ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1029 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20561 - 20580 จากข้อมูลทั้งหมด 124288 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20561 | รายงานผลการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรมให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ปี 2556 - 2557 | พม | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานผลการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรมแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้เปิดให้ผู้ได้รับผลกระทบยื่นเรื่องขอรับความช่วยเหลือเยียวยาฯ ระหว่างวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์-๑๗ มีนาคม ๒๕๕๙ มีผู้มายื่นขอรับความช่วยเหลือรวมทั้งสิ้น ๘๒๐ คน มีผู้ผ่านการพิจารณา ๑๒๕ คน เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๐,๘๗๘,๔๕๙ บาท ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้จัดโครงการมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาฯ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นประธานในงานดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
20562 | การกำหนดเงื่อนไข หลักเกณฑ์ ประเภทงานก่อสร้าง สูตรและวิธีการคำนวณที่ใช้กับสัญญาแบบปรับได้ (ค่า K) ของการประกวดราคานานาชาติ และ กำหนดแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2532 กรณีการจ้างเหมาก่อสร้างแบบ Design and Build | นร07 | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเงื่อนไข หลักเกณฑ์ ประเภทงานก่อสร้าง สูตรและวิธีการคำนวณที่ใช้กับสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ของการประกวดราคานานาชาติ และแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ (เรื่อง การพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้าง) กรณีการจ้างเหมาก่อสร้างแบบ Design and Build ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. การใช้ดัชนีราคาฐานคำนวณค่า K ให้ใช้ ๒๘ วัน ก่อนวันยื่นซองประกวดราคา (แทนการคำนวณใช้ดัชนีเดือนเปิดซองประกวดราคา) เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ มีวงเงินค่าจ้างสูง มีความซับซ้อนต้องใช้เทคโนโลยีในการก่อสร้างจากประสบการณ์ของผู้รับจ้าง และผู้รับจ้างต้องใช้ระยะเวลาในการจัดเตรียมเอกสารและข้อมูลในการเสนอราคา ซึ่งเป็นการรับซองประกวดราคา ๓ ซอง คือ ซองคุณสมบัติ ซองเทคนิค และซองราคา ซึ่งกว่าจะเปิดซองราคาต้องใช้ระยะเวลามาก และมิได้ก่อให้เกิดข้อได้เปรียบหรือเสียเปรียบแต่อย่างใด เพราะทั้ง ๒ ฝ่ายรับความเสี่ยงและความผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้างเท่ากัน ทั้งนี้ กรณีงานเพิ่มเติม หากมีการตกลงราคาใหม่โดยราคาต่อหน่วยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ให้ใช้วันที่ตกลงราคาใหม่ แทนการใช้ ๒๘ วัน ก่อนวันยื่นซองประกวดราคา ๒. การขอเงินชดเชยค่างานก่อสร้างเพิ่มให้นับ ๙๐ วัน ตั้งแต่วันที่ผู้ว่าจ้างออกหนังสือรับรองผลงานแล้วเสร็จ (Certificate of Completion) ของงานงวดสุดท้าย (แทนการนับ ๙๐ วัน ตั้งแต่วันที่ส่งมอบงานงวดสุดท้าย) เนื่องจากเป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ การส่งมอบงานงวดสุดท้ายจะมีงานบางส่วนเหลือเล็กน้อย ซึ่งผู้รับจ้างต้องดำเนินการให้เรียบร้อยจึงจะตรวจรับและออกหนังสือรับรอง ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจรับงาน และจะเป็นประโยชน์กับทางราชการเพื่อให้มีการตรวจสอบงานได้สมบูรณ์ครบถ้วนโดยไม่ต้องรีบจ่ายเงินค่างานก่อสร้าง ๓. การจัดจ้างงานออกแบบพร้อมก่อสร้าง (Design and Build) เช่น งานก่อสร้างอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน งานระบบรางรถไฟฟ้า เป็นต้น และการจ้างเหมาก่อสร้างแบบ Turnkey เป็นงานจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ มีรูปแบบและขอบเขตการดำเนินงานครอบคลุมการสำรวจ ออกแบบ และก่อสร้างจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ โดยผู้รับจ้างรายเดียว ผู้รับจ้างเสนอราคาเป็นราคาเหมารวมไม่มีรายละเอียดบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคา (Bill of Quantities : B.O.Q.) มีการบวกราคาเผื่อความเสี่ยงต่าง ๆ รวมทั้งเผื่อการผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรงงานที่เกิดขึ้นในอนาคตไว้แล้ว ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักการแนวคิดของการใช้สัญญาแบบปรับราคาได้ ที่มีวัตถุประสงค์ในการลดความเสี่ยงของผู้รับจ้างจากความผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้าง และป้องกันมิให้ผู้รับจ้างบวกราคาเผื่อการเปลี่ยนแปลงวัสดุไว้ล่วงหน้า จึงไม่สมควรนำเงื่อนไข หลักเกณฑ์ ประเภทงานก่อสร้าง สูตรและวิธีการคำนวณที่ใช้กับสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ มาใช้ |
||||||||||||||||||||||||
