ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 14 หน้า แสดงรายการที่ 21 - 40 จากข้อมูลทั้งหมด 268 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21 | เอกสาร “การสนับสนุนร่วมเพื่อการฟื้นฟูภาคการบินพลเรือน” | คค. | 13/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเอกสาร
“การสนับสนุนร่วมเพื่อการฟื้นฟูภาคการบินพลเรือน”
และให้กระทรวงคมนาคมแจ้งการรับรองให้กระทรวงคมนาคมของสาธารณรัฐสิงคโปร์เพื่อทราบการรับรองเอกสารดังกล่าวของประเทศไทย
โดย เอกสาร “การสนับสนุนร่วมเพื่อการฟื้นฟูภาคการบินพลเรือน” มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในฟื้นฟูภาคการบินพลเรือนในภูมิภาคอาเซียน
โดยมุ่งเน้นการฟื้นฟูและอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประเทศในมิติต่าง ๆ เช่น
การสนับสนุนการพัฒนาตลาดการบินเดียวอาเซียน
การส่งเสริมขีดความสามารถของผู้ปฏิบัติงานด้านการบินพลเรือน
ซึ่งรวมถึงการยอมรับใบรับรองการฉีดวัคซีนโรคโควิด-๑๙ ของประเทศสมาชิกอาเซียน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
22 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 25/2565 | นร.11 สศช | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
และเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๕/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๕ ดังนี้ (๑) อนุมัติให้กรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-๑๙) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย จำนวน ๓๐,๐๐๒,๓๑๐ โดส (Pfizer) โดยปรับกลุ่มเป้าหมายในกลุ่มที่ ๕
เพิ่มกลุ่มเป้าหมายในการฉีด Pfizer (Maroon cap) สำหรับเด็กอายุ
๖ เดือน ถึงอายุน้อยกว่า ๕ ปี และขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการจากเดิมเดือนกันยายน
๒๕๖๕ เป็น เดือนธันวาคม ๒๕๖๕ และ (๒) มอบหมายให้กรมควบคุมโรค เร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบ
eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการโดยเร็ว
และรับความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ไปพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
และกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้
เร่งรัดปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และ ๒๓
สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังในโอกาสแรก
เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งควรเร่งการดำเนินโครงการฯ
ให้เป็นไปตามระยะเวลาที่ขอขยายอย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
เป็นไปตามหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด พร้อมทั้งให้กรมควบคุมโรครับความเห็นเพิ่มเติมของคณะกรรมการฯ
ไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
23 | รายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - 2564 | สวช. | 26/07/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ ซึ่งคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ
โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ได้ประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่
๓ มีนาคม ๒๕๖๕ มีมติรับทราบด้วยแล้ว โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑)
สรุปผลการดำเนินงานฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ ภายใต้ ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่
ยุทธศาสตร์ที่ ๑
พัฒนาระบบและบริหารจัดการงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคให้มีประสิทธิภาพทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน
ยุทธศาสตร์ที่ ๒ ส่งเสริม สนับสนุนการวิจัยพัฒนา
และการผลิตวัคซีนรองรับความต้องการในการป้องกันโรคของประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ ๓
ส่งเสริม สนับสนุนอุตสาหกรรมวัคซีนภายในประเทศให้มีความเข้มแข็งและส่งออกได้
ยุทธศาสตร์ที่ ๔
พัฒนาศักยภาพบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานด้านวัคซีนของประเทศให้รองรับภารกิจความมั่นคงด้านวัคซีนได้อย่างเหมาะสม
และยุทธศาสตร์ที่ ๕
เสริมสร้างขีดความสามารถขององค์กรภาคีเครือข่ายด้านวัคซีนของประเทศ และ (๒)
ปัญหา/อุปสรรคที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและข้อเสนอแนะในการดำเนินงานด้านวัคซีน
ได้แก่ ปัจจัยภายนอก เช่น จากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องระดมทรัพยากรต่าง ๆ
เพื่อตอบโต้การระบาดทำให้การดำเนินงานตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ต้องล่าช้าออกไป
