ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1023 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20441 - 20460 จากข้อมูลทั้งหมด 124288 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20441 | โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development) | นร11 | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบหลักการโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development) ให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน เพื่อส่งเสริม ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมายให้เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) โดยมีกรอบแนวคิดในการดำเนินโครงการ ดังนี้ ๑.๑ พื้นที่ดำเนินการ โดยดำเนินการใน ๓ จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง และจังหวัดฉะเชิงเทรา แบ่งเป็นเขตอุตสาหกรรม เขตพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเขตพัฒนาเมือง ๑.๒ การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วย ทางอากาศ ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ทางเรือ ได้แก่ ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือมาบตาพุด ทางถนน ได้แก่ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรุงเทพฯ-ชลบุรี พัทยา-มาบตาพุด และแหลมฉบัง-นครราชสีมา และทางราง ได้แก่ รถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย และช่วงกรุงเทพฯ-ระยอง ๑.๓ การดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชน ประกอบด้วย การให้สิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดิม การจัดตั้งกองทุนพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ การจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จการลงทุน (One Stop Service) การอำนวยความสะดวกในการอนุมัติเรื่องการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมและผังเมือง ความรวดเร็วในการออกใบอนุญาต การประกาศเป็นเขตปลอดภาษี การจัดหาที่ดินและระยะเวลาเช่าที่ดิน ระยะเวลาพำนักและทำงานของนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ สิทธิในการทำธุรกรรมทางการเงิน การใช้เงินตราต่างประเทศ การจัดตั้งศูนย์ธุรกรรมการเงิน และการจัดตั้งกองทุนในพื้นที่ร่วมกับชุมชนในท้องถิ่น ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับกระทรวงคมนาคม กองทัพเรือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนการดำเนินโครงการและงบประมาณค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยให้มีรายละเอียดครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ๒.๑ การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการขนส่งที่เชื่อมโยงทั้งระบบ ด้านพลังงาน ด้านสาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งด้านการวิจัยและพัฒนา ๒.๒ แผนดำเนินการด้านผังเมืองและการใช้ประโยชน์ที่ดิน แผนบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการขยะ และมลภาวะต่าง ๆ ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมและประชาชนในพื้นที่ด้วย ๒.๓ กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนและดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชน โดยเฉพาะการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี สิทธิการเช่าที่ดิน และการจัดหาแรงงาน รวมทั้งการจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จการลงทุน (One Stop Service) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนในการขออนุมัติอนุญาตการประกอบกิจการและให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ๒.๔ แผนการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน |
||||||||||||||||||||||||
20442 | รายงานผลความคืบหน้าของการดำเนินการตามโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ (ครั้งที่ 2) | มท | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลความคืบหน้าของการดำเนินการตามโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ (ครั้งที่ ๒) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินโครงการ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๙ จำนวนโครงการจังหวัดและสำนักงานจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ ๑-๑๘ เห็นชอบแผน/รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ แล้ว จำนวน ๘๕,๔๔๔ โครงการ คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ จำนวนบัญชีที่จังหวัดโอนเงินเข้าบัญชีตามงบประมาณที่สำนักงานจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ ๑-๑๘ เห็นชอบแผน/รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณฯ แล้ว จำนวน ๗๔,๕๘๘ หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามโครงการที่หมู่บ้านเสนอขอและได้รับอนุมัติและเห็นชอบแล้ว จำนวน ๘๕,๔๔๔ โครงการ คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ ๒. ผลการดำเนินการที่สามารถดำเนินการได้ก่อนกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ในขั้นตอน คือ จำนวนโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จและดำเนินการเบิกจ่ายเงินแล้ว จำนวน ๑,๗๑๕ โครงการ งบประมาณเบิกจ่ายทั้งสิ้น ๒๘๙,๑๙๑,๘๐๙ บาท ๓. ประเภทของโครงการของหมู่บ้าน แยกเป็น ๓ ประเภท คือ ด้านเศรษฐกิจ จำนวน ๔,๓๐๓ โครงการ ด้านสังคม จำนวน ๑,๒๐๒ โครงการ และด้านสาธารณประโยชน์ จำนวน ๗๙,๗๗๐ โครงการ ๔. ข้อมูลรายละเอียดโครงการ ประกอบด้วย โครงการประเภทหมู่บ้านจ้างเหมา จำนวน ๖๕,๒๘๖ โครงการ งบประมาณ ๑๑,๔๙๒,๗๖๖,๘๑๔ บาท และโครงการประเภทหมู่บ้านดำเนินการ จำนวน ๑๙,๙๘๙ โครงการ งบประมาณ ๓,๓๘๓,๔๒๑,๕๙๗ บาท
