ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1028 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20541 - 20560 จากข้อมูลทั้งหมด 124288 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20541 | ร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
20542 | สรุปผลการเข้าร่วมประชุมใหญ่ประจำปีขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ 105 | รง | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเข้าร่วมประชุมใหญ่ประจำปีขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ ๑๐๕ (105th Session of International Labour Conference : 105th Session of ILC) ณ สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ ๓๐ พฤษภาคม-๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๙ ของคณะผู้แทนไตรภาคีไทย ซึ่งประกอบด้วยรัฐบาล นายจ้างและลูกจ้าง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าวปราศรัยในที่ประชุมเต็มคณะ เรื่อง การยุติความยากจนเพื่อบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ว่า ประเทศไทยสนับสนุนให้องค์การแรงงานระหว่างประเทศพัฒนาแนวทาง "ความริเริ่มว่าด้วยการยุติความยากจน (The End to Poverty Initiative)" ต่อไป ซึ่งประเทศไทยได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นแนวคิดแห่งการพึ่งพาตนเอง รวมทั้งแนวทาง "ประชารัฐ" มาเป็นหลักของการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานนำเสนอแนวคิดการให้โอกาสแก่ประชาชนทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีรายได้น้อยและไม่มีงานที่มั่นคงให้ได้รับความคุ้มครองและสามารถพึ่งพาตนเองได้ภายใต้หลักการ "๓ โอกาส" คือ โอกาสแห่งการเริ่มต้น โอกาสในการพัฒนา และโอกาสในการได้รับการคุ้มครองทางสังคม ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเข้าร่วม ASEAN Labour Minister'' Breakfast Meeting เป็นการหารือระหว่างรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนซึ่งจัดขึ้นทุกปีในระหว่างการประชุมใหญ่ ILC ซึ่งในปีนี้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นเจ้าภาพ ๓. การยื่นจดทะเบียนสัตยาบันสารอนุสัญญาแรงงานทางทะเล ค.ศ. ๒๐๐๖ (Maritime Labour Convention : MLC, 2006) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้นำสัตยาบันสารอนุสัญญาฯ ยื่นจดทะเบียนต่อผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศ โดยอนุสัญญาจะมีผลบังคับใช้กับประเทศไทยในวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ และเกิดประโยชนแก่ประเทศไทย คือ เจ้าของเรือมีความเชื่อมั่นในการนำเรือเดินทะเลไปเทียบท่ายังประเทศที่ให้สัตยาบันอนุสัญญาแล้ว เนื่องจากมีใบรับรองด้านแรงงานทางทะเลตามที่อนุสัญญากำหนด โดยที่รัฐบาลไทยยังคงมีรายได้จากการจดทะเบียนเรือ ภาษีอากรจากการประกอบธุรกิจของบริษัทเจ้าของเรือ รวมถึงรายได้อื่นที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้นยังเป็นการเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศได้อีกด้วย |
|||||||||||||||||||||
20543 | การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนซึ่งต้องชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกา | กค | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนซึ่งต้องชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกา โดยบริษัทที่อยู่ระหว่างอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หรือฟ้องศาลต้องถอนอุทธรณ์หรือถอนฟ้องแล้วแต่กรณี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20544 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 26/2559 เรื่อง การจัดหาที่ดินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อแก้ไขปัญหา การบุกรุกลำน้ำสาธารณะ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 27/2559 เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน จากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายกัน | สลธ.คสช. | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๖/๒๕๕๙ เรื่อง การจัดหาที่ดินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกลำน้ำสาธารณะ สั่ง ณ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๗/๒๕๕๙ เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน สั่ง ณ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
