ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 3 จากทั้งหมด 14 หน้า แสดงรายการที่ 41 - 60 จากข้อมูลทั้งหมด 268 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
41 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2564 | นร.11 สศช | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๕ ประกอบด้วย (๑) อนุมัติให้กรมควบคุมโรค
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ ดังนี้ (๑)
โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทย
เพิ่มเติม จำนวน ๒๐,๐๐๑,๑๕๐ โดส (Pfizer) โดยขยายระยะเวลาดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงิน จากเดิม
สิ้นสุดภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เป็น สิ้นสุดภายในเดือนมกราคม ๒๕๖๕ และ (๒)
โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ (COVID-๑๙) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย
เพิ่มเติม จำนวน ๙,๙๙๘,๘๒๐ โดส (Pfizer) โดยขยายระยะเวลาดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงิน จากเดิม
สิ้นสุดภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เป็น สิ้นสุดภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจรับวัคซีน
และรวบรวมเอกสารสำหรับประกอบการเบิกจ่าย
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้
เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งรัดให้กรมควบคุมโรค เร่งรัดการดำเนินโครงการฯ
ให้เป็นไปตามระยะเวลาที่ขอขยายอย่างเคร่งครัด รวมถึงดำเนินการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการฯ
ในระบบ eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการฯ
โดยเร็วต่อไป และ (๒) อนุมัติให้กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ
SMEs โดยปรับปรุงเงื่อนไขการจ่ายเงินอุดหนุนตามโครงการฯ ในเดือนธันวาคม
๒๕๖๔-มกราคม ๒๕๖๕
ภายใต้เงื่อนไขการลงทะเบียนและนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์
(ระบบ e-Service)
เพื่อให้กลุ่มนายจ้างเป้าหมายของโครงการฯ ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด
๑๙ ได้รับความช่วยเหลือตามโครงการฯ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
ทั้งนี้ เห็นควรให้กรมการจัดหางานเร่งดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จในกรอบระยะเวลาที่กำหนด
และเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการฯ แล้ว
ให้กรมการจัดหางานเร่งปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดโครงการฯ ในระบบ eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการฯ โดยเร็ว ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วน
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม
พ.ศ. ๒๕๖๔ เร่งดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
และในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้
เห็นควรให้เร่งเสนอยกเลิกโครงการต่อคณะกรรมการฯ พิจารณาตามขั้นตอนของข้อ ๑๙
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้การบริหารเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
42 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 1/2565 | นร.04 | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันศุกร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๕ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) รายงานสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒) ความก้าวหน้าการเปิดประเทศ
และการดำเนินการสำหรับพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว (Sandbox) (๓) การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ และมาตรการป้องกันควบคุมโรค (๔) การปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร
(๕) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 และแผนการจัดหายารักษาโรคโควิด-19 (ยาต้านไวรัส
Paxlovid) (๖) แนวทางการยกระดับการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ (๗) การจัดกิจกรรมการสอบของหน่วยงานภาครัฐ และ (๘) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
43 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 41/2564 | นร.11 สศช | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๑๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ ดังนี้
(๑) อนุมัติให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ
กรณีโครงการภายใต้แผนเร่งรัดการเข้าถึงวัคซีน COVID ๑๙ สำหรับประชาชนไทย โดยขยายระยะเวลาดำเนินงาน จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม
๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๕ (๒) อนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาระบบสื่อสารสั่งการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขระดับกระทรวงและระดับเขตสุขภาพเป็น
SmartEOC โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ
เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม ๒๕๖๕ (๓) อนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาศักยภาพระบบบริการสุขภาพ
รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (A๐๐๑) ของหน่วยงานส่วนภูมิภาค โดยขยายระยะเวลาดำเนินงานจากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม
๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม ๒๕๖๕ (๔) อนุมัติให้มหาวิทยาลัยนเรศวร
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่
: กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID ๑๙)
โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดเดือนเมษายน
๒๕๖๕ (๕) อนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา
๓๓ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม
๒๕๖๕ (๖) อนุมัติให้กรมการพัฒนาชุมชน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่
ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” โดยระยะเวลาดำเนินงานใน ๔ กิจกรรมย่อย
(กิจกรรมที่ ๒ ๔ ๕ และ ๗) จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม
๒๕๖๕ (๗) อนุมัติให้จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดปัตตานี จังหวัดเลย จังหวัดตาก
จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ
โดยให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบ eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการโดยเร็ว และ (๘)
มอบหมายให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการเร่งรัดการดำเนินโครงการฯ
ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาดำเนินงานที่เสนอในครั้งนี้ รวมถึงรับความเห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติมตามมติคณะกรรมการฯ
ไปประกอบการดำเนินการโดยเคร่งครัดต่อไป ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งปฏิบัติตามข้อ
๑๙ และ ข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้อีก หากมีเงินเหลือจ่ายของโครงการนั้น ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลังโดยเร็ว ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการติดตาม ประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตามข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
44 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 20/2564 | นร.11 สศช | 04/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๒๐/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๔
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ดังนี้ ๑. อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย จำนวน ๑๐,๔๖๘,๑๐๐ โดส (AstraZeneca) ของกรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข กรอบวงเงิน ๑,๔๑๖.๕๔๓๒ ล้านบาท
โดยให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการ กลุ่มที่ ๑ ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้สามารถจัดหาวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้ทันตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด
พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมควบคุมโรค เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
และดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
สามารถจัดหาเงินกู้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อ ๑๕
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน
เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม
พ.ศ. ๒๕๖๔ พ.ศ. ๒๕๖๔ อย่างเคร่งครัดตามขั้นตอนต่อไป ๒. มอบหมายให้กรมควบคุมโรค
ดำเนินการปรับแผนการใช้จ่ายเงินโครงการฯ ให้สอดคล้องกับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นต่อไป และจัดทำแผนบริหารจัดการและแผนการใช้วัคซีนในแต่ละประเภทสำหรับแต่ละกลุ่มประชากร
เพื่อให้การบริหารจัดการวัคซีนที่จัดหามาเกิดประโยชน์สูงสุด
รวมทั้งเร่งดำเนินการคืนเงินกู้เหลือจ่ายและจัดทำรายงานการประเมินผลการดำเนินโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม
จำนวน ๓๕ ล้านโดส ตามขั้นตอนข้อ ๑๙ และ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๓. อนุมัติให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ของกระทรวงศึกษาธิการ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการฯ
โดยขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ จาก เดือนสิงหาคม - ธันวาคม ๒๕๖๔ เป็น เดือนสิงหาคม
๒๕๖๔ - กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการฯ เร่งดำเนินการเบิกจ่ายและแก้ไขข้อมูลโครงการฯ
ในระบบ eMENSCR โดยเร็วต่อไป และให้กระทรวงสาธารณสุข (กรมควบคุมโรค)
และหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้มีประสิทธิภาพ
คุ้มค่า และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์อัตราค่าใช้จ่าย
และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด รวมทั้งรับความเห็นของคณะกรรมการฯ ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัด
ตลอดจนเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายและให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผล
ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เห็นควรมอบหมายให้กรมควบคุมโรค
และหน่วยงานรับผิดชอบภายใต้โครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ของกระทรวงศึกษาธิการ เร่งดำเนินการตามความเห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติมของคณะกรรมการฯ
โดยเคร่งครัดตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
45 | แผนงาน/โครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พุทธศักราช 2564 ให้แก่ประชาชน | กห. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนงาน/โครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พุทธศักราช ๒๕๖๕ ให้แก่ประชาชน ตามโครงการ “เติมความสุขให้คนไทย
ตามแนวทางวิถีชีวิตใหม่ จากใจทหาร”
ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมที่ดำเนินการในห้วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ ๒๙ ธันวาคม
๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๕ และกิจกรรมที่จะดำเนินการตลอดห้วงปีพุทธศักราช ๒๕๖๕
โดยนำศักยภาพของหน่วยทหารในแต่ละพื้นที่มาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน อาทิ
การสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
การสนับสนุนมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไสรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด 19)
การจัดตั้งจุดบริการช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยว
การให้บริการและอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่
การเปิดแหล่งท่องเที่ยวและพิพิธภัณฑ์ในเขตทหารทั่วประเทศ
การจัดตั้งจุดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19
การเปิดพื้นที่หน่วยทหารจำหน่ายสินค้าราคาถูกและรองรับผลผลิตของเกษตรกร
การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง
จะมีการดำเนินการตามมาตรการป้องกันและสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายตามแนวชายแดน
ตลอดจนรณรงค์มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
46 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 18/2564 | นร.11 สศช | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๔ ที่ได้มีมติที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาข้อเสนอแนวทางการดำเนินการตามมาตรา
๖ แห่งพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ (ครั้งที่ ๒)
และการพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
รวมทั้งการพิจารณาข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้นำวงเงินกู้เพื่อการตามมาตรา
๕ (๒) แห่งพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ มาใช้เพื่อการตามมาตรา ๕ (๑)
แห่งพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ เพิ่มเติม (ครั้งที่ ๒) จำนวน ๖๐,๐๐๐
ล้านบาท เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ๑.๒ อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทยจำนวน ๓๐,๐๐๒,๓๑๐ โดส (Pfizer) ปี พ.ศ.