|
||||||||||||||||||||||||
20443 | ร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยออกตามความในมาตรา 18 (13) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 จำนวน 3 ฉบับ | คค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยออกตามความในมาตรา ๑๘ (๑๓) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ จำนวน ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสาร และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงคลองบางไผ่-เตาปูน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าโดยสาร และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงคลองบางไผ่-เตาปูน ซึ่งมีอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นที่ ๑๔ บาท สูงสุด ๔๒ บาท ๑.๒ ร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยอัตราค่าบริการจอดรถยนต์และวิธีการจัดเก็บค่าบริการจอดรถยนต์ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าบริการจอดรถยนต์โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ซึ่งมีอาคารจอดแล้วจร จำนวน ๔ แห่ง โดยกำหนดอัตราค่าบริการสำหรับผู้มาใช้บริการรถไฟฟ้า ในอัตราค่าบริการ ๑๐ บาท ต่อ ๒ ชั่วโมง และสำหรับผู้ไม่ใช้บริการรถไฟฟ้าชั่วโมงละ ๒๐ บาท ๑.๓ ร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วม วิธีการจัดเก็บค่าโดยสารร่วม และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารร่วมระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ และรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วมระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ และรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ซึ่งมีอัตราค่าโดยสารสูงสุดอยู่ที่ ๗๐ บาท และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารร่วม ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการนำระบบตั๋วร่วม (e-ticket) มาใช้ในการเชื่อมการเดินทางของประชาชนที่สัญจรโดยเรือโดยสาร รถไฟฟ้า และรถประจำทางตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง แผนการดำเนินงานโครงการลงทุนพัฒนาด้านคมนาคมขนส่ง ปี พ.ศ. ๒๕๕๘) และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พิจารณากำหนดเงื่อนไขหลักเกณฑ์การปรับอัตราค่าโดยสารที่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจและเป็นธรรมกับทั้ง รฟม. และประชาชนผู้ใช้บริการเพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานของ รฟม. ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20444 | ขอความเห็นชอบร่างเจตนารมณ์ว่าด้วยการจัดตั้งคณะทำงานความร่วมมือทางทหารระหว่างกองทัพบกกับกองกำลังป้องกันตนเองทางบกญี่ปุ่น | กห | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมจัดทำเจตนารมณ์ว่าด้วยการจัดตั้งคณะทำงานความร่วมมือทางทหารระหว่างกองทัพบกกับกองกำลังป้องกันตนเองทางบกญี่ปุ่น (Statement of Intent for the Royal Thai Army-Japan Ground Self-Defense Force Staff Working Group) เพื่อเป็นการเสริมสร้างและยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือทางทหารระหว่างกองทัพบกไทยกับกองกำลังป้องกันตนเองทางบกญี่ปุ่น และเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้มีการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดในเรื่องที่อยู่ในความสนใจของทั้งสองฝ่าย โดยมีขอบเขตเนื้อหาเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น การเยือน การหารือ ประสบการณ์ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การศึกษาและการวิจัย การเสริมสร้างขีดสมรรถนะในเชิงวิชาการ ข้อมูลข่าวสารทั่วไป รวมทั้งการมีส่วนร่วมในเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศ การมีส่วนร่วมเพื่อสนับสนุนความร่วมมือแบบพหุภาคี และความร่วมมือที่เกี่ยวข้องด้านอื่น ๆ ตามที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ๑.๒ ให้ผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทยในร่างเจตนารมณ์ฯ ดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเจตนารมณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||
