ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1143 จากทั้งหมด 6217 หน้า แสดงรายการที่ 22841 - 22860 จากข้อมูลทั้งหมด 124327 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22841 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (จำนวน 13 ราย 1. นายธัชชัย สุมิตร ฯลฯ) (เอกสารยังไม่ครบ ส่งคืนยกเลิกชั้นความลับ) | ศธ | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวนรวม ๑๓ คน และให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายธัชชัย สุมิตร ประธานกรรมการ ๒. นายไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายศักรินทร์ ภูมิรัตน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายวิเชียร เลาหโกศล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายสมหวัง พิธิยานุวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นายยงค์วิมล เลณบุรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๙. นายสัมพันธ์ ศิลปนาฎ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๐. นางจันทร์ดาว แสงแก้ว กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ครูผู้สอนด้านวิทยาศาสตร์ ภาคเหนือ ๑๑. นายศตภิษัช ไกรษี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ครูผู้สอนด้านวิทยาศาสตร์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๑๒. นายวิเชียร ดอนแรม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ครูผู้สอนด้านวิทยาศาสตร์ ภาคกลาง ๑๓. นายอนัน จันทรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ครูผู้สอนด้านคณิตศาสตร์ ภาคใต้
|
|||||||||||||||||||||
22842 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร) | อก | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งพลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แทนนางอรรชกา สีบุญเรือง ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22843 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (พลเอก อักษรา เกิดผล และนายเอกอนันต์ สรรประดิษฐ์) | นร04 | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. พลเอก อักษรา เกิดผล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ๒. นายเอกอนันต์ สรรประดิษฐ์ ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||
22844 | แต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายพรชัย ตระกูลวรานนท์) | นร04 | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งและมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22845 | รายงานการดำเนินงานตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เรื่อง การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชนชาติไทยและประวัติศาสตร์ของชาติไทย และการเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของบูรพกษัตริย์แต่ละยุคแต่ละสมัย | วธ | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมรายงานการดำเนินงานตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เรื่อง การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชนชาติไทยและประวัติศาสตร์ของชาติไทย และการเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของบูรพกษัตริย์แต่ละยุคแต่ละสมัย สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากรดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย จำนวน ๑๐,๐๐๐ เล่ม เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความรักและความภาคภูมิใจในความเป็นชาติ โดยได้ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศ์ทุกพระองค์ ตลอดจนมอบคณะองคมนตรี รวมทั้งได้เผยแพร่แจกจ่ายไปยังหน่วยงาน สถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ สำหรับฉบับภาษาอังกฤษอยู่ระหว่างการแปลและจัดพิมพ์ นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมจะร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์จัดการสัมมนาเรื่อง ประวัติศาสตร์ชาติไทย ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ เพื่อสร้างความตระหนักและการรับรู้เกี่ยวกับความเป็นมาและประวัติศาสตร์ของประเทศไทย โดยจะเรียนเชิญผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิชาการเข้าร่วมการสัมมนา ทั้งนี้ ได้เตรียมการถ่ายทอดสดเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมรับฟังการสัมมนาในครั้งนี้ด้วย ๑.