และปัจจัยภายใน เช่น ด้านการบริหารจัดการ ด้านงบประมาณ และด้านบุคลากร ตามที่คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อควบคุมโรคลัมปี สกินในโค กระบือ | กษ. | 12/07/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อควบคุมโรคลัมปี สกินในโค
กระบือ ประกอบด้วย ค่าจัดซื้อวัคซีนโรคลัมปี สกิน จำนวน ๖,๓๐๐,๐๐๐ โด๊ส เป็นเงิน
๒๒๖,๘๐๐,๐๐๐ บาท และค่าจัดซื้อวัสดุวิทยาศาสตร์เพื่อการแพทย์ในการฉีดวัคซีน
เป็นเงิน ๕,๑๕๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ กำกับดูแลการขนส่ง การเก็บรักษา
และการใช้งานวัคซีนโรคลัมปี สกินในโค กระบือ ให้ถูกต้อง เหมาะสม
เป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาการ โดยให้กระจายวัคซีนตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน
และดำเนินการอย่างทั่วถึง ๑.๒ ตรวจสอบ ติดตาม
และประเมินผลของการฉีดวัคซีนโรคลัมปี สกิน
เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการปรับปรุงแนวทางการป้องกันโรคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25 | ผลการประชุมสุดยอดด้านการบินชางงี 2565 | คค. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมสุดยอดด้านการบินชางงี ๒๕๖๕ ระหว่างวันที่
๑๗-๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน
ชาญวีรกูล) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
(๑)
การหารือเกี่ยวกับประเด็นสำคัญด้านการบินภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ และการสร้างความยั่งยืนด้านการบินและสิ่งแวดล้อม เช่น
การฟื้นฟูและการกลับมาของความเชื่อมโยงด้านการบินจากผลกระทบของโควิด-๑๙
และแนวทางการฟื้นฟูการเดินทางระหว่างประเทศ ประเด็นด้านสาธารณสุข
ได้เชิญชวนให้ประเทศสมาชิกอาเซียนพิจารณาและให้การรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-๑๙
เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
(๒)
การหารือทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทยกับรัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซีย
เพื่อสานต่อความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงคมนาคมและประเด็นการขนส่งต่าง ๆ เช่น ด้านการบิน
การเชื่อมโยงรถไฟความเร็วสูง การเชื่อมโยงพื้นที่ชายแดน
การอำนวยความสะดวกการขนส่งข้ามพรหนมแดนทางถนน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานศึกษา เรื่อง การจัดสวัสดิการและการเตรียมความพร้อมของเด็กและเยาวชน ศึกษากรณี : "เด็กและเยาวชนในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน" ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 07/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานศึกษา เรื่อง
การจัดสวัสดิการและการเตรียมความพร้อมของเด็กและเยาวชน ศึกษากรณี : "เด็กและเยาวชนในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน"
ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ
และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้ร่วมประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยสรุปผลการพิจารณาได้ดังนี้ ด้านสวัสดิการค่าอาหาร
กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจะดำเนินการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการด้านงบประมาณให้สอดคล้องกับจำนวนเด็กและเยาวชนในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนแต่ละแห่ง
และจะกำชับการตรวจรับพัสดุและการตรวจคุณภาพของอาหาร ด้านการศึกษา
ได้ดำเนินโครงการปฏิรูปการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนในกระบวนการยุติธรรม
และพิมพ์รูปแบบการเรียนการสอนให้เป็นแบบออนไลน์ ด้านการฝึกอาชีพ
ได้ประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ กรมการจัดหางาน
รวมถึงประสานความร่วมมือกับภาคเอกชน ในการสนับสนุนเครื่องมือที่มีความทันสมัย
และมีแผนดำเนินการสนับสนุนให้เยาวชนรับราชการทหาร ด้านการจัดที่พักอาศัย
มีการจัดทำแผนการก่อสร้างและปรับปรุงอาคาร
และมีแผนบริหารจัดการการกระจายเด็กและเยาวชนเพื่อลดปัญหาความแออัดและปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาและดำเนินการจัดทำแนวทางปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนที่มีความหลากหลายทางเพศ
เช่น การจำแนกหอนอน ด้านการดูแลสุขภาพ
ได้ปรับปรุงมาตรการในการคัดกรองโรคการจัดการบริการด้านวัคซีนให้กับเด็กและเยาวชนทุกราย
รวมถึงการคัดกรองสุขภาพในระยะก่อนปล่อย
และขอการสนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์และมีการประเมินสุขภาพจิตเบื้องต้นแก่เยาวชนทุกราย
ด้านการเยี่ยม (กรณีไม่มีญาติเยี่ยม) จะจัดกิจกรรม เช่น จัดหาพ่อแม่อุปถัมภ์
ด้านการรักษาพยาบาล ได้ดำเนินการ เช่น หารือไปยัง สปสช.