๒๕๖๕ กรอบวงเงิน ๑๖,๒๙๗,๗๐๐,๖๐๐ บาท และโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทยจำนวน ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ โดส (AstraZeneca)
ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ กรอบวงเงิน ๑๘,๗๖๒.๕๑๖๐ ล้านบาท ของกรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่ ๑
ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ และมอบหมายให้กรมควบคุมโรค เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
และดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะสามารถจัดหาเงินกู้
พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อ ๑๕ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
อย่างเคร่งครัดตามขั้นตอนต่อไป ๑.๓ อนุมัติโครงการเยียวยาผู้ประกันตนในกิจการสถานบันเทิงและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐของสำนักงานประกันสังคม
กระทรวงแรงงาน กรอบวงเงิน ๖๐๗.๑๕๕๐ ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานหรือโครงการกลุ่มที่
๒ ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ทั้งนี้ มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
และดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะสามารถจัดหาเงินกู้เพื่อใช้จ่ายโครงการตามแผนการใช้จ่ายเงินที่เกิดขึ้นจริง
ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายทางการเงินของภาครัฐ พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อ ๑๕
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยเคร่งครัด นอกจากนี้ มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นเพิ่มเติมของคณะกรรมการฯ
ไปประกอบการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๑.๔ อนุมัติโครงการ
Thailand Festival Experience ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรอบวงเงิน ๓๐๐ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการ
กลุ่มที่ ๓ ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
และมอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ และดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน
เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะสามารถจัดหาเงินกู้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อ ๑๕
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ อย่างเคร่งครัดตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้
เห็นควรให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด
-๑๙ อย่างเคร่งครัดและดำเนินการเบิกจ่ายเงินกู้ฯ ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๕ มอบหมายให้กรมการจัดหางานดำเนินโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ
SMEs ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้กับธุรกิจ SMEs สมัครเข้าร่วมโครงการฯ
ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ของประเทศเปลี่ยนแปลงไปจากในปัจจุบัน จนทำให้ภาครัฐจำเป็นต้องประกาศมาตรการควบคุมไม่ให้สถานบันเทิงเปิดให้บริการได้ตั้งแต่วันที่
๑๖ มกราคม ๒๕๖๕
เห็นควรมอบหมายให้กรมการจัดหางานพิจารณาความเหมาะสมของการปรับปรุงรายละเอียดของโครงการฯ
เสนอให้คณะกรรมการฯ พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๑.๖ อนุมัติให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด
๑๙ ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยการเพิ่มจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กเล็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
จํานวน cn Comm จำนวน ๖,๒๑๘ คน กรอบวงเงิน
๑๒.๔๓๖๐ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากกรอบวงเงินของโครงการในส่วนของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม และวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ และขยายระยะเวลาโครงการในส่วนของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
เป็นสิ้นสุดในเดือนมกราคม ๒๕๖๕ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ เพื่อให้ภาครัฐสามารถให้ความช่วยเหลือนักเรียนและผู้ปกครองได้อย่างครอบคลุมตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ
ทั้งนี้
เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการฯ
แล้ว เห็นควรให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเร่งดำเนินการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในระบบ
eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการต่อไป ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๒. ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.๑ กระทรวงการคลังที่เห็นว่า
๑) ขอให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้กฎหมายข้อบังคับและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
๒) เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ และบรรลุผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามที่ได้กำหนดไว้
ขอให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ดำเนินโครงการและกรอบวงเงินกู้
และมีมติให้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการแล้ว ขอให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำและปรับปรุงแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินกู้รายเดือนให้เป็นปัจจุบันเพื่อให้กระทรวงการคลังบริหารเงินกู้ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้จ่ายจริง
และบริหารหนี้สาธารณะให้มีต้นทุนที่เหมาะสมต่อไป และ ๓) เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพขอให้หน่วยงานเจ้าของโครงการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ อย่างเคร่งครัด สำหรับโครงการที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีกหากมีเงินเหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบและส่งคืนเงินเหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลังโดยเร็ว ๒.๒ สำนักงบประมาณเห็นว่า
