ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1140 จากทั้งหมด 6217 หน้า แสดงรายการที่ 22781 - 22800 จากข้อมูลทั้งหมด 124327 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22781 | ร่างปฏิญญาแทจ็อนว่าด้วยนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยุคสากลและดิจิทัล | วท | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาแทจ็อนว่าด้วยนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยุคสากลและดิจิทัล มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจการพัฒนาอย่างยั่งยืน การสร้างงาน และสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยประเทศสมาชิกจำเป็นต้องมีนโยบายที่ส่งเสริมการวิจัยและความเชื่อมโยงที่เข้มแข็งระหว่างภาคการศึกษา อุตสาหกรรม และสังคม เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างปฏิญญาฯ ๓. หากก่อนการลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบในภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับปรุงแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) |
||||||||||||||||||||||||
22782 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ พ.ศ. .... | พม | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการในการควบคุมเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือคบค้าสมาคมกับบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้ปรับแก้ไขชื่อร่างระเบียบฯ และเนื้อหาในส่วนที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับมาตรการทางบริหารในการป้องกันและป้องปรามเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการใช้มาตรการทางบริหารในเรื่องนี้ว่าเป็นมาตรการทางวินัยที่มิได้บัญญัติไว้ในกฎหมายใดเป็นการเฉพาะ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันและป้องปรามเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ อันเป็นการสร้างมาตรฐานและความเชื่อมั่นให้เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||
22783 | การเสนอตัวเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Travel&Tourism Council (WTTC) Glabal Summit 2017 | กก | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม World Travel & Tourism Council (WTTC) Global Summit 2017 ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่าในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไม่ได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้ จึงเห็นควรให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอ ก็ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ในวงเงิน ๒๒,๗๔๓,๘๐๐ บาท เพื่อชำระค่าบริหารจัดการของสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก หากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพดังกล่าว สำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนที่เหลือ ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หารือกับสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาทบทวนในรายละเอียดการขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ สำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนที่เหลือ เพื่อให้มีการใช้จ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปอย่างคุ้มค่า และให้มีการกำกับ ติดตามประเมินผลการดำเนินงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเร่งรัดการจัดทำคำของบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนที่เหลือตามระเบียบให้แล้วเสร็จโดยเร็วตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
22784 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติและหนังสือสัญญา จำนวน ๓ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พ.ศ. .... ๒. อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการจัดตั้งกองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหายอันเนื่องมาจากมลพิษน้ำมัน ค.ศ. ๑๙๙๒ ๓. ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศและการดำเนินการตาม FATCA
|
||||||||||||||||||||||||
22785 | ร่างพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พ.ศ. .... | ศธ | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
22786 | อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการจัดตั้งกองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน ค.ศ. 1992 | นร | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ และให้เสนออนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการจัดตั้งกองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหายอันเนื่องมาจากมลพิษน้ำมัน ค.ศ. ๑๙๙๒ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
22787 | การดำเนินการเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ | นร | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
