ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 9 จากทั้งหมด 14 หน้า แสดงรายการที่ 161 - 180 จากข้อมูลทั้งหมด 268 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
161 | โครงการ 20 ของขวัญ พม. มอบสู่ประชาชน | พม | 23/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการ ๒๐ ของขวัญ พม. มอบสู่ประชาชน โดยของขวัญทั้ง ๒๐ ชิ้น มุ่งให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม พร้อมทั้งให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดจากรัฐ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. บริการทางสังคม ประกอบด้วย ๑๒ กิจกรรม ได้แก่ เพิ่มประสิทธิภาพสายด่วน ๑๓๐๐ สถานีสวัสดิการส่งความสุข คืนรักสู่ครอบครัว วัคซีนครอบครัว เว็บไซต์ www.yingthai.net เพื่อเป็นศูนย์รวมการช่วยเหลือหญิงไทย การเพิ่มเบี้ยความพิการ พัฒนาศูนย์บริการคนพิการ ประมูลทรัพย์หลุดจำนำสัญจรที่สถานธนานุเคราะห์ คืนความสุขสู่ลูกบ้าน กคช. หรือโครงการปรองดองคืนความสุขให้ประชาชนตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สร้างชุมชนอารยสถาปัตย์เกาะเกร็ด ลดอัตราดอกเบี้ยรับจำนำ และเจ้าหน้าที่ พม. เป็นมิตรแท้ของประชาชน ๒. พัฒนาที่อยู่อาศัย ประกอบด้วย ๖ กิจกรรม ได้แก่ ซ่อมแซมบ้านผู้สูงอายุ มอบบ้านทางเลือกให้กับประชาชนที่ใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะ มอบสิทธิที่ดินทำกินให้กับประชาชนในพื้นที่นิคมสร้างตนเอง และปรับปรุงที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยและผู้ยากไร้ พัฒนาความมั่นคงที่อยู่อาศัยคนจนในชุมชนแออัด "คนอยู่กับคลองอย่างมั่นคง" และบ้านมั่งคงชนบทเพื่อผู้ยากจนและด้อยโอกาสในชนบท ๓. พัฒนาคุณภาพชีวิตและอาชีพ ประกอบด้วย ๒ กิจกรรม ได้แก่ ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ ๘๗๘ แห่ง ทั่วประเทศ และฝึกทักษะอาชีพและส่งเสริมรวมกลุ่มประกอบอาชีพ
|
||||||||||||||||||||||||
162 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการโครงการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก ในระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐาน GMP ขององค์การอนามัยโลก | สธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการโครงการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกในระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐาน GMP ขององค์การอนามัยโลก ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการโครงการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก หมวดงบลงทุน โดยใช้รายได้ขององค์การเภสัชกรรมสมทบจ่าย เป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๕๙,๓๐๙,๖๔๕.๕๒ บาท ได้แก่ ๑.๑.๑ ค่าก่อสร้างอาคารผลิต อาคารบรรจุ อาคารประกันคุณภาพ และอาคารสัตว์ทดลอง จำนวน ๔ อาคาร เป็นเงิน ๔๕,๒๘๖,๙๗๒.๓๐ บาท ๑.๑.๒ ค่าควบคุมงานก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกในระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก เป็นเงิน ๕,๕๔๕,๑๗๓.๒๒ บาท ๑.๑.๓ ค่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำ Validation Master Plan (VMP) และควบคุมการติดตั้งเครื่องจักรโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกในระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก เป็นเงิน ๘,๔๗๗,๕๐๐ บาท ๑.๒ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ได้แก่ ๑.๒.๑ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามข้อ ๑.๑.๑ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๕ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๖๐ ๑.๒.๒ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามข้อ ๑.๑.๒ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๔ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๐ ๑.๒.๓ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามข้อ ๑.๑.๓ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๔ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๐ ๒. คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า กระทรวงสาธารณสุขและองค์การเภสัชกรรมควรพิจารณาวางแผนและเตรียมการในระยะยาวเพื่อให้สามารถขยายกำลังการผลิตวัคซีนได้ในกรณีเกิดวิกฤติและมีความต้องการวัคซีนเพิ่มขึ้น รวมทั้งเพื่อให้สามารถผลิตวัคซีนป้องกันโรคอื่น ๆ ที่สำคัญนอกเหนือจากไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกได้ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
163 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 36 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กษ | 12/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (ASEAN Ministers on Agriculture and Forestry : AMAF) ครั้งที่ ๓๖ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีของจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี (AMAF Plus Three) ครั้งที่ ๑๔ และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน-จีน ด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (ASEAN-China Ministerial Meeting on Quality Supervision, Inspection and Quarantine) (SPS Cooperation) ครั้งที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ กันยายน ๒๕๕๗ ณ เมืองเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับผลการประชุมอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (AMAF) ครั้งที่ ๓๖ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินงานด้านอาหาร การเกษตร และป่าไม้เพื่อมุ่งสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ในปี ๒๕๕๘ และมอบหมายให้ ASEAN Sectoral Working Group ที่เกี่ยวข้องดำเนินกิจกรรมที่กำหนดไว้ใน Key Deliverable ตามกำหนดเวลา