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้มีประสิทธิภาพคุ้มค่าและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์อัตราค่าใช้จ่าย
และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด รวมทั้งรับความเห็นของคณะกรรมการฯ
ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัด ตลอดจนเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายและให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน ๒.๓ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเห็นว่า
เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๓.๑ เร่งดำเนินการโครงการให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยใช้แหล่งเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเป็นลำดับแรกก่อน เพื่อมิให้เสียโอกาสในการพิจารณาจัดสรรวงเงินกู้ให้กับโครงการอื่นที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ๒.๓.๒ ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการโดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณจัดสรรเหลือจ่าย
การโอนเงินจัดสรร และหรือการเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ให้หน่วยงานรับผิดชอบรายงานการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ทราบภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่มีการโอนเงินจัดสรรและหรือการเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะสามารถบริหารเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม
พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับเสนอเรื่องการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการฯ
ตามข้อ ๑๘ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ พ.ศ. ๒๕๖๔ (ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔)
ต่อไป ๒.๓.๓ ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการได้หรือดำเนินโครงการแล้วเสร็จให้เร่งเสนอเรื่องให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง
พิจารณาตามขั้นตอนของข้อ ๑๘ ข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
47 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 20/2564 | นร. | 14/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๒๐/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑)
รายงานสถานการณ์และคาดการณ์แนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ ๒) รายงานผลการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๓) แผนการให้บริการวัคซีน ปี ๒๕๖๕ ๔) การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร
และมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ในการจัดงานช่วงเทศกาลปีใหม่
และการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี และ ๕)
การปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
48 | การแต่งตั้งประธานกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (นายมานิต ธีระตันติกานนท์) | สธ. | 14/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายมานิต
ธีระตันติกานนท์ เป็นประธานกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เนื่องจากประธานกรรมการเดิมจะครบวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปีในวันที่
๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๔ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
49 | ถ้อยแถลงร่วมของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 1 (First Meeting of the International Forum on COVID-19 Vaccine Cooperation) | กต. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถ้อยแถลงร่วมของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ครั้งที่ ๑ (First Meeting of the International Forum on COVID-19
Vaccine Cooperation) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการผลิตวัคซีนและความร่วมมือด้านเทคโนโลยีในการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙
ให้วัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะที่สามารถเข้าถึงได้และมีราคาที่จัดหาได้มากขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาและเพื่อระดมความเห็นเพื่อสนับสนุนประชาคมโลกในการเอาชนะโควิด-๑๙
โดยถ้อยแถลงร่วมฯ เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ครั้งที่ ๑ มีสาระสำคัญเพื่อเน้นย้ำว่าวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ เป็นสินค้าสาธารณะของโลก
และความสำคัญของแนวคิดวัคซีนพหุภาคีนิยม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
50 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 16/2564 | นร.11 สศช | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑๖/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้ (๑) อนุมัติให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ จำนวน ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ โดส (Sinovac)
โดยขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ จากเดิมสิ้นสุดเดือนตุลาคม ๒๕๖๔
เป็น สิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ (๒) อนุมัติให้กรมการจัดหางาน ปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ
SMEs เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ บรรลุตามวัตถุประสงค์
รวมทั้งธุรกิจ SMEs สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง (๓) มอบหมายให้กรมการจัดหางาน
กำหนดให้มีกลไกการตรวจสอบสภาพการจ้างงานใหม่
กรณีที่เป็นลูกจ้างรายวันจากฐานข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก
โดยการจ่ายเงินอุดหนุนจากรัฐผ่านโครงการฯ
ต้องอยู่บนเงื่อนไขของการให้เงินอุดหนุนตามจำนวนลูกจ้างรายวัน ๑ ราย ต่อ ๑ นายจ้าง
เท่านั้น และ (๔) รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๑ (๑๐ กรกฎาคม-๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๔) พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ โดยเคร่งครัด ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
รายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลัง โดยเร็ว และมอบหมายให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ
และตามรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๑ โดยเคร่งครัด เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้
การจัดหาเงินและการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้กรมการจัดหางานรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่ควรเร่งรัดการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน
อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
51 | ผลการประชุมรัฐมนตรีหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง - สหรัฐฯ ครั้งที่ 2 | กต. | 23/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมรัฐมนตรีหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐอเมริกา
ครั้งที่ ๒ ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ โดยผลการประชุมฯ
มีสาระสำคัญ เช่น การเข้าถึงวัคซีนที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมและทันท่วงที
การส่งเสริมขีดความสามารถของ MSMES การเข้าถึงพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน
การส่งเสริมบทบาทเยาวชนและสตรี และการสอดประสานความเชื่อมโยงกับกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
และภูมิภาคอื่น ๆ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงยุติธรรม
ที่เห็นว่าในประเด็นความร่วมมือในการดำเนินโครงการกิจกรรมภายใต้แผนปฏิบัติการฯ
ทั้ง ๔ สาขา รวมถึงการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ควรมีการดำเนินการให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เช่น เด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ
และกลุ่มชาติพันธุ์ ตลอดจนควรมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ
ควรพิจารณาประเด็นการควบคุมการลักลอบค้าชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานซึ่งนำไปสู่การสูญเสียความหลากทางชีวภาพ
และการลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่าที่เป็นภัยร้ายแรงและส่งผลต่อการอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่า
และให้ดำเนินการหารือเพื่อให้มีฉันทามติต่อร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐฯ
ครั้งที่ ๒ ซึ่งที่ประชุมยังมิได้รับรอง ในโอกาสอันใกล้
เพื่อเป็นการเน้นย้ำหลักการความร่วมมือที่จะส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
52 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 13 | กต. | 23/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป
ครั้งที่ ๑๓ จะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล และให้นายกรัฐมนตรี
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป
ครั้งที่ ๑๓ โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑)
ร่างแถลงการณ์ประธานการการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๑๓ เน้นย้ำบทบาท ASEM ในการส่งเสริมพหุภาคนิยมเพื่อการเจริญเติบโต
โดยเฉพาะในบริบทของโลกหลังวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
(โควิด-๑๙) ในประเด็นในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม (๒)
แถลงการณ์พนมเปญว่าด้วยการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจและสังคมหลังวิกฤติการแพร่ระบาดของโรค-๑๙
ซึ่งกล่าวสนับสนุนบทบาทขององค์การอนามัยโลกในการรับมือกับโรคระบาด
ย้ำความจำเป็นในการเข้าถึงยาและวัคซีนที่มีคุณภาพอย่างปลอดภัยและเท่าเทียม การสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
เป็นต้น (๓) ร่างเอกสารเส้นทางสู่ความเชื่อมโยงระหว่างเอเชีย-ยุโรป เป็นเอกสารที่จัดทำขึ้นเพื่อกำหนดแนวทางการเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโส
ASEM กับกลไกความร่วมมือรายสาขาต่าง ๆ ของ ASEM ที่มีอยู่แล้ว เพื่อสนับสนุนกิจกรรมด้านความเชื่อมโยงในกรอบ ASEM และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโครงการด้านความเชื่อมโยงต่าง ๆ ในกรอบ ASEM ต่อสาธารณชน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป
ครั้งที่ ๑๓ จำนวน ๓ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหุตผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
53 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-รัสเซีย สมัยพิเศษ | กต. | 23/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-รัสเซีย
สมัยพิเศษ ในโอกาสครบรอบ ๒๕ ปี ความสัมพันธ์คู่เจรจาอาเซียน-รัสเซีย เมื่อวันที่ ๖
กรกฎาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ
ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป โดยมีสาระสำคัญ เช่น
การหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าของความร่วมมือภายใต้แผนปฏิบัติการอย่างครอบคลุมเพื่อดำเนินการความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อาเซียน-รัสเซีย
ฉบับใหม่ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘)
ความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีนและยารักษาโรคโควิด-๑๙
การนำเสนอรายชื่อโครงการความร่วมมืออาเซียน-รัสเซีย ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
และนวัตกรรม เพื่อนาคตที่มั่งคั่งร่วมกัน และการย้ำความสำคัญของความเป็นแกนกลางของอาเซียนในสถาปัตยกรรมภูมิภาค
และกลไกที่อาเซียนมีบทบาทนำ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
54 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ศบค.) ครั้งที่ 18/2564 | นร.04 | 16/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.)
ครั้งที่ ๑๘/๒๕๖๔ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ สรุปได้ดังนี้ ๑)
รายงานสถานการณ์และคาดการณ์แนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ ๒) รายงานการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๓) ผลการดำเนินการเปิดประเทศ ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน
๒๕๖๔ ๔) การดำเนินการโครงการ Factory Sandbox ในระยะที่ ๒ ๕)
แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ๖) มาตรการควบคุมโรคและปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร
๗) แนวทางการนำแรงงานต่างด้าวเข้าราชอาณาจักรภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
และ ๘) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
55 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี 2564 และแนวโน้มปี 2564 - 2565 | นร.11 สศช | 16/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี
๒๕๖๔ และแนวโน้มปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๔ ปรับตัวลดลงร้อยละ ๐.๓
เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๗.๖ ในไตรมาสก่อนหน้า (%YoY) และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๔ ลดลงจากไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๔ ร้อยละ ๑.๑ (QoQ_SA) รวม ๙ เดือนแรก ของปี ๒๕๖๔ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๑.๓ โดยด้านการใช้จ่าย
การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐปรับตัวลดลง ขณะที่การส่งออกสินค้า การลงทุนภาคเอกชน
และการใช้จ่ายภาครัฐบาลขยายตัว การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ลดลงร้อยละ ๓.๒ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ
๔.๘ ในไตรมาสก่อนหน้า โดยมีสาเหตุจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ที่มีความรุนแรงมากขึ้น ในขณะที่การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคภาครัฐบาล
การลงทุนรวมโดยการลงทุนภาคเอกชน การส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัวในกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น
เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์ รถยนต์นั่ง และลดลงในกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าลดลง
ได้แก่ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนด้านการผลิต
สาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม และสาขาก่อสร้าง สาขาเกษตรกรรม การป่าไม้และประมง
สาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร สาขาการเงิน ขยายตัว
การผลิตสาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
สาขาการไฟฟ้าและก๊าซ สาขาการขายส่งการขายปลีกและการซ่อมแซมฯ ลดลงต่อเนื่อง ๒.
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๔ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๑.๒ ปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ
จากการลดลงร้อยละ ๖.๑ ในปี ๒๕๖๓ อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ ๑.๒
และบัญชีเดินสะพัดขาดดุลร้อยละ ๒.๕ ต่อ GDP เทียบกับการเกินดุลร้อยละ ๔.๐ ต่อ GDP ในปี ๒๕๖๓ ๓.
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๕ คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๓.๕-๔.๕ ปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า
ๆ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก (๑) การฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและภาคการผลิตตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ที่มีแนวโน้มคลี่คลายลงและความคืบหน้าของการกระจายวัคซีน (๒) การฟื้นตัวอย่างช้า ๆ
ของภาคการท่องเที่ยวระหว่างประเทศภายใต้นโยบายการเปิดประเทศของภาครัฐ (๓)
การขยายตัวในเกณฑ์ดีของการส่งออกสินค้า (๔)
การขับเคลื่อนจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และ (๕) ฐานการขยายตัวที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์ สรอ. จะขยายตัวร้อยละ ๔.๙
ขณะที่การอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวร้อยละ ๔.๓ และร้อยละ ๔.๒
ตามลำดับ ส่วนการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๖ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วงร้อยละ
๐.๙-๑.๙ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๑.๐ ของ GDP ๔.
การบริหารนโยบายเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของในปี ๒๕๖๔ และ ปี ๒๕๖๕ ควรให้ความสำคัญกับ
(๑) การป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศให้อยู่ในวงจำกัด (๒) การสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ
(๓) การรักษาแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและการท่องเที่ยวภายในประเทศ
(๔) การขับเคลื่อนการส่งออกสินค้า (๕) การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน (๖)
การขับเคลื่อนการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ และ (๗) การติดตามและเฝ้าระวังความผันผวนของภาคเศรษฐกิจต่างประเทศที่มีแนวโน้มที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
56 | การกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินสำหรับรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งที่รัฐวิสาหกิจนั้นอาจดำเนินการเองได้ ตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 กรณีการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) | รง. | 09/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินสำหรับรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งที่รัฐวิสาหกิจนั้นอาจดำเนินการเองได้
ตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓
กรณีการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่
๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๔ ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงาน
รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่ควรจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งจะได้รับเป็นสำคัญ
ตามความจำเป็น ความคุ้มค่า และประหยัด ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และจัดให้มีระบบการกำกับ ติดตาม และตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข อัตราที่กำหนด
และสามารถตรวจสอบได้ในทุกกรณี ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและครบถ้วนด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
57 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 17/2564 | นร.04 | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
(ศบค.) ครั้งที่ ๑๗/๒๕๖๔ เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๔ สรุปได้ดังนี้ ๑)
รายงานสถานการณ์และคาดการณ์แนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ ๒) รายงานการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๓) การจัดงานเทศกาลลอยกระทง ประจำปี ๒๕๖๔
ภายใต้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ๔)
ความก้าวหน้าแผนรองรับการเปิดประเทศและการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ๕) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19
๖) การปรับพื้นที่สถานการณ์และปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่ ๗)
การปรับมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่
๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ และ ๘) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
58 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 12/2564 | นร.11 สศช | 04/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด
๑๙ (Baiya) ๒.
อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๔
ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้ (๑)
อนุมัติโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-๑๙
ChulaCov๑๙ mRNA เพื่อทำการทดสอบทางคลินิกระยะที่สาม
และการผลิต เพื่อขึ้นทะเบียนวัคซีนเพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กรอบวงเงินรวม ๒,๓๑๖.๘๐๐๐ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่
๑ ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ (๒) มอบหมายให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ และดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน
เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะสามารถจัดหาเงินกู้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อ ๑๕
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยเคร่งครัดตามขั้นตอนต่อไป (๓)
เห็นชอบในหลักการโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-๑๙ (Baiya)
ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม คณะเภสัชศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรอบวงเงิน ๑,๓๐๙.๐๐๐๐ ล้านบาท
โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่ ๒ ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
ควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เร่งจัดทำแผนบริหารวัคซีนทั้ง ๒ ชนิด ให้ครบถ้วนชัดเจนในทุกขั้นตอน ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบติดตามประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
ในส่วนของโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ (Baiya) ให้เป็นไปตามข้อ ๑ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
59 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 16/2564 | นร.04 | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
(ศบค.) ครั้งที่ ๑๖/๒๕๖๔ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ สรุปได้ดังนี้ ๑)
รายงานสถานการณ์และคาดการณ์แนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ ๒) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19
๓) แผนการจัดหายาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ๔) การปรับพื้นที่สถานการณ์และปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่
๕) ความก้าวหน้าแผนรองรับการเปิดประเทศ และ ๖) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
60 | ผลการประชุมระดับสูงเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง (Asia and Pacific High-Level Conference on Belt and Road Cooperation) | กต. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับสูงเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง
(Asia and Pacific High-Level Conference on
Belt and Road Cooperation) เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายดอน ปรมัตถ์วินัย)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมฯ
และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่ เกี่ยวข้องตามผลการประชุมฯ
โดยมีเรื่องที่สำคัญ เช่น การส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยวัคซีนโควิด-๑๙
การเคลื่อนย้ายวัคซีนข้ามพรมแดน การดำเนินความร่วมมือเพื่อการพัฒนาสีเขียว
และการส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |