ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1137 จากทั้งหมด 6217 หน้า แสดงรายการที่ 22721 - 22740 จากข้อมูลทั้งหมด 124327 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22721 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยกระทรวงมหาดไทยจะจัดทำแผนผังแต่ละประเภทให้ครบถ้วนตามความเหมาะสมและความจำเป็นของผังเมืองรวมในแต่ละพื้นที่ โดยจัดทำผังเมืองรวมให้มีแผนผังประกอบกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมครบทุกประเภท และจัดทำข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินให้ได้มากที่สุดไว้ในกฎกระทรวง รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินการจดทำกฎกระทรวงโดยเร็ว สำหรับการแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการผังเมืองจะให้มีกรรมการผังเมืองที่มาจากทุกภาคส่วน และจะกำหนดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อให้การวางและจัดทำผังเมืองรวมสามารถควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างเหมาะสม และควรเร่งรัดให้มีการวางผังเมืองเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมด้วย และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22722 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง แผนปฏิรูปการเข้าสู่อำนาจ/ ระบบพรรคการเมือง) | ยธ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง แผนปฏิรูปการเข้าสู่อำนาจ/ระบบพรรคการเมือง ที่กระทรวงยุติธรรมเสนอว่า ในส่วนของการปฏิรูปสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ได้เสนอแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีและอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งสำนักงานเลขานุการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22723 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนสิงหาคม ปี 2558 | พณ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนสิงหาคม ปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศของไทย มูลค่าการส่งออกของไทยเดือนสิงหาคม ปี ๒๕๕๘ ยังคงลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว การส่งออกยานยนต์และส่วนประกอบกลับมาขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๒ ในขณะที่สินค้าเกี่ยวข้องกับน้ำมันยังคงมีมูลค่าส่งออกต่ำตามราคาน้ำมัน และสินค้าเกษตรมีมูลค่าส่งออกต่ำตามราคาในตลาดโลก ส่วนข้อมูลการนำเข้าล่าสุดของตลาดที่เป็นคู่ค้าของไทย ยังแสดงว่าไทยสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ในตลาดสำคัญไว้ได้ ๒. ปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออกของไทย ภาพรวมเศรษฐกิจโลกและตลาดคู่ค้าหลักในปัจจุบันที่ชะลอตัว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ส่งผลให้การนำเข้าของเกือบทุกประเทศทั่วโลกยังคงหดตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเข้าของประเทศคู่ค้าสำคัญ อาทิ ญี่ปุ่น จีน ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ๓. การค้าระหว่างประเทศภาคบริการในช่วง ๖ เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๕๘) การส่งออกบริการของไทยขยายตัวสูง มีมูลค่ากว่า ๓๐,๓๙๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยบริการที่สร้างรายได้ให้กับประเทศได้มากที่สุด ได้แก่ สาขาการท่องเที่ยว มีมูลค่าการส่งออก ๒๒,๐๙๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาเป็นการส่งออกสาขาบริการทางธุรกิจอื่น ๆ และสาขาขนส่ง ในขณะที่การนำเข้าบริการหดตัวเล็กน้อย โดยมีรายจ่ายภาคบริการ ๒๕,๓๕๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยบริการสาขาที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงที่สุด ได้แก่ สาขาขนส่ง มีมูลค่านำเข้า ๑๒,๑๗๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาเป็นการนำเข้าสาขาท่องเที่ยว และสาขาบริการทรัพย์สินทางปัญญา ส่งผลให้ภาพรวมประเทศไทยยังคงได้ดุลจากการค้าภาคบริการกว่า ๔,๐๔๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
|
|||||||||||||||||||||
22724 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 36/2558 เรื่อง แก้ไขคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 29/2558 | สลธ.คสช. | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๖/๒๕๕๘ เรื่อง แก้ไขคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๙/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ โดยให้ยกเลิกความในข้อ ๕ ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๙/๒๕๕๘ เรื่อง การเลือกกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างในคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและการดำเนินการเพื่อสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ลงวันที่ ๑๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๕ คำสั่งนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ เป็นต้นไป” ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22725 | รายงานประจำ 2557 ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) | ศธ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๕๗ ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (สคพ.) (องค์การมหาชน) มีสาระสำคัญประกอบด้วย ความเป็นมา อำนาจหน้าที่ วิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ โครงสร้างองค์กร คณะกรรมการ สคพ. คณะอนุกรรมการ รายงานคณะอนุกรรมการตรวจสอบและประเมินผล พ.