เพื่อยกระดับการบริหารจัดการโอกาสเข้าถึงสุขภาพของเด็ก
วางแผนพัฒนาให้มีความพร้อมในการบริการสุขภาพผ่านระบบ VDO Conference หรือ Telemedicine ด้านการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย โดยจะจัดทำทำเนียบเครือข่าย
เสริมสร้างแรงบันดาลใจให้กับสถานประกอบการที่รับเด็กและเยาวชนภายหลังปล่อยเข้าทำงาน
เช่น มอบเกียรติบัตร
และปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำแนวทางฉบับปรับปรุงและเตรียมประสานความร่วมมือกับกองทะเบียนประวัติอาชญากร
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
27 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 8/2565 | นร.04 | 24/05/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19)
(ศบค.) ครั้งที่ ๘/๒๕๖๕ เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕
ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ (๑)
รายงานสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒)
รับทราบความคืบหน้าการเปิดภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ (๓) รับทราบรายงานผลการดำเนินงานเปิดรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร
(๔) การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์และมาตรการป้องกันควบคุมโรคแบบบูรณาการ (๕) การปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักรและการบริหารจัดการระบบ
(๖) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 และ (๗) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28 | สรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการ ญัตติมาตรการและผลกระทบจากนโยบายการเปิดประเทศของสภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 17/05/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการ ญัตติมาตรการและผลกระทบจากนโยบายการเปิดประเทศของสภาผู้แทนราษฎร
ดังนี้ (๑)
ประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมาตรการของรัฐบาลตามนโยบายการเปิดประเทศ
กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการปรับปรุงระบบ Thailand Pass อย่างต่อเนื่อง การกำหนดพื้นที่การนำร่องการท่องเที่ยว
(พื้นที่สีฟ้า) ได้กำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการคัดเลือกพื้นที่ดังกล่าว
โดยพื้นที่ที่จะได้รับการคัดเลือกต้องมีการดำเนินงานตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างครบถ้วนและจะต้องมีการประเมินตนเองของแต่ละจังหวัดในด้านต่าง
ๆ (๒) ประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับผลกระทบจากนโยบายการเปิดประเทศ
ด้านการสาธารณสุข ได้มีการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้ทั้งหมดแล้ว
รวมทั้งได้มีการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติม
นอกเหนือจากแผนเดิมที่กำหนดไว้ ด้านแรงงาน
รัฐบาลมีมาตรการที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าประเทศ
โดยเปิดการลงทะเบียนแรงงานต่างด้าว
และมีการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามระบบ MOU ด้านการศึกษา ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนไฟเชอร์ ให้ผู้ที่มีอายุ ๑๒-๑๘ ปี และบุคลากรทางการศึกษาแล้ว
ด้านเศรษฐกิจ สถาบันการเงินได้ดำเนินมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องและบรรเทาภาระหนี้สินให้แก่ผู้ประกอบการ
และ (๓) ข้อเสนอแนะอื่น ๆกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ดำเนินโครงการต่าง
เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และมีข้อเสนอการจัดกิจกรรมต่าง ๆ
ภายใต้มาตรการสาธารณสุข
อีกทั้งนโยบายการเปิดประเทศในปัจจุบันเพื่อเร่งสร้างบรรยากาศท่องเที่ยวช่วยผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
29 | แผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย - ฝรั่งเศส (ค.ศ. 2022 - 2024) | กต. | 03/05/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส
(ค.ศ. ๒๐๒๒-๒๐๒๔) ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนช่วงเวลาของแผนการฯ
จากเดิมช่วงเวลา ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๓
เป็นช่วงปี ค.ศ. ๒๐๒๒-๒๐๒๔ โดยรองนายกรัฐมนตรี (นายดอน ปรมัตถ์วินัย)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการยุโรปและการต่างประเทศ (นายฌอง-อีฟว์ เลอ ดริยอง)
ได้ลงนามร่วมกันในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ
เกี่ยวกับความร่วมมือในอินโด-แปซิฟิก (Ministerial Forum for Cooperation in the Indo-Pacific) เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งการปรับเปลี่ยนช่วงเวลาของแผนการฯ
เป็นการแก้ไขที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศ
รวมทั้งไม่มีผลกระทบต่อแผนกิจกรรมที่ระบุไว้ในแผนการฯ
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ และการหารือทวิภาคีในประเด็นต่าง
ๆ โดยไทยได้ขอบคุณฝรั่งเศสที่ได้บริจาควัคซีนป้องกันโรคโควิด-๑๙ ยี่ห้อไฟเชอร์ (Pfizer) แก้ไทยด้วย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
30 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 7/2565 | นร.04 | 26/04/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019
(โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๗/๒๕๖๕ เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๒ เมษายน
๒๕๖๕ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ (๑)
รายงานสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒) รับทราบแนวทางการรักษาและการให้ยาแก่ผู้ป่วยโควิด-19
รวมทั้งการจัดการผู้ป่วยในกลุ่มเด็ก (๓) รับทราบความก้าวหน้าการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19
ในประเทศไทย (๔) การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์และมาตรการป้องกันควบคุมโรคแบบบูรณาการ
(๕) การปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร (๖) การเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขสำหรับการเปิดภาคเรียนในเดือนพฤษภาคม