20445 | (ร่าง) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว | รง | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดหลักการพื้นฐานเกี่ยวกับความร่วมมือด้านแรงงานร่วมกัน โดยมีกรอบความร่วมมือ ได้แก่ (๑) ความร่วมมือทางวิชาการ (๒) ความร่วมมือด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน (๓) ความร่วมมือด้านการจ้างแรงงาน (๔) ความร่วมมือด้านการคุ้มครองแรงงาน และ (๕) ความร่วมมือด้านการประกันสังคม เพื่อเป็นการดำเนินงานและติดตามการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฯ จะมีการจัดประชุมร่วมสองฝ่ายทั้งระดับรัฐมนตรีและระดับเจ้าหน้าที่ ๑.๒ อนุมัติให้ พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้แทนฝ่ายไทยในการลงนามในเอกสารดังกล่าว ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้ลงนามในเอกสารดังกล่าว ๑.๔ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ ๒. ให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดประสานการดำเนินการกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเพื่อจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานไทยให้แล้วเสร็จโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
20446 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (จำนวน 7 คน 1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิทักษ์ จันทร์เจริญ ฯลฯ) | ทส | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ จำนวน ๗ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิทักษ์ จันทร์เจริญ ประธานกรรมการ ๒. นายวีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาบริหารเศรษฐกิจการเกษตร ๓. นายสันติ บุญประคับ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ๔. นางดรุณี เอ็ดเวิร์ดส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาการเงิน ๖. นางกอบบุญ ศรีชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาบริหารธุรกิจ ๗. นายรัต ตระกูลฮุน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขานิติศาสตร์
|
||||||||||||||||||||||||
20447 | ขอแก้ไขการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการผังเมืองตามพระราชบัญญัติการผังเมือง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 มาตรา 6 (5) (นายสมศักดิ์ ตั้งทรงศิริศักดิ์ ฯ) | มท | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แก้ไขที่มาของการดำรงตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการผังเมืองที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติแต่งตั้งเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ ในส่วนของกรรมการผู้แทนสถาบันหรือองค์การอิสระ และบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง จาก “๔. นายสมศักดิ์ ตั้งทรงศิริศักดิ์ ผู้แทนสภาสถาปนิก” เป็น “๔. นายสมศักดิ์ ตั้งทรงศิริศักดิ์ บุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง” ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20448 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 40/2559 และครั้งที่ 41/2559 | นร | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๔๐/๒๕๕๙ วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๔๑/๒๕๕๙ วันศุกร์ที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20449 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ โดยที่พระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้มีการแก้ไขเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ให้ครอบคลุมลูกหนี้ที่ประกอบธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อให้มีโอกาสฟื้นฟูกิจการและไม่ต้องตกเป็นบุคคลล้มละลาย นั้น ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงยุติธรรมหารือร่วมกันเพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบปัญหาทางการเงินและประสบภาวะล้มละลายเพื่อให้สามารถฟื้นฟูกิจการของตนเองได้ รวมทั้งให้กำหนดมาตรการเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนด้วย ๑.๒ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๙ และ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ รับทราบกรอบการดำเนินโครงการประชารัฐ และโครงการประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุ (โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ) นั้น ให้กระทรวงการคลังกำกับดูแลการดำเนินโครงการดังกล่าวให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ อย่างเคร่งครัด ๒. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับการให้บริการภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ซึ่งมีผลต่อการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก เช่น กฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ กฎหมายล้มละลาย ที่ประกาศใช้บังคับแล้วว่ามีบทบัญญัติ กฎ หรือระเบียบใดที่เป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจหรือทำให้การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวไม่เกิดประสิทธิภาพเท่าที่ควร เช่น การไม่สามารถใช้บังคับกับทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวให้เร่งดำเนินการเพื่อให้มีผลใช้บังคับโดยเร็วต่อไป ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ร่วมกับกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการกำกับดูแลการก่อสร้างเส้นทางจราจร หรือทางเดินเท้าในบริเวณพื้นที่มีต้นไม้ใหญ่เป็นจำนวนมาก เพื่อให้การก่อสร้างดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อต้นไม้ในบริเวณนั้น รวมทั้งให้พิจารณาจัดหารุกขกรเพื่อมาทำหน้าที่ในการดูแลรักษาและตัดแต่งต้นไม้ใหญ่ให้เป็นไปตามหลักวิชาการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน ๓.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำดัชนีผลงานรัฐบาล (Government Performance Index) เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับผลการบริหารราชการแผ่นดินที่ผ่านมาของรัฐบาลในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม กฎหมาย การต่างประเทศ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้นำเสนอดัชนีผลงานรัฐบาลดังกล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว นั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาปรับปรุงรูปแบบการนำเสนอให้สามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นและนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งในสัปดาห์ต่อไป ๓.๓ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ชะลอเรื่องหลักการการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารไว้ก่อน
|
||||||||||||||||||||||||
20450 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2559 | กค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LBF165A ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๒๔,๔๕๐ ล้านบาท ได้ชำระคืนต้นเงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่ได้จากการโอนเงินสินทรัพย์คงเหลือจากบัญชีผลประโยชน์ประจำปี ๒๕๕๘ จำนวน ๖,๑๗๒,๕๒๓,๙๗๙.๓๓ บาท และได้กู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้วงเงินส่วนที่เหลือจำนวน ๑๘,๒๗๗,๔๗๖,๐๒๐.๖๗ บาท ประกอบด้วย (๑) เงินกู้ระยะสั้นโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) จำนวน ๓๗๗,๔๗๖,๐๒๐.๖๗ บาท อายุ ๒ เดือน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๕๐ ต่อปี และ (๒) ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) อายุ ๑๘๒ วัน อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ ๑.๓๗๙๕๘ ต่อปี ประมูลในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๑๗,๙๐๐ ล้านบาท ๒. กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงเกี่ยวกับผลการกู้เงินดังกล่าว จำนวน ๒ ฉบับ เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
20451 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเหรียญเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 พ.ศ. .... | กค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเหรียญเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดทำเหรียญเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้แสดงความกตัญญูกตเวที และความจงรักภักดี อีกทั้งสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
20452 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร09 | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ภายในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีนำร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเสนอนายกรัฐมนตรีลงนาม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20453 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ | ทก | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๙ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการตามเจตนารมณ์ของกรอบข้อตกลงเฮียวโกะ ได้แก่ การแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า การเสริมสร้างความเข้มแข็งในด้านภัยพิบัติให้แก่ชุมชน และการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ ๒. การพัฒนาระบบการเตือนภัยให้ชัดเจน แม่นยำ ทันเหตุการณ์ ตลอดจนต้องพัฒนาอุปกรณ์ เครื่องมือ ให้สอดรับกับความซับซ้อนและความหลากหลายของภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จึงมีความต้องการบุคลากรที่มีความชำนาญทางด้านเทคนิค ให้เอื้อกับภาระงานที่เพิ่มขึ้น ๓. การจัดระบบเทคโนโลยีและอุปกรณ์การเตือนภัยล่วงหน้าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้สามารถดำเนินการได้รวดเร็ว แม่นยำ และทั่วถึงครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงภัยทั่วประเทศ ๔. แนวทางการแก้ไขปัญหาที่ควรแก้ไขในลำดับแรก คือ การปรับปรุงสภาพปัจจุบันให้สมบูรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ได้แก่ การปรับปรุงระบบงานและโครงสร้างการปฏิบัติงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ การปรับปรุงระบบการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยสนับสนุนการปฏิบัติงาน และการเร่งซ่อมแซมและปรับปรุงอุปกรณ์เครื่องมือที่มีอยู่เป็นการด่วน ได้แก่ หอเตือนภัย และทุ่นตรวจวัดสึนามิ ๕. คณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติได้เร่งจัดทำยุทธศาสตร์การเตือนภัยพิบัติ เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาการเตือนภัย ให้สามารถปฏิบัติงานตามนโยบายรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมและพัฒนากลไกการดำเนินงานให้สามารถขับเคลื่อนงานไปจนบรรลุเป้าหมายด้านการเตือนภัยที่กำหนด
