตำบลเขาคีริส อำเภอพรานกระต่ายจังหวัดกำแพงเพชร คืนแก่บริษัท ชะอำคันทรีโฮม จำกัด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27884 | ร่างพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. .... | นร09 | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการทวงถามหนี้ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการทวงถามหนี้และการควบคุมการทวงถามหนี้ไว้เป็นการเฉพาะ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่ากระทรวงการคลังควรเร่งประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. .... ให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติสำหรับการติดตามทวงถามหนี้อย่างถูกต้องและเป็นธรรม และลูกหนี้มีความตระหนักถึงสิทธิ หน้าที่ และความคุ้มครองที่จะได้รับจากพระราชบัญญัติฉบับนี้ นอกจากนี้ การกำกับดูแลการดำเนินการทวงถามหนี้ ควรมีการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 27885 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมรายละเอียดรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ของกรมทางหลวง | คค | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้กรมทางหลวงดำเนินการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมรายละเอียดรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ แผนงาน : พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ผลผลิตที่ ๑ : โครงข่ายทางหลวงได้รับการพัฒนา งบรายจ่ายอื่น กิจกรรมอำนวยการและสนับสนุนการก่อสร้างทางหลวง ค่าใช้จ่ายในการศึกษาและบูรณาการโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษ สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ ๓ กับระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ วงเงินภาระผูกพันทั้งสิ้น ๗๐.๔๐ ล้านบาท (ปีดำเนินการ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๗) ไปใช้ในการดำเนินโครงการศึกษาและสำรวจออกแบบ จำนวน ๓ โครงการ ประกอบด้วย ๑.๑ การศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรมและผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสำรวจออกแบบรายละเอียดสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ ๕ (บึงกาฬ-ปากซัน) วงเงินงบประมาณ จำนวน ๓๗.๐๐ ล้านบาท ๑.๒ การสำรวจและออกแบบโครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงจุดผ่านแดนที่บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท วงเงินงบประมาณ จำนวน ๑๕.๔๐ ล้านบาท ๑.๓ การศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรมและผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสำรวจออกแบบทางเลี่ยงเมืองหนองคายด้านตะวันออก วงเงินงบประมาณ จำนวน ๑๘.๐๐ ล้านบาท ๒. ในส่วนงบประมาณดำเนินการค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๑๖ ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๕๔.๔๐ ล้านบาท ให้กรมทางหลวงขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
| 27886 | การเข้าร่วมเป็นสมาชิกคู่สัญญาของไทยในโปรแกรมข้อตกลงความร่วมมือด้านระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ IEA PVPS (International Energy Agency - Photovoltaic Power System) และการลงนามในข้อตกลงดำเนินการ (Implementing Agreement : IA) | พน | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง การทำสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน) ที่กำหนดห้ามหน่วยงานของรัฐที่ทำสัญญากับเอกชนตกลงให้ระงับข้อพิพาทโดยวิธีการอนุญาโตตุลาการ เพื่อให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานสามารถลงนามในเอกสารข้อตกลงความร่วมมือด้านระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency-Photovoltaic Power System : IEA PVPS) ได้ ๑.๒ เห็นชอบในข้อตกลงดำเนินงาน Implementing Agreement : IA ของโปรแกรมข้อตกลง IEA PVPS โดยให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานเข้าร่วมเป็นสมาชิกคู่สัญญาได้ รวมทั้งให้อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานลงนามตอบรับคำเชิญและเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กำหนด และลงนามในเอกสารการตอบรับเป็นสมาชิกของประเทศไทยใน IEA PVPS และ IA ได้ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ๓. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นว่ากระทรวงพลังงานควรพิจารณาจัดทำแผนการดำเนินงาน เป้าหมาย และระบบการตรวจสอบผลงานที่ชัดเจน เพื่อให้การเข้าร่วมเป็นสมาชิก IEA PVPS ก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้านเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์แก่ประเทศไทยได้สูงสุด สำหรับค่าสมาชิกรายปีในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกคู่สัญญาเครือข่ายดังกล่าวขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 27887 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายพรชาต บุนนาค) | นร08 | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายพรชาต บุนนาค ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27888 | ผลการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีอินเดีย | นร04 | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดียอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ และให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามตารางติดตามผลการเยือนที่กระทรวงการต่างประเทศจัดทำ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. เศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ได้แก่ การจัดตั้งเวทีการหารือภาคธุรกิจไทย-อินเดีย (Business Forum) การเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรี (Free Trade Area : FTA) ไทย-อินเดีย การยกเลิกมาตรการจำกัดการนำเข้าทองคำจากไทย รวมถึงยุติการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเส้นใยสังเคราะห์ของไทย การเชิญชวนให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในสาขาโครงสร้างพื้นฐานในอินเดีย การจัดทำความตกลงด้านประกันสังคมไทย-อินเดีย การอำนวยความสะดวกด้านการตรวจลงตราแบบเร่งด่วนแก่นักธุรกิจทั้งสองฝ่าย ๒. ความเชื่อมโยง ได้แก่ การก่อสร้างถนนสามฝ่ายระหว่างไทย เมียนมาร์และอินเดีย ให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๙ และการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะทำงานด้านเทคนิคและการประชุมระดับรัฐมนตรีเรื่องถนนสามฝ่าย การขยายความร่วมมือและส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างอินเดีย ไทยและอาเซียนในโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและเขตอุตสาหกรรมพิเศษทวาย รวมทั้งการจัด Road Show และให้ข้อมูลแก่ภาคธุรกิจของอินเดียเกี่ยวกับลู่ทางขยายความร่วมมือระหว่างกัน และการส่งเสริมให้มีการเพิ่มเที่ยวบินระหว่างเมืองต่าง ๆ ของไทยและอินเดีย ๓. ความร่วมมือด้านความมั่นคง/การทหาร ได้แก่ การกระชับความร่วมมือด้านการต่อต้านโจรสลัด รวมถึงส่งเสริมความปลอดภัยในเส้นทางเดินทะเลและการตรวจฝั่งทะเล (Security of sea lanes and Coast Guard) และความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ๔. ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้แก่ การขยายความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง และการขยายความร่วมมือด้านความร่วมมือและการลงทุนด้านอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในประเทศไทย ๕. ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ได้แก่ การจัดตั้งโครงการแลกเปลี่ยนไทย-อินเดีย การสนับสนุนและขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนาลันทา รวมทั้งการก่อสร้างวัดไทยเชตวันมหาวิหาร ๖. ความร่วมมือในระดับภูมิภาคและพหุภาคี ได้แก่ การขอรับการสนับสนุนจากอินเดียในการสมัครในตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ ของไทย การขอแลกเสียงกับอินเดียในการสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council : UNHRC) วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๑๗ และการสนับสนุนอินเดียในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (World Health Organization South East Asia Regional Office : WHO SEARO) วาระปี ๒๐๑๔-๒๐๑๙
|
||||||||||||||||||||||||
| 27889 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อปรับปรุงเรื่องคุณสมบัติของผู้เข้าเสนอราคา การจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ไม่มีสิทธิเข้าเสนอราคา การวางหลักประกันก่อนเข้าเสนอราคา และการดำเนินการกับผู้เสนอราคาสูงสุดที่ไม่ชำระราคา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 27890 | การเสนอยุทธศาสตร์การพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ (พ.ศ. 2556 - 2560) | นร08 | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบยุทธศาสตร์การพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อใช้แทนยุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดน (พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๔) ที่ได้สิ้นสุดลง มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นการมีภูมิคุ้มกัน การป้องกัน การลดเงื่อนไขของปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและการพัฒนาพื้นที่เป้าหมาย ด้วยการใช้กระบวนการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และการป้องกันประเทศเข้ามาดำเนินงานร่วมกัน ทั้งในระดับกระทรวง/กรม ระดับจังหวัด และระดับท้องถิ่น ประกอบด้วย ๖ ประเด็นยุทธศาสตร์รองรับ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ผนึกกำลังทุกภาคส่วนเพื่อเสริมสร้างศักยภาพและภูมิคุ้มกันของคน ชุมชน และพื้นที่เป้าหมายอย่างยั่งยืน ยุทธศาสตร์การจัดระบบป้องกันเพื่อจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน ยุทธศาสตร์เสริมสร้างความมั่นคงในมิติวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นและการจัดการโดยสันติวิธี ยุทธศาสตร์การพัฒนาฐานข้อมูลและองค์ความรู้ด้านความมั่นคง ยุทธศาสตร์เสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับประเทศเพื่อนบ้าน และยุทธศาสตร์การบริหารจัดการที่มีเอกภาพและประสิทธิภาพ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติรับความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรเพิ่มเติมสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกลไกสำหรับแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ชายแดนซึ่งมีข้อระเบียบกฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับพื้นที่อนุรักษ์หลากหลายฉบับ เพื่อสามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ ให้บรรลุเป้าประสงค์ได้โดยเร็ว และในการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ฯ เห็นควรให้หน่วยงานหลักที่เป็นเจ้าภาพเชิญหน่วยงานสนับสนุนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือและจัดทำแผนงานและงบประมาณให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ฯ ต่อไป สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณดำเนินการเป็นลำดับแรกและเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม นอกจากนี้ เห็นควรเร่งปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้ทันสมัยสอดคล้องกับสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลง และเหมาะสมกับการปรับปรุงกระทรวง กรม และหน่วยงานเทียบเท่าในปัจจุบัน ไปพิจารณาดำเนินการ แล้วแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางการดำเนินงานและจัดทำแผนงานและแผนงบประมาณรองรับการดำเนินงานยุทธศาสตร์ดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||
