ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1145 จากทั้งหมด 6217 หน้า แสดงรายการที่ 22881 - 22900 จากข้อมูลทั้งหมด 124327 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22881 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 33 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | พน | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ ๓๓ ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน+๓ (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ครั้งที่ ๑๒ ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมสุดยอดรัฐมนตรีพลังงานเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๙ และร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนกับทบวงพลังงานระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๕ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นผู้ให้การรับรองในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ร่วมกับรัฐมนตรีพลังงานของกลุ่มประเทศสมาชิกดังกล่าวได้ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ ๓๓ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพลังงาน และคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่าร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ทั้ง ๔ ฉบับ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสร้างความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างประเทศทั้งด้านการส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงาน การพัฒนาพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการพัฒนาประสิทธิภาพในการแข่งขันของตลาดพลังงานในอาเซียน รวมทั้งความร่วมมือเชิงวิชาการและการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านพลังงาน ซึ่งมีความสอดคล้องกับการดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙) จึงควรประสานกับกระทรวงการต่างประเทศในการพิจารณาถ้อยแถลงการณ์ร่วมฯ ทั้ง ๔ ฉบับ ในประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22882 | ขอความเห็นชอบยุติการดำเนินการคัดเลือกเอกชนลงทุนงานระบบรถไฟฟ้าและรับจ้างดำเนินกิจการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงเตาปูน - ท่าพระ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2553 | คค | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ยุติการดำเนินการคัดเลือกเอกชนลงทุนงานระบบรถไฟฟ้าและรับจ้างดำเนินกิจการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงเตาปูน-ท่าพระ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง การดำเนินการของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนลงทุนฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงเตาปูน-ท่าพระ) ในส่วนที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินโครงการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทั้งนี้ ในชั้นการพิจารณาการดำเนินโครงการเห็นควรให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐคำนึงถึงหลักการที่เน้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดของประชาชนผู้ใช้บริการ และการแบ่งปันผลประโยชน์ของรัฐอย่างเป็นธรรมตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การดำเนินการของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนลงทุนฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงเตาปูน-ท่าพระ) อย่างเคร่งครัด และเมื่อได้ข้อสรุปแนวทางการดำเนินการแล้ว ให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการต่อคณะรัฐมนตรีด้วย |
||||||||||||||||||
22883 | ขอความเห็นชอบโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ของกรมการบินพลเรือน | คค | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ของกรมการบินพลเรือน ในกรอบวงเงินทั้งสิ้น ๑,๙๐๐ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ๓ ปี ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับรายละเอียดงบประมาณในการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กรมการบินพลเรือนพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริงมาดำเนินการโครงการในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอ ก็ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๓๑๐ ล้านบาท โดยให้จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง สำหรับวงเงินส่วนที่เหลือให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงบประมาณ คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กรมการบินพลเรือนประสานงานกับกรมอุตุนิยมวิทยาเพื่อพิจารณารายละเอียดและอำนวยความสะดวกในการตรวจอากาศการบินและรายงานข่าวอากาศเพื่อการบิน (METAR) ให้กับท่าอากาศยานเบตง ให้สอดคล้องตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ เกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ได้แก่ การย้ายถิ่นของนกในพื้นที่ผลกระทบทางเสียง การปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันและแก้ไข มาตรการการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตลอดจนประสานกับหน่วยงานที่จะสนับสนุนการเปิดให้บริการท่าอากาศยานเบตงให้เรียบร้อยก่อน และหลังการก่อสร้างท่าอากาศยานแล้วเสร็จ รวมทั้งหน่วยงานรับผิดชอบควรประสานงาน ปรึกษาหารือกับสายการบินแห่งชาติและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันกำหนดแผนการดำเนินงานในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22884 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนกองทุนการออมแห่งชาติ | กค | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบหลักการของมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนกองทุนการออมแห่งชาติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ผู้มีเงินได้สามารถหักลดหย่อนเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ(กอช.) ในการคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริง ในลักษณะการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้เท่าที่สมาชิกของ กอช. จ่ายเป็นเงินสะสมเข้า กอช. ทั้งนี้ เมื่อรวมกับเงินสะสมในลักษณะทำนองเดียวกันแล้วต้องไม่เกินกว่าจำนวนตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนด ๑.๒ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่สมาชิกของ กอช. หรือบุคคลซึ่งสมาชิกของ กอช. ได้แสดงเจตนาไว้แก่ กอช. หรือทายาทของสมาชิก กอช. ได้รับจาก กอช. ในกรณีที่สมาชิกของ กอช. สิ้นสมาชิกภาพเพราะอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ หรือมีกฎหมายกำหนดให้การสิ้นสมาชิกภาพเพราะเหตุอื่นถือว่าเป็นการสิ้นสมาชิกภาพเพราะอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ หรือสิ้นสมาชิกภาพเพราะตาย ๑.๓ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่สมาชิก กอช. ได้รับจาก กอช. ในกรณีที่ทุพพลภาพก่อนอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามข้อ ๑.๑-๑.๓ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ๑.๔ ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับกิจการของ กอช. ๑.๕ ยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับการกระทำตราสารของ กอช. สำหรับผลประโยชน์ของเงินสะสมที่สมาชิกของ กอช. ได้รับจาก กอช. ในกรณีที่สิ้นสมาชิกภาพเพราะลาออกจากกองทุน เห็นควรให้รวมคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเช่นเดียวกับการลาออกจากกองทุนอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องกำหนดให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีมีผลย้อนหลังไปจนถึงวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เนื่องจาก กอช. ได้เริ่มรับสมาชิกในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยรับโอนสมาชิกส่วนหนึ่งจากกองทุนประกันสังคมตามพระราชบัญญัติการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้สมัครเป็นสมาชิกของกองทุนการออมแห่งชาติบางกรณีและการโอนเงินจากกองทุนประกันสังคมในกรณีชราภาพไปยังกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ดังนั้น โดยข้อเท็จจริงจึงไม่มีสมาชิกที่อาจได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการที่กระทรวงการคลังเสนอก่อนปี พ.ศ. ๒๕๕๘ แต่อย่างใด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22885 | การขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการดำเนินการตามโครงการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า | นร01 | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการดำเนินการตามโครงการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า ในส่วนของการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์และส่วนที่กองทัพบกได้รับผลกระทบภายในกรอบวงเงินทั้งสิ้น ๔,๗๔๖,๘๔๙,๑๕๘.๙๖ บาท ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๓ สำหรับรายละเอียดเรื่องของงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๘๑,๐๒๙,๒๐๐ บาท งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๖๒๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๓,๙๔๑,๘๑๙,๙๕๘.๙๖ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยให้ถือปฏิบัติตามนัยระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒. อนุญาตให้การก่อสร้างอาคารหอประชุมกองทัพบก ซึ่งมีความสูงเกินข้อกำหนดของกรุงเทพมหานครได้รับการยกเว้นการดำเนินการตามกฎกระทรวงว่าด้วยการยกเว้นผ่อนผันหรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
||||||||||||||||||