|
||||||||||||||||||||||||
20454 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | รง | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะ เพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ ๒๔ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง [the 24th ASEAN Labour Ministers Meeting (ALMM) and Related Meetings] ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ ๒๔ (24th ALMM) เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ที่ประชุมให้การรับรอง (๑) เอกสารอาเซียน มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ หลักการเกี่ยวกับแนวทางอาเซียนสำหรับการรับรองคุณวุฒิและการยอมรับระบบรับรองสมรรถนะ กรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน : ธรรมาภิบาลและโครงสร้าง เอกสารเกี่ยวกับแนวทางอาเซียนสำหรับความรับผิดชอบทางสังคมด้านแรงงาน เอกสารแนวทางอาเซียนเกี่ยวกับการปฏิบัติที่จำเป็นสำหรับสถานประกอบการด้านการป้องกันและการบริหารจัดการเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวีเอดส์ ปฏิญญาเวียงจันทน์ว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านจากการจ้างงานนอกระบบไปสู่การจ้างงานในระบบเพื่อมุ่งสู่การส่งเสริมงานที่มีคุณค่าในอาเซียน (๒) แผนงานอาเซียนด้านแรงงาน มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ แผนงานรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ๒๐๑๖-๒๐๒๐ แผนงานคณะทำงานอาวุโสแรงงานอาเซียนว่าด้วยแนวปฏิบัติด้านแรงงานที่ก้าวหน้าเพื่อเสริมสร้างความสามารถทางการแข่งขัน ๒๐๑๖-๒๐๒๐ ร่างแผนงานคณะกรรมการอาเซียนว่าด้วยการปฏิบัติให้เป็นไปตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของแรงงานต่างด้าว ๒๐๑๖-๒๐๒๐ และแผนปฏิบัติการเครือข่ายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยอาเซียน ทั้งนี้ มาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ ๒๕ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒. การประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๙ (9th ASEAN Plus Three Labour Ministers Meeting : 9th ALMM+3) เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยมีสาระสำคัญ (๑) ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อหัวข้อหลักของการประชุม และร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายและแนวปฏิบัติของแต่ละประเทศในการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านจากการจ้างงานนอกระบบไปสู่การจ้างงานในระบบ การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศบวกสามในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แนวปฏิบัติที่ดี รวมทั้งการส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (๒) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทยได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมเกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับการคุ้มครองแรงงานนอกระบบ การส่งเสริมให้แรงงานนอกระบบเข้าสู่การเป็นแรงงานในระบบ รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ เช่น การจัดตั้งคณะกรรมการทั้งในระดับชาติ ระดับจังหวัด การดำเนินโครงการประชารัฐ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม การจัดตั้งกองทุนสำหรับผู้รับงานไปทำที่บ้าน และโครงการประกันสังคมแบบสมัครใจ เป็นต้น (๓) รัฐมนตรีแรงงานอาเซียน+๓ รับทราบสถานะความร่วมมืออาเซียน-จีน เป็นความร่วมมือในการช่วยเหลือประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ความร่วมมือด้านการประกันสังคม และการจ้างงาน ความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น เป็นความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน และการพัฒนาอาชีวศึกษา ความร่วมมืออาเซียน-เกาหลีใต้ เป็นความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการอาชีวศึกษา การโยกย้ายถิ่นฐาน ทั้งนี้ มาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๑๐ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||
