ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 108 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 2141 - 2160 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2141 | การเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ในช่วงฤดูฝน/น้ำท่วม | นร. | 30/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ในช่วงฤดูฝน/น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้น จึงขอมอบหมายการดำเนินการ
ดังนี้ ๑.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กรมอุตุนิยมวิทยา)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
และแจ้งข้อมูลเตือนภัยให้ประชาชนทราบอย่างถูกต้อง ทั่วถึง และเท่าทันต่อสถานการณ์อย่างเคร่งครัด ๒.
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมประสานผู้บัญชาการทหารสูงสุดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ที่เคยประสบอุทกภัยเป็นประจำ
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภัยพิบัติซ้ำอีก โดยให้หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาสนับสนุนการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม ในการดำเนินการป้องกัน
แก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2142 | รัฐบาลสาธารณรัฐซูรินามเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐซูรินามประจำประเทศไทย (นายอรุณกุมาร ฮาร์ดีน) | กต. | 30/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอรุณกุมาร ฮาร์ดีน (Mr. Arunkoemar Hardien) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐซูรินามประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย สืบแทน นางติติ อะมินา ปาร์ดี (Ms.
Titi Amina Pardi) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2143 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำกรุงมาปูโต สาธารณรัฐโมซัมบิก และการปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำกรุงมาปูโต สาธารณรัฐโมซัมบิก เป็นการถาวร (นายคาร์ลูซ อังตอนีอู ดา คงเซยเซา ซิงบีนึ) | กต. | 30/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. การสิ้นสุดหน้าที่ของ
นายคาร์ลูซ อังตอนีอู ดา คงเซยเซา ซิงบีนึ (Mr.Carlos Antonio da Conceicao Simbine) กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำกรุงมาปูโต สาธารณรัฐโมซัมบิก ตั้งแต่วันที่ ๓๑
ธันวาคม ๒๕๖๗ เนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๒. การปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำกรุงมาปูโต
สาธารณรัฐโมซัมบิก เป็นการถาวร ตั้งแต่วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2144 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายพงษ์ศักดิ์ เมธาพิพัฒน์ และนางสาวภิญญู กำเนิดหล่ม) | กค. | 30/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายพงษ์ศักดิ์
เมธาพิพัฒน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี
(กลุ่มธุรกรรมทางการเงินการธนาคาร) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ)
กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๗ ๒. นางสาวภิญญู กำเนิดหล่ม ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร (นักวิชาการคอมพิวเตอร์ทรง คุณวุฒิ) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง
ตั้งแต่วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๗
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2145 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวบุษยา ใจสว่าง) | พม. | 30/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวบุษบา ใจสว่าง ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาวิชาการพัฒนาสังคม
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2146 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายผดุงศักดิ์ สรุจิกำจรวัฒนะ และนายจิระพงศ์ เทพพิทักษ์) | คค. | 30/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงคมนาคม
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายผดุงศักดิ์ สรุจิกำจรวัฒนะ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายจิระพงศ์ เทพพิทักษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2147 | รายงานผลการศึกษา เรื่อง รายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมาธิการ รายไตรมาสที่ 1 (ตุลาคม - ธันวาคม) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการศึกษา เรื่อง
รายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมาธิการรายไตรมาสที่ ๑ (ตุลาคม - ธันวาคม)
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ
สภาผู้แทนราษฎร ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2148 | รายงานประจำปีคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ยธ. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ
(กพยช.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยมีสาระสำคัญ เช่น ๑)
ภาพรวมสถานการณ์กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๖๕
ข้อมูลสถิติจำนวนคดี บุคคลที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในขั้นตอนต่าง ๆ รวมทั้งการรับแจ้งความและจับกุมผู้ต้องหา
๒) การรวบรวมและพิจารณาสถิติต่าง ๆ เกี่ยวกับอาชญากรรมและกระบวนการยุติธรรมประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๕ พบว่า คดียาเสพติดยังเป็นฐานความผิดที่พบมากที่สุด ๓) ผลการดำเนินงานของ
กพยช. เช่น
การพัฒนามาตรการต่อผู้กระทำผิดอาญาแทนการควบคุมตัวโดยการมีส่วนร่วมขององค์กรสหวิชาชีพและชุมชน
(Non - Custodial Measures) ๔)
ผลการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ของ กพยช.
ตามพระราชบัญญัติพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๙ (มาตรา ๑๐)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เช่น การจัดทำร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม
ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๖๙) การขับเคลื่อนกรอบการวิจัยเพื่อการพัฒนากระบวนการยุติธรรม
พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๖๙ ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ตามที่กระทรวงยุติธธรรม (สำนักงานกิจการยุติธรรม)
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2149 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีการป้องกันภาวะความพิการแต่กำเนิด | สธ. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีการป้องกันภาวะความพิการแต่กำเนิด ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว สรุปได้ว่า ๑)
มาตรการป้องกันภาวะความพิการแต่กำเนิดก่อนการตั้งครรภ์ ในระยะสั้นและระยะกลาง
มีการเสนอขอเพิ่มสิทธิประโยชน์การป้องกันความพิการแต่กำเนิดด้วยยาเม็ดกรดโฟลิก
เสนอขออนุมัติสิทธิประโยชน์เพื่อให้ครอบคลุมคนไทยทุกสิทธิ ทั้งนี้
การเข้ารับบริการกรดโฟลิกสามารถใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังค์ได้ ๒)
มาตรการป้องกันภาวะความพิการแต่กำเนิดระหว่างการตั้งครรภ์ ในระยะสั้นและระยะยาว โดยตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕
ได้เริ่มดำเนินการคัดกรองกลุ่มอาการดาวน์ในหญิงตั้งครรภ์ทุกราย ทุกสิทธิ
มีการขอเพิ่มการคัดกรองดาวน์ซินโดรมด้วยวิธี NIPT และให้เป็นสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกันตนต่างด้าวเหมือนคนไทย
โดยให้เบิกจากกองทุนประกันสังคมแรงงานต่างด้าว และ ๓)
มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม เห็นด้วยกับหลักการที่จะส่งเสริมการผสมกรดโฟลิกในส่วนผสมอาหาร
กรมอนามัยเห็นว่า การบริโภคผัก ผลไม้ให้ได้ ๔๐๐ กรัมต่อวัน
ปริมาณโฟเลตที่ได้รับจะเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย กระทรวงสาธารณสุข และ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
มีการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ประโยชน์
และความจำเป็นต่อการบริโภคกรดโฟลิกของหญิงวัยเจริญพันธุ์การตรวจคัดกรองดาวน์ชินโดรมของหญิงตั้งครรภ์
กระทรวงศึกษาธิการมีหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑
ที่ให้สถานศึกษานำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติและเนื้อหาประโยชน์และความจำเป็นต่อการบริโภคกรดโฟลิกของหญิงวัยเจริญพันธุ์อยู่ในสาระที่
๔ การสร้างเสริมสุขภาพสมรรถภาพและการป้องกันโรค ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2150 | การดำเนินการเกี่ยวกับการเปิด การขยายเวลา และการปิดจุดผ่านแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน | นร.08 | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบการดำเนินการเกี่ยวกับการเปิด
การขยายเวลา และการปิดจุดผ่านแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังนี้ ๑)
รับทราบการเปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย - กัมพูชา (หนองเอี่ยน - สตึงบท)
อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยใช้สำนักงานชั่วคราวไปพลางก่อน ๒)
รับทราบการปรับเวลาเปิดทำการจุดผ่านแดนถาวรภูดู่ อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์
จากเดิมเวลา ๐๖.๐๐ - ๒๐.๐๐ น. ของทุกวัน เป็น ๘.๐๐ - ๑๘.๐๐ น. ของทุกวัน ๓)
รับทราบการขยายเวลาเปิด - ปิด จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ
เป็นเวลา ๐๗.๐๐ - ๒๒.๐๐ น. ๔) รับทราบการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านปากห้วย ตำบลหนองผือ
อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย ๕) การดำเนินการใด ๆ บริเวณพื้นที่ชายแดน
จะต้องระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายและผลกระทบต่อความมั่นคง
โดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม
๒๕๔๒ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ อย่างเคร่งครัด และ ๖)
ให้กระทรวงมหาดไทยออกประกาศตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงแจ้งให้จังหวัดและส่วนราชการในพื้นที่รับทราบและถือปฏิบัติโดยทั่วกัน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก
รวมถึงการเตรียมอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ให้มีความเหมาะสม
เพื่อให้สามารถรองรับการปฏิบัติงาน ณ จุดผ่านแดนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงสาธารณสุข เห็นควรให้มีการจัดตั้งเป็นด่านอาหารและยาในพื้นที่ที่ไม่มีด่านอาหารและยาตั้งอยู่
และควรขอรับการจัดสรรบุคลากรเพิ่มเติมเพื่อประจำด่านฯ ดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2151 | แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 24-25 กรกฎาคม 2567 | ปสส. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๒๔