| 27891 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสมุทรสงคราม พ.ศ. .... | มท | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสมุทรสงคราม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลนางตะเคียน ตำบลลาดใหญ่ ตำบลคลองเขิน ตำบลบางแก้ว ตำบลบ้านปรก ตำบลแม่กลอง ตำบลท้ายหาด ตำบลบางขันแตก ตำบลแหลมใหญ่ ตำบลบางจะเกร็ง และตำบลคลองโคน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่าตามข้อ ๘-๑๕ แห่งร่างกฎกระทรวงฯ ที่ระบุห้ามเลี้ยงจระเข้ในที่ดินประเภทต่าง ๆ นั้น ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวมีการเลี้ยงจระเข้อยู่แล้วจะทำให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงจระเข้ได้ รวมถึงการระบุห้ามเลี้ยงสัตว์ป่าตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าในที่ดินประเภทต่าง ๆ จะส่งผลกระทบในวงกว้างเนื่องจากตามกฎหมายดังกล่าวสามารถอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ป่าได้ อีกทั้งในที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรมควรเป็นพื้นที่ส่งเสริมการประกอบอาชีพการเกษตร ไม่ควรกำหนดห้ามเลี้ยงจระเข้หรือสัตว์ป่าดังกล่าว และตามข้อ ๑๗ แห่งร่างกฎกระทรวงฯ กำหนดให้ที่ดินประเภทที่โล่งเพื่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ให้ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำหรือการประมงชายฝั่งเท่านั้น เห็นว่าควรกำหนดรวมไปถึงการประมงน้ำจืดเนื่องจากมีผู้ทำการประมงน้ำจืดอยู่ในที่ดินประเภทดังกล่าว และเห็นว่าสำหรับพื้นที่ชุ่มน้ำดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ และพื้นที่แรมซาร์ไซต์ครอบคลุมพื้นที่ ๔ ตำบล ได้แก่ ตำบลบางแก้ว ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ และตำบลคลองโคน จึงควรพิจารณามาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ (เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๓ เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ) ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เพื่อให้การบังคับใช้กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสมุทรสงคราม พ.ศ. .... มีผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง เมื่อร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ประกาศใช้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตที่รับผิดชอบในการวางผังจะต้องให้ความสำคัญต่อการควบคุมการดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 27892 | ปัญหาอาชญากรรม (ในรอบเดือนมิถุนายน 2556) | ตช | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานข้อมูลปัญหาอาชญากรรม ในรอบเดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการป้องกันอาชญากรรม ๑.๑ คดีกลุ่มที่ ๑ คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๓๔๘ คดี ๑.๒ คดีกลุ่มที่ ๒ คดีประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และเพศ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๑,๘๕๕ คดี ๑.๓ คดีกลุ่มที่ ๓ คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๔,๐๑๒ คดี ๒. ด้านการปราบปรามอาชญากรรม ๒.๑ คดีกลุ่มที่ ๑ จับกุมได้ ๑๘๓ คดี คิดเป็นร้อยละ ๕๒.๕๙ ของการรับแจ้ง (๓๔๘ คดี) ๒.๒ คดีกลุ่มที่ ๒ จับกุมได้ ๙๐๐ คดี คิดเป็นร้อยละ ๔๘.๕๒ ของการรับแจ้ง (๑,๘๕๕ คดี) ๒.๓ คดีกลุ่มที่ ๓ จับกุมได้ ๑,๖๐๐ คดี คิดเป็นร้อยละ ๓๙.๘๘ ของการรับแจ้ง (๔,๐๑๒ คดี) ๓. ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้เร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของตนเองให้มากขึ้น โดยไม่เปิดโอกาสให้คนร้ายเข้ามาประทุษร้ายต่อทรัพย์ของตนเองได้ง่าย รวมทั้งการให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสการกระทำผิดของคนร้าย สำหรับกรณีที่มีการจับกุมผู้กระทำผิดในคดีที่ก่อให้เกิดความเสียหายในภาพรวมหรือกระทบต่อความสงบสุขในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน ให้พิจารณาจัดแถลงข่าวทางสื่อมวลชนให้ประชาชนได้รับทราบ ๔. จากผลการดำเนินการในรอบเดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ พบว่าในด้านการป้องกันอาชญากรรมในภาพรวม สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถควบคุมอาชญากรรมให้อยู่ในระดับเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ เนื่องจากได้มีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานในสังกัด เข้มงวดกวดขันในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดในพื้นที่ล่อแหลมหรือเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม ส่งผลให้สถิติคดีอาญาลดน้อยลง ส่วนด้านการปราบปรามอาชญากรรม ทุกกลุ่มคดีมีผลการปฏิบัติไม่ผ่านเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้ จึงได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับเร่งรัดมาตรการด้านสายตรวจให้มีความถี่เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดแรงจูงใจในการกระทำผิดตามห้วงเวลาที่เกิดเหตุมากของแต่ละพื้นที่ ให้หน่วยปฏิบัติพิจารณาระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงเวลาที่เหมาะสม เป็นประจำทุกเดือน ๆ ละไม่น้อยกว่า ๕ วัน เร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิดตามหมายจับคดีค้างเก่าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการระดมกวาดล้างยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล
|
||||||||||||||||||||||||
| 27893 | รายงานผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) ระหว่างวันที่ ๓-๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ สาธารณรัฐโปแลนด์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) ได้ร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร (Letter of Intent) ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์ จำนวน ๖ ฉบับ ได้แก่ หนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกสำหรับการหารือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์ บันทึกความเข้าใจระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และ Polish Agency for Enterprise Development (PARP) บันทึกความเข้าใจระหว่างคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกับ Polish Information and Foreign Investment Agency (PAlilZ) บันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน (สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย) กับสภาหอการค้าโปแลนด์ และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงเศรษฐกิจแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์ ๒. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) ได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์ โดยมีประเด็นหารือสำคัญ ๆ ได้แก่ การเรียนรู้ด้านการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสีเขียวของโปแลนด์ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยมีความสนใจในด้านนี้ จึงขอให้มีคณะของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยมาหารือและเรียนรู้ในด้านดังกล่าวจากโปแลนด์ ในขณะที่ฝ่ายโปแลนด์ได้แสดงความสนใจในการส่งออกผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ไปยังประเทศไทย และขอให้ฝ่ายไทยจัดส่งคณะเจ้าหน้าที่จากกรมปศุสัตว์มาตรวจโรงงานในประเทศโปแลนด์ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับระบบสหกรณ์ โดยเห็นว่าน่าจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสหกรณ์ เพื่อยกระดับสหกรณ์ของทั้งสองประเทศ และเห็นชอบให้มีการจัดทำการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาในด้านการเกษตรระหว่างกัน รวมทั้งการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อหารือในแนวทางความร่วมมือที่เป็นที่สนใจของทั้งสองฝ่ายเพื่อนำไปสู่การจัดทำบันทึกความเข้าใจด้านความร่วมมือด้านการเกษตรต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 27894 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดมุกดาหาร พ.ศ. .... | มท | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดมุกดาหาร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอได้ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 27895 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดนครพนม พ.ศ. .... | มท | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดนครพนม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอได้ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 27896 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการมอบหมายให้มีผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามลำดับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมด้วย ดังนี้
๑. พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ๒. นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||
| 27897 | การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 20 | อก | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการในประเด็นสำคัญจากการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๐ ที่ได้รับมอบหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ (เรื่อง การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๐) ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความมั่นคงทางอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสถาบันอาหาร ได้ดำเนินโครงการที่สนับสนุนให้เกิดความมั่นคงด้านอาหาร เพื่อให้มีการเข้าถึงอาหารอย่างเพียงพอในการบริโภคของประชาชนในประเทศ อาหารมีความปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสมตามความต้องการตามวัย เพื่อการมีสุขภาวะที่ดี รวมทั้งการมีระบบการผลิตที่เกื้อหนุน การรักษาความสมดุลของระบบนิเวศวิทยา และความคงอยู่ของฐานทรัพยากรอาหารทางธรรมชาติของประเทศ ๒. การสร้างห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อถือได้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้จัดทำโครงการสร้างเครือข่ายกลุ่มอุตสาหกรรมและพัฒนาความร่วมมือในระดับห่วงโซ่อุปทานประจำปี ๒๕๕๖ ประกอบด้วย