22886 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2558 (ครั้งที่ 3) | พน | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ (Energy Efficiency Plan : EEP 2015) พร้อมมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาและให้การสนับสนุนการดำเนินงานของแผนฯ นี้ด้วย เช่น แนวทางการประหยัดพลังงานแบบ ESCO สำหรับภาคราชการ ซึ่งมอบให้กระทรวงพลังงานและสำนักงบประมาณรับไปพิจารณาเพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว ๒. เห็นชอบให้ยกเลิกสิทธิพิเศษของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จำนวนตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ ลิตรขึ้นไป กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และให้กระทรวงพลังงานแจ้งคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ เพื่อดำเนินการตามระเบียบต่อไป ทั้งนี้ ในกรณีเกิดสภาวะวิกฤติด้านพลังงานและสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยังจะต้องเป็นผู้ดำเนินการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยทันที และรายงานผลการดำเนินการดังกล่าวให้กระทรวงพลังงานทราบทุกครั้ง ๓. มอบหมายให้กระทรวงพลังงานประสานกับคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจเพื่อนำหลักการที่จะยกเลิกสิทธิพิเศษของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ ลิตรขึ้นไป ให้แก่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ เพื่อให้สอดคล้องพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้าฉบับปรับปรุงใหม่ต่อไป |
||||||||||||||||||
22887 | ขออนุมัติการจัดทำพิธีสารแก้ไขความตกลง ฉบับที่ 2 ระหว่างสำนักงานความร่วมมือในการพัฒนาแห่งประเทศนอร์เวย์ กับกรมประมงแห่งประเทศไทย | กษ | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำพิธีสารแก้ไขความตกลง ฉบับที่ ๒ ระหว่างสำนักงานความร่วมมือในการพัฒนาแห่งประเทศนอร์เวย์ กับกรมประมงแห่งประเทศไทย เพื่อรองรับกิจกรรมที่ยังไม่สิ้นสุดและปรับปรุงงบประมาณให้เหมาะสม ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างพิธีสารดังกล่าวในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศ และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ ให้อยู่ในดุลยพินิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. อนุมัติให้อธิบดีกรมประมงเป็นผู้ลงนามพิธีสารดังกล่าว ๔. โดยที่การดำเนินการตามพิธีสารฯ เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมประมงที่จะดำเนินการได้ และเป็นการทำความตกลงในระดับหน่วยงานมิใช่ระดับรัฐ กรณีนี้จึงไม่เข้าข่ายลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ จึงไม่ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)] ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
||||||||||||||||||
22888 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ฟิลิปปินส์ | คค | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ฟิลิปปินส์ และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและฟิลิปปินส์ โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญในการปรับปรุงความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศ เส้นทางบิน สิทธิความจุความถี่ การทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน และเรื่องที่คณะผู้แทนทั้งสองฝ่ายตกลงกันที่จะให้มีการเจรจาการบินรอบต่อไปภายในหนึ่งปี ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญนั้น |
||||||||||||||||||
22889 | การเข้าร่วมเป็นสมาชิกของไทยในองค์กรความร่วมมือด้านไม้ไผ่และหวายระหว่างประเทศ (International Network for Bamboo and Rattan - INBAR) | ทส | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของไทยในองค์กรความร่วมมือด้านไม้ไผ่และหวายระหว่างประเทศ (International Network for Bamboo and Rattan-INBAR) โดยให้กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน ๑.๒ อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการตามกระบวนการภาคยานุวัติหลังจากที่ได้รับความเห็นชอบการเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงในการจัดตั้งองค์กรความร่วมมือด้านไม้ไผ่และหวายระหว่างประเทศ (Agreement on the Establishment of the International Network for Bamboo and Rattan-INBAR) จากคณะมนตรี (Council) ของ INBAR ๑.๓ เห็นชอบในหลักการการจัดสรรงบประมาณเป็นเงินอุดหนุน/สนับสนุนรายปีให้แก่กรมป่าไม้ในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกปีละ ๒๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ ๘๒๕,๐๐๐ บาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบัน) ตลอดระยะเวลาที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกฯ โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ๒. ในส่วนของค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นค่าสมาชิกรายปี ให้กรมป่าไม้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ มาดำเนินการในโอกาสแรกก่อน สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าหากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยืนยันได้ว่า ในชั้นการภาคยานุวัติความตกลงฯ ไม่มีความจำเป็นต้องให้สถานะทางกฎหมายหรือเอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ INBAR หรือเจ้าหน้าที่ของ INBAR กรณีจะไม่จำต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา อีกทั้งไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาประเภทอื่นตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ จึงไม่ต้องได้รับความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อย่างไรก็ดี เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมกับการจัดการทรัพยากรไม้ไผ่และหวายอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงประโยชน์ที่ทางราชการและภาคประชาชนจะได้รับจากการเป็นสมาชิกในองค์กรดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มบุคคลผู้บริโภคและผู้ผลิตไผ่และหวายในประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมให้เกษตรกรมีการปลูกต้นไผ่และหวายในพื้นที่ป่าเศรษฐกิจและป่าชุมชนเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เกษตรกรมีรายได้และยกระดับความเป็นอยู่ของชุมชนท้องถิ่นให้ดีขึ้นต่อไป |
