ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1138 จากทั้งหมด 6217 หน้า แสดงรายการที่ 22741 - 22760 จากข้อมูลทั้งหมด 124327 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22741 | ร่างปฏิญญาร่วมปุตราจายาว่าด้วยความสำคัญภายหลังปี ค.ศ. 2015 ที่มุ่งไปสู่การเป็นราชการที่มีพลเมืองอาเซียนเป็นศูนย์กลาง | นร10 | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมปุตราจายาว่าด้วยความสำคัญภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ ที่มุ่งไปสู่การเป็นราชการที่มีพลเมืองอาเซียนเป็นศูนย์กลาง (Putrajaya Joint Declaration on ASEAN Post-2015 Priorities towards an ASEAN Citizen-Centric Civil Service) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนผ่านการทำงานของภาคราชการที่มีความเป็นมืออาชีพ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตลอดจนมีธรรมาภิบาล ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22742 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย | ทส | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายความร่วมมือในสาขาการใช้และการพัฒนาทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกัน โดยมีขอบเขตความร่วมมือครอบคลุมในประเด็นการพัฒนายุทธศาสตร์ นโยบาย และการวางแผนทรัพยากรน้ำ การบริหารจัดการ การอนุรักษ์ และการป้องกันทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน การส่งเสริมการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้เพื่อการบรรเทาภัยพิบัติจากการเกิดน้ำท่วมและน้ำแล้ง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางอุทกวิทยา การเสริมสร้างขีดความสามารถแก่ผู้จัดการและนักวิชาการด้านทรัพยากรน้ำ การประสานงานและความร่วมมือในการจัดกิจกรรมด้านน้ำระหว่างประเทศ รวมทั้งการฝึกอบรมทางวิชาการและการใช้องค์ความรู้ในสาขาทรัพยากรน้ำที่มีความสนใจร่วมกัน ๒. อนุมัติให้จัดทำและลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในประเด็นที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๔. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๕. โดยที่ร่างบันทึกความเข้าใจฯ เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่สามารถดำเนินการได้ และมิได้ใช้ถ้อยคำที่ก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ กรณีนี้จึงเป็นการทำความตกลงในระดับหน่วยงานมิใช่ระดับรัฐ และไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ รวมทั้งไม่จำเป็นต้องได้รับหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) สำหรับการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)] ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
|||||||||||||||||||||
22743 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ฟินแลนด์ | คค | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจลับ (Confidential Memorandum of Understanding : CMU) ระหว่างไทย-ฟินแลนด์ และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทย-ฟินแลนด์ โดยบันทึกความเข้าใจลับฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดสายการบิน การอนุญาต และการเพิกถอนใบอนุญาต การรักษาความปลอดภัยการบิน ความปลอดภัยการบิน การบริการภาคพื้น รวมทั้งพิกัดอัตราค่าขนส่ง ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
|||||||||||||||||||||
22744 | ขอผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามมิให้อนุญาตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลนเพื่อให้จังหวัดสงขลาก่อสร้างพุทธมณฑลจังหวัดสงขลา และศูนย์กีฬาและส่งเสริมสุขภาพตำบลน้ำน้อย | มท | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้จังหวัดสงขลาใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์เพื่อการดำเนินโครงการก่อสร้างพุทธมณฑล จังหวัดสงขลา และศูนย์กีฬาและส่งเสริมสุขภาพตำบลน้ำน้อย โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการห้ามมิให้อนุญาตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลนมาบังคับใช้เป็นการเฉพาะราย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (จังหวัดสงขลา) ดำเนินการ ดังนี้
๑. ตรวจสอบว่าการดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่โครงการฯ รวมถึงพื้นที่ที่เกี่ยวข้องของโครงการ เช่น การก่อสร้างถนนเข้าสู่โครงการฯ เป็นต้น เข้าข่ายจะต้องทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือไม่ และหากมีความจำเป็นต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะดำเนินโครงการต่อไป ๒. ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทน เพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม กรณีการดำเนินการโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. ๒๕๕๖ อย่างเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||