๑. ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๘ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการนำ ๓๗ วาระการปฏิรูป ๖ วาระการพัฒนาของสภาปฏิรูปแห่งชาติมากำหนดแผนปฏิบัติการ นั้น ในการจัดทำแผนปฏิบัติการดังกล่าวเห็นควรให้ทุกส่วนราชการดำเนินการตามแนวทาง ดังนี้ ๑.๑ ให้นำ ๓๗ วาระการปฏิรูป ๖ วาระการพัฒนาของสภาปฏิรูปแห่งชาติมาจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ประเด็นการปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ จำนวน ๑๑ ด้าน ๑.๒ ให้แบ่งเป็น ๓ ระยะ ๑.๒.๑ ระยะที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗-๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ช่วงการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและการแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนเฉพาะหน้าของรัฐบาล โดยจัดทำเป็นข้อมูลผลการดำเนินการที่ผ่านมา ๑.๒.๒ ระยะที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘-เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ ช่วงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลซึ่งต้องเร่งรัดในการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศให้ไปสู่ความมั่นคง มั่นคง และยั่งยืน โดยจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการ ๑.๒.๓ ระยะที่ ๓ เดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ช่วงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามารับช่วงต่อจากรัฐบาลชุดนี้ โดยจัดทำเป็นประเด็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องดำเนินการ และกำหนดกลไกในการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ๒. ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้สำนักงบประมาณร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานสรุปข้อมูลการใช้จ่ายงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในภาพรวม ว่ามีการใช้จ่ายงบประมาณแต่ละประเภทเท่าใด นั้น เห็นควรให้สำนักงบประมาณร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลงบประมาณเพิ่มเติมทั้งในส่วนการจัดหารายได้และงบประมาณที่ต้องใช้จ่ายตามแนวทางข้อสั่งการดังกล่าว โดยจำแนกออกเป็น ๓ ระยะ ตามข้อ ๑.๒ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
22788 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทยร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการผลผลิตทางการเกษตรและการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มต่าง ๆ ที่อาจได้รับผลกระทบเพิ่มเติม เช่น ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย ปาล์มน้ำมัน สับปะรด ประมง และให้พิจารณาแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกของเกษตรกร โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการน้ำและการเชื่อมโยงกับตลาด โดยอาจเชิญภาคเอกชน ปราชญ์ชาวบ้าน หรือเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จแล้วมาร่วมดำเนินการในการให้ความรู้แก่เกษตรกร เช่น การจูงใจเพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งในอนาคตด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle-EV Car) เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการวิจัย พัฒนา และสนับสนุนองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตแบตเตอรี่สำหรับใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าดังกล่าว ๒. ด้านสังคม ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการจัดระบบการศึกษาของไทย โดยเฉพาะในประเด็นการเปรียบเทียบระบบการศึกษาที่มีคุณภาพของประเทศต่าง ๆ ได้แก่ ประเทศสิงคโปร์ในเรื่องการจัดการศึกษาในระดับปฐมวัย ประเทศเกาหลีใต้ในเรื่องการจัดการศึกษาในระดับอาชีวศึกษา และประเทศฟินแลนด์ในเรื่องการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษา เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศไทย ทั้งนี้ ให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีโดยด่วนด้วย ๓. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบผลดีผลเสียที่ประเทศไทยจะได้รับจากการเข้าเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Strategic Economic Partnership : TPP) การป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งการใช้ประโยชน์ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้าเพื่อประกอบการพิจารณากำหนดท่าทีของไทยต่อไป รวมทั้งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนได้รับทราบด้วย ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษากำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่ก่อสร้างโครงการจัดการน้ำเสียคลองด่าน โดยอาจพิจารณาให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนเพื่อดำเนินการ ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดของรัฐเป็นสำคัญ ๔.๒ ให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานกับประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนเพื่อสร้างความร่วมมือเกี่ยวกับการผลิตอุตสาหกรรมป้องกันประเทศตามศักยภาพ เช่น กระสุนปืน เพื่อไม่ให้ประเทศไทยมีการผลิตซ้ำซ้อนกับประเทศอื่นอันจะทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคากันในอนาคต และให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยพัฒนาเกี่ยวกับการผลิตอุปกรณ์ป้องกันตนเองของเจ้าหน้าที่ เช่น เสื้อเกราะ รถเกราะ โดยอาจให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน รวมทั้งเร่งรัดกำหนดมาตรฐานสำหรับรับรองอุปกรณ์ป้องกันตนเองดังกล่าวตามมาตรฐานสากล ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไปด้วย ๔.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดชุดกู้ชีพบริเวณชายหาด โดยเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์และผ่านการอบรมด้านการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุโดยเฉพาะ ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชน พร้อมทั้งจัดให้มีอุปกรณ์ เครื่องมือที่เพียงพอและเหมาะสมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
22789 | ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศและการดำเนินการตาม FATCA | นร05 | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศและการดำเนินการตาม FATCA ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