ศ. ๒๕๕๗ ผลผลิตและกิจกรรมหลัก แนวทางการดำเนินงานตามแผนงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ รายงานการประเมินผลปฏิบัติงานตามคำรับรองขององค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ผลการดำเนินงานที่สำคัญตามแผนยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๗ แนวทางการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๑ กิจกรรมต่าง ๆ และรายงานการเงิน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22726 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสิ่งแวดล้อม สาธารณรัฐเกาหลี และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย เกี่ยวกับความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม | ทส | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสิ่งแวดล้อม สาธารณรัฐเกาหลี และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย เกี่ยวกับความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม มีสาระสำคัญเพื่อพัฒนาความร่วมมือระยะยาวในสาขาการส่งเสริมและปกป้องสิ่งแวดล้อม โดยอยู่บนพื้นฐานความเท่าเทียมกันและได้รับประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลเทคโนโลยีและประสบการณ์ในสาขาสิ่งแวดล้อมและดำเนินกิจกรรมในสาขาอื่นที่สนใจร่วมกัน ๑.๒ เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาสาระของบันทึกข้อตกลงให้สอดคล้องกับวาระการพัฒนาภายหลังปี ๒๕๕๘ โดยเฉพาะสาขาความร่วมมือควรให้ความสำคัญกับประเด็นที่จะขับเคลื่อนการดำเนินงานตามเป้าหมายและเป้าประสงค์การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals and Targets-SDGs & Targets) และหากมีประเด็นที่จะต้องจัดทำความตกลงในเรื่องการดูแลสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและผลประโยชน์ที่เกิดจากกิจกรรมและโครงการความร่วมมือภายใต้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้จัดเตรียมความตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรต่างหาก โดยให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเริ่มดำเนินกิจกรรมหรือโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
22727 | การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ | กค | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarters : IHQ) โดยยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับจากการบริหารเงินทั้งหมดของ IHQ โดยปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้ง IHQ ในส่วนการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่ IHQ ตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๘๖) พ.ศ. ๒๕๕๘ จากการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับของ IHQ จากการให้กู้ยืมแก่วิสาหกิจในเครือที่เป็นการบริหารเงิน เป็นการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับของ IHQ จากการบริหารเงินโดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังปรับปรุงประมวลรัษฎากรให้สามารถใช้ฐานเงินดอลลาร์สหรัฐในการคิดภาษีของ IHQ เพื่อจูงใจให้บรรษัทข้ามชาติมีการจัดตั้ง IHQ รวมถึงมีการทำธุรกรรมทางการเงินในไทยโดยรวมมากขึ้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22728 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางสุจิตต์ สาลีพันธ์ และนายวสันต์ ศรีสุรินทร์) | สธ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางสุจิตต์ สาลีพันธ์ ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ (ด้านโภชนาการ) กรมอนามัย ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๒. นายวสันต์ ศรีสุรินทร์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลสุรินทร์ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดสุรินทร์ สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
22729 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายผดุงศักดิ์ อมาตยกุล) | นร06 | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายผดุงศักดิ์ อมาตยกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22730 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบเครื่องหมายคำรับรองเครื่องชั่งตวงวัด พ.ศ. .... | พณ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบเครื่องหมายคำรับรองเครื่องชั่งตวงวัด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแบบเครื่องหมายคำรับรองให้สอดคล้องกับมาตรา ๓๐ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่วตวงวัด พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตราชั่วงตวงวัด พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตราชั่วงตวงวัด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๕๗ ที่กำหนดให้เครื่องหมายคำรับรองให้เป็นไปตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง และเพื่อให้การตรวจสอบให้คำรับรองเครื่องชั่งตวงวัดสามารถดำเนินการได้ตามบทบัญญัติของกฎหมาย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22731 | ร่างปฏิญญาอาเซียนภายหลังปี พ.ศ. 2558 ว่าด้วยวาระความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และร่างยุทธศาสตร์อาเซียน - จีน ว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2559 - 2563 | ทส | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาอาเซียนภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ว่าด้วยวาระความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และร่างยุทธศาสตร์อาเซียน-จีน ว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนในการพัฒนาแผนงานด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ตอบสนองต่อวิสัยทัศน์อาเซียน ภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ (ASEAN Post-2015 Vision) และแผนงานประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ (ASEAN Socio-Cultural Community Attendant Document) เพื่อให้อาเซียนก้าวสู่เป้าหมายภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ส่วนร่างยุทธศาสตร์ฯ มีสาระสำคัญเพื่อที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างภูมิภาคอาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีนในการจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมตามบริบทของข้อริเริ่มของสาธารณรัฐประชาชนจีนในเรื่อง “เส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ ๒๑” ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองในร่างปฏิญญาฯ และร่างยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างปฏิญญาฯ และร่างยุทธศาสตร์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) |