พร้อมจัดทำตัวชี้วัดเพื่อติดตามการดำเนินงาน รวมทั้งเห็นชอบให้มีการทบทวน ปรับโครงสร้าง และกลไกการดำเนินงานภายใต้ AMAF ๒. ที่ประชุมเห็นชอบมาตรฐานและเอกสารต่าง ๆ อาทิ แผนนโยบายบูรณาการความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน และแผนกลยุทธ์ความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๓ มาตรฐานพืชสวนของอาเซียน (เมล็ดโกโก้ เห็ดนางฟ้า ถั่วลิสง น้อยหน่า มันฝรั่ง มะขามหวาน และ ชา) มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของอาเซียน การรับรองห้องปฏิบัติการตรวจรับรองวัคซีน ของกรมปศุสัตว์ มาตรฐานการปฏิบัติที่ดีทางการเกษตรสำหรับฟาร์มไก่เนื้อและฟาร์มไก่ไข่ของอาเซียน และคู่มือการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีของอาเซียน ๓. การประชุมอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (AMAF) ครั้งที่ ๓๗ จะจัดขึ้น ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ในเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ๔. รัฐมนตรีอาเซียนได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในกรอบอาเซียนเกี่ยวกับแผนการส่งเสริมสินค้าเกษตรและป่าไม้ ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๒ และบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช
|
||||||||||||||||||||||||
164 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างไทยกับเปรู | สธ | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐเปรูและกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทย (Memorandum of Understanding on Cooperation in the Matter of Health Between the Ministry of Health of the Republic of Peru and the Ministry of Public Health of the Kingdom of Thailand) โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือในด้านดูแลสุขภาพ เช่น การสาธารณสุขมูลฐาน การส่งเสริมสุขภาพ อนามัยสิ่งแวดล้อม การควบคุมและป้องกันโรค โดยเฉพาะโรคเอชไอวี เอดส์ และในด้านระบบสาธารณสุข รวมถึงการประกันสุขภาพ การลงทะเบียนสาธารณสุข การควบคุมและการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์ด้านการแพทย์ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ความร่วมมือทางวิชาการ ทางวิทยาศาสตร์ และทางเทคโนโลยี การแลกเปลี่ยนข้อมูล และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างองค์กรภาครัฐ สถาบันการแพทย์ และสถาบันอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งร่วมมือทำการวิจัยและพัฒนาแนวทางปฏิบัติด้านสุขภาพ การควบคุมและป้องกันโรค ผลิตภัณฑ์แบคทีเรียและชีววัตถุ ผลิตภัณฑ์ทางแบคทีเรีย วัคซีน นวัตกรรมด้านสุขภาพและเทคโนโลยี ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) และกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ คู่ฉบับภาษาอังกฤษ ในวรรคสุดท้าย บรรทัดที่ ๒ จากคำว่า “the English texts” เป็น “the English text” รวมทั้งปรับแก้เพิ่มเติมข้อความบางประการในบันทึกความเข้าใจฯ คู่ฉบับภาษาอังกฤษ และคู่ฉบับภาษาไทย นอกจากนี้ คู่ฉบับของฝ่ายไทย ทั้งภาษาไทย ภาษาสเปน และภาษาอังกฤษ ควรพิจารณาปรับแก้ให้ชื่อของฝ่ายไทยขึ้นก่อนในชื่อความตกลง วรรคอารัมภบท ภาษา และช่องลงนาม ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
165 | การขอขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาจ้างของกระทรวงสาธารณสุข | กค | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ ที่เห็นควรผ่อนผันการก่อหนี้ของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๑๔ รายการ โดยให้ก่อหนี้ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ และไม่เห็นควรผ่อนผัน จำนวน ๓ รายการ ประกอบด้วย รายการอาคารห้องสมุดและเทคโนโลยีวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เชียงใหม่ รายการอาคารศูนย์การเรียนรู้ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ และอาคารที่ทำการและสิ่งก่อสร้างประกอบเป็นอาคารคลังเก็บวัคซีนมาตรฐานของภูมิภาค เนื่องจากเป็นรายการที่ไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณชนในวงกว้าง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำกับและติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามระยะเวลาที่ผ่อนผัน โดยรายการที่ไม่ได้รับการผ่อนผัน จำนวน ๓ รายการ ให้พิจารณาทบทวนและปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๖ ตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
166 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (จำนวน 7 ราย 1. นายธวัช สุนทราจารย์ ฯลฯ) | สธ | 28/05/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติ จำนวน ๗ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายธวัช สุนทราจารย์ ประธานกรรมการ ๒. นายมานิต ธีระตันติกานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายศุภมิตร ชุณห์สุทธิวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายประสิทธิ์ ผลิตผลการพิมพ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายประเสริฐ เอื้อวรากุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นางสาวยุพิน ลาวัณย์ประเสริฐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นางสาวกุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||
167 | การโอนบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณ ไปเป็นของสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) | สธ | 11/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้มีการโอนบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของหน่วยงานภายในกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เฉพาะในส่วนที่ทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ไปเป็นของสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