22790 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี 2558 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ | กค | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๘ ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย แผนงานประจำในครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๘ ผลการดำเนินงานประจำครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๘ ข้อมูลสถิติอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญ และสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22791 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำสินค้าที่ประเทศไทยมีพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลกเข้ามาในราชอาณาจักร ตามความตกลงการค้าเสรีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐชิลี พ.ศ. .... | พณ | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำสินค้าที่ประเทศไทยมีพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลกเข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงการค้าเสรีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐชิลี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อรองรับการผูกพันด้านการค้าสินค้าที่มีโควตาภาษี (Tariff Rate Quota : TRQ) ของไทย ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐชิลี ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
22792 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... | กค | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... ที่ให้มีการศึกษาทบทวนเกี่ยวกับการขยายอายุของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายบริหารทุนหมุนเวียน ซึ่งกรณีการกำหนดคุณสมบัติผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายบริหารทุนหมุนเวียนให้มีอายุไม่เกิน ๖๕ ปีบริบูรณ์ไว้ในร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... เนื่องจากประสงค์ให้การกำหนดคุณสมบัติของผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าวเป็นแนวทางเดียวกันกับการกำหนดคุณสมบัติกรรมการในคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังขอรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ในประเด็นดังกล่าวไว้พิจารณาเมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียนฯ ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22793 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2557 | กค | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22794 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหาดส้มแป้น เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหาดส้มแป้น เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหาดส้มแป้น ในท้องที่ตำบลหาดส้มแป้น อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากการใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานอย่างเต็มที่และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
22795 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 34/2558 เรื่อง การอำนวยความสะดวกในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ | สลธ.คสช. | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๔/๒๕๕๘ เรื่อง การอำนวยความสะดวกในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยวางมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญและการเตรียมการอื่น ๆ เช่น การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน การเตรียมการเกี่ยวกับการลงประชามติ การจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ อันจะทำให้กระบวนการทั้งหลายดำเนินไปได้ตามเวลาที่กำหนดหรือเร็วขึ้นสมประโยชน์และสอดคล้องกับการปฏิรูปการเมืองการปกครองตามแผนและขั้นตอน (Roadmap) ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้แถลงไว้ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22796 | การประชุมรัฐมนตรีกีฬาอาเซียน ครั้งที่ 3 | กก | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีกีฬาอาเซียน ครั้งที่ ๓ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบถ้อยแถลงของรัฐมนตรีกีฬาอาเซียน ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม และลาว ๒. ที่ประชุมยินดีกับข้อเสนอความร่วมมือของญี่ปุ่นเพื่อให้เกิดความร่วมมือด้านกีฬาอย่างใกล้ชิด ซึ่งญี่ปุ่นเสนอให้มีการจัดประชุมรัฐมนตรีกีฬาอาเซียน-ญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อให้มีแนวทางและกำหนดยุทธศาสตร์ในระดับนโยบายเพื่อพัฒนามิตรภาพและก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน ๓. ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าในการจัดทำแผนการดำเนินงานด้านกีฬาอาเซียนระยะ ๕ ปี (ปี ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๒๐) พร้อมทั้งให้แนวทางการดำเนินการภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้แก่ ส่งเสริมการตระหนักเกี่ยวกับอาเซียน ผลักดันการเป็นประชาคมอาเซียน ส่งเสริมสภาพความเป็นอยู่ของประชาคมอาเซียนที่มีความเข้มแข็ง และเพิ่มพลวัตรของกีฬา ความสามารถในการแข่งขัน และสมรรถนะด้านกีฬา ๔. ที่ประชุมสนับสนุนข้อเสนอของมาเลเซียในการศึกษาความเป็นไปได้ในการประมูลสิทธิการเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลก (FIFA World Cup) ปี พ.ศ. ๒๕๗๗ ๕. ที่ประชุมรับรองข้อเสนอให้มีวันกีฬาอาเซียนประจำทุกปี ทั้งนี้ การกำหนดวันกีฬาอาเซียนขึ้นกับความเหมาะสมและการตัดสินใจของประเทศสมาชิก
|
||||||||||||||||||||||||
22797 | รายงานการศึกษาโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ | อก | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานการศึกษาโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สรุปได้ ดังนี้
๑. กนอ. ได้ศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมเบื้องต้นโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะแรก ๓ พื้นที่ (จังหวัดตาก สระแก้ว และสงขลา) โดยมีขอบเขตการศึกษา ได้แก่ การคัดเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ การรวบรวม ศึกษา และวิเคราะห์ข้อมูลนโยบาย แผนและยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์สภาพข้อเท็จจริงทุกด้านของศักยภาพ โอกาส ข้อจำกัดทั้งหมดในจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม การกำหนดประเภทอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการ การกำหนดขนาดพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม การออกแบบนิคมอุตสาหกรรม และผังการใช้ที่ดิน การวิเคราะห์มูลค่าการลงทุน การศึกษาความเป็นไปได้ทางเงินและเศรษฐศาสตร์ และการจัดสัมมนานำเสนอผลการศึกษา เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลโครงการให้แก่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ที่สนใจของทั้ง ๓ พื้นที่ ๒. ผลการศึกษาพบว่า โครงการฯ มีความเป็นได้ทางการเงิน (Financial Feasibility) ที่ค่อนข้างต่ำ เนื่องด้วยขนาดของพื้นที่โครงการมีขนาดเล็ก ทำให้มีต้นทุนการพัฒนาต่อไร่ที่สูง ประกอบกับการกำหนดราคาค่าเช่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมจะต้องไม่สูงเกินไปเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนและสามารถแข่งขันได้ จึงไม่ก่อให้เกิดความคุ้มค่าในเชิงธุรกิจหรือประหยัดต่อขนาดการลงทุน (Economy of Scale) แต่โครงการฯ ได้ให้ผลประโยชน์ตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์หรือเชิงเศรษฐกิจ ได้แก่ การจ้างงานจากการลงทุน มูลค่าเพิ่มจากความต้องการวัตถุดิบในท้องถิ่นในการผลิต และการจ้างงานระยะก่อสร้างโครงการที่สูงและคุ้มค่าต่อการลงทุนซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ในเชิงนโยบายที่ต้องการสร้างความมั่นคง และมั่งคั่งทางเศรษฐกิจแก่พื้นที่ สำหรับรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมและมีความเป็นไปได้ทางการเงินมากที่สุด ได้แก่ การลงทุนโดยใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ในอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ ๕ ต่อปี ระยะเวลากู้ ๑๕ ปี ระยะเวลาปลอดชำระเงินต้น ๕ ปีแรก โดย กนอ. รับผิดชอบชำระค่าดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๐.๐๑ ต่อปี และรัฐบาลอุดหนุนงบประมาณส่วนต่างของค่าดอกเบี้ย
|
||||||||||||||||||||||||
22798 | ขอความเห็นชอบแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย | กษ | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ เป็นผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๑๔๐,๐๐๐ บาท และให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||
22799 | รายงานแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. ให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลให้หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น และผู้ว่าราชการจังหวัด ติดตามและกำกับดูแลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ และหากมีความจำเป็นดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่มีความจำเป็นเร่งด่วน แต่มิได้ตั้งงบประมาณไว้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีเจ้าสังกัดก่อน แล้วขอตกลงกับสำนักงบประมาณตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น จังหวัดและกลุ่มจังหวัด รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณเป็นรายเดือน โดยบันทึกในระบบฐานข้อมูลแผน/ผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ (BB EvMis) และส่งรายงานให้สำนักงบประมาณเพื่อใช้ในการติดตามความก้าวหน้าของการปฏิบัติงานและสรุปรายงานเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22800 | (ร่าง) นโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน (พ.ศ. 2558 - 2564) | พม | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง) นโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๔) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์ฯ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. นโยบายมุ่งขจัดการกระทำความรุนแรงทุกรูปแบบต่อเด็กและเยาวชน โดยระดมสรรพกำลัง ทรัพยากร ความคิด การปฏิบัติ และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน การบ่มเพาะค่านิยมไม่ใช้ความรุนแรง การแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี การตราและปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการและติดตามการป้องกัน ช่วยเหลือ คุ้มครอง บำบัดฟื้นฟู แก้ไข และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กและเยาวชน หรือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน ๒. ยุทธศาสตร์มุ่งเน้นการป้องกันและแก้ไขปัญหาในมิติที่เด็กและเยาวชนเป็นผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ นอกจากนี้ยังคำนึงถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องและมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาตั้งแต่บุคคลในครอบครัว สถานศึกษา สถานที่ที่ดูแลเด็กและเยาวชน และบุคคลในสังคม ซึ่งมียุทธศาสตร์หลัก ๗ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) ยุทธศาสตร์การป้องกันการกระทำความรุนแรง (๒) ยุทธศาสตร์การคุ้มครอง ช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่ประสบปัญหาความรุนแรง และเป็นผู้กระทำความรุนแรง เพื่อให้กลับคืนสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ (๓) ยุทธศาสตร์ด้านกฎหมาย (๔) ยุทธศาสตร์กลไกระดับชาติ ระดับพื้นที่ และการบริหารจัดการ (๕) ยุทธศาสตร์การประสานงานและส่งเสริมการมีส่วนร่วม (๖) ยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์ความรู้และการวิจัย และ (๗) ยุทธศาสตร์ความร่วมมือกับต่างประเทศ |
.....