20563 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการในโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ (รายการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำท่าว้า บริเวณวัดชีธาราม หมู่ที่ 1 ตำบลไร่รถ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี) | มท | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ งบลงทุน จากรายการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำท่าจีน บริเวณวัดจันทร์ภาวนาราม หมู่ที่ ๓ (ตั้งแต่เขตวัดไปทางทิศเหนือถึงถนนสาธารณประโยชน์) ตำบลสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ความยาว ๖๐๐ เมตร เป็นรายการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำท่าว้า บริเวณวัดชีธาราม หมู่ที่ ๑ ตำบลไร่รถ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ความยาว ๕๓๐ เมตร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20564 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การระหว่างประเทศและการประชุมระหว่างประเทศในประเทศไทย พ.ศ. .... | กต | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การระหว่างประเทศและการประชุมระหว่างประเทศในประเทศไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้มีกฎหมายคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การระหว่างประเทศและการประชุมระหว่างประเทศในประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าบทบัญญัติบางประการอาจไม่สอดคล้องกับข้อบทที่ทำความตกลงไว้ เห็นควรให้ตัดร่างมาตรา ๗ ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหารือกระทรวงการต่างประเทศเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การฯ เนื่องจากปัจจุบันได้ปฏิบัติตามแนวทางนี้อยู่แล้ว เห็นควรให้ตัดมาตราที่เกี่ยวข้องกับการยกเว้นภาษีออก เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๙ ได้วางแนวทางว่าเรื่องใดไม่ใช่กฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากรไม่ให้มีบทบัญญัติกำหนดยกเว้นภาษีอากรตามกฎหมายว่าด้วยภาษีอากร รวมทั้งควรมีการกำหนดขอบเขตและนิยามในเรื่องข้อกำกัดด้านการเงินและการแลกเปลี่ยนเงินตราให้ชัดเจน และเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีความซับซ้อนควรพิจารณาในรายละเอียดอย่างรอบคอบ โดยต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับกฎหมายภายในประเทศและพันธกรณีระหว่างประเทศของไทยด้วย สำหรับในส่วนของการใช้ถ้อยคำเกี่ยวกับการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันในเรื่องการยกเว้นจากการควบคุมหรือกำกัดด้านการเงินตามร่างพระราชบัญญัติฯ มีขอบเขตกว้างกว่าเอกสิทธิ์การยกเว้นจากการควบคุมหรือกำกัดเงินตรา (Currency) ที่รัฐบาลไทยเคยให้แก่องค์การระหว่างประเทศ ที่ผ่านมา ทำให้อาจยังไม่มีความชัดเจนว่ามีขอบเขตกว้างเพียงใด และอาจเกี่ยวข้องกับการยกเว้นการดำเนินการภายใต้หน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ และนอกจากจะกำหนดให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในการทำความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยหรือหน่วยงานของรัฐ กับรัฐบาลต่างประเทศ หน่วยงานของรัฐต่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศหรือองค์การอื่นที่จัดตั้งตามหนังสือสัญญา ต้องหารือกับกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ควรกำหนดให้หน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบดังกล่าวหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ไปประกอบการพิจารณาด้วย ๓. ให้เชิญกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมชี้แจงในขั้นตอนการตรวจพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
20565 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมในโอกาสการเยือนสาธารณรัฐอินเดียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | กต | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมในโอกาสการเยือนสาธารณรัฐอินเดียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี (Joint Statement by India and Thailand on the State Visit of Prime Minister of Thailand General Prayut Chan-o-cha to India) เพื่อให้นายกรัฐมนตรีร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าวระหว่างการเยือนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมและติดตามความร่วมมือทวิภาคีไทย-อินเดีย ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ เศรษฐกิจ ความเชื่อมโยง ความมั่นคงและกลาโหม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วัฒนธรรม การศึกษา การแลกเปลี่ยนในระดับประชาชน และความร่วมมือในระดับภูมิภาคและในระดับพหุภาคี รวมทั้งเพื่อเป็นการปูทางสำหรับการเฉลิมฉลองครบรอบ ๗๐ ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อินเดียในปี ๒๕๖๐ ซึ่งการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ จะแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองและความพร้อมของไทยที่จะดำเนินความร่วมมือทวิภาคีไทย-อินเดีย เพื่อเสริมสร้างความมั่นคง ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และสาขาความร่วมมืออื่น ๆ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชนของทั้งสองประเทศ รวมทั้งจะเป็นการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างไทยกับอินเดีย และจะมีผลในการช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||
20566 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณการจัดกิจกรรมโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ | กห | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑,๓๗๐,๗๘๗,๑๐๐ บาท ให้กองบัญชาการกองทัพไทยและกองทัพบก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ ตามนโยบายของรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหมตรวจสอบการดำเนินการตามโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับโครงการที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และการดำเนินงานของหน่วยงานอื่นที่มีลักษณะเดียวกัน รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||
20567 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (นายปฏิคม วงษ์สุวรรณ) | ยธ | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปฏิคม วงษ์สุวรรณ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20568 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำลังพลสำรอง (จำนวน 5 คน 1. พลเอก ธนดล เผ่าจินดา ฯลฯ) | กห | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำลังพลสำรอง จำนวน ๕ คน ตามพระราชบัญญัติกำลังพลสำรอง พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. พลเอก ธนดล เผ่าจินดา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๒. นายพรชาต บุนนาค กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. พลเอก อภิชัย ทรงศิลป์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายประพันธ์ ปุษยไพบูลย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. พลเอก วิเชียร มัญญะหงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||
20569 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต (จำนวน 5 คน 1. นางสุดา วิศรุตพิชญ์ ฯลฯ) | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งจะครบวาระสองปี ในวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค นางสุดา วิศรุตพิชญ์ นายลวรณ แสงสนิท ๒. ด้านการเงินการธนาคาร นางสาวอาริศรา ธรมธัช ๓. ด้านคอมพิวเตอร์ นายเกียรติณรงค์ วงศ์น้อย ๔. ผู้แทนผู้ประกอบการด้านธุรกิจภาคเอกชน นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์
|
||||||||||||||||||||||||
20570 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (นายกรณินทร์ กาญจโนมัย) | คค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกรณินทร์ กาญจโนมัย ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย เพิ่มเติม ตามมาตรา ๒๔ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20571 | การแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์) | พน | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตามมติคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๙ (วาระพิเศษ) เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ลาออกจากการเป็นพนักงานก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
20572 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (จำนวน 6 คน 1. นายศักรินทร์ ภูมิรัตน ฯลฯ) | วท | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ จำนวน ๖ คน แทนกรรมการเดิมที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. นายศักรินทร์ ภูมิรัตน ประธานกรรมการ ๒. นายอมเรศ ภูมิรัตน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านชีววิทยาศาสตร์ ๓. นายประสิทธิ์ ผลิตผลการพิพม์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านชีววิทยาศาสตร์ ๔. นายเกียรติ รักษ์รุ่งธรรม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านชีววิทยาศาสตร์ ๕. นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านธุรกิจและการลงทุน ๖. นายภักดี โพธิศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหาร
|
||||||||||||||||||||||||
20573 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (จำนวน 10 คน 1. หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล ฯลฯ) | นร12 | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ จำนวน ๑๐ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบกำหนดวาระสี่ปีแล้ว เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ด้านการเงินการคลัง หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล ๑.๒ ด้านเศรษฐศาสตร์ รองศาสตราจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ นายอำพน กิตติอำพน ๑.๓ ด้านรัฐศาสตร์ นายจเด็จ อินสว่าง ๑.๔ ด้านนิติศาสตร์ คุณพรทิพย์ จาละ ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ ๑.๕ ด้านบริหารรัฐกิจ นายปรีชา วัชราภัย ๑.๖ ด้านบริหารธุรกิจ นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ๑.๗ ด้านจิตวิทยาองค์การ นายปิติ ตันฑเกษม ๑.๘ ด้านสังคมวิทยา นางจุรี วิจิตรวาทการ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในครั้งต่อไปให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
20574 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน (จำนวน 5 คน 1. นายสมชัย สัจจพงษ์ ฯลฯ) | นร12 | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน จำนวน ๕ คน ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙) ดังนี้
๑. นายสมชัย สัจจพงษ์ ๒. นายเฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารองค์การมหาชน) ๓. นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ๔. นายสุรพล นิติไกรพจน์ (ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารองค์การมหาชน) ๕. นายรณภพ ปัทมะดิษ
|
||||||||||||||||||||||||
20575 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (นางดวงวดี สังโขบล) | สธ | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางดวงวดี สังโขบล ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล แทน นายสุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ที่ลาออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป และให้มีวาระเท่ากับระยะเวลาที่เหลืออยู่ของคณะกรรมการบริหารสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาลที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติแต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20576 | ผลการดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายระดับผู้นำภาครัฐและเอกชนไทย - กัมพูชา | พณ | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายระดับผู้นำภาครัฐและเอกชนไทย-กัมพูชา โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายระดับผู้นำภาครัฐและเอกชนไทย-กัมพูชา และได้เชิญผู้บริหารระดับสูงภาครัฐและนักธุรกิจชั้นนำของกัมพูชาเดินทางเยือนไทย ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และจัดกิจกรรมให้ได้พบกับนักธุรกิจชั้นนำของไทยเพื่อการสร้างเครือข่ายที่เมืองพัทยาและกรุงเทพมหานคร โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เป็นประธานเปิดงานและกล่าวสุนทรพจน์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา กล่าวสุนทรพจน์ ซึ่งโครงการนี้ เปิดโอกาสให้กลุ่มชนชั้นนำของไทยและกัมพูชาได้พบปะสร้างสัมพันธ์ผ่านกิจกรรมเสริมสร้างเครือข่ายธุรกิจในบรรยากาศแบบเป็นกันเองและมิตรภาพที่เกิดขึ้นจากการทำกิจกรรมร่วมกัน รวมทั้งได้พูดคุยในเรื่องที่ชมชอบเหมือนกัน ส่งผลเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจ ความไว้วางใจ (trust) ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะต่อยอดสู่การขยายผลทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ไทย-กัมพูชาได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังช่วยปรับทัศนคติของผู้ประกอบการไทยต่อนักธุรกิจกัมพูชา และรับรู้เกี่ยวกับศักยภาพของกลุ่มมหาเศรษฐีกัมพูชา เพื่อการจับคู่ทางการค้าและการลงทุนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20577 | มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2559/60 ด้านการตลาด | พณ | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการตลาด ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ โครงการที่ดำเนินการโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน ๓ โครงการ วงเงิน ๕,๘๒๔.๔๗ ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ โครงการสินเชื่อเกษตรกรเพื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ และโครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น เห็นควรให้ ธ.ก.ส. กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๑.๒ โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ดำเนินการโดยกระทรวงพาณิชย์ วงเงิน ๙๔๐ ล้านบาท มีกำหนดระยะเวลารับสมัครและกลั่นกรองวงเงินสินเชื่อของธนาคารตั้งแต่วันที่ ๑๕ สิงหาคม-๑๕ กันยายน ๒๕๕๙ จึงยังไม่มีภาระงบประมาณเพื่อชดเชยดอกเบี้ยแก่ผู้ประกอบการของโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ กรณีมีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่าย เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณคงเหลือจากโครงการชดเชยดอกเบี้ย ปีการผลิต ๒๕๕๗/๕๘ ที่มีงบประมาณคงเหลืออยู่อีก จำนวน ๒๗๖,๗๙๘,๓๘๐.๒๔ บาท ในโอกาสแรกก่อน และหากไม่เพียงพอหรือมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้กระทรวงพาณิชย์ขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการติดตามประเมินผลและรายงานผลการดำเนินมาตรการดังกล่าวให้ทันต่อสถานการณ์ การประชาสัมพันธ์โครงการในหลายช่องทางอย่างทั่วถึงและการติดตามประเมินผลสำเร็จการดำเนินงานและปัญหาอุปสรรคของโครงการฯ การให้ความสำคัญกับการพิจารณาศักยภาพของสถาบันเกษตรกรในการให้สินเชื่ออย่างรอบคอบ การพิจารณาความเป็นไปได้ในการสนับสนุนให้สถาบันเกษตรกรแปรรูปข้าวสารเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร การพิจารณาความพร้อมของเกษตรกรที่จะได้รับสินเชื่อ การคัดกรองเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ รวมทั้งการกำหนดมาตรการเพื่อสนับสนุนนโยบายด้านการตลาดด้วยการปรับรูปแบบการผลิตให้มีการเปลี่ยนรูปแบบจากการขายข้าวในลักษณะเป็นวัตถุดิบขั้นต้น เช่น ข้าวเปลือก หรือข้าวสาร เป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบอื่นเพื่อเพิ่มมูลค่าและลดค่าใช้จ่ายการสต็อกข้าวในคลัง เช่น การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสุรา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรสามารถนำไปผลิตเป็นสุราที่มีลักษณะเฉพาะตามภูมิศาสตร์แบบเดียวกับสาเกของประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง และ ธ.ก.ส. พิจารณาแนวทางการบริหารจัดการข้าวในสต็อกตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ เพื่อไม่ให้กระทบกับการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับติดตามการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ อย่างต่อเนื่อง และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20578 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานเกี่ยวกับโครงการพัฒนาเยาวชนลูกเสือเสริมสร้างความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเสริมสร้างวินัย ทักษะชีวิต และการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมว่า เมื่อวันที่ ๖-๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ สำนักงานลูกเสือแห่งชาติร่วมกับสมาคมสโมสรลูกเสืออากาศ โดยการสนับสนุนของกองทัพอากาศ ได้จัดงานชุมนุมลูกเสืออากาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๑ “๕๐ ปีลูกเสืออากาศไทย เทิดไท้ราชจักรีวงศ์” ณ กองบิน ๕ กองทัพอากาศ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี และเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ พร้อมทั้งเฉลิมฉลองการก่อตั้งลูกเสืออากาศไทยครบ ๕๐ ปี มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย ลูกเสือและเนตรนารีจากโรงเรียนต่าง ๆ ๒,๐๐๐ คน และจากประเทศมาเลเซียและเวียดนาม ๒๐ คน ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ๒๐๐ คน คณะกรรมการและวิทยากร ๔๐๐ คน ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวก่อให้เกิดประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด ได้แก่ การพัฒนาเยาวชนลูกเสือ เสริมสร้างความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ การเสริมสร้างวินัย ทักษะชีวิต และการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม การอยู่ร่วมกัน การทำงานร่วมกัน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ด้วยความรักและความสามัคคี ๒. นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดกิจกรรมการชุมนุมลูกเสือต่าง ๆ เช่น ลูกเสือชาวบ้าน เพื่อส่งเสริมให้ได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และสร้างความสมัครสมานสามัคคีในหมู่ลูกเสือด้วยกัน
|
||||||||||||||||||||||||
20579 | แนวปฏิบัติในการนำเสนอวีดิทัศน์ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี | นร | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดแนวปฏิบัติในการนำเสนอวีดิทัศน์ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. วีดิทัศน์ควรมีความกระชับโดยมีความยาวไม่เกิน ๔ นาที เพื่อให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เรื่อง การนำเสนอวีดิทัศน์หรือสื่อนำเสนอ (PowerPoint Presentation) ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ๒. กรณีการนำเสนอวีดิทัศน์โดยไม่มีเรื่องเสนออยู่ในระเบียบวาระการประชุม ให้ส่วนราชการเสนอให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับการบริหารราชการให้ความเห็นชอบก่อนส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการ ทั้งนี้ ในกรณีนี้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะไม่มีการบันทึกหรือจดเป็นมติคณะรัฐมนตรี ๓. กรณีการนำเสนอวีดิทัศน์เพื่อประกอบเรื่องในระเบียบวาระการประชุมเพื่อทราบหรือเพื่อพิจารณา ให้ส่วนราชการดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ รวมทั้งแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับขั้นตอนการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีกำหนดอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||
20580 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการในโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ (รายการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปิง บ้านคลองเชียงทอง อำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก) | มท | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ งบลงทุน จากรายการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปิง บริเวณหน้าจวนผู้ว่าฯ ตำบลหนองหลวง อำเภอเมือง จังหวัดตาก ความยาว ๓๐๕ เมตร เป็นรายการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปิง บ้านคลองเชียงทอง หมู่ที่ ๒ ตำบลประดาง อำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก ความยาว ๓๘๐ เมตร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
.....