กรกฎาคม ๒๕๖๗ และครั้งที่ ๘ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๕
กรกฎาคม ๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2152 | ร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. .... | พน. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบกิจการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ
เพื่อให้ครอบคลุมถึงการประกอบกิจการทั้งท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกและท่อส่งก๊าซธรรมชาติในทะเล
ส่งก๊าซธรรมชาติเหลว และให้สอดคล้องกับสภาพการประกอบกิจการระบบก๊าซธรรมชาติทางท่อในปัจจุบันและเป็นตามมาตรฐานสากล
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรกำหนดให้ครอบคลุมถึงทรัพยากรทางทะเล
รวมทั้งอาจมีการจัดทำแผนเผชิญเหตุในกรณีที่มีการรั่วไหลของก๊าซ และน้ำมันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2153 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2154 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 57 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กต. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
ครั้งที่ ๕๗ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๗ ฉบับ ได้แก่ ๑) ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
ครั้งที่ ๕๗ ๒) ร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน - สหราชอาณาจักร : การเสริมสร้างความเชื่อมโยงเพื่ออนาคตที่เจริญรุ่งเรืองและยั่งยืน
๓) ร่างแถลงการณ์ร่วมของ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน -
จีนว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ๔)
ร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและรัสเซีย เฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ ๒๐
ปี
ของการภาคยานุวัติสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของรัสเซีย
๕)
ร่างแถลงการณ์ของการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย
- แปซิฟิกว่าด้วยเพิ่มพูนความร่วมมือระดับภูมิภาคด้านความปลอดภัยของเรือโดยสาร ๖)
ร่างหนังสือให้ความยินยอมต่อการภาคยานุวัติสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย และ ๗)
ร่างหนังสือให้ความยินยอมต่อการภาคยานุวัติสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยราชรัฐลักเซมเบิร์ก โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ทั้ง ๕ ฉบับ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนและคู่เจรจาในการส่งเสริมความร่วมมือและต่อยอดการดำเนินงานในด้านต่าง
ๆ
โดยมิได้มีการใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ
กรณีดังกล่าวจึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมลงนามในร่างหนังสือฯ
ทั้ง ๒ ฉบับ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแสดงความยินยอมฝ่ายเดียวของประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกอาเซียนเกี่ยวกับการภาคยานุวัติสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มิใช่การทำหนังสือสัญญาขึ้นใหม่ประเทศสมาชิกอาเซียน
กรณีจึงดังกล่าวไม่มีประเด็นที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับการเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2155 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (1. คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ฯลฯ จำนวน 3 คน) | กสศ. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
จำนวน ๓ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ตามที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภาควิชาการ ๒. นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคเอกชน ๓. นายสรวิศ ไพบูลย์รัตนากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคประชาสังคม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2156 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสของรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหารระดับสูง กระทรวงพาณิชย์
ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๗ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้า
ตลอดจนการสร้างเครือข่ายพันธมิตรในตลาดฝรั่งเศส ซึ่งมีกิจกรรมที่สำคัญ เช่น ๑)
การส่งเสริมภาพลักษณ์ธุรกิจบันเทิงไทยและสร้างเครือข่ายในงาน Cannes Film Festival 2024 โดยการจัดกิจกรรม
Thai Night มีบุคลากรในกลุ่มอุตสาหกรรมภาพยนตร์เข้าร่วมกว่า
๒๕๐ ราย และ ๒) การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า Marche du Film 2024
และพบหารือผู้ประกอบการธุรกิจภาพยนตร์และธุรกิจบันเทิงไทย คาดการณ์มูลค่าการเจรจาการค้าทั้งสิ้น
๑,๔๖๙.๑๘ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2157 | รายงานผลการดำเนินการสถาบันการเงินประชาชนประจำปี 2566 | กค. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการของสถาบันการเงินประชาชนประจำปี