||||||||||||||||||
22890 | ทบทวนหลักเกณฑ์การจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๓๕ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งมีหลักการในการจ่ายเงินปันผลในส่วนของกระทรวงการคลัง จากเดิมกำหนดให้จ่ายโดยการซื้อหุ้นเพิ่มทุน ธ.ก.ส. เป็น การจ่ายปันผลในลักษณะเงินนำส่งคลังเช่นเดียวกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่น ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในอนาคต หาก ธ.ก.ส. มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน กระทรวงการคลังควรกำหนดให้ ธ.ก.ส. จัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการและกลุ่มเป้าหมายในการดำเนินการควบคู่กับการจัดทำรายงานวิเคราะห์ความอ่อนไหว (Sensitivity Analysis) เช่นเดียวกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่น เพื่อพิจารณาผลกระทบต่ออัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) และใช้ประกอบการขอรับการเพิ่มทุนในแต่ละครั้ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22891 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF1 และ FIDF3 | กค | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฯ) เข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (บัญชีสะสมฯ) ในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ จำนวน ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ ทั้งนี้ ในระหว่างปีงบประมาณ ๒๕๕๙ หากกองทุนฯ ได้รับเงินที่มีนัยสำคัญให้พิจารณาทบทวนเพื่อขออนุมัตินำส่งเงินเข้าบัญชีสะสมฯ เพิ่มเติมต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเพื่อให้สามารถนำแหล่งเงินจากกำไรสุทธิ ร้อยละ ๙๐ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องนำส่งรัฐ และสินทรัพย์คงเหลือในบัญชีผลประโยชน์ประจำปีตามกฎหมายว่าด้วยเงินตราโดยไม่ต้องเข้าบัญชีสำรองพิเศษตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๗ ของพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๕๕ เข้าบัญชีสะสมฯ เพื่อให้สามารถชำระหนี้ FIDF 1 และ FIDF 3 ได้มากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22892 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้าง (โรงอาหาร/หอประชุมของโรงเรียนวรราชาทินัดดามาตุวิทยา จังหวัดปทุมธานี และโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม จังหวัดนครปฐม) | ศธ | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้าง จำนวน ๒ รายการ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ดังนี้
๑. รายการโรงอาหาร/หอประชุม แบบ ๑๐๑ล/๒๗ (พิเศษ) (สำหรับโรงเรียนในโครงการพระราชดำริ) โรงเรียนวรราชาทินัดดามาตุวิทยา จังหวัดปทุมธานี จำนวน ๑ หลัง จากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ วงเงิน ๑๒,๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน จำนวน ๑๒,๙๐๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑๑,๙๖๘,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๙๓๒,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ๒. รายการโรงอาหาร/หอประชุม แบบ ๑๐๑ล/๒๗ (พิเศษ) (สำหรับโรงเรียนในโครงการพระราชดำริ) โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัยนครปฐม จังหวัดนครปฐม จำนวน ๑ หลัง จากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ วงเงิน ๑๒,๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน จำนวน ๑๒,๙๐๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑๑,๙๖๘,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๙๓๒,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป |
||||||||||||||||||
22893 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้าง (อาคารเรียนของโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม จังหวัดนครปฐม และโรงเรียนสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว) | ศธ | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จำนวน ๒ รายการ โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ดังนี้