กิจกรรมพัฒนาการรวมกลุ่มและเชื่อมโยงอุตสาหกรรม (คลัสเตอร์) และกิจกรรมเพิ่มผลิตภาพห่วงโซ่อุปทานในกลุ่มอุตสาหกรรม สำหรับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้จัดทำโครงการส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายคลัสเตอร์ท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ เพื่อเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวนานาชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าและการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ และเป็นการพัฒนายกระดับผู้ประกอบการ SMEs และโครงการพัฒนาผลิตภาพของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมด้านการค้าและบริการ เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาผลิตภาพ โดยเป็นการเพิ่มผลผลิตที่เกิดจากปัจจัยอื่นนอกเหนือจากค่าแรงงาน ได้แก่ ด้านการค้าและการบริการ ๓. การหารือทวิภาคีกับ ๔ ผู้นำเขตเศรษฐกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาราคายางพาราที่กรุงเทพฯ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมได้จัดทำแนวทางการเพิ่มปริมาณการใช้ยางธรรมชาติมาผลิตเป็นยาง ซึ่งจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศได้เป็นจำนวนมาก โดยเห็นควรมีการดำเนินการ ๓ แนวทางพร้อมกัน คือ การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางเพื่อสร้างฐานการผลิต การพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้มีความเข้มแข็ง โดยการวิจัยพัฒนา การพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาบุคคล รวมทั้งการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพและมีศักยภาพในการใช้ยางเป็นจำนวนมาก
|
||||||||||||||||||||||||
| 27898 | รายงานผลการเสนอชื่อผู้สมัครของไทยเข้ารับการเลือกตั้งในตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ของ UNIDO | อก | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการเลือกตั้งผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Industrial Development Organization : UNIDO) จากการประชุมคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรม (Industrial Development Board : IDB) สมัยที่ ๔๑ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๖ ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย โดยมีประเทศสมาชิก IDB ที่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน จำนวน ๕๓ ประเทศ ประกอบด้วย กลุ่มยุโรปตะวันตก ๑๔ ประเทศ ยุโรปตะวันออก ๕ ประเทศ แอฟริกา ๑๓ ประเทศ อเมริกากลาง ๙ ประเทศ และเอเชีย ๑๒ ประเทศ สำหรับผลการเลือกตั้งผู้อำนวยการใหญ่ของ UNIDO ปรากฏว่า ผู้สมัครของสาธารณรัฐประชาชนจีนได้รับคะแนนเสียง จำนวน ๓๗ เสียง ผู้สมัครของสาธารณรัฐโปแลนด์ได้รับคะแนนเสียง จำนวน ๖ เสียง ผู้สมัครของราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐอิตาลีได้รับคะแนนเสียงประเทศละ ๓ เสียง ผู้สมัครของสาธารณรัฐอิสลามอัฟกานิสถานและราชอาณาจักรกัมพูชาได้รับคะแนนเสียงประเทศละ ๒ เสียง ส่วนผู้สมัครของสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบียขอถอนตัว และเนื่องจากผู้สมัครของสาธารณรัฐประชาชนจีนคือ นาย Li Yong ได้รับคะแนนเสียงเกินกว่า ๒ ใน ๓ จึงมีผลชี้ขาดทันทีให้เป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ของ UNIDO
|
||||||||||||||||||||||||
| 27899 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การกำหนดรายชื่อบริษัทสำนักหักบัญชี (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นผู้ยืมหรือผู้ให้ยืมหลักทรัพย์] | กค | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การกำหนดรายชื่อบริษัทสำนักหักบัญชี (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นผู้ยืมหรือผู้ให้ยืมหลักทรัพย์] มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมนิยามคำว่า “ผู้ยืมหรือผู้ให้ยืม” ในมาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๓๑) พ.ศ. ๒๕๔๑ โดยเพิ่ม “สำนักหักบัญชี ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์” เป็นผู้ยืมหรือผู้ให้ยืม เพื่อให้การทำธุรกรรมการยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์กับสำนักหักบัญชีได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การกำหนดรายชื่อบริษัทสำนักหักบัญชี (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นผู้ยืมหรือผู้ให้ยืมหลักทรัพย์] ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการแล้วเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 27900 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ นครนิวยอร์ก | อก | 06/08/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนำเรื่อง ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ นครนิวยอร์ก ของกระทรวงอุตสาหกรรม และเรื่อง การจัดทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก ของกระทรวงพาณิชย์ ไปพิจารณาทบทวนร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเกี่ยวกับนโยบายการใช้พื้นที่ร่วมกัน (One Roof Policy) ของหน่วยงานดังกล่าว และหากเป็นทำเลที่เหมาะสมให้พิจารณาถึงความคุ้มค่าในการจัดซื้ออาคารที่ทำการฯ แทนวิธีการเช่าเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งเป็นการประหยัดและลดภาระงบประมาณของประเทศในระยะยาว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๒ สัปดาห์ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
.....