๒๕๖๖ ของคณะกรรมการพัฒนาระบบสถาบันการเงินประชาชน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๙ (๑๓)
แห่ง พระราชบัญญัติสถาบันการเงินประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑)
ในปี ๒๕๖๖ คณะกรรมการฯ ได้ออกประกาศคณะกรรมการฯ เพิ่มเติมจำนวน ๑ ฉบับ (จากเดิม ๑๙
ฉบับ) เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจสอบสถาบันการเงินประชาชน
ส่งผลให้มีประกาศคณะกรรมการ ภายใต้พระราชบัญญัติสถาบันการเงินประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๒
รวมทั้งสิ้น ๒๐ ฉบับ ๒) ณ สิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๖
มีสถาบันการเงินประชาชนที่ได้รับจดทะเบียนจัดตั้ง สะสมรวมทั้งสิ้น ๑๘ แห่ง
มีสมาชิกรวม ๕,๐๗๑ คน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ
๑๑๐.๓๓) ยอดเงินค่าหุ้นรวม ๖๓.๓๖ ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ ๙๖.๒๑)
ยอดเงินรับฝากรวม ๒๒๕.๘๓ ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ ๑๘.๑๔) ยอดเงินกู้รวม
๑๘๓.๒๘ ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ ๖๓.๓๐) และผลกำไรสุทธิรวม ๗.๒๑ ล้านบาท
(เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ ๒๒.๗๗) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2158 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดส่งแรงงานไทยไปสาธารณรัฐเกาหลี ภายใต้ระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ | รง. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงแรงงานและการจ้างงานแห่งสาธารณรัฐเกาหลี
ด้านการจัดส่งแรงงานไทยไปสาธารณรัฐเกาหลี ภายใต้ระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ และให้รัฐมนตรีว่ากระทรวงแรงงานเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเพื่อรักษากรอบความร่วมมือที่ชัดเจนระหว่างทั้งสองฝ่าย
และเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพในกระบวนการจัดส่งและรับคนงานจากไทยไปสาธารณรัฐเกาหลี
โดยกำหนดบทบัญญัติสำหรับทั้งสองฝ่ายเพื่อปฏิบัติตามเกี่ยวกับการจัดส่งแรงงานภายใต้ระบบ
EPS ตามกฎหมายการจ้างงานแรงงานต่างชาติ
และอื่น ๆ ในสาธารณรัฐเกาหลี ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2159 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาและสีประจำสาขาวิชาสำหรับสาขาวิชาเทคโนโลยี
และสาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ที่ได้เปิดสอนเพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2160 | ขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี Abu Dhabi Dialogue ครั้งที่ 7 (Abu Dhabi Dialogue Seventh Ministerial Declaration) | รง. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี
Abu Dhabi Dialogue ครั้งที่ ๗ โดยมีรองปลัดกระทรวงแรงงาน
(นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์)
ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี ADD ครั้งที่ ๗ ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ณ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ซึ่งการประชุมระดับรัฐมนตรี ADD เป็นการประชุมหารือระหว่างประเทศสมาชิกกระบวนการโคลัมโบ
(ประเทศผู้ส่งแรงงาน) ๑๑ ประเทศ กับกลุ่มประเทศรอบอ่าวอาหรับ (ประเทศผู้รับแรงงาน)
รวม ๗ ประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล พัฒนาขีดความสามารถส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการ
รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของแรงงาน ณ ประเทศปลายทาง โดยร่างปฏิญญาร่วมฯ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือที่ ADD จะให้ความสำคัญต่อไปในอนาคต
ได้แก่ ๑) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับการเคลื่อนย้ายแรงงานในกรอบความร่วมมือเอเชียและกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ
๒) การเคลื่อนย้ายแรงงานและทักษะ เพื่อการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมสู่เศรษฐกิจสีเขียว
๓) การทำความเข้าใจและการจัดการแรงงานต่างชาติชั่วคราวในประเทศสมาชิก ADD โดยการจัดการกับผลกระทบทางกฎหมาย สังคม และอาชีพ และ ๔)
การปลดล็อกบทบาทของทักษะและความหลากหลายเพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงานในประเทศสมาชิก ADD ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี
Abu Dhabi Dialogue ครั้งที่ ๗ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นว่าหากร่างปฏิญญาร่วมข้างต้นยังไม่ใช่ร่างสุดท้าย (final agreed text) ในกรณีที่มีการปรับแก้
ขอให้กระทรวงแรงงาน ในฐานะส่วนราชการเจ้าของเรื่อง
พิจารณาปรับให้ร่างสุดท้ายของร่างปฏิญญาร่วมฯ เป็นไปตามแนวทางข้างต้นด้วย และร่างปฏิญญาร่วมฯ
มิได้มีถ้อยคำมุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ กรณีนี้จึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|