ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 109 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 2161 - 2180 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2161 | การจัดทำเอกสาร National Commitment สำหรับการประชุมสุดยอดว่าด้วยกีฬาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sport for Sustainable Development Summit: S4SD Summit) ในห้วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส | กต. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำเอกสาร
National Commitment สำหรับการประชุมสุดยอดว่าด้วยกีฬาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
(Sport for Sustainable Development Summit : S4SD Summit) ในห้วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน
๒๐๒๔ ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมีสาระสำคัญ รวม ๓ ประเด็น ได้แก่ ๑)
สุขภาวะสำหรับเยาวชน ๒) เป้าหมายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านการศึกษาสุขภาวะ
และโภชนาการ และ ๓) การใช้กีฬาเป็นเครื่องมือเสริมสร้างสันติภาพฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสาร National Commitment ของประเทศไทยสำหรับการประชุมสุดยอดว่าด้วยกีฬาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sport
for Sustainable Development Summit : S4SD Summit) ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2162 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรภูฏาน | คค. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบันทึกการหารือว่าด้วยการประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรภูฏาน
เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรภูฏาน
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรภูฏาน
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย
รวมทั้งเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทย และมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศฯ
ดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ
โดย ๑) บันทึกการหารือฯ มีสาระสำคัญเป็นเอกสารสรุปผลการหารือร่วมกันเกี่ยวกับบริการเดินอากาศระหว่างสองประเทศ
๒) ร่างความตกลงฯ ฉบับใหม่ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดข้อบทต่าง ๆ เกี่ยวกับสิทธิการบินและการบริการเดินอากาศระหว่างกัน
โดยมีการกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้แต่ละฝ่ายต้องปฏิบัติ และ ๓) ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูต
มีสาระสำคัญเป็นการยืนยันผลการหารือเพื่อให้ข้อกำหนดในบันทึกการหารือฯ
มีผลใช้บังคับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นว่าในส่วนของการแก้ไขเรื่อง Traffic Rights ที่ระบุในวรรค
๒ ของบันทึกการหารือฯ นั้น ไม่ต้องมีการยืนยันโดยหนังสือแลกเปลี่ยนฉบับนี้
เนื่องจากวรรค ๔ ของบันทึกหารือฯ ระบุว่า บันทึกหารือฯ มีผลตั้งแต่วันลงนาม
(ยกเว้นในส่วนของวรรค ๑ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการมีผลใช้บังคับของร่างความตกลงฯ
ฉบับใหม่) และกระทรวงการต่างประเทศจะจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตตามข้อ ๓๐
ของร่างความตกลงฯ เมื่อกระทรวงคมนาคมมีหนังสือแจ้งยืนยันว่า
ฝ่ายไทยได้ดำเนินกระบวนการสำหรับการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ
เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2163 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม | กษ. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ในเขตปฏิรูปที่ดิน เนื้อที่รวมประมาณ ๑,๕๓๗-๓-๐๔ ไร่ และโครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม เนื้อที่รวมประมาณ ๑,๙๑๗-๓-๗๕ ไร่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อให้
การรถไฟแห่งประเทศไทยสามารถดำเนินงานโครงการก่อสร้างได้ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด
และคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะได้พิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
ตามที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเสนอ ให้คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าควรปฏิบัติตามกฎหมาย กฎหรือระเบียบ
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใส่ในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการในพื้นที่อย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม
โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งรัดดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและก่อสร้างโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อลดความเสี่ยงทางด้านต้นทุนและเพื่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทยสามารถบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการให้อยู่ภายในกรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
ซึ่งจะช่วยให้การใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2164 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2165 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2166 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ไม้พะยูงเป็นสินค้าที่ต้องห้าม ให้ไม้ท่อน ไม้แปรรูป และไม้ล้อมบางชนิด เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้และถ่านไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง ในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2167 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะ | พม. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน
และยานพาหนะ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการโรงงาน
และยานพาหนะ และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงยุติธรรม ที่เห็นควรกำหนดมาตรการบังคับสำหรับสถานบริการหรือโรงแรมที่ไม่ได้รับอนุญาตดังกล่าว
และมีมาตรการสำหรับหน่วยงานที่กำกับดูแลปราบปรามสถานบริการหรือโรงแรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
ซึ่งเป็นสถานที่เสี่ยงในการค้ามนุษย์ อย่างเข้มงวดและเด็ดขาด และหากกำหนดมาตรการบังคับนี้ให้ครอบคลุมถึงเรือประมงไทยด้วย
จะทำให้การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นควรพิจารณาแก้ไขให้สอดคล้องกับบทอาศัยอำนาจตามมาตรา
๑๖/๑ ทำนองเดียวกับที่เคยกำหนดไว้ตามข้อ ๒ แห่งประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะ
ลงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ทั้งนี้
การกำหนดให้เป็นหน้าที่ของเจ้าของผู้ครอบครองหรือผู้ดำเนินกิจการฯ
ตามกฎหมายแม่บทนั้น ได้ก่อให้เกิดหน้าที่โดยปริยาย (Implied duty) แก่หน่วยงานของรัฐที่จะต้องตรวจสอบอย่างใกล้ชิดมิให้มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว
แต่หากประสงค์จะกำหนดหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐให้ชัดเจนเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติก็สมควรแยกออกเป็นอีกข้อหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่ากรมเจ้าท่ามีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการให้ความรู้เกี่ยวกับการทำงานด้านความปลอดภัยในการทำงานบนเรือ และตรวจสอบความถูกต้องของเรือประมงต่างประเทศที่เข้ามาในน่านน้ำไทยให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2168 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง
พ.ศ. ๒๕๖๑ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง
กรณีการจัดซื้อจัดจ้างจากรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลในเครือของหน่วยงานของรัฐเดียวกัน
โดยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของหน่วยงานของรัฐในรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทที่เป็นนิติบุคคลในเครือของหน่วยงานของรัฐเดียวกัน
จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๕ ของทุนทั้งหมด เป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของทุนทั้งหมด
เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุของรัฐวิสาหกิจมีความโปร่งใสมากขึ้น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงคมนาคมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เห็นควรนำนิยาม
“รัฐวิสาหกิจ” ในพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
มาปรับใช้กับร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้ ซึ่งจะช่วยสร้างความชัดเจน
และยากต่อการใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อเอื้อต่อการทุจริต และเห็นควรกำหนดรูปแบบ
หลักเกณฑ์ และกระบวนการต่าง ๆ
เพื่อรับรองสิทธิของประชาชนในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ
และตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
และพระราชบัญญัติฯ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้สามารถคุ้มครองสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ
รวมทั้งยังเป็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐโดยประชาชนด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2169 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (นายมหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์) | กค. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายมหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์
ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก
แทนผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝากเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2170 | โครงการสลากการกุศลเพิ่มเติม | กค. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้มีการออกสลากการกุศลเพื่อสนับสนุนโครงการที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการฯ
จำนวน ๑๑ โครงการ วงเงินรวม ๘๓๗.๖๕ ล้านบาท ๒.
มอบหมายให้สำนักงานสลากฯ ดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ เป็นผู้จัดพิมพ์ จัดจำหน่าย
และจ่ายเงินรางวัลสลากการกุศล ๒.๒
ประสานงานกับหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับการสนับสนุน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการออกสลากการกุศล
การขออนุญาตการออกสลากการกุศลโดยปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และการนำส่งเงินให้หน่วยงานเจ้าของโครงการตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโดยให้ผู้รับใบอนุญาตการออกสลากการกุศลเสียภาษีการพนันเหลือร้อยละ
๐.๕ แห่งยอดราคาสลากซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่ายตามข้อ ๑๒ (๔)
ของกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๐๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน
พุทธศักราช ๒๔๗๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ๒.๓
จัดทำแผนการออกสลากการกุศลและแผนการใช้เงินของแต่ละโครงการ และรายงานต่อคณะกรรมการฯ
เพื่อประโยชน์ในการกำกับ
ติดตามการดำเนินโครงการที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ ๒.๔
บริหารการจ่ายเงินให้หน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนเงินจากโครงการสลากการกุศลตามความเหมาะสมและเร่งด่วนเพื่อให้โครงการสลากการกุศลสามารถเบิกจ่ายเงินได้อย่างรวดเร็ว ๓.
มอบหมายให้คณะกรรมการฯ ดำเนินการ ดังนี้ ๓.๑
กำหนดระยะเวลาในการผูกพันวงเงินของโครงการที่ได้รับการสนับสนุน
และหากเกิดกรณีที่หน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถผูกพันวงเงินได้ตามกำหนด
ให้คณะกรรมการฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบการขอขยายระยะเวลาผูกพันวงเงิน หรือหากคณะกรรมการฯ
พิจารณาแล้วเห็นว่า โครงการดังกล่าวไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้
ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกวงเงินสนับสนุนโครงการดังกล่าว ๓.๒
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดการเงินภายในโครงการที่ได้รับการสนับสนุน โดยจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงเป็นกิจกรรมที่แตกต่างจากโครงการที่ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นควรมีการติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
เพื่อให้การดำเนินโครงการสลากฯ เกิดความคุ้มค่าในการสนับสนุนงบประมาณ สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
รวมถึงลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อย่างแท้จริง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2171 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๒๗ - ๒๙
เมษายน ๒๕๖๗ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจีนในเขตปกครองตนเองชนชาติไตสิบสองปันนา
มณฑลยูนนาน
และเพื่อผลักดันผลประโยชน์ของไทยในการสร้างความร่วมมือและแก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้ารวมทั้งส่งเสริมการลงทุนระหว่างสองประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ รวมทั้งมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกประสานการทำงานร่วมกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง
เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
ช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดหาผู้ร่วมทุนไทยให้แก่นักลงทุนจีนตามข้อเสนอของฝ่ายจีนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2172 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2566 และรายงานผลการติดตามการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2564 | ทส. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๖ ได้รายงานสถานการณ์การดำเนินการที่เกี่ยวข้อง
และข้อเสนอแนะรายสาขาสิ่งแวดล้อม ๑๑ สาขา ในช่วง พ.ศ. ๒๕๖๕ - ๒๕๖๖ เช่น ๑)
ทรัพยากรดินและการใช้ที่ดิน ๒) ทรัพยากรแร่ ๓) พลังงาน ๔)
ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ๕) ทรัพยากรน้ำ ซึ่งสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมบางสาขาที่ควรเฝ้าติดตาม
เช่น ๑) การปลูกพืชในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมส่งผลให้เกิดการชะล้างพังทลายของดิน ๒)
การผลิตพลังงานได้ลดลงแต่มีการนำเข้าพลังงานและใช้พลังงานเพิ่มขึ้น ๓)
คุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งโดยเฉพาะบริเวณอ่าวไทยค่อนข้างเสื่อมโทรม ๔)
ปริมาณฝนรวมเฉลี่ยสูงกว่าค่าปกติเพิ่มขึ้น และ ๕) เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะดินถล่ม และรายงานผลการติดตามการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในปีก่อนหน้า
รวมทั้งปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๔ มกราคม ๒๕๖๓ ที่ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความคืบหน้าดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี
ตามที่กระทรวงทรัพยากรรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2173 | ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน พ.ศ. .... | นร.09 | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน
จำนวน ๒๔ ฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตัดคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๑๔/๒๕๕๙ เรื่อง คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ ๔
เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ออกจากบัญชีท้ายร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2174 | มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชน | พน. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชน โดยให้ใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกิน
๓๓ บาทต่อลิตร อัตราการชดเชยไม่เกิน ๒ บาทต่อลิตร จนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๗
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวตามหน้าที่และอำนาจให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดโดยเร็วต่อไป
ทั้งนี้
ให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นว่ามาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเป็นมาตรการระยะสั้น
สมควรที่คณะรัฐมนตรีจะมอบหมายให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังศึกษาแนวทางที่เหมาะสมในการปรับโครงสร้างพลังงานของประเทศอย่างเป็นระบบเพื่อสะท้อนต้นทุนด้านพลังงานที่แท้จริง