168 | สรุปผลการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ครั้งที่ 11 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | สธ | 28/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ครั้งที่ ๑๑ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒-๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ณ จังหวัดภูเก็ต หัวข้อหลักของการประชุม คือ “ประชาคมอาเซียน : โอกาสและความท้าทายต่อสุขภาพ (ASEAN Community 2015 : Opportunities and Challenges to Health)" ประกอบด้วยการประชุม ๒ ระดับ ดังนี้
๑. การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส เพื่อรายงานความคืบหน้าการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ นับจากการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนครั้งผ่านมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๓ รวมทั้งการเตรียมการเพื่อเสนอประเด็นสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีในครั้งนี้ ๒. การประชุมระดับรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาและหารือประเด็นสำคัญต่าง ๆ ประกอบด้วย ๒.๑ การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ครั้งที่ ๑๑ อย่างไม่เป็นทางการ (11th AHMM Retreat) เกี่ยวกับเรื่อง โรคไม่ติดต่อ (Non -Communicable Diseases : NCD) รัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนได้แลกเปลี่ยนความเห็นและหารือกันเกี่ยวกับเรื่อง การควบคุมการบริโภคยาสูบ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ๒.๒ การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ครั้งที่ ๑๑ (11th ASEAN Health Ministers Meeting) รัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนเห็นชอบให้มีการจัดการประเด็นด้านสาธารณสุขที่เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะภาระจากโรคไม่ติดต่อที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มขึ้นของการบริโภคยาสูบ ความพยายามในการป้องกันไม่ให้มีผู้ป่วยเอดส์รายใหม่ และการเตรียมความพร้อมเพื่อการรองรับภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ โดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาวุโสหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งเครือข่ายอาเซียนด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (ASEAN network on UHC) และสนับสนุนให้เครือข่ายการฝึกอบรมนักระบาดวิทยาของอาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three FETN) ใช้ Minimum Standards on Joint Multi-sectoral Outbreak Investigation and Response (MS JMOIR) ในการศึกษาและสำรวจร่วมกัน โดยส่งเสริมให้มีการดำเนินงานร่วมกับองค์การอนามัยโลกและหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulation : IHR) ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับรองแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) ของการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ครั้งที่ ๑๑ ๒.๓ การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ ๕ (5th ASEAN Plus Three Health Ministers Meeting) รัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวกสามได้ร่วมกันหารือ Roundtable discussion หัวข้อหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health Coverage : UHC) โดยส่งเสริมให้มีการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในการลดความยากจนและให้มีการเข้าถึงการบริการสุขภาพที่จำเป็น โดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนบวกสามหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งเครือข่ายอาเซียนบวกสามด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (ASEAN Plus Three network on UHC) และส่งเสริมให้มีความร่วมมือในสาขาการแพทย์พื้นบ้าน อนามัยแม่และเด็ก และโรคติดต่อทั่วไปและโรคติดต่ออุบัติใหม่ เช่น การริเริ่มเครือข่ายการฝึกอบรมนักระบาดวิทยา (FETN) การสื่อสารความเสี่ยง (Risk Communication) ความร่วมมือด้านห้องทดลอง (Partnership Laboratories) เป็นต้น ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับรองแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) ของการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ ๕ ๒.๔ การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน-จีน ครั้งที่ ๔ (4th ASEAN-China Health Ministers Meeting) รัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน-จีนได้ร่วมกันหารือ Roundtable discussion หัวข้อการควบคุมการบริโภคยาสูบ (Tobacco Control) โดยส่งเสริมให้มีความร่วมมือในสาขาโรคติดต่อทั่วไปและโรคติดต่ออุบัติใหม่ ได้แก่ โรคมาลาเรีย โรคไข้หวัดใหญ่ โรคไข้เลือดออก โรคเอดส์ การแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก รวมทั้งลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลของรัฐสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข ประกอบด้วย ความร่วมมือในสาขาการป้องกันควบคุมโรคติดต่อ กลไกเพื่อสนองตอบต่อภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข และศักยภาพในการบรรเทาผลกระทบสุขภาพที่เกิดจากภัยธรรมชาติ การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อ ความปลอดภัยด้านอาหาร และระบบการเตือนภัยฉุกเฉิน การพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุข การพัฒนาการแพทย์ดั้งเดิม และการพัฒนาเภสัชกรรมและวัคซีน โดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน-จีนจัดทำแผนปฏิบัติการต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับรองแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) ของการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน-จีน ครั้งที่ ๔ ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีสาธารณสุขสิงคโปร์ บรูไนดารุสซาลาม และเมียนมาร์ รวมทั้งประเทศเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ครั้งที่ ๑๒ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ประมาณสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ เมืองดาลัด
|
||||||||||||||||||||||||
169 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | นร | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้จัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โดยให้มีวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๒. กำหนดให้ทุนและทรัพย์สินในการดำเนินกิจการของสถาบัน ประกอบด้วย เงินและทรัพย์สินที่ได้รับโอนมาตามมาตรา ๓๙ เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามความเหมาะสม เป็นต้น และรายได้ของสถาบันไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ๓. กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ประกอบด้วย ประธานกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง กรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๔. กำหนดให้มีผู้อำนวยการสถาบัน ซึ่งคณะกรรมการเป็นผู้มีอำนาจสรรหา แต่งตั้ง และถอดถอน กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของผู้อำนวยการ และให้ผู้อำนวยการมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๕. กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดทำบัญชี การตรวจสอบภายใน การส่งงบดุล งบการเงิน และบัญชีทำการให้แก่ผู้สอบบัญชี การจัดทำรายงานประจำปี และการประเมินผลงานของสถาบัน ๖. กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับการโอนอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ไปเป็นของสถาบันการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และการปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ข้าราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างของกรมควบคุมโรค ตลอดจนระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อกำหนดของสถาบันที่มีอยู่ก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
|
||||||||||||||||||||||||
170 | ขอความเห็นชอบโครงการความร่วมมือในการผลิตวัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี | สธ | 13/03/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการความร่วมมือในการผลิตวัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ - บาดทะยัก - ไอกรน - ตับอักเสบบี ในประเทศไทย ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับบริษัทองค์การเภสัชกรรม - เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด ซึ่งเป็นการพัฒนาการผลิตวัคซีนจากเดิมที่ผลิตเฉพาะระดับปลายน้ำ (downstream production) มาเป็นการผลิตตั้งแต่ระดับต้นน้ำ (upstream production) สำหรับวัคซีนบางตัว ซึ่งเป็นวัคซีนรวม (Combination vaccine) กล่าวคือ วัคซีนหนึ่งเข็มสามารถป้องกันโรคได้ ๔ โรค คือ โรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และตับอักเสบบี ๑.๒ ให้หน่วยราชการที่จำเป็นต้องใช้วัคซีนในคน จัดซื้อวัคซีนในคนซึ่งผลิตโดยบริษัทองค์การเภสัชกรรม - เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด โดยวิธีกรณีพิเศษตามข้อตกลงของกระทรวงสาธารณสุข เป็นเวลา ๑๐ ปี ๑.๓ เงื่อนไขพิเศษต่อโครงการฯ ในการผลิตวัคซีนใด ๆ ในประเทศไทย โดยบริษัทองค์การเภสัชกรรม - เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนที่ได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าหรือไม่ก็ตาม บริษัทต้องนำวัคซีนส่วนประกอบหรือวัคซีนเดี่ยวตัวอื่นที่หน่วยงานภายในประเทศผลิตขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไปผสมสูตรวัคซีนรวม หรือเพื่อการผลิตวัคซีนชนิดอื่นที่บริษัททำการผลิต แทนการนำเข้าวัคซีนชนิดเข้มข้นจากต่างประเทศ เช่น วัคซีนป้องกันโรคไอกรน บาดทะยัก พิษสุนัขบ้า ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น โดยให้มีการพิจารณาความเป็นไปได้ทางเทคนิค และการลงทุน ๑.๔ ให้กระทรวงสาธารณสุขทำสัญญาความร่วมมือในโครงการฯ กับบริษัทองค์การเภสัชกรรม - เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด ๒. ให้บริษัทองค์การเภสัชกรรม - เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด ได้รับสิทธิพิเศษประเภทไม่บังคับตามแนวทางและหลักเกณฑ์การให้สิทธิพิเศษ กล่าวคือ ให้ส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐที่ประสงค์จะซื้อวัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ - บาดทะยัก - ไอกรน - ตับอักเสบบี ให้สามารถติดต่อซื้อได้โดยตรง โดยวิธีกรณีพิเศษ หรือที่เรียกชื่ออย่างอื่น ซึ่งมีวิธีการทำนองเดียวกันตามระเบียบว่าด้วยพัสดุที่หน่วยงานนั้น ๆ ถือปฏิบัติ ทั้งนี้ จนถึงสิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๔ โดยมีเงื่อนไขว่า ภายในสิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๐ หากบริษัทยังไม่สามารถผลิตวัคซีนระดับต้นน้ำแทนการนำเข้าวัคซีนชนิดเข้มข้นจากต่างประเทศ ให้ทบทวนการให้สิทธิพิเศษดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งให้บริษัทส่งรายงานผลการดำเนินการเป็นรายปีให้คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจทราบด้วย ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการให้สิทธิพิเศษทางการค้าแก่บริษัทองค์การเภสัชกรรม - เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด เห็นควรให้สิทธิพิเศษเฉพาะวัคซีนที่จะดำเนินการวิจัยในประเทศตั้งแต่ต้นน้ำ หรือเท่าที่จำเป็นต่อความคุ้มทุนเท่านั้น ไม่ควรให้ทั้ง ๗ รายการตามที่บริษัทเสนอขอ ได้แก่ วัคซีนตับอักเสบบี วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า วัคซีนรวมป้องกันโรคหัด - คางทูม - หัดเยอรมัน วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดกิน รายการที่ ๕ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ วัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ - ไอกรน - บาดทะยัก - ตับอักเสบบี และวัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี และให้บริษัทแสดงแผนการในการรองรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เป็นรูปธรรม และกำหนดเป้าหมายเมื่อสิ้นสุดโครงการฯ โดยบริษัทจะต้องใช้วัคซีนที่ผลิตจากต้นน้ำในประเทศครบทั้ง ๔ โรค คือ โรคคอตีบ - บาดทะยัก - ไอกรน - ตับอักเสบบี โดยมีแผนการลงทุนในการผลิตวัคซีนจากต้นน้ำทั้ง ๔ โรคที่ชัดเจน และให้มีการขยายการผลิตวัคซีนที่มีความจำเป็นตัวอื่น ๆ ที่ประเทศมีความจำเป็นต้องใช้ รวมทั้งพิจารณาขยายตลาดวัคซีนของบริษัทโดยการส่งออก เพื่อลดต้นทุนและคุ้มค่าการลงทุนเร็วขึ้น นอกจากนี้ เห็นควรจัดตั้งคณะกรรมการอิสระ ประกอบด้วยตัวแทนจากทุกภาคส่วน เพื่อพิจารณา ต่อรอง และเจรจาระยะเวลา และประเภทของวัคซีนที่ควรให้สิทธิพิเศษทางการค้าแก่บริษัทร่วมทุน กำหนดราคาที่โปร่งใส เป็นธรรม และสะท้อนราคาวัคซีนในตลาด ตลอดจนประเมินผลความก้าวหน้าของโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
171 | งบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2553 และ 2552 | สช | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนองบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ และ พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว และเห็นว่า รายงานการเงินกองทุนฯ แสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ และ ๒๕๕๒ ผลการดำเนินงานและกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของกองทุนฯ ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยมีข้อสังเกตหมายเหตุประกอบงบการเงิน ข้อ ๑๔ เกี่ยวกับทุน จำนวน ๘๕๐,๓๖๖,๑๙๐.๖๖ บาท เบิกจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๓๐๒,๒๓๘,๐๓๙.๙๔ บาท ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ คงเหลือ ๕๔๘,๑๒๘,๑๕๐.๗๒ บาท ตามมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๒ เห็นชอบในหลักการใช้งบประมาณรับโอนจากกระทรวงสาธารณสุข ตามมาตรา ๖๙ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อใช้ในการพัฒนาระบบข้อมูลและเทคโนโลยีสารสนเทศ จัดหายานพาหนะและเป็นเงินกองทุนกลางสำรองกรณีมีเหตุฉุกเฉินเร่งด่วน และหมายเหตุประกอบงบการเงิน ข้อ ๑๕ เกี่ยวกับผลการดำเนินงาน คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ให้กองทุนฯ จ่ายเงินซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น 1) และยา Oseltamivir ไปก่อน จำนวน ๘๕๐ ล้านบาท และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณใช้คืน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ กองทุนฯ ยังไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
172 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงสาธารณสุข) | สธ | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคณะกรรมการต่างๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. คงคณะกรรมการ จำนวน ๑๑ คณะ เพื่อปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่เดิมต่อไป ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีนแห่งชาติ ๑.๒ คณะกรรมการอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม ๑.๓ คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ๑.๔ คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาแพทย์ ๑.๕ คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ ๑.๖ คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาเภสัชศาสตร์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาเภสัชศาสตร์ ๑.๗ คณะกรรมการจัดทำตำรายาของประเทศไทย ๑.๘ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี ๑.๙ คณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ๑.๑๐ คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข ๑.๑๑ คณะอนุกรรมการพิจารณาพื้นที่พิเศษสำหรับค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย ๒. ปรับปรุงองค์ประกอบบางส่วน จำนวน ๑ คณะ เพื่อปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่เดิมต่อไปคือ คณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ ๓. ยกเลิกคณะกรรมการ จำนวน ๑ คณะ คือ คณะกรรมการโภชนาการ
|
||||||||||||||||||||||||
173 | งบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2552 และ 2551 | สช | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. งบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๑ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๑ งบรายได้และค่าใช้จ่าย และงบกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของ สปสช. เห็นว่า รายงานการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๑ ผลการดำเนินงานและกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของ สปสช. โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยมิได้เป็นการแสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไข ๒. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินขอให้สังเกตหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ ๑๕ (รายงานของผู้ตรวจสอบบัญชีและรายงานการเงิน สปสช. สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยาน ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๑) เกี่ยวกับผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ สปสช. มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย จำนวน ๔๐๒.๗๓ ล้านบาท ส่วนหนึ่งมีผลมาจากรายจ่ายค่าบริการทางการแพทย์สูงกว่างบประมาณที่ได้รับ จำนวน ๘๕๓.๖๘ ล้านบาท เนื่องจากมีประชากรลงทะเบียนสูงกว่าเป้าหมายที่ได้รับจัดสรร และมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ให้ สปสช. จ่ายเงินซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช ๑ เอ็น ๑) และยา Oseltamivir ไปก่อน จำนวน ๘๕๐ ล้านบาท แล้วให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณใช้คืน