๒๕๖๕ (๗) แผนการให้บริการวัคซีนเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๕ และ (๘) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
31 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 6/2565 | นร.04 | 12/04/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19)
(ศบค.) ครั้งที่ ๖/๒๕๖๕ เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๕ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) รายงานสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒) รับทราบรายงานการตรวจเชื้อโควิด-19
ด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK)
ที่ให้ประชาชนเข้าถึงได้สะดวกและค่าบริการที่เหมาะสม
(๓) รับทราบรายงานผลการดำเนินการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าราชอาณาจักรทางบก ทางน้ำ
และทางอากาศ และแผนการปรับมาตรการสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักรในระยะต่อไป (๔) การเตรียมความพร้อมตามมาตรการควบคุมโรคแบบบูรณาการ
สำหรับการจัดกิจกรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์ (๕) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 (๖) แนวทางการปรับมาตรการการนำเข้าแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงาน
และ (๗) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
32 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล พ.ศ. 2565 (ครบ 2 ปี 6 เดือน) และการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal Life) พ.ศ. 2565 | ดศ. | 29/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล พ.ศ. ๒๕๖๕ (ครบ ๒ ปี ๖ เดือน) และการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal Life) พ.ศ. ๒๕๖๕ เช่น การติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล ความพึงพอใจในภาพรวมต่อการดำเนินงานของรัฐบาลและนโยบายของรัฐบาล ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประเทศ ความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ การปฏิบัติของประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ การปรับเปลี่ยนการใช้วิถีชีวิตเป็นแบบ New Normal Life การใช้สื่อสังคมออนไลน์และแอปพลิเคชัน และนโยบายการให้ประชาชนแสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-๑๙ หรือผลการตรวจโรคโควิด-๑๙ เพื่อเข้าถึงสถานที่ต่าง ๆ พร้อมทั้งข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เช่น การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารหลากหลายช่องทาง การสนับสนุนการเข้าถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อความเสี่ยงทางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
33 | ร่างนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2566 - 2570 | สธ. | 22/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
34 | การเข้าร่วมเป็นภาคีของไทยในสถาบันวัคซีนนานาชาติ (International Vaccine Institute : IVI) | สธ. | 08/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีสถาบันวัคซีนนานาชาติ
(International VaccineInstitute : IVI) อย่างสมบูรณ์ และอนุมัติให้ประเทศไทยสนับสนุนงบประมาณแก่
IVI ปีละ ๑๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี
หมวดเงินอุดหนุนของกระทรวงสาธารณสุข เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ
จัดทำสัตยาบันสาร (Instrument of Ratification) เพื่อการเข้าร่วมเป็นภาคี IVI อย่างสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนงบประมาณแก่สถาบันวัคซีนนานาชาติ (IVI) ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 4/2565 | นร.04 | 01/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19)
(ศบค.) ครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ เมื่อวันพุธที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ (๑)
รายงานสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒)
รายงานมาตรการเปิดเรียนตามปกติในพื้นที่สถานศึกษา (On-Site) อยู่ได้กับโควิดในสถานศึกษา (๓) รายงานการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณี UCEP-COVID (๔) การปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร (๕) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ในเดือนมีนาคม
๒๕๖๕ (๖) รายงานการดำเนินการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 และ (๗)
ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 3/2565 | นร.04 | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19)
(ศบค.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๕ เมื่อวันพุธที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ (๑)
รายงานสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒) รายงานการเปิดรับนักท่องเที่ยวในรูปแบบ
Test & Go (๓) รายงานการเปิดการเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิ-19 (๔) รายงานการตรวจ ATK ที่ให้ประชาชนเข้าถึงได้สะดวกและค่าบริการที่เหมาะสม (๕) รายงานความคืบหน้าการนำแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
และเมียนมา เข้ามาทำงานตามมาตรา ๖๔
แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ (๖) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19
(๗) การจัดทำความตกลง Air Travel Bubble ระหว่างไทย-อินเดีย และ
(๘) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37 | ผลการหารือระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับนางเอลิซาเบท ทรัสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ | กต. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการหารือระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
(นายดอน ปรมัตถ์วินัย) กับนางเอลิซาเบท ทรัสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร
ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องติดตามและเร่งรัดการดำเนินการตามผลการหารือฯ
ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป โดยมีประเด็นต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น
การเข้าร่วมหารือเชิงยุทธศาสตร์ไทย-สหราชอาณาจักร การทำ MOU ว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ
การจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้า ไทย-สหราชอาณาจักร
การปรับมาตรการการเดินทางและให้การรับรองวัคซีนโควิด-๑๙ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างกัน
การเข้าร่วม CPTPP กระบวนการ UPR สถานการณ์ในเมียนมา
และประเด็นบบาทของจีนและอินเดีย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม เช่น ควรพิจารณาให้สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน
ทำหน้าที่เป็นช่องทางหลักในการประสานงานความร่วมมือระหว่างทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของไทยและสหราชอาณาจักร
พิจารณาให้มีการใช้ประโยชน์จากการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้า ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศในด้านการค้า
การลงทุน และการวิจัยพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจ BCG
ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติของไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
38 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-แคนาดา ครั้งที่ 10 | พณ. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-แคนาดา
ครั้งที่ ๑๐ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
(นายสินิตย์ เลิศไกร) เข้าร่วมประชุม ซึ่งเนการาบรูไนดารุสซาลาม ในฐานะประธานอาเซียน
ปี ๒๕๖๔ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม สรุปได้ ดังนี้ (๑) การแลกเปลี่ยนแนวทางแก้ไขผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
เพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับการเปิดตลาดการค้าและการลงทุน ทั้งนี้
ไทยได้เน้นย้ำความสำคัญของระบบการค้าที่เปิดกว้างและสนับสนุนบทบาทขององค์การการค้าโลก
เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับวัคซีนและยาที่จำเป็น (๒)
รับทราบข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของสภาธุรกิจแคนาดา-อาเซียน ที่ให้ความสำคัญกับการเปิดเสรีทางการค้า
โดยเฉพาะการจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-แคนาดา
การเปิดพรมแดนให้นักธุรกิจสามารถเดินทางระหว่างกัน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน
การส่งเสริมเศรษฐกิจและการค้าดิจิทัล
และการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (๓) เห็นชอบการเปิดเจรจาการจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-แคนาดา
โดยกำหนดเป้าหมายให้สรุปผลการเจรจาภายใน ๒ ปี
และเห็นชอบเอกสารขอบเขตสาระที่จะเจรจาในการจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-แคนาดา
(๔) กระทรวงพาณิชย์คาดว่าอาเซียนและแคนาดาจะสามารถสรุปแผนงานเจรจาและเริ่มการเจรจารอบแรกในช่วงไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๕ ทั้งนี้
ได้จัดทำขอบเขตสาระเบื้องต้นที่จะเจรจาในการจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-แคนาดา โดยมีประเด็นที่สำคัญ เช่น
ภาพรวมการเจรจา มาตรการป้องกันและเยียวยาทางการค้า และนโยบายแข่งขันทางการค้า และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเตรียมการเจรจาในส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยให้คำนึงถึงประโยชน์และผลกระทบต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
และเตรียมมาตรการบรรเทาผลกระทบในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนยึดท่าทีตามกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-แคนาดาของประเทศไทย
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงวัฒนธรรม
ที่ควรคำนึงถึงหลักการความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่าง
ซึ่งแต่ละประเทศต่างดำเนินการตามพหุภาคีด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้าร่วมเป็นภาคี
โดยคำนึงถึงขีดความสามารถของแต่ละประเทศ
และไม่ควรใช้มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมเป็นเครื่องมืดกีดกันทางการค้าต่อไปในอนาคต
ควรคำนึงถึงข้อดีและผลกระทบทางสังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนผลประโยชน์ที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
39 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 2/2565 | นร.04 | 24/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๕ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) รายงานสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒) มาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19
สำหรับการจัดงานในช่วงเทศกาลตรุษจีน (๓) รายงานความก้าวหน้าการนำเข้าแรงงาน ๓ สัญชาติ (๔) การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร
และมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด (๕) การปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร
(๖) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ (๗)
การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑๖) และ (๘)
ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
40 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | สธ. | 24/01/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 จำนวนเงินทั้งสิ้น ๑,๐๘๔,๒๖๔,๔๗๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรยึดหยุ่นในการจ้างพนักงานราชการเฉพาะกิจให้สอดคล้องตามสถานการณ์ความรุนแรงของการแพร่ระบาด
การมีจำนวนผู้ได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น รวมถึงการใช้นโยบายการรักษาในรูปแบบ Home Isolation และ
Community Isolation
|