รวมทั้งการส่งเสริมและพัฒนาแหล่งพลังงานใหม่ เช่น พลังงานหมุนเวียน พลังงานสะอาด
รวมทั้งพลังงานนิวเคลียร์มาใช้เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการและประเทศ และเพื่อบรรลุเป้าหมาย Carbon neutrality ในปี ๒๐๓๐ และ Net Zero
emission ในปี ๒๐๕๐ ได้อย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2175 | มองโกเลียขอเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์มองโกเลีย ณ จังหวัดชลบุรี และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์มองโกเลีย ณ จังหวัดชลบุรี (นายนิธิวัชร์ เรืองฉัตรศรีกุล) | กต. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์มองโกเลีย ณ
จังหวัดชลบุรี โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยอง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2176 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฟินแลนด์ ณ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฟินแลนด์ ณ จังหวัดชลบุรี (นายฤทธิกร ศิริประเสริฐโชค) | กต. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศ ดังนี้ ๑. รับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ นายตัวโม เราตะกิวิ
(Mr. Tuomo Rautakivi) กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฟินแลนด์
ณ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ซึ่งขอลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากเหตุผลส่วนตัว ๒. เห็นชอบการแต่งตั้ง นายฤทธิกร ศิริประเสริฐโชค
ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฟินแลนด์ ณ จังหวัดชลบุรี คนใหม่
โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดชลบุรี จันทบุรี ระยอง และตราด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2177 | มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน | พน. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน ซึ่งเป็นมาตรการต่อเนื่องจากมาตรการที่ดำเนินการในช่วงเดือนพฤษภาคม
๒๕๖๗ ถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๖๗
เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวตามหน้าที่และอำนาจให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดโดยเร็วต่อไป
โดยให้รับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย ชุณหวชิร)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ รองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย ชุณหวชิร)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เห็นว่าอัตราค่าไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น
ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาค่าเชื้อเพลิง
ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดหาและสำรวจแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติอื่น
ๆ เพิ่มเติมเพื่อให้ประเทศมีปริมาณก๊าซสำรองใช้เพิ่มขึ้น
ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าและลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจในระยะยาว สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าควรจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย
กฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป สำหรับข้อเสนอให้ปรับปรุงแนวทางการคิดเงินนำส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ
เพื่อลดภาระเงินคงค้างสะสมของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เห็นควรรับฟังความเห็นของกระทรวงการคลังเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2178 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยส่วนกลาง ขนาด 68 ครอบครัว จำนวน 2 อาคาร และอาคารที่จอดรถ สูง 8 ชั้น จำนวน 1 หลัง แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร | ตช. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนเงิน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยส่วนกลาง ขนาด ๖๘ ครอบครัว จำนวน ๒ อาคาร
และอาคารที่จอดรถ สูง ๘ ชั้น จำนวน ๑ หลัง แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร
เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต สวัสดิการ และบรรเทาความเดือดร้อน ด้านค่าใช้จ่าย รวมทั้ง
เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจต่อไป ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เห็นควรต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเสนอในขั้นขออนุญาตก่อสร้างหรือหากใช้วิธีการแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารโดยไม่ยื่นขอรับใบอนุญาตให้เสนอในขั้นการแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี
และจะต้องจัดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนตามประกาศสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชน
ในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๓๕ รวมทั้งกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ๒.