๑. อาคารเรียนแบบ ๓๒๔ ล/๕๕-ก โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม จังหวัดนครปฐม จำนวน ๑ หลัง จากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ วงเงิน ๒๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒๗,๘๕๖,๙๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๒๕,๖๙๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๒,๑๖๖,๙๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ๒. อาคารเรียนแบบ ๒๑๐ ล/๕๗-ก โรงเรียนสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว จำนวน ๑ หลัง จากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ วงเงิน ๒๑,๓๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒๑,๘๐๙,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๕๙ วงเงิน ๒๐,๓๒๘,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๑,๔๘๑,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป |
||||||||||||||||||
22894 | การขอเพิ่มวงเงินงบประมาณในการจัดการประชุมสมัชชาใหญ่สมาคมสหพันธ์โอลิมปิกแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2557 (ANOC General Assembly 2014) | กก | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบการขอเพิ่มวงเงินงบประมาณในการจัดการประชุมสมัชชาใหญ่สมาคมสหพันธ์โอลิมปิกแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ (ANOC General Assembly 2014) จากวงเงิน ๔๓,๒๘๐,๒๐๐ บาท เป็น ๕๑,๖๑๑,๙๖๖.๑๕ บาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเพื่อการดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของการกีฬาแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ การดำเนินงานจัดประชุมฯ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรควบคุมการบริหารจัดการในการเป็นเจ้าภาพจัดงานด้านการกีฬาให้มีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22895 | การขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) กับ NFA รัฐบาลฟิลิปปินส์ | พณ | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) กับหน่วยงาน National Food Authority (NFA) รัฐบาลฟิลิปปินส์ โดยกรมการค้าต่างประเทศได้เข้าร่วมประมูลเสนอราคาขายข้าวแบบ G to G ตามหนังสือเชิญของ NFA ผลปรากฏว่า ประเทศไทยชนะการประมูลขายข้าวขาว ๒๕% Max ปริมาณ ๓๐๐,๐๐๐ ตัน ราคาตันละ ๔๒๖.๖๐ ดอลลาร์สหรัฐ รวมมูลค่า ๑๒๗,๙๘๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ ๔,๕๓๖.๘๙ ล้านบาท) (๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๕.๔๕ บาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๘) และได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวดังกล่าวตามปริมาณและราคาที่ชนะการประมูล รวมทั้งได้วางหนังสือค้ำประกันสัญญาร้อยละ ๕ ของมูลค่าตามสัญญาตามเงื่อนไขที่รัฐบาลฟิลิปปินส์กำหนด
|
||||||||||||||||||
22896 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (นายสุรสิทธิ์ อินทรประชา) | กษ | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุรสิทธิ์ อินทรประชา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านสำรวจและหรือออกแบบ) (วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ) กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||
22897 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเมืองเก่า ตำบลบ้านนา ตำบลบ่อทอง อำเภอกบินทร์บุรี และตำบลแก่งดินสอ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... | กษ | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเมืองเก่า ตำบลบ้านนา ตำบลบ่อทอง อำเภอกบินทร์บุรี และตำบลแก่งดินสอ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเมืองเก่า ตำบลบ้านนา ตำบลบ่อทอง อำเภอกบินทร์บุรี และตำบลแก่งดินสอ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบ ตามโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
22898 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ ขนาด หรือกำลังของเครื่องยนต์ และของรถที่จะรับจดทะเบียนเป็นรถประเภทต่าง ๆ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ ขนาด หรือกำลังของเครื่องยนต์ และของรถที่จะรับจดทะเบียนเป็นรถประเภทต่าง ๆ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||
22899 | การขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องการส่งเสริมการเกษตรให้เป็นแปลงใหญ่ โดยยึดระบบ Zoning และการบริหารจัดการน้ำ | นร | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องการส่งเสริมการเกษตรให้เป็นแปลงใหญ่ โดยยึดระบบ Zoning และการบริหารจัดการน้ำ ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การส่งเสริมการเกษตรให้เป็นแปลงใหญ่ โดยยึดระบบ Zoning ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานงานกับกระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เพื่อพิจารณาเรื่องการส่งเสริมสนับสนุนภาคเอกชนเพื่อช่วยขับเคลื่อนการส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น และมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำรายงานการประเมินผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดการดำเนินการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ ได้แก่ (๑) ต้นทุนการผลิตลดลง (๒) ผลผลิตต่อหน่วยหรือไร่เพิ่มขึ้น (๓) สินค้ามีระบบมาตรฐาน/คุณภาพปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น (๔) เทคโนโลยีการเกษตรเปลี่ยนแปลงดีขึ้น และ (๕) มีตลาดรองรับ (PPP CSR Social Business/Enterprise) โดยให้รายงานคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลทราบผลการประเมินอีกครั้งในเดือนมกราคม ๒๕๕๙ ๑.๒ การบริหารจัดการน้ำ ให้มีการประชาสัมพันธ์การสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับประชาชนทั้งในภาพรวมและในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ให้ตระหนักถึงสถานการณ์และทราบข้อมูลปริมาณน้ำ รวมถึงมาตรการการบริหารจัดการน้ำที่กำลังจะดำเนินการ และให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีประสานงานกับกรมประชาสัมพันธ์ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เรื่องดังกล่าว โดยเน้นให้ประชาชนสามารถเข้าใจได้โดยง่ายและรับทราบได้อย่างทั่วถึง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำกิจกรรมโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง เช่น การสนับสนุนส่งเสริมการหารายได้เสริม หรือแนวทางการประกอบอาชีพอื่น รวมถึงการปลูกพืชใช้น้ำน้อย และการดำเนินการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๒. ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการส่งเสริมการเกษตรให้เป็นแปลงใหญ่โดยยึดระบบ Zoning ควรมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพิ่มเติม เพื่อให้การดำเนินงานครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมทั้งในการติดตามประเมินผลควรประสานสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเข้าร่วมในการจัดทำระบบติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน สำหรับการบริหารจัดการน้ำ ควรมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมศึกษาและขยายผลการบริหารจัดการน้ำในชุมชนโดยอาศัยหลักการตามแนวพระราชดำริ ซึ่งยึดหลักเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา โดยประชาชนมีส่วนร่วมคิดร่วมทำและเป็นเจ้าของ เพื่อเกษตรกรจะได้มีแหล่งน้ำไว้อุปโภคบริโภค และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมการปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ตลอดจนการดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบควรให้ลำดับความสำคัญกับพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลองก่อนเป็นลำดับแรก เนื่องจากไม่สามารถเพาะปลูกข้าวนาปรังได้จากปัญหาภัยแล้ง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||
22900 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2558 และครั้งที่ 4/2558 | ทก | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ และครั้ง ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. การประชุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ ๑.๑ รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๐๕/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ จำนวน ๒ ท่าน ประกอบด้วย นายสุเจตน์ จันทรังษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านกิจการอวกาศ และอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการต่างประเทศ ๑.๒ รับทราบความคืบหน้าของการพัฒนาความร่วมมือด้านกิจการอวกาศภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-จีน ครั้งที่ ๓ ๑.๓ เห็นชอบในหลักการโครงการลดความยากจนและเหลื่อมล้ำทางภูมิเศรษฐกิจโดยการรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ (THEOS-2) โดยให้ปรับเปลี่ยนชื่อเป็น “โครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา” ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ ๒. การประชุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ ๒.๑ รับทราบการรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรี ใน ๒ กรณี คือ กรณีค่าสินไหมทดแทนของดาวเทียมไทยคม ๓ และกรณีโครงการดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) ๒.๒ รับทราบการนำหลักเกณฑ์การอนุญาตการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๒.๓ รับทราบการลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดาวเทียมสำรวจโลกระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และ CRESDA โดยมีองค์ประกอบของความร่วมมือในข้อตกลง ๓ เรื่อง ได้แก่ ข้อเสนอโครงการปรับปรุงสมรรถนะของสถานีรับสัญญาณดาวเทียมจุฬาภรณ์ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และโครงการวิจัยร่วม ๒.๔ รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการจัดทำโปรแกรมอวกาศแห่งชาติ (National Space Program) ที่ประกอบด้วยกรอบแนวคิดและเป้าหมายของโปรแกรมอวกาศแห่งชาติ และองค์ประกอบของโปรแกรมฯ ๔ ด้าน (ระบบดาวเทียมสื่อสารของประเทศ ระบบดาวเทียมสำรวจโลก การพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศ การวิจัยและการสำรวจห้วงอวกาศ) ๒.๕ เห็นชอบกรอบและแนวทางการเจรจาโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) ๒.๖ เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมายอวกาศ
|
.....