20455 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 5 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | ทส | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของประเทศไทยที่มีส่วนร่วมดำเนินงานดูแล อนุรักษ์ และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการร่วมมือดำเนินงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับประเทศสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง อีกทั้งยังส่งเสริมบทบาทผู้นำของประเทศไทยในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในการดำเนินงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแสดงถึงความพร้อมตลอดจนภาพลักษณ์ที่ดีในการส่งเสริมความร่วมมือในอนุภูมิภาค ๒. การจัดประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีกำหนดจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน หรือเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยช่วงระยะเวลาในการจัดประชุมระดับรัฐมนตรีฯ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากประเทศสมาชิกทั้ง ๖ ประเทศก่อน ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะต้องแจ้งการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ดังกล่าวต่อที่ประชุมประจำปีคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อมของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๒๒ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และจัดทำคำของบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมต่อไป ซึ่งขณะนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ระหว่างการเตรียมการจัดทำรายละเอียดวงเงินและคำของบประมาณ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ในวงเงิน ๑๒,๓๐๐,๐๐๐ บาท |
||||||||||||||||||||||||
20456 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน 4 ฉบับ | สลธ.คสช. | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๔ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๙/๒๕๕๙ เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว ในกรณีที่มีการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นเทศบาล การยกฐานะเป็นเทศบาล หรือการเปลี่ยนแปลงฐานะของเทศบาล สั่ง ณ วันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๐/๒๕๕๙ เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนและนักศึกษา สั่ง ณ วันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๓. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๑/๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ สั่ง ณ วันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๔. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๒/๒๕๕๙ เรื่อง มาตรการป้องกันการลักลอบนำสารเคมี วัสดุ หรือเครื่องมือบางประเภทไปใช้ผลิตยาเสพติด สั่ง ณ วันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||
20457 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการถนนสาย ฉช.3001 แยก ทล. 314 - ลาดกระบัง จังหวัดฉะเชิงเทรา, สมุทรปราการ (สัญญาที่ 1) และ (สัญญาที่ 2) | คค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงชนบทก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการถนนสาย ฉช.๓๐๐๑ แยก ทล.๓๑๔-ลาดกระบัง จังหวัดฉะเชิงเทรา, สมุทรปราการ สัญญาที่ ๑ ในวงเงิน ๑,๘๗๑,๒๓๙,๐๐๐ บาท และสัญญาที่ ๒ ระยะทาง ๙.๓๒๘ กิโลเมตร ในวงเงิน ๑,๘๔๑,๕๗๐,๐๐๐ บาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20458 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 33/2559 เรื่อง ให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่น | สลธ.คสช. | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๓/๒๕๕๙ เรื่อง ให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่น สั่ง ณ วันที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20459 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 พ.ศ. .... | กค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์ทองคำ ราคาหนึ่งหมื่นหกบาท หนึ่งชนิด เหรียญกษาปณ์เงิน ราคาแปดร้อยบาท หนึ่งชนิด และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคาห้าสิบบาท หนึ่งชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
20460 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองหก ตำบลคลองเจ็ด อำเภอคลองหลวง และตำบลบึงชำอ้อ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. .... | คค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองหก ตำบลคลองเจ็ด อำเภอคลองหลวง และตำบลบึงชำอ้อ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองหก ตำบลคลองเจ็ด อำเภอคลองหลวง และตำบลบึงชำอ้อ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี เพื่อสร้างทางหลวงชนบท ปท. ๔๐๐๑ ตามโครงการก่อสร้างทางต่างระดับ ข้ามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๕๒ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจร และการขนส่งอันเป็นสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....