22745 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดอ่างทอง ขนาด 14 บัลลังก์ 1 หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้าง ประกอบ | ศย | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้เพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดอ่างทอง ขนาด ๑๔ บัลลังก์ ๑ หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จากเดิมวงเงิน ๒๖๙,๘๔๖,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒๘๑,๖๓๖,๐๐๐ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณไปถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นกรณีเฉพาะราย สำหรับค่าควบคุมงานก่อสร้างพิจารณาแล้ว เป็นวงเงิน ๔,๙๕๓,๗๐๐ บาท ซึ่งยังอยู่ภายในกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้เดิม จำนวน ๕,๔๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว จำนวน ๒๒๙,๕๐๐,๐๐๐ บาท และจำนวน ๔,๐๔๑,๒๐๐ บาท ตามลำดับ ส่วนที่เหลือ จำนวน ๕๒,๑๓๖,๐๐๐ บาท และจำนวน ๙๑๒,๕๐๐ บาท ให้สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ไม่มีความพร้อมตั้งแต่ขั้นการเสนอโครงการ รวมทั้งได้ทำสัญญาจัดจ้างกับผู้รับจ้างที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้ส่วนราชการเสียประโยชน์ ในการทำสัญญาจัดจ้างครั้งใหม่ ควรตรวจสอบสถานะของผู้รับจ้างให้มีความน่าเชื่อถือและไม่เคยมีประวัติทิ้งงาน ทั้งนี้ การดำเนินการในทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
22746 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่เขตบางซื่อ เขตดุสิต และ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | มท | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่เขตบางซื่อ เขตดุสิต และเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22747 | ผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีชาวโรฮิงญาที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยและกรณีสังหารหมู่แรงงานข้ามชาติชาวกะเหรี่ยงสัญชาติพม่า | สม | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอเรื่อง ผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีชาวโรฮิงญาที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย และกรณีสังหารหมู่แรงงานข้ามชาติชาวกะเหรี่ยงสัญชาติพม่า ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีการกำหนดนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาและป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ การจัดการแรงงานข้ามชาติชาว และเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาและแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมทั้งเสนอให้มีการบัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยให้มีความชัดเจน เป็นต้น และมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22748 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมขอแก้ไขเลขมาตราตามหนังสือกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ อก ๐๗๐๗/๔๘๖๖ ลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๘ จาก “๒. หากพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับแล้ว ตามมาตรา ๘ (๒) ...” เป็น “๒. หากพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับแล้ว ตามมาตรา ๘ (๑) ....” ๒. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป โดยกระทรวงอุตสาหกรรมเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ และมีความเห็น ดังนี้ ๒.๑ การรายงานผลการดำเนินการของเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่อคณะกรรมการเพื่อรับทราบผลการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด หรือตามที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสามารถปฏิบัติตามข้อสังเกตดังกล่าวได้ เนื่องจากปัจจุบันได้มีการรายงานผลการดำเนินงานในเรื่องออกใบอนุญาต และในเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญต่อคณะกรรมการเพื่อทราบทุกเดือน ๒.๒ การกำหนดให้คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมมีอำนาจพิจารณากำหนด แก้ไข และยกเลิกมาตรฐานเพื่อเสนอรัฐมนตรี โดยอาจกำหนดให้ใช้หรืออ้างอิงมาตรฐานของต่างประเทศหรือมาตรฐานระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ในกรณีที่มีความจำเป็นอาจกำหนดให้ใช้หรืออ้างอิงมาตรฐานดังกล่าวที่เป็นภาษาต่างประเทศได้ ซึ่งจะมีผลให้การพิจารณากำหนด แก้ไข หรือยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่าง ๆ เป็นไปโดยรวดเร็วมากขึ้น ๒.๓ การทบทวนความเหมาะสมของอัตราโทษตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจะได้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ในครั้งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22749 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลของรัฐสมาชิกสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียว่าด้วยการประสานงานและร่วมมือเพื่อการค้นหาและช่วยเหลือในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย | กต | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ได้รับมอบหมายร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลของรัฐสมาชิกสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียว่าด้วยการประสานงานและร่วมมือเพื่อการค้นหาและช่วยเหลือในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย [Memorandum of Understanding between the Governments of the Member States of the Indian Ocean Rim Association (IORA) for the Coordination and Cooperation of Search and Rescue Services in the Indian Ocean Region] ในช่วงการประชุมสภารัฐมนตรี IORA ครั้งที่ ๑๕ ที่เมืองปาดัง สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22750 | การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 15 ที่เมืองปาดัง สาธารณรัฐอินโดนีเซีย | กต | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการ ๑.