|||||||||||||||||||||
22732 | แถลงการณ์ร่วมอาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ASEAN Joint Statement on Climate Change 2015) | ทส | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแถลงการณ์ร่วมอาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ASEAN Joint Statement on Climate Change 2015) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงถึงจุดยืนร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนในความร่วมมือการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change : UNFCCC) โดยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้หลักการของการรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างกันที่สอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะทำให้บรรลุผลในเรื่องความยั่งยืนในการจัดการป่าไม้ ความมั่นคงทางอาหาร การลดภัยพิบัติและการแก้ไขปัญหาความยากจนในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งการผลักดันให้มีการสนับสนุนกลไกทางการเงิน และเสริมสร้างศักยภาพในด้านต่าง ๆ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยี การแลกเปลี่ยนและการให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคโนโลยี ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) เป็นผู้ให้การรับรองในแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ นี้ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) |
|||||||||||||||||||||
22733 | ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษศรีรัช - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ในท้องที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางซื่อ และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | คค | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร ในท้องที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางซื่อ และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พ.ศ ..... มีสาระสำคัญเป็นการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ในท้องที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางซื่อ และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาความเหมาะสมและความจำเป็นในการเวนคืนที่ดิน รวมทั้งให้คำนึงถึงความเป็นธรรมในการชดเชยและเยียวยาแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืนตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์ ในท้องที่อำเภอบางพลี-สุขสวัสดิ์ ในท้องที่อำเภอบางพลี อำเภอเมืองสมุทรปราการ และอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. ....) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
22734 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินยืมกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อจัดหาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรแก่สถาบันเกษตรกร | กษ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ขยายเวลาชำระหนี้ให้กับลูกหนี้โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อจัดหาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรแก่สถาบันเกษตรกร จำนวน ๑๓,๖๙๒,๙๒๒.๖๓ บาท ออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามเร่งรัดหนี้เงินทุนที่สถาบันเกษตรกรกู้ยืมไปให้แล้วเสร็จในระยะเวลาการบังคับคดี ๒. การของดคิดค่าเบี้ยปรับนับถัดจากวันที่ครบกำหนดการชำระคืนกองทุน ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไปจนกว่าจะสิ้นสุดการบังคับคดี นั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ตามระเบียบคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรว่าด้วยการรับจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การใช้จ่ายเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุนการจัดหาผลประโยชน์ของกองทุน และการจำหน่ายทรัพย์สินจากบัญชีของกองทุนเป็นสูญ พ.ศ. ๒๕๕๖ จึงไม่มีความจำเป็นต้องเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณา ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. อนุมัติในหลักการให้คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรมีอำนาจพิจารณาอนุมัติให้ขยายเวลาการชำระคืนเงินยืมกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรแทนคณะรัฐมนตรี เฉพาะกรณีการขยายเวลาออกไปจนกว่าจะสิ้นสุดการบังคับคดี โดยต้องรายงานผลการขยายเวลาดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินคดีกับสถาบันเกษตรกรให้คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรรับทราบทุก ๖ เดือน และกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรจะต้องรายงานผลการขยายระยะเวลาโครงการต่าง ๆ ให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วยทุกครั้ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22735 | โครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก | กษ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก ระยะเวลา ๕ ปี (ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๒) งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๓,๑๘๓,๐๒๕,๐๐๐ บาท จำแนกเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการระยะนำร่อง ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ วงเงิน ๙๙,๖๗๐,๐๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการระยะขยายผล ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ วงเงิน ๓,๐๘๓,๓๕๕,๐๐๐ บาท ๑.๒ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๙๙,๖๗๐,๐๐๐ บาท ที่ได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก ระยะนำร่อง ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ จำนวน ๗๗๐,๐๐๐ บาท และเงินอุดหนุนสหกรณ์การเกษตรจัดหาเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อให้บริการแก่สมาชิกสหกรณ์ ๒๐ แห่ง จำนวน ๙๘,๙๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่นที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง และขอทำความตกลงในรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ๑.๓ สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการฯ ในระยะขยายผล ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ จำนวน ๑๕,๐๑๕,๐๐๐ บาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำรายละเอียดเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอน โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรตามความจำเป็นตามผลการดำเนินโครงการที่เกิดขึ้นต่อไป ๑.๔ อนุมัติกรอบวงเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อดำเนินโครงการในระยะขยายผล ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ วงเงิน ๒,๗๘๙,๔๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้สหกรณ์กู้ยืมตามโครงการฯ โดยให้ ธ.ก.ส. กำหนดอัตราดอกเบี้ยโครงการฯ เป็น MLR-1 เช่นเดียวกับโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปี ๒๕๕๗/๕๘ และโครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยาง และรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๒ ต่อปี ระยะเวลาชดเชย ๕ ปี นับตั้งแต่วันที่สหกรณ์กู้ยืม ในกรอบวงเงิน ๒๗๘,๙๔๐,๐๐๐ บาท ไม่รวมค่าใช้จ่ายชำระคืนเงินต้นและไม่รวมค่าชดเชยความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเห็นควรให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณถัดไป ตามภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการดำเนินการลดต้นทุนการผลิต เช่น การเช่านา เป็นต้น และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการในระยะนำร่อง ควรให้มีการเผยแพร่หลักเกณฑ์การคัดเลือกให้ทราบโดยทั่วกัน เพื่อให้สหกรณ์ทุกแห่งได้รับทราบว่าการคัดเลือกเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาร้องเรียนจากสหกรณ์ที่ไม่ได้รับคัดเลือกในภายหลัง การถ่ายทอดความรู้ในเรื่องการรักษาและซ่อมบำรุงเครื่องจักรกลการเกษตรที่ถูกต้องให้แก่เจ้าหน้าที่สหกรณ์ การเลือกชนิดหรือประเภทของเครื่องจักรกลการเกษตรควรพิจารณาให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ สภาพของดินและชนิดพืชที่จะเพาะปลูก ตลอดจนศักยภาพการให้บริการของแต่ละสหกรณ์ และควรพิจารณาเครื่องจักรกลการเกษตรที่ดำเนินกิจการด้วยคนไทยเป็นทางเลือกแรก นอกจากนี้ ให้หารือกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อบูรณาการกลุ่มเป้าหมาย พื้นที่ดำเนินการ และวิธีดำเนินการตามโครงการฯ กับแผนงาน/โครงการการดำเนินมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจนในการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน รวมทั้งติดตามและประเมินผลสำเร็จและปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นของโครงการฯ เพื่อให้ได้ข้อมูลอันเป็นที่ยอมรับและนำมาใช้ในการแก้ไขปรับปรุงโครงการฯ ให้สมบูรณ์ เหมาะสมและเกิดความยั่งยืน ก่อนที่จะขยายผลโครงการฯ ในระยะต่อไป ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดทำทะเบียนเกษตรกรให้ชัดเจนเพื่อให้ความช่วยเหลือได้เหมาะสมและตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ และ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการจัดทำฐานข้อมูลเกษตรกรเพื่อนำมากำหนดแนวทางการดูแลความเป็นอยู่และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน |
|||||||||||||||||||||
22736 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 3/2558 | กค | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๘ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ โดยที่ประชุมมีมติและข้อเสนอแนะ ดังนี้
๑. รับทราบความก้าวหน้าของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง การให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ และมาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน ๒. ให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานของรัฐจัดทำโครงการที่อยู่ในกิจการที่สมควรให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน (Opt-out) ให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนเท่านั้น และสำหรับโครงการที่อยู่ในกิจการที่รัฐส่งเสริมให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน (Opt-in) ตามแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมลงทุนเป็นลำดับแรก ๓. ในการให้เอกชนร่วมลงทุนพัฒนาโครงการ กำหนดให้เอกชนลงทุนในโครงการในสัดส่วนที่มากขึ้น และหากโครงการมีผลตอบแทนทางการเงินต่ำและไม่จูงใจให้เอกชนเข้ามารับผิดชอบการลงทุนของโครงการทั้งหมด ให้พิจารณาขยายระยะเวลาของสัญญาเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้แก่เอกชน รวมทั้งให้หน่วยงานของรัฐศึกษาและเสนอรูปแบบการสนับสนุนทางการเงินที่เหมาะสมให้แก่เอกชน ทั้งนี้ การสนับสนุนเงินลงทุนควรพิจารณาให้มีความเสี่ยงและภาระผูกพันในระยะยาวของรัฐอยู่ในระดับต่ำสุด ๔. กรณีโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ จะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อประกอบการพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรี โดยมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนดลักษณะของรายงานดังกล่าวเป็นแบบเบื้องต้นที่สามารถเปิดโอกาสให้เอกชนมีส่วนร่วมในการออกแบบได้ รวมทั้งกำหนดระยะเวลาการพิจารณาให้กระชับและชัดเจนมากขึ้น ๕. มอบหมายให้กระทรวงการคลังปรับปรุงกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้และจัดหาประโยชน์เกี่ยวกับที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๕ และที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินโครงการร่วมลงทุนตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่ต้องใช้ที่ราชพัสดุ สำหรับโครงการที่เป็นกิจการภายใต้แผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ และสอดคล้องกับภารกิจของหน่วยงาน โดยไม่ต้องส่งคืนที่ราชพัสดุให้แก่กรมธนารักษ์ และสามารถทำความตกลงร่วมกับกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการนำส่งรายได้จากโครงการเป็นรายได้แผ่นดิน ๖. มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบในการติดตามและรายงานความคืบหน้าของมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ ได้แก่ มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับหมู่บ้านของประชาชนผู้มีรายได้น้อย มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ ๗. มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบในการติดตามและรายงานความคืบหน้าของมาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน ได้แก่ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบกิจการ SMEs การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการค้ำประกันสินเชื่อโครงการ PGS-5 มาตรการสนับสนุน SMEs ผ่านการร่วมลงทุน มาตรการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการ และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ (New Start-up)
|
|||||||||||||||||||||
22737 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย และแก้ไขเพิ่มเติมให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้เพิ่มผู้แทนประกอบกิจการฮัจย์ จำนวน ๔ คน เป็นกรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และตัดผู้แทนบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกจากการเป็นกรรมการ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรกำหนดให้กรมการศาสนาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำการดำเนินงาน และเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมิได้กำหนดให้โอนบรรดาข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานราชการ อัตรากำลัง และบรรดาอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ คำสั่งหรือมติคณะรัฐมนตรีของกองส่งเสริมกิจการฮัจย์ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรมมาด้วย จึงเห็นควรให้ในชั้นการตรวจพิจารณา ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับประเด็นดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาด้วย นอกจากนี้ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่อยู่ในแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี (ตุลาคม ๒๕๕๗-ตุลาคม ๒๕๕๘) ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ และไม่อยู่ในการจัดลำดับความสำคัญร่างกฎหมายที่มีความสำคัญเร่งด่วน จำนวน ๓๗ ฉบับ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเสนอแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๔๕ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการภายในกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน) ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22738 | ร่างพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. .... | นร08 | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับบริบทของสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้สามารถรักษาผลประโยชน์ของชาติและแจ้งเตือนภัยคุกคามรูปแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรวิเคราะห์และกำหนดทิศทางหรือแนวโน้มภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นในระยะต่อไปเพื่อเป็นหลักในการกำหนดแผนงาน โครงการ ของหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ โดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติควรเป็นผู้รวบรวมวิเคราะห์ความเหมาะสมและนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
22739 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... และธรรมนูญของทบวงการพลังงานหมุนเวียน ระหว่างประเทศ เพื่อการสมัครเข้าเป็นภาคีสมาชิกทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ (International Renewable Energy Agency : IRENA) ของประเทศไทย | พน | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรายงานว่า ทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศได้มีหนังสือแจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศทราบว่าการสมัครเข้าเป็นสมาชิกของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ (International Renewable Energy Agency : IRENA) ของราชอาณาจักรไทยได้รับการอนุมัติแล้ว ๒. เห็นชอบให้นำธรรมนูญของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ พร้อมทั้งร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ พ.ศ. .... เสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22740 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม พ.ศ. .... | กษ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสามให้มีสภาพเป็นนิติบุคคลและมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย เพื่อให้เป็นไปตามความตกลงองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three Emergency Rice Reserve : APTERR) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับประเด็นการยกเว้นภาษีทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งการให้ความคุ้มครองแก่สำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบกรณีการนำเข้าและส่งออกข้าว และการให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสามที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรการศึกษาต่าง ๆ ตลอดจนประสานเชื่อมโยงการทำงานกับคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว เพื่อให้การบริหารจัดการข้าวในภาพรวมของประเทศไทยเป็นไปอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใส และตรวจสอบได้ ไปดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งเสนอความตกลงองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม และข้อเสนอของประเทศไทยในการขอจัดตั้งสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสามในประเทศไทย ประกอบกับมติที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ต่อไปด้วย |
.....