๒ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากรจัดพิมพ์หนังสือพระบรมราชานุสรณ์ สัตตบูรพกษัตริยาธิราช อุทยานราชภักดิ์ จำนวน ๑,๐๐๐ เล่ม ซึ่งมีเนื้อหาประกอบด้วยพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบูรพมหากษัตริย์ ๗ พระองค์ ตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ได้แก่ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งกระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบกดำเนินการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ประดิษฐาน ณ อุทยานราชภักดิ์ ตลอดจนความเป็นมาของอุทยานดังกล่าวอันเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งใหม่ เพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณของสถาบันกษัตริย์ที่ทรงมีคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติ โดยได้ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศ์ทุกพระองค์ ตลอดจนมอบคณะองคมนตรี รวมทั้งได้เผยแพร่แจกจ่ายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒. ในส่วนของหนังสือประวัติศาสตร์ของไทย ให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำเป็นฉบับย่อในรูปแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยให้มีเนื้อหาที่กระชับ มีรูปลักษณ์ที่น่าอ่านและสามารถเข้าใจได้ง่าย เพื่อให้ประชาชน นักเรียน นิสิต และนักศึกษาได้เข้าใจถึงความเป็นมาของชาติ เกิดความภาคภูมิใจในเอกราชของไทย และร่วมใจกันอนุรักษ์ สานต่อเจตนารมณ์ในความรักและหวงแหนชาติ รวมทั้งนำไปเผยแพร่ให้แก่ชาวต่างชาติได้รับรู้ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22846 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนสิงหาคม 2558 | นร11 | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ ๑.๑ เศรษฐกิจไทยเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ด้านการใช้จ่าย ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนกลับมาขยายตัวร้อยละ ๐.๓ ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ ๐.๖ ขณะที่มูลค่าการส่งออกในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงร้อยละ ๒.๙ ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักและการลดลงของราคาสินค้าส่งออก แต่การอ่อนค่าของเงินบาทส่งผลให้มูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๓ ด้านการผลิต ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๒.๑ ดัชนีราคาสินค้าเกษตรและดัชนีรายได้เกษตรกรขยายตัวร้อยละ ๒.๓ และ ๑.๕ ตามลำดับ ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรยังคงลดลงร้อยละ ๐.๗ เช่นเดียวกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ปรับตัวลดลงร้อยละ ๕.๐ ๑.๒ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อลดลงตามราคาพลังงาน อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ ดุลการค้าเกินดุลเนื่องจากการลดลงของการนำเข้าและส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลแม้ว่าดุลบริการจะขาดดุลก็ตาม ๑.๓ สถานการณ์ด้านการคลัง การจัดเก็บรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีและงบประมาณกันไว้เหลื่อมปีในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น และสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ ยังคงอยู่ในระดับที่มั่นคง ๑.๔ สถานการณ์ด้านการเงิน อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ร้อยละ ๑.๕๐ ต่อปี เงินให้กู้ยืมภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ ๔.๘ ชะลอตัวลงจากการขยายตัวร้อยละ ๕.๐ ในเดือนก่อนหน้า ตามการชะลอตัวของทั้งสินเชื่อภาคธุรกิจซึ่งขยายตัวร้อยละ ๒.๑ (ชะลอตัวลงจากร้อยละ ๒.๕ ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘) และสินเชื่อภาคครัวเรือนซึ่งขยายตัวร้อยละ ๗.๑ (ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากร้อยละ ๗.๒ ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘) สำหรับเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน) ขยายตัวร้อยละ ๕.๘ ในเดือนสิงหาคมชะลอตัวเล็กน้อยจากการขยายตัวร้อยละ ๕.๙ ในเดือนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเฉลี่ยในเดือนสิงหาคมอยู่ที่ ๓๕.๔๒ บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ ๓.๓ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เคลื่อนไหวผันผวน โดยปิดที่ ๑,๓๘๒.๔ จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ ๔.๐ ตามการปรับลดลงของราคาหลักทรัพย์ในกลุ่มพลังงาน และความกังวลของนักลงทุนต่อการปรับลดลงอย่างต่อเนื่องของดัชนีตลาดหลักทรัพย์จีน ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ เศรษฐกิจประเทศสำคัญ ๆ ยังชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า โดยเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มมีสัญญาณการชะลอตัวทั้งในภาคการผลิต การบริโภค และภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่เศรษฐกิจสหภาพยุโรปและเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ตามภาคการผลิตและการบริโภคภายในประเทศ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและประเทศสำคัญ ๆ ส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียชะลอตัวลงตามการลดลงของการส่งออกและการผลิตในภาคอุตสาหกรรม และส่งผลต่อเนื่องให้การบริโภคภายในประเทศชะลอลง รวมทั้งทำให้ราคาน้ำมันและสินค้าขั้นปฐมปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวล่าช้ากว่าการคาดการณ์ของตลาด
|
|||||||||||||||||||||
22847 | การพิจารณากำหนดวันหยุดราชการประจำปี พ.ศ. 2559 เพิ่มเป็นกรณีพิเศษ | นร | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. กำหนดให้วันศุกร์ที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และวันจันทร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ รวมจำนวน ๒ วัน ๒. ส่วนรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงาน พิจารณาความเหมาะสมให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในกรณีหน่วยงานใดที่มีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็นหรือราชการสำคัญในวันดังกล่าวโดยได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว ซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการและประชาชน
|
|||||||||||||||||||||
22848 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายวิชัย ขัตติยวิทยากุล) | สธ | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิชัย ขัตติยวิทยากุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22849 | รายงานกิจการ งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุน ประจำปีบัญชี 2557 (1 เมษายน 2557 - 31 มีนาคม 2558) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุน สำหรับปีบัญชี ๒๕๕๗ (๑ เมษายน ๒๕๕๗-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สินทรัพย์รวมสิ้นปีบัญชี ๒๕๕๗ ธ.ก.ส. มีสินทรัพย์จำนวน ๑,๔๓๑,๐๔๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี ๒๕๕๖ จำนวน ๙๒,๕๑๕ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๙๑ โดยมีเงินให้สินเชื่อคงค้างจำนวน ๑,๐๘๙,๗๖๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี ๒๕๕๖ จำนวน ๑๑๙,๑๓๓ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒.๒๗ ๒. ในปีบัญชี ๒๕๕๗ ธ.ก.ส. มีกำไรสุทธิจำนวน ๑๐,๓๖๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี ๒๕๕๖ จำนวน ๒๔๔ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๔๑ โดยระหว่างปีมีรายได้รวมจำนวน ๗๔,๘๑๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี ๒๕๕๖ จำนวน ๒,๕๐๒ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๔๖ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมมีจำนวน ๖๔,๔๔๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี ๒๕๕๖ จำนวน ๒,๒๕๘ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๖๓ ๓. อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงสิ้นปีบัญชี ๒๕๕๗ ธ.ก.ส. มีอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ร้อยละ ๑๓.๑๕ ลดลงจากสิ้นปีบัญชี ๒๕๕๖ ซึ่งมีอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ร้อยละ ๑๓.๒๒
|
|||||||||||||||||||||
22850 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (รายการค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงใหม่) | ปช | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงใหม่ และค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงใหม่ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22851 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดส่งแรงงานไทยไปสาธารณรัฐเกาหลีภายใต้ระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ (Employment Permit System : EPS) | รง | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งจัดแรงงานไทยไปสาธารณรัฐเกาหลีภายใต้ระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ (Employment Permit System : EPS) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับหน่วยงานผู้ส่งและหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการรับสมัครและจัดส่งคนงาน ค่าธรรมเนียมการจัดส่ง การสอบความสามารถภาษาเกาหลี (EPS-Test of Proficiency in Korean : EPS-TOPIK) การสรรหาคนงาน การจัดการบัญชีรายชื่อคนหางาน สัญญาการจ้างงาน การให้ความรู้ก่อนการเดินทาง การอนุญาตตรวจลงตรา การเดินทางเข้าประเทศของคนงาน การบรรจุงานของคนงาน การสนับสนุนกระบวนการจัดส่งและรับ การจ้างแรงงานและการจัดการที่อยู่อาศัย และการป้องกันการคอร์รัปชัน และมาตรการต่อต้านการอยู่อย่างผิดกฎหมายของแรงงาน เป็นต้น ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ๓. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ๔. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๕. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับและเพิ่มถ้อยคำในวรรคอารัมภบทในร่างบันทึกความเข้าใจฯ และการเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ที่จะเดินทางไปทำงานยังสาธารณรัฐเกาหลีให้รับทราบถึงขั้นตอนการดำเนินการในการทำงานภายใต้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ตลอดจนเร่งพัฒนาทักษะด้านภาษาเกาหลีให้กับแรงงานไทยที่สนใจไปทำงานยังสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อให้แรงงานกลุ่มดังกล่าวมีศักยภาพเพียงพอในการเข้ารับการทดสอบความสามารถทางภาษาเกาหลีตามมาตรฐาน EPS-TOPIK ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22852 | ร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การให้ตั้งโรงงานที่ใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร พ.ศ. .... | อก | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การให้ตั้งโรงงานที่ใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การตั้งโรงงานผลิตเอทานอล โรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพ และโรงงานผลิตกรดต่าง ๆ ที่ใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบโดยตรงในการผลิต ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่เห็นว่าร่างประกาศฉบับนี้ มิได้บังคับใช้กับโรงงานที่จัดตั้งขึ้นใหม่ที่มีการผลิตควบคู่กับโรงงานน้ำตาล อาจจะเป็นการปิดกั้นโอกาสในการตั้งโรงงานประเภทอื่นที่ใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบ แต่ไม่ได้ประกอบกิจการโรงงานน้ำตาล ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินค้าเกษตรในการผลิตพลังงานทดแทน และพลาสติกและเคมีภัณฑ์ชีวภาพ รวมทั้งการกำหนดห้ามแต่เฉพาะโรงงานอื่น ๆ ที่ใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบโดยตรงในการผลิตมิให้ตั้งใกล้กับโรงงานน้ำตาลที่มีอยู่เดิม แต่มิได้ห้ามโรงงานน้ำตาลที่จะตั้งขึ้นใหม่ตั้งใกล้กับโรงงานตามร่างประกาศนี้ หรือมิได้ห้ามโรงงานตามร่างประกาศนี้ตั้งใกล้กันเอง ในการตรวจพิจารณาร่างประกาศนี้จึงควรพิจารณากรณีดังกล่าวว่าเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกระทรวงอุตสาหกรรมหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถพิจารณาได้ในชั้นของคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี นอกจากนี้ ควรกำหนดให้การตั้งโรงงานตามร่างประกาศนี้มีระยะห่างระหว่างโรงงานที่จะตั้งไม่น้อยกว่า ๕๐ กิโลเมตร เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการปริมาณผลผลิตอ้อยและป้องกันการแย่งอ้อยของโรงงานที่ใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบโดยตรง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้สามารถใช้เอทานอลเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอื่นที่ไม่ใช่สุราและเชื้อเพลิงได้โดยไม่มีอุปสรรคทางกฎหมาย และควรพิจารณากำหนดแนวทางบริหารราคาอ้อยในแต่ละอุตสาหกรรมให้เหมาะสม รวมทั้งพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมและเป็นธรรมสำหรับทั้งผู้ประกอบการในกิจการโรงงานน้ำตาลและโรงงานประเภทอื่นที่ใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบเพื่อให้เกิดความสมดุลของการบริหารจัดการอ้อย น้ำตาลทราย และอุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้งระบบ และให้หารือกับผู้มีส่วนได้เสียและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการยอมรับในแนวทางดังกล่าวร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
22853 | รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายโน ควังอิล (Mr. Noh Kwang-il)] | กต | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายโน ควังอิล (Mr. Noh Kwang-il) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายช็อน แจ-มัน (Mr. Jeon Jae-man) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22854 | รัฐบาลสหรัฐเม็กซิโกเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายไฆเม บีร์กิลิโอ นัวลาร์ต ซานเชซ (Mr. Jaime Virgilio Nualart Sanchez)] | กต | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายไฆเม บีร์กิลิโอ นัวลาร์ต ซานเชซ (Mr. Jaime Virgilio Nualart Sanchez) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหรัฐเม็กซิโกประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายคอร์เค เอดูอาร์โด เชน ชาร์เปนเตียร์ (Mr. Jorge Eduardo Chen Charpentier) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22855 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจภาคทะเล ครั้งที่ 1 | กต | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจภาคทะเล ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๘ ณ สาธารณรัฐมอริเชียส ของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งการประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อหารือแนวทางในการดำเนินความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพเพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียอย่างยั่งยืนและสมดุล และมอบหมายหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องกับรายงานผลการประชุมดังกล่าวรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ได้แก่ การพัฒนาขีดความสามารถด้านการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนด้านการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในมหาสมุทรอินเดีย งานวิจัยและการพัฒนาการประมงและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในมหาสมุทรอินเดีย ๑.๒ ท่าเรือและการขนส่งสินค้าทางเรือ ได้แก่ การสนับสนุนการจัดตั้งและการแสดงความพร้อมของไทยในการเข้าร่วม IORA Core Group ด้านท่าเรือและการขนส่งสินค้าทางเรือ การจัดทำแนวปฏิบัติร่วมสำหรับการจดทะเบียนเรือในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย การส่งเสริมความร่วมมือด้านท่าเรือและการขนส่งทางเรือในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย โดยเฉพาะการต่อเรือ การสร้างขีดความสามารถด้านท่าเรือและการขนส่งสินค้าทางเรือ และการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางเรือในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย ๑.๓ พลังงานหมุนเวียนจากมหาสมุทร ได้แก่ การสร้างขีดความสามารถในเรื่องที่เกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนจากมหาสมุทร การส่งเสริมความร่วมมือและการถ่ายทอดเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนจากมหาสมุทรในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย งานวิจัยและการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนจากมหาสมุทร ๑.๔ ไฮโดรคาร์บอนและแร่ใต้ทะเล ได้แก่ การส่งเสริมความร่วมมือและการถ่ายทอดเทคโนโลยีในสาขาไฮโดรคาร์บอนและการสำรวจแร่ใต้ทะเลในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย การวิจัยและการพัฒนาการสำรวจใต้ทะเลและแร่ใต้ทะเล การสร้างขีดความสามารถด้านการสำรวจใต้ทะเลและแร่ใต้ทะเลในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย และการส่งเสริมการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและเอกชนในการสำรวจใต้ทะเลและแร่ใต้ทะเล ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนด้านการสำรวจใต้ทะเลและแร่ใต้ทะเล และสร้างเครือข่ายความร่วมมือดังกล่าวให้ครอบคลุมภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ควรเพิ่มหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านเศรษฐกิจและการลงทุน ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ร่วมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบด้วย และการลงทุนในแต่ละโครงการ ควรมีการพิจารณาข้อดี ข้อเสีย และประโยชน์ในภาพรวมที่ประเทศไทยได้รับอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและถือผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ รวมทั้งการพัฒนาทางเศรษฐกิจภาคทะเล ควรคำนึงถึงความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22856 | การแต่งตั้งกงสุลสาธารณรัฐอินเดีย ณ จังหวัดเชียงใหม่ (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายศีรีช เชน (Mr. Shirish Jain)] | กต | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายศีรีช เชน (Mr. Shirish Jain) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลสาธารณรัฐอินเดีย ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม ๑๗ จังหวัดทางภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ กำแพงเพชร เชียงราย ตาก นครสวรรค์ น่าน พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน สุโขทัย อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี สืบแทน นายธีเรนทร สิงห คารพยาล (Mr. Dhirendra Singh Garbyal) ซึ่งครบวาระประจำการ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22857 | นโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ห้า (พ.ศ. 2559 - 2564) | นร02 | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างนโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ห้า (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) โดยมีแนวคิดและทิศทางการประชาสัมพันธ์ที่มุ่งสร้างภูมิคุ้มกันในมิติต่าง ๆ เพื่อให้การประชาสัมพันธ์เป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศสู่ความสมดุล มั่งคง มั่งคั่งและยั่งยืนตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นโยบายรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประเด็นการปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ทิศทางของยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี และทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่สิบสอง พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ โดยให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์สร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนไทยทุกภาคส่วนในสังคมตั้งแต่ระดับปัจเจก ครอบครัว ชุมชนและประเทศ ฟื้นฟูระเบียบสังคมและสร้างความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย มุ่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ เข้าใจและให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการบริหารประเทศ เตรียมพร้อมให้ประชาชนมีความเท่าทันต่อข่าวสารในภาวะวิกฤตสามารถแยกแยะข้อเท็จจริงออกจากความคิดเห็นได้ เสริมสร้างการบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานรัฐในห้วงสถานการณ์ฉุกเฉินให้มีเอกภาพควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์บทบาทประเทศไทยในการเป็นสมาชิกประชาคมอาเซียนและในเวทีประชาคมโลก ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งรัดการนำนโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติไปดำเนินการเพื่อหน่วยงานระดับกระทรวงและหน่วยงานในสังกัดจะได้นำไปประกอบการจัดทำแผนประชาสัมพันธ์ให้มีความสอดคล้องกับแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติในโอกาสแรกโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งคณะทำงานประชาสัมพันธ์ส่งเสริมภาพลักษณ์ไทย การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงช่องทางการเข้าถึงข้อมูลและบริการภาครัฐในรูปแบบ Mobile Applications และศูนย์กลางแอปพลิเคชันภาครัฐ (Government Application Center : GAC) การกำหนดดัชนีชี้วัดความสำเร็จของแผน การมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ รวมทั้งการกำหนดประเด็นการประชาสัมพันธ์ที่เป็นวาระแห่งชาติ และจัดลำดับการเผยแพร่ในแต่ละปี/ช่วงเวลา เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ นำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22858 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 - 2563 รายการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่ง | พน | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงพลังงานก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ รายการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน จำนวน ๑ คัน วงเงินรวม ๒,๑๑๖,๘๐๐ บาท สำหรับรายละเอียดของงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๔๒๓,๓๖๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑,๖๙๓,๔๔๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ โดยให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งดังกล่าว ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมและความคุ้มค่าถ้าดำเนินการเช่ารถยนต์ไว้แล้ว จะไม่เกิดผลกระทบกับผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานท่านใหม่หากมีการปรับย้ายก่อนระยะเวลาสิ้นสุดของสัญญาเช่ารถยนต์ดังกล่าว และการดำเนินการในทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใส และตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22859 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การเพิ่ม ประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร กรณีศึกษา : โครงการการจัดเก็บภาษีจากข้อมูลทอดแรก (Primary Information Approach : PIA) และโครงการการจัดเก็บภาษีด้วยระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e - Tax Invoice) | กค | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร กรณีศึกษา : โครงการการจัดเก็บภาษีจากข้อมูลทอดแรก (Primary Information Approach : PIA) และโครงการการจัดเก็บภาษีด้วยระบบในกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ว่า กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากรได้ปรับปรุงรายงานภาษีขายโดยเพิ่มเลขประจำตัวผู้เสียภาษีหรือเลขประจำตัวประชาชนของผู้ซื้อ และได้กำหนดให้ผู้ประกอบการทอดแรกจัดทำรายงานภาษีขายด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ได้เร่งรัดการดำเนินโครงการในกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์โดยจัดกลุ่มผู้ประกอบการกับระยะเวลาในการเข้าร่วมโครงการ รวมทั้งได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการรับทราบถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการร่วมโครงการ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22860 | ผลการเยือนสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 06/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ระหว่างไทยกับปากีสถาน ครั้งที่ ๓ ณ กรุงอิสลามาบัด สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๘ และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุม JTC ระหว่างไทยกับปากีสถาน ครั้งที่ ๓ ตามตารางติดตามการดำเนินการตามผลการประชุมฯ ได้แก่ ความตกลงการค้าเสรีไทย-ปากีสถาน ความร่วมมือด้านสิ่งทอ ความร่วมมือด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ความร่วมมือด้านอาหาร เกษตร และประมง ความร่วมมือด้านสุขภาพและบริการที่เกี่ยวข้อง ความร่วมมือด้านยานยนต์และชิ้นส่วน การป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และการพิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจในการร่วมมือกับปากีสถาน ตลอดจนพิจารณาความเป็นไปได้ในการอำนวยความสะดวกวีซ่าให้นักธุรกิจปากีสถาน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
.....