|
||||||||||||||||||||||||
174 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... | สธ | 20/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้จัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติเป็นองค์การมหาชน เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงาน ส่งเสริม ขับเคลื่อน ผลักดัน และบริหารจัดการด้านการวิจัยพัฒนา การผลิต การประกันและควบคุมคุณภาพวัคซีน โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันพิจารณาเกี่ยวกับองค์ประกอบของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติว่า หากสามารถปรับองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ให้สอดคล้องกับรูปแบบของการจัดตั้งองค์การมหาชนได้ เห็นควรให้จัดทำเป็นพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน แล้วดำเนินการต่อไปได้ หรือหากกระทรวงสาธารณสุขเห็นว่าควรคงองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ตามร่างพระราชบัญญัติสถาบันวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับแหล่งรายได้ของกองทุนวัคซีนแห่งชาติที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติสถาบันวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... ในส่วนของรายรับที่เกิดจากการดำเนินงานของกองทุนฯ ยังไม่แสดงถึงแหล่งที่มาของรายรับที่ชัดเจน จึงเห็นควรเสนอเรื่องการจัดตั้งกองทุนฯ ให้คณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียนพิจารณาเพื่อประกอบความเห็นของคณะรัฐมนตรีต่อไป รวมทั้งเห็นควรเพิ่มแหล่งที่มาของกองทุนฯ ในหมวด ๓ มาตรา ๒๔ โดยระบุให้กลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการดำเนินงานของสถาบันฯ และกองทุนฯ มีหน้าที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนในอัตราที่กำหนด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
175 | ขอให้จัดสรรงบประมาณค่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น 1) และค่ายา Oseltamivir ตามมติคณะรัฐมนตรี | นร | 04/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๕๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อชดใช้คืนเข้ากองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำหรับการจัดซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช ๑ เอ็น ๑) และค่าจัดซื้อยา Oseltamivir ขององค์การเภสัชกรรม ทั้งนี้ เพื่อให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสามารถจัดสรรเงินให้กับหน่วยบริการตามภาระผูกพันและสามารถบริการประชาชนได้ตามสิทธิประโยชน์ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
176 | การทบทวนความจำเป็นในการคงอยู่ของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง (รวม 13 คณะ) | สธ | 15/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนความจำเป็นในการคงอยู่ของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ จำนวน ๑๓ คณะ โดยปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ จำนวน ๒ คณะ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. คณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ ๒. คณะกรรมการอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม ๓. คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ๔. คณะกรรมการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีแห่งชาติ ๕. คณะกรรมการโภชนาการ ๖. คณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ๗. คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาแพทย์ ๘. คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ ๙. คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาเภสัชศาสตร์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาเภสัชศาสตร์ ๑๐. คณะกรรมการจัดทำตำรายาของประเทศไทย ๑๑. คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี ๑๒. คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขรับตำแหน่งองค์ประกอบลำดับที่ ๑๒ [ตำแหน่งกรรมการและเลขานุการร่วม จากเดิมที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข (นายสุพรรณ ศรีธรรมา)] ปรับเป็นหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ๑๓. คณะอนุกรรมการพิจารณาพื้นที่พิเศษสำหรับค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายปรับตำแหน่งองค์ประกอบลำดับที่ ๙ [ตำแหน่งอนุกรรมการ จากเดิมที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข (นายสุพรรณ ศรีธรรมา)] ปรับเป็นหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข
|
||||||||||||||||||||||||
177 | ขอความเห็นชอบแผนพัฒนาศักยภาพที่ยั่งยืนในประเทศไทยในเรื่อง WHO Pre-qualification Scheme และแผนองค์รวมของการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ | สธ | 08/02/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของแผนพัฒนาศักยภาพที่ยั่งยืนในประเทศไทยในเรื่อง WHO Pre-qualification Scheme และแผนองค์รวมของการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างศักยภาพของประเทศและพัฒนาไปสู่โรงงานที่ได้มาตรฐานสากล เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ และสามารถขยายศักยภาพให้เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในอนาคต โดยแผนพัฒนาศักยภาพที่ยั่งยืนในประเทศไทยในเรื่อง WHO Pre-qualification Scheme มีระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้น ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๖๓) ประกอบด้วยโครงการ/แผนงานทั้งหมด ๑๖ โครงการ/แผนงาน ส่วนแผนองค์รวมของการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ มีระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้น ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๐) โดยมีการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนไข้หวัดในองค์รวม ๕ ด้าน เพื่อนำไปสู่โรงงานที่ได้มาตรฐาน WHO Pre-qualificaiton Scheme ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการอนุมัติให้องค์การเภสัชใช้เงินงบประมาณที่มาจากรายได้ของตนเอง และการอนุมัติจัดสรรเงินงบประมาณสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐสำหรับแผนพัฒนาศักยภาพที่ยั่งยืนในประเทศไทยในเรื่อง WHO Pre-qualification Scheme และแผนองค์รวมของการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ จะต้องไม่รวมงบประมาณที่องค์การเภสัชกรรมและหน่วยงานภาครัฐได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการไปแล้ว และให้มีการติดตาม ประเมินผล และทบทวนแผนการดำเนินงานซึ่งมีระยะเวลา ๑๐ ปี เป็นระยะ ๆ เพื่อให้สามารถปรับแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายเงินให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินงานดังกล่าวเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ นอกจากนี้ ควรเพิ่มเติมแผนงานเฉพาะในเรื่องการวิเคราะห์อุปสงค์ของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ภายใต้แผนองค์รวมของการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการวิจัยและพัฒนาและการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพื่อบูรณาการการผลิตวัคซีนให้เกิดประสิทธิภาพ รวมทั้งประสานความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศเพื่อหากลุ่มประเทศคู่ค้าเพื่อรองรับตลาดในอนาคตและเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาศักยภาพที่ยั่งยืนในประเทศในเรื่อง WHO Pre-qualification Scheme และมีมาตรการควบคุมราคายาที่ผลิตได้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งทบทวนแผนงบประมาณเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการที่ซ้ำซ้อน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. เห็นชอบให้องค์การเภสัชกรรมใช้งบประมาณซึ่งได้มาจากรายได้ขององค์การเภสัชกรรมเอง ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๖๓ เป็นเงิน ๒,๒๑๖ ล้านบาท สำหรับแผนพัฒนาศักยภาพที่ยั่งยืนในประเทศไทยในเรื่อง WHO Pre-qualification Scheme และตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ เป็นเงิน ๑๓๕.๑๕ ล้านบาท สำหรับแผนองค์รวมของการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ |
||||||||||||||||||||||||
178 | ขอความเห็นชอบวาระแห่งชาติด้านวัคซีน | สธ | 18/01/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการต่อวาระแห่งชาติด้านวัคซีน เพื่อเร่งรัดการพัฒนาวัคซีนของประเทศให้สามารถพึ่งพาตนเองได้จริง และมีโอกาสเป็นผู้นำในภูมิภาค ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยวาระแห่งชาติด้านวัคซีน ประกอบด้วย ๑.๑ ยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อให้การวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนในประเทศมีความก้าวหน้าโดยเร็ว โดยกำหนดในวาระแห่งชาติด้านวัคซีน จำนวน ๔ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ ๑.๑.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ผลักดันและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ โดยหน่วยงานกลางด้านวัคซีนของประเทศ ๑.๑.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ พัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้านวัคซีนภายในประเทศให้มีองค์ความรู้เพียงพอ และมีทักษะเฉพาะด้านที่เหมาะสมกับภารกิจ ๑.๑.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ จัดตั้งและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการวิจัยพัฒนา การผลิต และการควบคุมคุณภาพวัคซีนตั้งแต่การวิจัยพัฒนาจนถึงการใช้วัคซีน ๑.๑.๔ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ สนับสนุนการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนได้เองภายในประเทศทั้งวัคซีนพื้นฐานและวัคซีนที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการป้องกันและควบคุมโรคในภาวะปกติและเมื่อเกิดการระบาด ๑.๒ โครงการการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนภายในประเทศเพื่อรองรับยุทธศาสตร์ฯ ประกอบด้วย ๑๐ โครงการหลัก จำแนกเป็นโครงการระยะสั้น (๒ ปี) จำนวน ๑ โครงการ โครงการระยะกลาง (๕ ปี) จำนวน ๕ โครงการ และโครงการระยะยาว (๑๐ ปี) จำนวน ๔ โครงการ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการให้ความสำคัญเรื่องความร่วมมือกับต่างประเทศ เช่น ความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศมีการดำเนินการทางด้านการทูตเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการสาธารณสุข หากมีการจัดประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้ขอให้เชิญกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมด้วย สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้ในการดำเนินการตามโครงการต่าง ๆ ที่บรรจุอยู่ในวาระแห่งชาติด้านวัคซีน ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโครงการจัดทำแผนการดำเนินงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ชัดเจนในแต่ละปี และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ส่วนการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่เพื่อรองรับภารกิจที่เกี่ยวข้องกับวาระแห่งชาติด้านวัคซีน ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
179 | แผนกลยุทธ์แห่งชาติว่าด้วยการพัฒนางานสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. 2555 - 2559 | วช | 14/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้มีการพัฒนางานเลี้ยงและใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ตามแผนกลยุทธ์แห่งชาติว่าด้วยการ พัฒนางานสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ ซึ่งมีกรอบทิศทางการดำเนินงานที่ต่อเนื่องจากแผน กลยุทธ์แห่งชาติฯ พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๔ โดยมีสาระสำคัญครอบคลุมการพัฒนาการเลี้ยงและใช้สัตว์ เพื่องานทาง วิทยาศาสตร์ที่เป็นระบบสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนางานวิจัย การทดสอบการผลิต ชีววัตถุทั้งด้านการแพทย์ การเกษตร และการพัฒนาอุตสาหกรรมยา สมุนไพร อาหารและวัคซีน ๑.๒ แต่งตั้งคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อพัฒนางานเลี้ยงและใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ โดยมีนาย สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ เป็นประธานกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อ พัฒนางานเลี้ยงสัตว์และใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ เป็นกรรมการและเลขานุการ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการฯ รับ ผิดชอบกำกับดูแลการพัฒนางานตามแผนกลยุทธศาสตร์แห่งชาติฯ และพิจารณาแผนพัฒนางานเลี้ยงและใช้สัตว์ฯ ของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้ข้อเสนอแนะแก่สำนักงบประมาณในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณประจำปีแก่หน่วย งานต่าง ๆ ที่เสนอแผนพัฒนางานฯ และเสนอขอตั้งงบประมาณ และติดตามประเมินผลการพัฒนางานฯ ของหน่วย งานต่าง ๆ โดยมีสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อพัฒนางานเลี้ยงและใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยา ศาสตร์เป็นหน่วยงานดำเนินการ ๑.๓ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำกรอบกลยุทธ์แห่งชาตินี้ ผนวกเข้ากับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติและคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อพัฒนางานเลี้ยงและใช้สัตว์เพื่อ งานทางวิทยาศาสตร์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเชื่อม โยงข้อมูลเข้ากับโครงข่ายเชื่อมโยงระบบสารสนเทศภาครัฐ Government Information Network : GIN และจัดทำ มาตรฐานข้อมูลภายใต้กรอบมาตรฐาน TH e-GIF (Government Interoperability Framework) ของกระทรวงเทค โนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเข้าด้วยกัน การใช้ประโยชน์จากความร่วมมือในกลุ่มประเทศสมาชิกสมาคมประชา ชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในการพัฒนางานเลี้ยงและใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ ประเทศไทยมีศักยภาพในระดับภูมิภาค และเพื่อให้การดำเนินงานสอดคล้องกับความต้องการทั้งในระดับประเทศ และระดับภูมิภาคด้วย การมีส่วนร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนปฏิบัติการที่สามารถเชื่อมโยงกัน อย่างเป็นระบบ โดยคำนึงถึงศักยภาพและความพร้อมด้านงบประมาณและทรัพยากรที่มีอยู่ของหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง การยกระดับขีดความสามารถของสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อพัฒนางานเลี้ยงและใช้สัตว์ เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ให้เป็นหน่วยงานบริการพิเศษหรือองค์การมหาชน เพื่อรองรับภารกิจที่หลากหลายใน อนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
180 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... | สธ | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายและแผนยุทธ ศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมาย และร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้มีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ และคณะกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ๑.๒ กำหนดให้จัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติเป็นหน่วยงานภายในกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ๑.๓ กำหนดงบประมาณที่ใช้ในกิจการการพัฒนางานด้านวัคซีน ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับ องค์ประกอบของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เห็นควรเพิ่มสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เป็นกรรมการด้วยและควรเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดังกล่าวในเรื่องการประสานงานกับหน่วยงาน ภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในการใช้นโยบายพาณิชย์เชิงรุกเพื่อการผลิตและจำหน่ายวัคซีนให้แก่ประเทศต่าง ๆ ที่มีศักยภาพเป็นประเทศคู่ค้าด้วย สำหรับการจัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติเป็นหน่วยงานภายในกรมควบคุมโรค ไม่ถือเป็นส่วนราชการที่เป็นกอง หรือส่วนราชการที่มีฐานะเทียบเท่ากอง ตามมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๕ และการบริหารราชการต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบ บริหารราชการแผ่นดินฯ จึงไม่อาจกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติได้ ไปประกอบการ พิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุข (กรมควบคุมโรค) รับความเห็นของสำนักงบ ประมาณเกี่ยวกับงบประมาณที่จะนำมาใช้ในการบริหาร ให้สามารถนำเงินงบประมาณที่จัดสรรไว้ที่กรมควบคุม โรคและเงินที่ได้รับจากเงินนอกงบประมาณตามร่างข้อ ๒๐ และร่างข้อ ๒๑ มาใช้จ่ายได้โดยให้เบิกจ่ายในอัตรา ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
.....