20545 | การขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รายการที่ปรากฏในพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2558 | มท | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการให้ใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินรายการตามพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๕๘ รายการที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการต่อ จำนวน ๔๒๐ รายการ เป็นเงิน ๑,๔๙๖,๖๐๓,๖๒๙ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนงาน และรายงานผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่อคณะรัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20546 | แผนปฏิบัติการ พ.ศ. 2559 - 2561 ภายใต้แผนงานทันตสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุประเทศไทย พ.ศ. 2558 - 2565 | สธ | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑ ภายใต้แผนงานทันตสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ ระยะที่ ๑ (ปีงบประมาณ ๒๕๕๙-๒๕๖๑) ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การพัฒนารูปแบบบริการระบบบริการ คุณภาพบริการ การเข้าถึงบริการด้านทันตสุขภาพของผู้สูงอายุ (๒) การศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ (๓) การพัฒนาบุคลากรและหลักสูตรด้านทันตกรรมผู้สูงอายุ และ (๔) การบริหารจัดการ การพัฒนาระบบฐานข้อมูล การติดตามประเมินผลการดำเนินงานเพื่อให้มีระบบบริหารจัดการที่ดี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินงานให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และ พ.ศ. ๒๕๖๑ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อดำเนินการและเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการดังกล่าวตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนแต่ละกลุ่ม รวมทั้งผู้สูงอายุได้รับทราบสิทธิประโยชน์ของตนเอง การประชาสัมพันธ์หน่วยบริการทันตกรรมที่มีศักยภาพและความสามารถในการจัดบริการเฉพาะทางให้ประชาชนทุกช่วงวัยทราบ เพื่อให้ได้มีโอกาสเข้าถึงบริการด้านทันตกรรมและทันตสาธารณสุขเพิ่มมากขึ้น การนำแผนไปสู่การปฏิบัติต้องมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินโครงการ กิจกรรม ที่หน่วยงานนั้น ๆ ดำเนินการอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าคุ้มทุนและเป็นการประหยัดงบประมาณแผ่นดิน การดำเนินการร่วมกันระหว่างสถานพยาบาลภาครัฐทุกสังกัดและภาคเอกชนในแต่ละเขตสุขภาพ เพื่อก่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกันในการจัดบริการและเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงบริการทันตสุขภาพของผู้สูงอายุ การกำหนดตัวชี้วัดที่สะท้อนผลสัมฤทธิ์ด้านการส่งเสริมป้องกันการเกิดโรค นอกจากการเข้าถึงบริการการรักษา อาทิ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลช่องปากของผู้สูงอายุ และภาวะโภชนาการที่สัมพันธ์กับสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุ เพื่อนำไปสู่การปรับแผนปฏิบัติการฯ ในระยะที่สองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการบูรณาการขั้นตอนและการดำเนินงานให้ครอบคลุมทั้งระบบสวัสดิการและสิทธิต่าง ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20547 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดเชียงใหม่ และกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายรอนัลด์ จอห์น เอลเลียตต์ (Mr. Ronald John Elliott) และนางเฮทเทอร์ แอนน์ รีด (Ms. Heather Ann Reid)] | กต | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ จำนวน ๒ ราย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายรอนัลด์ จอห์น เอลเลียตต์ (Mr. Ronald John Elliott) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ น่าน สุโขทัย อุตรดิตถ์ และตาก สืบแทน นายไมเคิล วอลเตอร (Mr. Michael Walther) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๒. นางเฮทเทอร์ แอนน์ รีด (Ms. Heather Ann Reid) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี สืบแทน นายเคนเน็ธ จง (Mr. Kenneth Chung) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
|
|||||||||||||||||||||
20548 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (นายสัญชัย เกตุวรชัย) | กษ | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสัญชัย เกตุวรชัย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านวางแผนและโครงการ) (วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ) กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20549 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลยะรม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา พ.ศ. .... | คค | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลยะรม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลยะรม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจ และทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20550 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าขุนแม่กวง ป่าสันทราย ป่าแม่ออน ป่าขุนแม่ทา ป่าดอยขุนตาล และป่าแม่ธิ แม่ตีบ แม่สาร ในท้องที่ตำบลเทพเสด็จ ตำบลลวงเหนือ ตำบลป่าเมี่ยง ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด ตำบลห้วยแก้ว ตำบลออนเหนือ ตำบลออนกลาง ตำบลทาเหนือ ตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลห้วยยาบ ตำบล บ้านธิ อำเภอบ้านธิ ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้) | ทส | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าขุนแม่กวง ป่าสันทราย ป่าแม่ออน ป่าขุนแม่ทา ป่าดอยขุนตาล และป่าแม่ธิ แม่ตีบ แม่สาร ในท้องที่ตำบลเทพเสด็จ ตำบลลวงเหนือ ตำบลป่าเมี่ยง ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด ตำบลห้วยแก้ว ตำบลออนเหนือ ตำบลออนกลาง ตำบลทาเหนือ ตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลห้วยยาบ ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้) เพื่อสงวนไว้ให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติดังเดิม มิให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไป เพื่อประโยชน์แก่การศึกษาและรื่นรมย์ของประชาชน และเพื่ออำนวยประโยชน์อื่นแก่รัฐและประชาชน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการออกกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในส่วนที่ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามร่างพระราชกฤษฎีกานี้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจแก่ชุมชนในท้องถิ่นเกี่ยวกับการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ โดยเปิดโอกาสให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาพื้นที่ป่า และในส่วนของพื้นที่ซึ่งได้กันออกจากเขตอุทยานแห่งชาติเพื่อจัดสรรเป็นที่ดินทำกินแก่ประชาชน ควรมีการส่งเสริมแนวทางการทำเกษตรกรรมที่เหมาะสมสอดคล้องกับแนวทางการอนุรักษ์พื้นที่ป่า รวมถึงส่งเสริมแนวทางดำรงชีพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20551 | สรุปผลการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ ครั้งที่ 4 | กต | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ ครั้งที่ ๔ และผลการปฏิบัติภารกิจอื่น ๆ ระหว่างวันที่ ๓๐ มีนาคม-๑ เมษายน ๒๕๕๙ ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว และมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมระดับผู้นำฯ ได้เน้นย้ำความสำคัญของการเสริมสร้างความมั่นคงทางนิวเคลียร์ และความร่วมมือเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายในภาพรวม โดยเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข่าวกรอง และการร่วมฝึกซ้อมเหตุการณ์จำลองสถานการณ์ก่อการร้ายระดับระหว่างประเทศมากขึ้น และได้รับรองแถลงการณ์การประชุมระดับผู้นำฯ และแผนปฏิบัติการ ๕ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนสหประชาชาติ (๒) ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (๓) ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนองค์การตำรวจสากล (๔) ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนความริเริ่มระดับโลกเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายทางนิวเคลียร์ และ (๕) ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนหุ้นส่วนระดับโลกว่าด้วยการต่อต้านการแพร่ขยายอาวุธและวัสดุที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ร่วมสนับสนุนข้อเสนอความร่วมมือโดยสมัครใจ (Gift Baskets) เพื่อขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงทางนิวเคลียร์ในสาขาต่าง ๆ ๒. นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานเลี้ยงรับรองอาหารค่ำซึ่งจัดโดยสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน และสภาหอการค้าสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๙ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในประเทศไทย และเชิญชวนให้ภาคเอกชนของสหรัฐอเมริกาขยายการค้า การลงทุน และความเป็นหุ้นส่วนกับไทย พร้อมทั้งได้หารือกับบริษัท Guardian และบริษัท Motorola Solution และเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ นายกรัฐมนตรีได้รับฟังการนำเสนอจากตัวแทนชาวไทยที่ทำงานอยู่ในธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศเกี่ยวกับมุมมองขององค์กรทั้งสองต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย และข้อริเริ่มของธนาคารโลกในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามแนวทางประชารัฐ พร้อมทั้งมอบแนวทางและคำแนะนำเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของชาวไทยในต่างประเทศในการเสริมสร้างความปรองดองและการพัฒนาประเทศ ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตุรกี เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือระหว่างกันในมิติต่าง ๆ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านการค้าและการลงทุน ซึ่งฝ่ายตุรกียังได้เสนอทางเลือกใหม่ให้กับการแก้ไขปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมืองชาวอุยกูร์ที่เหลืออยู่ในประเทศไทยด้วย |
|||||||||||||||||||||
20552 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางศิริพร เหลืองนวล) | กค | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางศิริพร เหลืองนวล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการคลัง (นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20553 | การต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีของสำนักงานธนานุเคราะห์ | พม | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต่ออายุสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีของสำนักงานธนานุเคราะห์เพื่อเป็นเงินทุนสำรองหมุนเวียนรับจำนำและสำหรับใช้จ่ายในการบริหารการเงินให้เกิดสภาพคล่องในกิจการ จำนน ๕๐๐ ล้านบาท ออกไปอีกเป็นเวลา ๒ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (สำนักงานธนานุเคราะห์) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการกำหนดแผนทางการเงินและแผนการบริหารความเสี่ยงที่มีความเหมาะสม เพื่อให้สามารถให้บริการประชาชนได้ทันต่อสถานการณ์ในทุกช่วงเวลาและไม่ส่งผลต่อภาระงบประมาณในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20554 | ขออนุมัติยกเลิกโครงการปรับปรุงห้องคอมพิวเตอร์สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ 118 แห่ง | กค | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังชี้แจงว่า การยกเลิกโครงการปรับปรุงห้องคอมพิวเตอร์สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ ๑๑๘ แห่ง ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของกรมสรรพากรในการจัดเก็บภาษีของรัฐ ๒. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้กรมสรรพากรยกเลิกโครงการปรับปรุงห้องคอมพิวเตอร์สำนักงานสรรพากรทั่วประเทศ ๑๑๘ แห่ง วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๗๐,๘๐๐,๐๐๐ บาท ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นว่า หากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการปรับปรุงพัฒนาโครงการดังกล่าว ควรจะแบ่งโครงการเป็นระยะ ๆ ต่อไป และในการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20555 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งปี 2558/59 ภายใต้มาตรการที่ 1 การส่งเสริมความรู้และสนับสนุนปัจจัยการผลิตเพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือน | กษ | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติขยายเวลาดำเนินโครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ภายใต้มาตรการที่ ๑ การส่งเสริมความรู้และสนับสนุนปัจจัยการผลิตเพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือน กิจกรรมสร้างรายได้จากปศุสัตว์และประมงในฤดูแล้ง จากสิ้นสุดโครงการภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๙ เป็นสิ้นสุดโครงการภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการเฉพาะในส่วนของการจัดหาปัจจัยการผลิตซึ่งได้มีการลงนามในสัญญากับเอกชนแล้ว และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับกรณีที่หน่วยงานได้ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้วมีเงินเหลือจ่าย ก็ให้ส่งเงินคืนสำนักงบประมาณในโอกาสแรกด้วย และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินงานเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์และระยะเวลาที่ได้ขอขยายเพิ่มเติม ตลอดจนควรรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ และคณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20556 | ขออนุมัติหลักการในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพให้กับผู้เข้ารับการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ ภายใต้โครงการสร้างโอกาสในการพัฒนาสมรรถนะของผู้ประกอบอาชีพ | อื่นๆ | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการในการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพให้กับผู้เข้ารับการประเมินสมรรถนะใน ๕๓ สาขาวิชาชีพ ได้มีโอกาสเข้าสู่ระบบคุณวุฒิวิชาชีพเพื่อสร้างรายได้และความก้าวหน้าในอาชีพ ในระยะ ๕ ปีแรก ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ ประมาณ ๓๑๐,๐๐๐ คน ภายใต้โครงการสร้างโอกาสในการพัฒนาสมรรถนะของผู้ประกอบอาชีพ รวมทั้งวงเงินงบประมาณรายจ่ายสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ จำนวน ๒,๕๐๐ บาทต่อ ๑ คน ต่อ ๑ อาชีพ ต่อ ๑ ระดับชั้น สำหรับผู้เข้ารับการประเมินสมรรถนะฯ ตามที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เสนอ ทั้งนี้ งบประมาณในการดำเนินงานให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เห็นควรให้สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ใช้จ่ายจากเงินสะสมเหลือจ่ายหรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณแล้วแต่กรณี ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยให้พิจารณาดำเนินโครงการในลักษณะของการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายในการประเมินสมรรถนะดังกล่าวระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการ และผู้เข้ารับการประเมิน รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์แนวทางการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพที่ให้ผู้ประกอบอาชีพสามารถเข้าถึงโอกาสการประเมินสมรรถนะได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีแล้ว และมีบัญชาเพิ่มเติมว่า “ให้มีผลงานเป็นรูปธรรม/กำหนดว่าอะไรจะสำเร็จในระยะแรก ๑ ๒ ๓/เป็นตัวเลขทางวิทยาศาสตร์ ๒. ให้สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการให้สำนักงาน ก.