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญกับการจัดสวัสดิการที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อยที่ได้รับความเดือดร้อนเพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจในกลุ่มนี้เป็นลำดับแรก
และกำกับดูแลการจัดสรรที่พักอาศัยให้เป็นไปตามระเบียบ
หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเข้าพักอาศัยในอาคารที่พักอาศัยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง
โดยเฉพาะกรณีการนำสิทธิการเข้าพักอาศัยไปให้บุคคลภายนอกเช่าหรือเข้าพักอาศัยแทน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2179 | (ร่าง) ข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีก (ไก่งวง) ในประเทศไทย | กษ. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง)
ข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีก (ไก่งวง) ในประเทศไทย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว
ประกอบด้วย ๑) ขอให้ภาครัฐเร่งอนุญาตให้โรงฆ่าสัตว์ปีก เพิ่มชนิดสัตว์ปีก ประเภทไก่งวง
๒) สนับสนุนให้มีโรงฆ่าสัตว์ปีก (ไก่งวง)
ที่ได้รับมาตรฐานการส่งออกขนาดเล็กสำหรับเกษตรกรรายย่อยของหน่วยงานภาครัฐ ๓) กำหนดมาตรฐานสำหรับฟาร์มสัตว์ปีก
(ไก่งวง) แบบโรงเรือนยกพื้น (มาตรฐาน GAP) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิต และยกระดับมาตรฐานเพื่อการส่งออก ๔) ภาครัฐสนับสนุนการจัดทำพิธีสารว่าด้วยการส่งออกไก่งวง
และ ๕) ขอให้ภาครัฐเร่งระบายไก่งวงที่ค้างสต็อกอย่างเร่งด่วน ตามที่สภาเกษตรกรแห่งชาติเสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นว่าในส่วนของไก่งวงแช่แข็งที่ค้างสต็อกและไก่งวงที่พร้อมเข้าโรงฆ่าสัตว์ปีก
อาจมีแนวทางมาตรการเพื่อระบายสต็อกที่ค้างอยู่ออกไปก่อน
แต่ทั้งนี้ในระยะยาวอาจจะต้องมีการวางแผนการผลิต การตลาด
ให้เหมาะสมต่อความต้องการของตลาดในอนาคต สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่ากรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ควรเร่งประชาสัมพันธ์แนวทางการยื่นขอรับอนุญาตฆ่าไก่งวงเพิ่มเติมให้ผู้ประกอบกิจการโรงฆ่าสัตว์ทราบอย่างทั่วถึงในวงกว้าง
เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบกิจการโรงฆ่าสัตว์ที่ยังดำเนินการไม่เต็มศักยภาพการผลิตยื่นขอรับอนุญาตฆ่าไก่งวงเพิ่มเติม
พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการปรับปรุง แก้ไข พัฒนา กิจการโรงฆ่าสัตว์ให้ได้มาตรฐานการส่งออกควบคู่ไปด้วย กระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรพิจารณาจัดหาช่องทางการจัดจำหน่ายและอำนวยความสะดวกในการจับคู่
(Matching) ระหว่างกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
(อาหารแปรรูปและอาหารสัตว์) เครือโรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหาร
เพื่ออำนวยความสะดวกในการเร่งระบายไก่งวงแช่แข็งค้างในสต๊อกเพื่อบรรเทาภาระต้นทุน ค่าใช้จ่าย
โดยการดำเนินการดังกล่าวจะต้องพิจารณาราคาในการจัดจำหน่ายไก่งวงแช่แข็งที่เหมาะสมและเป็นธรรมด้วย
รวมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมและความเป็นได้ในการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ประเภทอื่นที่เป็นที่ต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้นด้วย
เช่น นกกระทา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2180 | การลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เพื่อบริหารจัดการโครงการฝึกอบรมสำหรับประเทศกำลังพัฒนา | คค. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการของร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
เพื่อบริหารจัดการโครงการฝึกอบรมสำหรับประเทศกำลังพัฒนา และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
เพื่อบริหารจัดการโครงการฝึกอบรมสำหรับประเทศกำลังพัฒนา โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดความร่วมมือเกี่ยวกับการบริหารจัดการหลักสูตรการฝึกอบรมของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
และให้ทุนแก่ผู้เข้าร่วมฝึกอบรมจากประเทศกำลังพัฒนา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ และเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา
๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |