ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 110 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 2181 - 2200 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2181 | ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ปช. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือแก่ผู้ให้ถ้อยคำ
แจ้งข้อมูลหรือเบาะแสหรือแสดงความคิดเห็นแก่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
หรือพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ในกรณีที่บุคคลถูกร้องทุกข์ ถูกกล่าวโทษ ถูกฟ้องคดี
หรือถูกดำเนินการทางวินัยจากการให้ถ้อยคำดังกล่าว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา โดยให้ส่งความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดไปเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๓.
ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
โดยกองทุนป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงิน
เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมทุกแหล่งเงิน ความคุ้มค่า ประหยัด
และประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
เห็นควรให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ในกรณีที่ผู้มีอำนาจดำเนินการทางวินัยเห็นว่าการดำเนินการทางวินัยในเรื่องนั้นไม่ใช่เป็นการถูกดำเนินการทางวินัยอันเนื่องมาจากการดำเนินการตามมาตรา
๑๓๒ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้มีอำนาจดำเนินการทางวินัยมีสิทธิที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงหลักฐานต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2182 | การรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 15 การประชุมรัฐมนตรีหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐฯ ครั้งที่ 3 และการรับตำแหน่งประธานร่วมของหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐฯ ในปี 2568 | กต. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบต่อร่างยุทธศาสตร์กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง
- ญี่ปุ่น ค.ศ. ๒๐๒๔ และร่างแผนดำเนินการหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐฯ ค.ศ. ๒๐๒๔-๒๐๒๖
เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ครั้งที่
๑๕ และของการประชุมรัฐมนตรีหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐฯ ครั้งที่ ๓ ตามลำดับ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างเอกสาร
ในการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๕
และที่ประชุมรัฐมนตรีหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐฯ ครั้งที่ ๓ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายแจ้งที่ประชุมรัฐมนตรีหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐฯ
ครั้งที่ ๓ ว่าราชอาณาจักรไทยเห็นพ้องที่จะรับตำแหน่งประธานร่วมของ MUSP ร่วมกับสหรัฐอเมริกาต่อจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในปี
๒๕๖๘ โดยร่างยุทธศาสตร์ฯ เป็นเอกสารกำหนดแนวทางความร่วมมือในระยะ ๕ ปี ภายใต้ ๓
สาขาหลัก ได้แก่ ๑) การเป็นสังคมที่มีความยืดหยุ่นและเชื่อมโยงกันในโลก
หลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ๒) การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และ ๓)
การตอบสนองเชิงรุกต่อประเด็นความมั่นคงรูปแบบใหม่ และร่างแผนดำเนินการฯ
เป็นการกำหนดกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ที่สหรัฐฯ จะดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือหุ้นส่วนส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐฯในระยะะเวลา
๓ ปีข้างหน้า ภายได้ ๔ สาขา ได้แก่ ๑) ความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ ๒)
การใช้และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
และการอนุรักษ์และคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ๓) ความมั่นคงรูปแบบใหม่ และ ๔)
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างยุทธศาสตร์กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง - ญี่ปุ่น
ค.ศ. ๒๐๒๔ และร่างแผนดำเนินการหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง - สหรัฐฯ ค.ศ. ๒๐๒๔ - ๒๐๒๖
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรยกระดับความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวให้เป็นหนึ่งในหัวข้อความร่วมมือหลักภายใต้ร่างยุทธศาสตร์กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่นฯ
เพื่อให้เกิดความสอดคล้องและครอบคลุมประเด็นการพัฒนาที่ยั่งยืนมากขึ้น ทั้งนี้
กระทรวงการต่างประเทศควรสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ประเทศไทยพึงจะได้รับจากการดำเนินงานภายใต้ร่างเอกสารทั้ง
๒ ฉบับ ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2183 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางอรนุช หล่อเพ็ญศรี และนายภาดล ถาวรกฤชรัตน์) | ทส. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑. นางอรนุช หล่อเพ็ญศรี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2184 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 (1. นายวิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร ฯลฯ จำนวน 13 คน) | สธ. | 23/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
จำนวน ๗ คน
และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข
จำนวน ๖ คน รวมจำนวน ๑๓ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ดังนี้ ๑. คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
จำนวน ๗ คน ๑.๑ นายวิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร ด้านประกันสุขภาพ ๑.๒ ศาสตราจารย์ปิยะมิตร ศรีธรา ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ๑.๓ นายพรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ด้านการแพทย์แผนไทย ๑.๔
นายประทีป ธนกิจเจริญ ด้านการแพทย์ทางเลือก ๑.๕ นางมานิดา ภู่เจริญ ด้านการเงินการคลัง ๑.๖ นายสุวิช ชูตระกูล ด้านกฎหมาย ๑.๗ รองศาสตราจารย์อภิญญา เวชยชัย ด้านสังคมศาสตร์ ๒. คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข
จำนวน ๖ คน ๒.๑ นายวิชัย อัศวภาคย์ สาขาเวชศาสตร์ครอบครัว ๒.๒ นางสาวโชษิตา ภาวสุทธิไพศิฐ สาขาจิตเวช ๒.๓ นายธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ สาขาการแพทย์แผนไทย ๒.๔ ศาสตราจารย์คลินิกสุพรรณ ศรีธรรมมา สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน ๒.๕ นางวัชรา ริ้วไพบูลย์ สาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู
๒.๖
ศาสตราจารย์ภิเศก ลุมพิกานนท์ สาขาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2185 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตโฆษณาเกี่ยวกับการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด พ.ศ .... | สธ. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการโฆษณาเกี่ยวกับการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขออนุญาตและการออกใบอนุญาต
รวมทั้งเงื่อนไขในการโฆษณาตามใบอนุญาตเกี่ยวกับการบำบัดรักษายาเสพติด
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2186 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดเกี่ยวกับความสูงและแนวร่วมของป้ายบนหลังคาหรือดาดฟ้าของอาคารและป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายที่ติดตั้งอยู่บนพื้นดินโดยตรงให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน
รวมทั้งผ่อนปรนให้ป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายที่มีอยู่ในวันก่อนวันที่กฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
พ.ศ. ๒๕๕๘ ใช้บังคับและมีความมั่นคงแข็งแรง ให้สามารถขออนุญาตก่อสร้างได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2187 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและสาธารณรัฐประชาชนจีนของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและสาธารณรัฐประชาชนจีนของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
(นายนภินทร ศรีสรรพางค์) ระหว่างวันที่ ๒๔ - ๒๘ เมษายน ๒๕๖๗
เพื่อสำรวจเส้นทางขนส่งสินค้าผลไม้ เตรียมความพร้อมในการรองรับฤดูผลไม้
และป้องกันปัญหาการขนส่งผลไม้ที่ติดขัดบริเวณชายแดนเวียดนามตอนเหนือกับจีนตอนใต้
อีกทั้งยังเป็นการกระชับความร่วมมือและความสัมพันธ์กับหน่วยงานภาคเอกชน ผู้นำเข้า
ผู้ประกอบการ ผู้กระจายสินค้ารายสำคัญ เพื่อผลักดันการส่งออกให้ได้ตามเป้าหมาย
ขยายส่วนแบ่งสินค้าเกษตรของไทยในตลาดต่างประเทศ และประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
โดยได้เข้าร่วมกิจกรรม เช่น ๑) สำรวจด่านรถไฟด่งดัง ด่านสากลหูหงิ
และหารือกับประธานคณะกรรมการประชาชนและผู้บริหาร จังหวัดลางเซิน เวียดนาม ๒) สำรวจด่านโหย่วอี้กวน
ด่านรถไฟผิงเสียง และหารือกับรองนายกเทศมนตรีเมืองฉงจั่ว
เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ๓) หารือกับผู้บริหารบริษัทเอกชน ได้แก่
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทตลาดเจียงหนาน และรองประธานกรรมการบริหารบริษัท Pagoda รวมทั้งได้เยี่ยมชมซูเปอร์มาร์เก็ต
Freshippo ซึ่งมีประเด็นการหารือที่สำคัญเกี่ยวกับการขยายตลาดการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลไม้ไทยไปยังจีน ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์
รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยในตลาดจีน เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2188 | รายงานผลการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการเดินทางเยือนกรุงโตเกียว
ประเทศญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๙ - ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๗
เพื่อเข้าร่วมงานเทศกาลไทย ณ กรุงโตเกียว ครั้งที่ ๒๔ (Thai Festival Tokyo 2024) และเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทย
ซึ่งมีกิจกรรมที่สำคัญ เช่น ๑) เป็นประธานเปิดงานเทศกาลไทย ครั้งที่ ๒๔ เพื่อส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ไทย
ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ประกอบด้วยคูหากว่า ๘๐ คูหา เช่น คูหาผ้าไทยใส่ให้สนุก คูหาซีรีส์วาย
เป็นต้น ๒) เป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม MOU ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับ
Rakuten ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำของญี่ปุ่น
เพื่อเปิดร้าน TOPTHAI และส่งเสริมการขายสินค้าไทยในตลาดญี่ปุ่น
และ ๓) หารือกับผู้บริหารบริษัท KALDI โดยรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ได้แนะนำสินค้าไทยที่มีศักยภาพไปจัดจำหน่ายในร้าน KALDI เพิ่มขึ้น
อาทิ กาแฟ ผลไม้ และสินค้าไทย และยังแนะนำให้บริษัทฯ
นำเข้าผลไม้คุณภาพที่เป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่น เช่น กล้วยหอมทอง ทุเรียน
และมังคุด เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2189 | มาตรการในการแก้ไขปัญหาการทุจริตแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | ปปท. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการในการแก้ไขปัญหาการทุจริตแบบบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำความเห็นจากที่ประชุมหารือเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวไปดำเนินการ
และยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ เรื่อง
มาตรการในการแก้ไขปัญหาการทุจริตแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยผลการพิจารณามาตรการฯ
ในภาพรวมมีหน่วยงานที่เห็นด้วยกับมาตรการฯ และไม่ขอแก้ไข ๖๐ หน่วยงาน มีหน่วยงานที่ขอแก้ไข
๑๑ หน่วยงาน เช่น การแก้ไขเป้าหมายและตัวชี้วัดกิจกรรมที่ต้องดำเนินการ
และมีหน่วยงานที่ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ๒ หน่วยงาน เช่น
มาตรการที่กำหนดมีแผนงานจำนวนมากส่งผลต่อการดำเนินการให้สำเร็จตามแผนงานภายใน ๑ ปี
จึงควรมุ่งเน้นในส่วนที่เป็นมาตรการในการแก้ไขปัญหาโครงสร้างของปัญหาการทุจริต ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2190 | ร่างกฎกระทรวงการจ่ายค่าทดแทนเพื่อชดเชยความเสียหายจากการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. .... | สธ. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการจ่ายค่าทดแทนเพื่อชดเชยความเสียหายจากการเฝ้าระวัง
การป้องกัน และการควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการจ่ายค่าทดแทนเพื่อชดเชยความเสียหายจากการดำเนินการเฝ้าระวัง
ป้องกัน หรือควบคุมโรคของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
โดยผู้เสียหายหรือทายาทโดยธรรมของผู้เสียหายสามารถยื่นคำขอรับค่าทดแทนเพื่อชดเชยความเสียหายด้วยตัวเองได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหรือสำนักอนามัย
กรุงเทพมหานคร แล้วแต่กรณี โดยผู้เสียหายอาจมีสิทธิได้รับค่าทดแทนเพื่อชดเชยความเสียหาย
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรเพิ่มช่องทางการยื่นคำขอรับค่าทดแทนเพื่อชดเชยความเสียหายของผู้เสียหายหรือทายาทโดยธรรมเพิ่มเติมจากที่กำหนดในร่างกฎกระทรวง
เช่น กำหนดให้ผู้เสียหายหรือทายาทโดยธรรมของผู้เสียหายสามารถยื่นคำขอ ณ
สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ หรือช่องทางอื่น ๆ ตามที่เห็นสมควร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เห็นว่าพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไม่ได้บัญญัติให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครมีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดค่าทดแทนเพื่อชดเชยแก่ผู้เสียหายดังกล่าวไว้
จึงเป็นประเด็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการออกกฎหมายลำดับรองเกินกว่าหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครตามที่กฎหมายแม่บทกำหนด ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงการคลัง
เห็นควรคำนึงถึงความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพ
และความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ กระทรวงมหาดไทย
เห็นควรเพิ่มช่องทางการยื่นคำขอรับค่าทดแทนเพื่อชดเชยความเสียหายของผู้เสียหายหรือทายาทโดยธรรมเพิ่มเติมจากที่กำหนดในร่างกฎกระทรวง
หรือช่องทางอื่น ๆ ตามที่เห็นสมควร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2191 | การขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ | กค. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่อัตราร้อยละ
๐.๑๒๕ ต่อปี
ของยอดเงินที่ได้รับจากประชาชน เป็นระยะเวลา ๑ ปี สำหรับรอบการนำส่งเงินในปี พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
รวม ๔ แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์
และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยปรับลดอัตราเงินนำส่งเหลือร้อยละ ๐.๑๒๕ ต่อปี
ของยอดเงินที่ได้รับจากประชาชน สำหรับรอบการนำส่งเงินในปี พ.ศ. ๒๕๖๗
โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2192 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม 2567 | ปสส. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันพุธที่
๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒
ครั้งที่ ๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2193 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2194 | ปรับปรุงการมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการปรับปรุงการมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2195 | ร่างตราสารแก้ไขและต่ออายุความตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และวิชาการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา | อว. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างตราสารแก้ไขและต่ออายุความตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และวิชาการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเป็นผู้ลงนามในร่างตราสารฯ โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามในร่างตราสารฯ
โดยร่างตราสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการต่ออายุความตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และวิชาการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา
ไปอีกเป็นระยะเวลา ๑๐ ปี
ต่อเนื่องจากร่างตราสารต่ออายุความตกลงฉบับก่อนหน้าที่ได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม
๒๕๖๖ โดยมีการแก้ไขข้อบทบางประการและร่างตราสารฯ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ ๖
สิงหาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป โดยจะมีผลบังคับใช้ ณ วันที่ได้มีการลงนามครบถ้วน ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นควรพิจารณาปรับแก้ถ้อยคำในร่างตราสารฯ
ฉบับภาษาไทย เพื่อความถูกต้องและเหมาะสมยิ่งขึ้น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณานำเสนอรายงานผลการดำเนินงานจากความร่วมมือระหว่างประเทศประกอบด้วย
เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบและเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับอย่างเป็นรูปธรรมจากการมีความร่วมมือดังกล่าว
รวมถึงกรอบความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมระหว่างประเทศไทยกับประเทศภาคีต่าง
ๆ ที่ได้มีการลงนามแล้ว
ควรได้รับการประชาสัมพันธ์ถึงผลการดำเนินงานและประโยชน์ที่เกิดขึ้นทั้งต่อภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2196 | ร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 หรือตำรับวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 หรือประเภท 4 พ.ศ. .... | สธ. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท
๓ หรือตำรับวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท
๔ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ เงื่อนไข และอัตราค่าธรรมเนียมการขอขึ้นทะเบียนของตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท
๓ หรือตำรับวัตถุอออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานอัยการสูงสุดไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรมีการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
รวมทั้งแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้ที่จะเกิดขึ้นตามร่างกฎกระทรวงดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2197 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมทวิภาคีระดับรัฐมนตรีด้านการท่องเที่ยว ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 3 | กก. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมทวิภาคีระดับรัฐมนตรีด้านการท่องเที่ยวไทย
- กัมพูชา ครั้งที่ ๓ เพื่อเป็นกรอบในการหารือกับฝ่ายกัมพูชา ในวันที่ ๑๘ กรกฎาคม
๒๕๖๓ ณ กรุงเทพมหานคร และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
หรือผู้แทน ให้การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ โดยไม่มีการลงนาม โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ
ผ่านการสนับสนุนให้เกิดการไหลเวียนของนักท่องเที่ยวระหว่างกัน
และมุ่งเน้นความคืบหน้าการดำเนินการของแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหากพิจารณาสถานะการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวแล้ว
พบว่าหลายกิจกรรมยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งรัดการดำเนินงานที่เป็นภารกิจของฝ่ายไทยและติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานความปลอดภัยของการเดินทางข้ามพรมแดน
เพื่อให้แผนฉบับนี้ประสบความสำเร็จตามกำหนดอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2198 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการห้ามใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อดำเนินโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากบางปะกงไปโรงไฟฟ้าพระนครใต้ | พน. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓
และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ ที่ห้ามมิให้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนในทุกกรณี
เพื่อให้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) สามารถใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน บริเวณแม่น้ำบางปะกง ตำบลบางปะกง และตำบลท่าสะอ้าน
อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา พื้นที่ประมาณ
๓ ไร่ ๐ งาน ๗๕ ตารางวา สำหรับดำเนินโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากบางปะกงไปโรงไฟฟ้าพระนครใต้ได้
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการปลูกและบำรุงรักษาป่าชายเลนทดแทนไม่น้อยกว่า
๒๐ เท่า ของพื้นที่ป่าชายเลนที่ได้รับอนุญาต ให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานและบริษัท ปตท. จำกัด
(มหาชน) รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าการก่อสร้างที่อยู่ในทางหลวงให้ผู้ขออนุญาตเสนอแผนการก่อสร้างรูปแบบการก่อสร้าง
แผนการจัดการจราจรระหว่างการก่อสร้างต่อกรมทางหลวงพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2199 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (High-level Political Forum on Sustainable Development: HLPF) ประจำปี ค.ศ. 2024 | กต. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน
(High-level Political
Forum on Sustainable Development : HLPF)
ประจำปี ค.ศ. ๒๐๒๔ และให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ
หรือเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
ร่วมรับรองร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน
(High-level Political Forum on Sustainable Development :
HLPF) ประจำปี ค.ศ. ๒๐๒๔ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๘-๑๘ กรกฎาคม
๒๕๖๗ ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ
(๑) สถานการณ์ปัจจุบันและความท้าทายในการบรรลุ SDGs และ (๒)
การกำหนดแนวทางการดำเนินการและการลงทุนเพื่อสนับสนุนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ.
๒๐๓๐ ตามเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสนับสนุนการจัดทำ VNRs โดยไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
กอปรกับไม่มีการลงนามในร่างปฏิญญาดังกล่าว ดังนั้น ร่างปฏิญญาฯ จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ
และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความมุ่งมั่นระดับประเทศ (National Commitment) ที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ใน HLPF ห้วงปี ค.ศ. ๒๐๒๓ ด้วย
และให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมผลการปรับแก้ร่างปฏิญญาดังกล่าวกับผลการปรับแก้เอกสารผลลัพธ์ความตกลงระหว่างประเทศของกรอบความร่วมมืออื่น
ๆ พร้อมทั้งผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องรายงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบในคราวเดียวกัน
รวมทั้งสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2200 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 11 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค. | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน
ครั้งที่ ๑๑ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑ - ๖ เมษายน ๒๕๖๗ ณ
เมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยในการประชุมฯ ได้มีการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุม
AFMGM ครั้งที่
๑๑ ซึ่งในระหว่างการประชุมได้มีการปรับปรุงร่างแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว เช่น
การปรับรายงานประมาณการเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับรายงานล่าสุดของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน
+ ๓ และเพิ่มถ้อยคำสนับสนุนให้มีการหารือเพื่อผลักดันการจัดการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอาเซียน ครั้งที่ ๒ โดยมีบางถ้อยคำแตกต่างจากฉบับร่างตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒ เมษายน ๒๕๖๖๗ เพื่อให้มีความเหมาะสม และสะท้อนข้อเท็จจริงมากขึ้น
โดยไม่กระทบสาระสำคัญ ไม่กระทบหรือขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย
และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|