พ. กำหนดให้ผู้ที่ผ่านการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพสามารถนำหนังสือรับรองสมรรถนะในสายงานที่เกี่ยวข้องมาใช้แสดงเป็นใบประกอบวิชาชีพเพื่อเพิ่มเงินแรกบรรจุในการเข้ารับราชการ การสนับสนุนค่าใช้จ่ายควรครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่มนักศึกษา กลุ่มคนทำงาน และกลุ่มคนไม่มีงานทำ เป็นต้น การกำหนดมาตรการแรงจูงใจสร้างความเชื่อมั่นและยอมรับมาตรฐานอาชีพจากภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาระบบการประเมินสมรรถนะให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึงการประเมินผลสัมฤทธิ์การใช้จ่ายงบประมาณควรเน้นเชิงคุณภาพมากกว่าเชิงปริมาณ การสร้างความตระหนักหรือการยอมรับในความสำคัญของระบบคุณวุฒิวิชาชีพสำหรับผู้ประกอบการและผู้ประกอบอาชีพในสาขาสำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของประเทศ การสร้างความเชื่อมั่นด้านกระบวนการจัดทำมาตรฐานและเครื่องมือการประเมินการรับรองสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชนในกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ที่มีบทบาทสำคัญต่อการผลิตและพัฒนากำลังคนให้มีสมรรถนะสอดคล้องกับความต้องการของภาคการผลิตและบริการ การจัดทำฐานข้อมูลเพื่อติดตามความก้าวหน้าในสายอาชีพของผู้ได้รับการประเมินสมรรถนะตามมาตรฐานอาชีพเพื่อประเมินความสำเร็จของโครงการฯ และการประชาสัมพันธ์มาตรฐานอาชีพ รวมทั้งกระบวนการในการจัดทำมาตรฐานอาชีพที่แสดงให้เห็นว่ามาจากความร่วมมือของกลุ่ม/สมาคมอาชีพร่วมกันพัฒนา การให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการและผู้เข้ารับการประเมินมีส่วนร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการประเมินสมรรถนะ รวมทั้งความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับการพิจารณาความเชื่อมโยงมาตรฐานและระบบการประเมินของหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องมาตรฐานอาชีพ เช่น กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ส่วนค่าใช้จ่ายในการประเมินสมรรถนะฯ ซึ่งในการทดสอบแต่ละสาขาวิชาชีพอาจจะมีค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน จึงควรพิจารณาความเหมาะสมของงบประมาณที่ใช้ในการประเมิน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงมหาดไทยพิจารณาทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยสาธารณะของผู้ประกอบอาชีพต่าง ๆ เช่น ผู้ขับขี่ยานพาหนะสาธารณะ ผู้ให้บริการหรือผู้ควบคุมเครื่องเล่นหรือเครื่องยนต์ในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวผู้ใช้บริการ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน |
|||||||||||||||||||||
20557 | การลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือเกี่ยวกับการดำเนินการของโครงการจัดการกองทุนรวมภูมิภาคเอเชียข้ามพรมแดนภายใต้กรอบเอเปค | กค | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือเกี่ยวกับการดำเนินการของโครงการจัดการกองทุนรวมภูมิภาคเอเชียข้ามพรมแดนภายใต้กรอบเอเปค (Memorandum of Cooperation on the Establishment and Implementation of the Asia Region Funds Passport : MOC) มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกการเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมระหว่างเขตเศรษฐกิจที่ร่วมลงนาม โดยกองทุนรวมที่ได้รับความเห็นชอบจากเขตเศรษฐกิจหนึ่ง (Home Jurisdiction) สามารถไปเสนอขายหน่วยลงทุนต่อผู้ลงทุนรายย่อยในเขตเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ (Host Jurisdiction) ได้ โดยดำเนินการผ่านตัวกลาง (Intermediaries) ที่ได้รับใบอนุญาตหรือกำกับดูแลโดยหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนของ Host Jurisdiction ๑.๒ มอบหมายให้เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือผู้แทน เป็นผู้ลงนามในร่าง MOC ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดแนวทางในการกำกับดูแลที่ชัดเจนเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งควรพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการดังกล่าว เช่น ความสามารถในการแข่งขัน และความสามารถในการปรับตัว เพื่อเตรียมมาตรการรองรับและสร้างความพร้อมให้กับภาคธุรกิจและสถาบันการเงินภายในประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความร่วมมือดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
20558 | (ร่าง) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) และ(ร่าง) บันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement on Employment) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา | รง | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) และ (ร่าง) บันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement on Employment) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดย (ร่าง) บันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญครอบคลุมความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสองประเทศในด้านแรงงาน ได้แก่ ความร่วมมือทางวิชาการ ความร่วมมือด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน ความร่วมมือด้านการจ้างงานระหว่างสองประเทศ และความร่วมมือด้านวิชาการอื่น ๆ ที่คู่เจรจามีความสนใจ และการจัดประชุมร่วมระหว่างสองฝ่ายทั้งระดับรัฐมนตรีและระดับหน่วยงานปฏิบัติ สำหรับ (ร่าง) บันทึกข้อตกลงฯ มีสาระสำคัญในการทบทวนการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฉบับเดิม ซึ่งได้มีการลงนามเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน และเพื่ออำนวยความสะดวกในการจ้างแรงงานให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส คำนึงถึงสิทธิของแรงงาน และขจัดปัญหาการจ้างงานผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ๑.๒ อนุมัติให้ พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้แทนฝ่ายไทยในการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) และบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement on Employment) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้ลงนามในเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าว ๑.๔ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขในเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการปรับแก้ถ้อยคำเล็กน้อยเพื่อความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20559 | ร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขนิยามคำว่า หนี้สาธารณะ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนเพิ่มเติมนิยามคำว่า หนี้เงินกู้ที่เป็นความเสี่ยงทางการคลัง ปรับปรุงองค์ประกอบและเพิ่มเติมอำนาจของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ และปรับปรุงกรอบการลงทุนของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับความสอดคล้องกับบทบัญญัติที่เกี่ยวกับหนี้สาธารณะในร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับหนี้เงินกู้ที่เป็นความเสี่ยงทางการคลังว่า กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการศึกษาเพื่อพัฒนาเครื่องมือหรือตัวชี้วัด ตลอดจนกรอบกฎหมายและแนวปฏิบัติเพื่อให้สามารถติดตามและกำกับดูแลหนี้ที่เป็นความเสี่ยงทางการคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพิจารณานำภาระงบประมาณที่จะต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีชดใช้ อาทิ กิจกรรมกึ่งการคลังผ่านสถาบันการเงินของรัฐ กำหนดไว้ในบทนิยามคำว่า "หนี้สาธารณะ" หรือ "หนี้เงินกู้ ีที่เป็นความเสี่ยงทางการคลัง" เพื่อให้ทราบสถานะของหนี้สาธารณะและภาระของงบประมาณได้อย่างครอบคลุม ครบถ้วนและชัดเจน ตลอดจนการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเป็นหนี้สาธารณะหรือหนี้เงินกู้หน่วยงานของรัฐควรจะเป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งการกำกับติดตามหนี้เงินกู้ที่เป็นความเสี่ยงทางการคลัง จะต้องให้ความรู้ความเข้าใจแก่หน่วยงานที่มีหนี้ในลักษณะดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในภาพรวมเกี่ยวกับการกำกับติดตามและการรายงานสถานะหนี้ให้มีความครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาภายใต้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอ |
|||||||||||||||||||||
20560 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ออสเตรเลีย | คค | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งออสเตรเลีย พร้อมทั้งบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ออสเตรเลีย ฉบับลงนามเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ โดยร่างความตกลงฯ จะใช้แทนความตกลงฯ ฉบับเดิม (ลงนามเมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๓) มีสาระสำคัญในการปรับปรุงและเพิ่มข้อบทของความตกลงฯ ให้สอดคล้องกับกฎหมายของทั้ง ๒ ประเทศ และเป็นไปตามหลักสากล รวมทั้งเน้นเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงานของสายการบิน ส่วนบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสิทธิการบินในด้านความจุความถี่และสิทธิรับขนการจราจรเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการให้บริการระหว่างกัน ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามความตกลงฯ ดังกล่าว ๓. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ และบันทึกความเข้าใจฯ ต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
.....