๑.๑ ร่างปฏิญญาสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียว่าด้วยความร่วมมือทางทะเล (IORA Maritime Cooperation Declaration) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพของความร่วมมือและเสริมสร้างความร่วมมือทางทะเลในมหาสมุทรอินเดีย โดยส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งและเกาะขนาดเล็กอย่างยั่งยืนและมีความสามารถในการฟื้นตัว ส่งเสริมการลงทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทะเลที่มีความยั่งยืน ส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลอย่างยั่งยืนและส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหาร สนับสนุนการกระชับความร่วมมือในภูมิภาคเพื่อรับมือต่อความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับทางทะเลต่าง ๆ รวมทั้งส่งเสริมขีดความสามารถของภูมิภาคเพื่อการบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติและเพื่อปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตลอดจนส่งเสริมการสร้างปฏิสัมพันธ์ให้มากขึ้นกับสถาบันวิจัยที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางทะเล ๑.๑.๒ ร่างแถลงการณ์ปาดัง (Padang Communique) มีสาระสำคัญกล่าวถึงผลสำเร็จที่ผ่านมาของสมาคมแห่งภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Rim Association : IORA) และความมุ่งมั่นในการดำเนินงานในอนาคตของ IORA รวมถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียที่ไร้รอยต่อและเชื่อมโยงกันและรวมตัวกันอย่างครอบคลุม รวมทั้งเน้นย้ำถึงความจำเป็นของการจัดการประชุมรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการของ IORA ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ ๑๕ ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ และเป็นผู้ร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ และร่างแถลงการณ์ฯ ดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างปฏิญญาฯ และร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดต่อหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับปรุงแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
22751 | การรายงานโครงการที่มีการจัดจ้างให้เอกชนผู้รับจัดงาน (Organizer) งานโฆษณา และงานประชาสัมพันธ์ที่มีวงเงินการจัดจ้าง ตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป | สลธ.คสช. | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานโครงการที่มีการจัดจ้างให้เอกชนผู้รับจัดงาน (Organizer) งานโฆษณา และงานประชาสัมพันธ์ที่มีวงเงินการจัดจ้าง ตั้งแต่ ๕ ล้านบาทขึ้นไป โดยคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐได้รวบรวมสรุปรายงาน การโฆษณา และประชาสัมพันธ์ของส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐ ตั้งแต่เมษายน ๒๕๕๘ ถึงปัจจุบัน จำนวน ๑๖ หน่วยงาน ๑๔๑ รายการ วงเงิน ๑,๙๙๙,๗๘๗,๓๒๑.๖๕ บาท โดยส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐได้ดำเนินการที่สอดคล้องกับภารกิจของหน่วยงานและดำเนินกิจกรรมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด สามารถดำเนินการได้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร ตามที่ประธานกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22752 | สรุปผลการรายงานตัวมัคคุเทศก์และการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ | กก | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการรายงานตัวมัคคุเทศก์และการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. มัคคุเทศก์ที่มารายงานตัวตั้งแต่วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗-๒๔ เมษายน ๒๕๕๘ มีจำนวนทั้งสิ้น ๓๐,๐๐๓ ราย จากจำนวนมัคคุเทศก์ที่ได้รับใบอนุญาต ณ วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๘ ทั้งสิ้น ๕๔,๓๗๘ ราย คิดเป็นร้อยละ ๖๐.๖๙ และจากสรุปผลการรายงานตัว โดยนำจำนวนมัคคุเทศก์มาเปรียบเทียบกับประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยว ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ พบว่า ขาดแคลนมัคคุเทศก์ในสาขาภาษามลายู ภาษารัสเซีย ภาษาเกาหลี ภาษาฮินดี ภาษาเวียดนาม ภาษาตากาล๊อก และภาษาอินโดนีเซีย ๒. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ดำเนินการแก้ไขปัญหามัคคุเทศก์ขาดแคลน โดยแบ่งการดำเนินการออกเป็น ๓ ระยะ คือ ระยะสั้น (๓-๖ เดือน) เช่น การให้มัคคุเทศก์มารายงานตัว การอบรมเพิ่มศักยภาพให้แก่มัคคุเทศก์ ระยะกลาง (๖-๙ เดือน) เช่น การทดสอบมัคคุเทศก์ใหม่และมัคคุเทศก์ที่มาต่อใบอนุญาต การพัฒนามัคคุเทศก์ผ่านการทำงานจริง (Learning by doing) และระยะยาว (๙ เดือน-๑ ปี) เช่น การทำ Mega Campaign ให้มัคคุเทศก์มีความภูมิใจในอาชีพ และการสร้างความร่วมมือกับสมาคมหรือมหาวิทยาลัยต่างประเทศเพื่อส่งมัคคุเทศก์ไทยไปเรียนภาษาต่างประเทศ เป็นต้น รวมทั้งได้ดำเนินการแก้ไขปัญหามัคคุเทศก์เถื่อน ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ และปัญหาการประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ตลอดจนการพัฒนาบุคลากร โดยแบ่งเป็นการอบรมมัคคุเทศก์เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านภาษาและด้านอื่น ๆ เช่น การนำเที่ยวตามรอยวิถีไทย การอบรมเจ้าบ้านน้อย (Little Guide) ให้แก่นักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ ๓-๕ การอบรมเจ้าบ้านที่ดีภาคประชาชน
|
|||||||||||||||||||||
22753 | ขออนุมัติกรอบการหารือการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ 13 การประชุมคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดนระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 4 และการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดนระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งที่ 7 | กต | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กรอบการหารือ (๑) การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (Joint Commission : JC) ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ ๑๓ (๒) การประชุมคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วม (Joint Development Strategy : JDS) สำหรับพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๔ และ (๓) การประชุม JDS สำหรับพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งที่ ๗ โดยสาระสำคัญของกรอบการหารือ ได้แก่ ความร่วมมือด้านบุคคลสองสัญชาติและการตรวจคนเข้าเมือง การบริหารจัดการชายแดน การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและการค้ามนุษย์ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย การอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามแดนและผ่านแดน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพื้นที่ชายแดนเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงในพื้นที่ชายแดนและสนับสนุนการเป็นประชาคมอาเซียน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการศึกษา แรงงานไทยในมาเลเซีย อุตสาหกรรมฮาลาลและโครงการเมืองยางพารา ๑.๒ ให้คณะผู้แทนไทยหารือกับฝ่ายมาเลเซีย (ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๘) ตามประเด็นที่อยู่ในกรอบการหารือ เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ของฝ่ายไทยและการส่งเสริมความสัมพันธ์กับมาเลเซีย และเมื่อได้จัดทำบันทึกการประชุมแล้ว กระทรวงการต่างประเทศจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับความร่วมมือด้านฮาลาล ควรมีการส่งเสริม สนับสนุนพิจารณาให้ครอบคลุมในเรื่องต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากสินค้าฮาลาล เช่น การทำธุรกิจฮาลาล การบริการฮาลาล เป็นต้น และความร่วมมือด้านโครงการเมืองยางพารา ควรมีการผลักดันความร่วมมือดังกล่าวให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจังในด้านการส่งเสริมการสร้างเครือข่ายการผลิตระหว่างกัน การทำวิจัยร่วมกันเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางพารา และการสร้างเสริมความเข้าใจระหว่างไทยและมาเลเซียให้เป็นพันธมิตรทางการค้าการผลิตมากกว่าคู่แข่งทางการค้า ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
22754 | หนังสือแลกเปลี่ยนรับรองการเปลี่ยนแปลงพิกัดศุลกากรของตารางภาษีศุลกากรความตกลงการค้าเสรี ไทย - ชิลี | พณ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหนังสือแลกเปลี่ยนรับรองการเปลี่ยนแปลงพิกัดศุลกากรของตารางภาษีศุลกากรความตกลงการค้าเสรี ไทย-ชิลี (Thailand-Chile Free Trade Agreement : TCFTA) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการปรับเปลี่ยนพิกัดศุลกากรของตารางศุลกากรจากระบบฮาร์โมไนซ์ (Harmonized System : HS) รอบปี ๒๐๐๗ เป็น ๒๐๑๒ ๒. อนุมัติการลงนามหนังสือแลกเปลี่ยนฯ โดยมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย รวมทั้งไม่ขัดต่อหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงระบบ HS ดังกล่าวให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการของภาคอุตสาหกรรมไทยทราบและสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง นอกจากนี้ ควรสร้างความรู้ความเข้าใจที่ตรงกันในการเปลี่ยนแปลงพิกัดศุลกากรต่อผู้ผลิต ผู้ประกอบการ รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องที่มีการปรับปรุงพิกัดศุลกากรตามองค์การศุลกากรโลก ๕ ปี ซึ่งจะช่วยลดปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในทางปฏิบัติได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22755 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร07 | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติทั้ง ๔ ข้อ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยในส่วนของข้อ ๒ ให้ถือเป็นการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) ข้อ ๑.๓ และข้อ ๑.๖ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมต่ำกว่า ๕๐๐ ล้านบาท จำนวน ๑,๔๖๘ รายการ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๕๐๐ ล้านบาทขึ้นไปแต่ไม่เกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท จำนวน ๕๘ รายการ และที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๔๒ รายการ โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๔๔,๑๖๗.๓ ล้านบาท จากวงเงินภาระผูกพันรวมทั้งสิ้นจำนวน ๒๓๖,๙๑๑.๔ ล้านบาท สำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๔๒ รายการ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเจ้าของเรื่องพิจารณาและนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๒. อนุมัติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณข้อ ๑.๓ และข้อ ๑.๖ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ ๓. รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่เสนอในครั้งนี้ หากเป็นรายการที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน และค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ ฯลฯ ให้สำนักงบประมาณสามารถพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน ในกรณีที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นนั้น ๆ สามารถปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีก ๔. เนื่องจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ มีผลบังคับใช้แล้ว จึงเห็นควรให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยเฉพาะรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลและเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนฯ และมีการติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
22756 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (จำนวน 9 ราย 1. นายพิษณุ ตุลสุข ฯลฯ) | ศธ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๙ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนและทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายพิษณุ ตุลสุข ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางวัฒนาพร ระงับทุกข์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ๓. นายขจร จิตสุขุมมงคล ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ๔. นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นางนิตย์ โรจน์รัตนวาณิชย์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายพะโยม ชิณวงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๗. นางสุจิตรา พัฒนะภูมิ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๘. นายอรรถพล ตรึกตรอง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๙. นายกฤตชัย อรุณรัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||
22757 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ และนางณัฐนันทน์ อัศวเลิศศักดิ์) | กค | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านกฎหมาย) ในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก จำนวน ๒ คน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ประธานกรรมการ ๒. นางณัฐนันทน์ อัศวเลิศศักดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านกฎหมาย)
|
|||||||||||||||||||||
22758 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (จำนวน 6 คน 1. นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ฯลฯ) | นร04 | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ จำนวน ๖ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระแล้ว ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) เสนอ ดังนี้
๑. นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการ ๒. นายธงชัย ศรีดามา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นางสาวรัชนีพร พุคยาภรณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นางพรทิพย์ หิรัญเกตุ กรรมการผู้แทนสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) ๕. นางประพีร์ บุรี กรรมการผู้แทนสมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) ๖. นางศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ กรรมการผู้แทนสมาคมโรงแรมไทย
|
|||||||||||||||||||||
22759 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ตามพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. 2558 (จำนวน 9 คน 1. นายสมชาย หอมลออ ฯลฯ) | วธ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จำนวน ๙ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
ด้านกฎหมาย ๑. นายสมชาย หอมลออ ด้านศิลปวัฒนธรรม ๒. นายนิมิตร พิพิธกุล ด้านการศึกษา ๓. นางปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ด้านการพัฒนาเด็ก เยาวชนและครอบครัว ๔. รองศาสตราจารย์สุริยเดว ทรีปาตี ด้านสุขภาพจิต ๕. นางพรรณพิมล วิปุลากร ด้านคนพิการและผู้สูงอายุ ๖. นายประพจน์ เภตรากาศ ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ๗. ผู้ช่วยศาสตราจารย์นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ด้านสื่อสารมวลชน ๘. นายพิภพ พานิชภักดิ์ ๙. รองศาสตราจารย์มาลี บุญศิริพันธ์
|
|||||||||||||||||||||
22760 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์) | นร04 | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองและกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ทั้งนี้ ลำดับที่ ๑ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป และลำดับที่ ๒ ตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งและมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ๒. นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
|
.....