ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 5 จากทั้งหมด 14 หน้า แสดงรายการที่ 81 - 100 จากข้อมูลทั้งหมด 268 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
81 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 21/2564 ครั้งที่ 22/2564 และครั้งที่ 23/2564 | นร.11 | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและอนุมัติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่
๒๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๒๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม
๒๕๖๔ และครั้งที่ ๒๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้แก่ อนุมัติให้นำวงเงินเพื่อการตามมาตรการ ๕ (๒)
มาใช้เพื่อการตามมาตรการ ๕ (๑) เพิ่มเติม (ครั้งที่ ๑) จำนวน ๕,๘๗๑.๘๗๑๐ ล้านบาท
อนุมัติโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา ๓๓
ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
(กรุงเทพมหานครและปริมณฑล) ของสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กรอบวงเงินจำนวน
๒,๕๑๙.๓๘๐๐ ล้านบาท
อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทย เพิ่มเติมจำนวน ๑๐.๙ ล้านโดส ของกรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข กรอบวงเงิน ๖,๑๑๑.๔๑๒๐ ล้านบาท อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายโครงการกำลังใจ
เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและเร่งรัดการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด
อนุมัติให้จังหวัดตราดยกเลิกการดำเนินกิจกรรมย่อยภายใต้โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคเกษตรกรรมด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
จำนวน ๕ กิจกรรม วงเงิน ๒,๕๗๘,๘๐๐ บาท อนุมัติให้จังหวัดนครสวรรค์ยกเลิกการดำเนินโครงการ
จำนวน ๓ โครงการ วงเงินรวม ๕,๖๘๔,๓๐๐
บาท
รวมถึงปรับแผนการดำเนินโครงการรายย่อยใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
จำนวน ๒ โครงการ วงเงิน ๑๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท
และอนุมัติให้จังหวัดมหาสารคามยกเลิกการดำเนินโครงการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานรองรับความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต
วงเงิน ๘๕๔,๖๐๐ บาท
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติดำเนินการอย่างเคร่งครัด
และเร่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามขั้นตอนและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างโปร่งใส และตรวจสอบได้ภายใต้กรอบระยะเวลาตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
รวมถึงรายงานผลการดำเนินโครงการรายเดือนตามรูปแบบและระยะเวลาที่กระทรวงการคลังกำหนดในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ
(eMENSCR) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ในการดำเนินการโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน ๑๐.๙ ล้านโดส
กระทรวงสาธารณสุขควรบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็วที่สุด โดยเร่งรัดการกระจายวัคซีนอย่างเป็นระบบ
รวดเร็ว ทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งให้สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้มีความพร้อมในการเข้ารับการฉีดวัคซีนและการป้องกันโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้
ให้เผยแพร่ข้อมูลผลการดำเนินการดังกล่าวต่อสาธารณชนให้ถูกต้อง ทั่วถึง
และโปร่งใสด้วย ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
82 | ข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 3 ฉบับ | นร.05 | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘
เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา รวม ๓ ฉบับ ดังนี้ ๑. ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ มีสาระสำคัญเป็นการอนุญาตให้ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นจังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว
เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว หรือกิจการอื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล และกำหนดมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางดังกล่าวให้เป็นไปตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ๒. คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ที่ ๗/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๑) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดออกตามความในมาตรา
๙ แห่งพระราชกำหนดมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตามข้อ ๑
ประกอบด้วยมาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร มาตรการเมื่อเดินทาง/ระหว่างอยู่ในราชอาณาจักรและมาตรการก่อนเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นภายในราชอาณาจักร
โดยผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรดังกล่าวจะต้องได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้
(Certificate of Entry-COE) เอกสารหรือหลักฐานรับรองการได้รับวัคซีน (Certificate
of Vaccination) และได้รับการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 โดยวิธี RT-RCR เป็นต้น ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑๔๓ ง วันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๓. คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ที่ ๘/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๒ ) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรไม่ว่าจะเป็นการใช้เส้นทางคมนาคมทางบก
ทางเรือ ทางน้ำ หรือทางอากาศ หรือโดยการใช้ยานพาหนะอื่นใด รวม ๑๑ ประเภท
ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโดยเคร่งครัด เช่น COE เข้ารับการกักตัวในสถานที่กักกันซึ่งทางราชการกำหนด
มีกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งรวมถึงกรณีโรคโควิด-19 ในวงเงินไม่น้อยกว่า ๑๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑๔๔ ง วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||
83 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่ง ปี 2564 | นร.11 | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่ง ปี ๒๕๖๔
ซึ่งมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) ความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสหนึ่ง ปี ๒๕๖๔ เช่น
สถานการณ์แรงงานและหนี้สินครัวเรือน (๒) สถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ จำนวน ๓ เรื่อง
ได้แก่ สังคมไร้เงินสดในบริบทของไทย กัญชา : โอกาสใหม่ที่ต้องควบคุมอย่างเหมาะสม
การคืนเด็กดีสู่สังคม : แนวทางการสร้างโอกาส และการยอมรับ และ (๓) บทความเรื่อง
“การพัฒนาวัคซีน COVID-19 ของไทย”
ซึ่งได้เสนอแนะแนวทางการพัฒนา/ผลิตวัคซีน เพื่อให้สามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
84 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2564 | กค. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๑ ปี ๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑) เศรษฐกิจโลก
มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกาประกอบกับการส่งออกเอเชียที่ฟื้นตัวดีขึ้นเป็นสำคัญ
และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากการกระจายวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ที่เร่งตัวมากขึ้นในหลายประเทศ
และการมีแรงสนับสนุนจากมาตรการการคลังที่ออกมาอย่างต่อเนื่องและนโยบายการเงินที่ยังผ่อนคลาย
(๒) เศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทยในปี ๒๕๖๔ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๐ ต่ำลงจากการประเมินครั้งก่อนเนื่องจากได้รับผลกระทบของโควิด-๑๙
ระลอกใหม่ ส่วนเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๕ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๗
โดยประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี ๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ อยู่ที่ร้อยละ ๑.๒ และ ๑.๐
ตามลำดับ สำหรับเสถียรภาพระบบการเงินไทย ยังมีเสถียรภาพแต่เปราะบางมากขึ้นจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้า
และ (๓) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๖๔ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน
เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ และ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๔ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ
๐.๕ ต่อปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
85 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับสูงภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง (Asia and Pacific High-Level Conference on Belt and Road Cooperation) | กต. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารข้อริเริ่มเรื่องความเป็นหุ้นส่วนสายแถบและเส้นทางว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนโควิด-๑๙
และร่างเอกสารข้อริเริ่มเรื่องความเป็นหุ้นส่วนสายแถบและเส้นทางว่าด้วยการพัฒนาสีเขียวของการประชุมระดับสูงภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง
ที่จะมีการรับรองการประชุมระดับสูงภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง
(Asia and Pacific High-Level Conference on
Belt and Road Cooperation) ในวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ได้รับมอบหมายเข้าร่วมการประชุมระดับสูงภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง
และร่วมให้การรับรองร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ ในการประชุมดังกล่าว โดยร่างเอกสารทั้ง
๒ ฉบับ มีสาระสำคัญ (๑) เป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านวัคซีนโควิด-๑๙
ผ่านการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การประสานงานระหว่างกันด้านนโยบายกฎระเบียบวัคซีน
การสนับสนุนให้รัฐบาลและบริษัทผู้ผลิตวัคซีนให้ความช่วยเหลือด้านวัคซีนแก่ประเทศกำลังพัฒนาโดยการบริจาคหรือการส่งออกในราคาที่สามารถเข้าถึงได้
การส่งเสริมการวิจัยด้านวัคซีนร่วมกันและการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี
การพัฒนาความเชื่อมโยงเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายวัคซีนข้ามพรมแดน เป็นต้น และ (๒)
เป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาสีเขียวเพื่อนำไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ผ่านการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม
และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและมีบูรณาการ การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาสีเขียวและคาร์บอนต่ำ
รวมทั้งการดำเนินการตามความตกลงปารีส
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมพลังงานสีเขียวและพลังงานสะอาด
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
86 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 8/2564 | นร.04 | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๔ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 (๒) คำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 และประกาศศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เรื่อง
แนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 (๓)
แผนการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 (๔)
แนวทางการดำเนินการของสถานที่กักกันซึ่งทางราชการกำหนด ในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔
(๕) ข้อกำหนดการปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ (๖)
มาตรการผ่อนคลายสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ (๗)
การปรับวิธีการกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร
กรณีผู้ควบคุมยานพาหนะหรือเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะซึ่งต้องเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร
ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศทางอากาศ เฉพาะที่มีฐานปฏิบัติการในประเทศไทย (๘)
หลักการการเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต
และจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) และ (๙)
ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
87 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 (วัคซีน) | ดศ. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด
๑๙ (วัคซีน) เพื่อให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการติดตาม
ประเมินผลและวางแผนบริหารจัดการวัคซีนให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็ว
ครอบคลุมทุกพื้นที่ และสร้างความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน
และลดความสับสนของข้อมูลข่าวสารการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙
รวมทั้งการกำหนดนโยบาย/มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙
โดยเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสถิติแห่งชาติไปสัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือนที่มีอายุตั้งแต่ ๑๘ ปี ขึ้นไป ครัวเรือนละ
๑ คน จำนวน ๔๖,๖๐๐ คน ระหว่างวันที่
๑๗-๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔ สรุปได้ดังนี้ ๑) ประชาชนร้อยละ ๗๕.๒
ต้องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ ขณะที่ร้อยละ ๑๙.๓ ไม่ต้องการฉีดวัคซีน ๒)
ประชาชนร้อยละ ๔๕.๓ มีความเชื่อมั่นต่อคุณภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙
ขณะที่ร้อยละ ๕๔.๗ ไม่เชื่อมั่น ๓) ประชาชนร้อยละ ๕๖.๖ ระบุว่าการที่รัฐให้เงินชดเชยเป็นหลักประกันการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด
๑๙ มีผลต่อการตัดสินใจฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ ๔) ประชาชนร้อยละ ๘๐.๙
เห็นว่าควรเพิ่มสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ ๕)
รัฐบาลควรสร้างความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙
และลดความสับสนของข่าวสารการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ ให้แก่ประชาชน ๖)
หากรัฐจะจัดเจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครเพื่ออำนวยความสะดวกในการรับลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด
๑๙ พบว่า ประชาชนร้อยละ ๔๕.๓ ระบุว่าต้องการ และร้อยละ ๕๔.๗ ระบุว่าไม่ต้องการ ๗)
ประชาชนร้อยละ ๙๐.๕ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ และ ๘)
เรื่องที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙
ได้แก่ ค่าครองชีพ ลดภาระค่าสาธารณูปโภค จ่ายเงินชดเชย/เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
การพักชำระหนี้/ลดอัตราดอกเบี้ย และจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ เป็นต้น
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๒.
ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของสำนักงานสถิติแห่งชาติและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
เช่น
ควรประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับคุณภาพของวัคซีนและผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน
ควรตรวจสอบและสกัดกั้นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือบิดเบือนจากความเป็นจริงอย่างรวดเร็ว
ควรมีหน่วยงานเพียงหน่วยงานเดียวเป็นผู้ให้ข้อมูลข่าวสาร
และชี้แจงถึงขั้นตอนการเข้าถึงวัคซีนที่ชัดเจน ควรกำหนดมาตรฐานของวัคซีนทางเลือกเพื่อไม่ให้เกิดการเอาเปรียบประชาชนเกินควร
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
88 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี 2564 และร่างแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี
๒๕๖๔ ร่างแถลงการณ์เอเปคเรื่องห่วงโซ่อุปทานวัคซีนโควิด-๑๙
และร่างแถลงการณ์เอเปคเรื่องการบริการ เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีความจำเป็น
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
(หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ที่ กต ๐๗๐๓/๓๖๕ ลงวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๔)
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ประจำปี ๒๕๖๔
ร่างแถลงการณ์เอเปคเรื่องห่วงโซ่อุปทานวัคซีนโควิด-๑๙ และร่างแถลงการณ์เอเปคเรื่องการบริการ
เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีความจำเป็น
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
89 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 17/2564 และครั้งที่ 18/2564 | นร.11 | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและอนุมัติผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๗/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔ และครั้งที่ ๑๘
เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ตามที่สำนักเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และที่เสนอเพิ่มเติม ทั้งนี้
โครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัยสำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
(อสม.) ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน ให้เป็นไปตามมติข้อ
๒ สำหรับโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-2019) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติมจำนวน ๓๕ ล้านโดส
เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
สำหรับโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-2019) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย
เพิ่มเติมจำนวน ๓๕ ล้านโดส) โดยให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานหรือโครงการเพื่อจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข
ยารักษาโรค วัคซีนป้องกันโรค และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ (แผนงานที่ ๑.๒)
ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. อนุมัติโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย
และเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
ในการเฝ้าระวังป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน
ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ในกรอบวงเงินรวม ๑,๕๗๕.๔๙๕ ล้านบาท
และให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด ๓. อนุมัติเป็นหลักการให้ดำเนินการคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตในการดำเนินงานโครงการต่าง
ๆ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยรวดเร็ว และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดีโดยไม่ชักช้า
และให้รายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินคดีต่อคณะรัฐมนตรีทุก ๓ เดือน
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๔. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
90 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 7/2564 | นร. | 25/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๗/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔
ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ (๑)
รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 (๒) การปรับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคตามระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยทั่วราชอาณาจักร
สำหรับสถานศึกษา และมาตรการแนวปฏิบัติของสถานศึกษาเพื่อดำเนินการเปิดภาคเรียนที่ ๒
ประจำปี ๒๕๖๔ (๓) มาตรการด้านสาธารณสุขในการจัดประชุมรัฐสภา สมัยสามัญ
ประจำปีครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๔ (๔) ที่ประชุมเห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
คราวที่ ๑๒ ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔ (๕) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19
และ (๙) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
91 | รายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนมกราคม - มีนาคม 2564 | กปส. | 25/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ ๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง
โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์
ประจำเดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๔ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑
มาตรการแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในช่องทางต่าง
ๆ (สื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ และสื่อออนไลน์) ซึ่งสื่อออนไลน์มีการเผยแพร่ทั้งหมด
๓๐๓,๕๓๐ ครั้ง มีจำนวนการเข้าถึง ๗๙,๔๑๕,๐๖๑ ครั้ง จำนวนการกดไลค์ ๓๗,๘๗๓,๐๒๓ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๕๓๔,๔๖๐ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๘๑,๕๕๑ ครั้ง
โดยเป็นความคิดเห็นเชิงบวก ร้อยละ ๙๘.๐๑ เช่น มีความเชื่อระบบสาธารณสุขในการใช้วัคซีนโควิด-๑๙
ของรัฐบาลที่เป็นไปอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ Admin Page ได้ชี้แจงว่า
รัฐบาลมีแผนการบริหารจัดการวัคซีนภายใต้นโยบาย “ให้ทุกคนในประเทศไทยได้เข้าถึงวัคซีนที่มีคุณภาพปลอดภัย
มีคุณภาพในการป้องกันโควิด-๑๙” และอนุมัติงบประมาณเพื่อจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมทำให้ในปีนี้ประเทศไทยจะมีวัคซีนทั้งหมดจำนวน
๖๓ ล้านโดส ครอบคลุมร้อยละ ๖๐ ของประชากรในประเทศไทย (ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม) ๑.๒
การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
น้ำพระหฤทัยทางการแพทย์ที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ประชาสัมพันธ์เชิงรุกและชี้แจ้งทำความเข้าใจผ่านสื่อในช่องทางต่าง ๆ (สื่อโทรทัศน์
สื่อวิทยุ และสื่อออนไลน์) ซึ่งสื่อออนไลน์มีการเผยแพร่ทั้งหมด ๑๔,๗๑๘ ครั้ง มีจำนวนการเข้าถึง ๕,๖๓๕,๑๓๗ ครั้ง จำนวนการกดไลค์ ๑,๘๘๑,๗๓๗ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๓๓,๑๐๐ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๕,๖๕๑ ครั้ง
เป็นความคิดเห็นเชิงบวก ร้อยละ ๙๓.๐๓ และความคิดเห็นเชิงลบ ร้อยละ ๖.๙๗ ทั้งนี้ Admin
Page และหน่วยสื่อกรมประชาสัมพันธ์ได้ใช้วิธีการผลิตและเผยแพร่สื่อทุกรูปแบบเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง
ตอบโต้ข้อมูลที่บิดเบือน สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ๒. มอบหมายให้โฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวและชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวงอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์
ทั้งนี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และแอปพลิเคชันของทุกกระทรวง
เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและป้องกันการสื่อสารที่อาจสร้างความสับสนต่อการดำเนินงานของรัฐบาลให้แก่ประชาชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
92 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) พ.ศ. 2564 | ดศ. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด – ๑๙) พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติได้สอบถามประชาชนที่มีอายุตั้งแต่
๑๘ ปี ขึ้นไป จำนวน ๙,๐๐๐ คน ระหว่างวันที่ ๘-๑๕ มีนาคม
๒๕๖๔ ได้แก่ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ และโครงการ
ม.๓๓ เรารักกัน รวมถึงการดำเนินการเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน โควิด-๑๙ ของภาครัฐ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑
ประชาชนส่วนใหญ่ระบุว่ารับรู้/รับทราบมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐ (ร้อยละ
๙๙.๗) และมีเพียง (ร้อยละ ๐.๓) ที่ไม่รับรู้/ไม่รับทราบ โดยให้เหตุผล เช่น ไม่สนใจ
และไม่มีเวลา/ไม่ว่าง ๑.๒ การเข้าร่วมโครงการมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐ
มีประชาชนเข้าร่วมโครงการเราชนะมากที่สุด (ร้อยละ ๖๒.๑)
และเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันน้อยที่สุด ร้อยละ (๑๐.๑๖)
โดยเหตุผลที่ไม่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เช่น ไม่สนใจ การใช้งานยุ่งยาก
และไม่เข้าใจเงื่อนไขโครงการ ๑.๓
ประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจโดยรวมต่อมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐในระดับมาก-มากที่สุด
(ร้อยละ ๘๑.๒) และต้องการให้ภาครัฐดำเนินโครงการเราชนะต่อไปมากที่สุด (ร้อยละ ๖๒.๙)
โดยมีข้อเสนแนะเพิ่มเติม เช่น
ควรให้สิทธิแก่ทุกคนโดยไม่ต้องลงทะเบียน ควรเพิ่มวงเงิน และควรให้เป็นเงินสด ๑.๔
ประชาชนส่วนใหญ่มีความพร้อมที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-๑๙ (ร้อยละ ๖๐.๗)
และมีความพึงพอใจต่อการจัดหาวัคซีนโควิด-๑๙ ในระดับมาก-มากที่สุด (ร้อยละ ๖๖.๓) ๒. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
ว่าควรเพิ่มมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว
ควรให้ทุกคนได้รับสิทธิในการเยียวยาและควรส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างทั่วถึงและครอบคลุมทุกพื้นที่ในราคาย่อมเยา
|
||||||||||||||||||||||||||||||
93 | การบริหารจัดการการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | นร. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ตามมติตณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๗ เมษายน ๒๕๖๓ และวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ กำหนดให้การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) เป็นวาระแห่งชาติ
และให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักเร่งบูรณาการการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การจัดหา การกระจาย และการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน COVID-19 เป็นไปอย่างรวดเร็ว เหมาะสม ทั่วถึง
ตามลำดับความจำเป็นเร่งด่วน
รวมทั้งให้ร่วมกันรณรงค์สร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและเข้ารับการฉีดวัคซีน
และเพื่อให้การบริหารจัดการการฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น
จึงมีมติให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงสาธารณสุขปรับปรุงแอปพลิเคชันหมอพร้อมให้สามารถแสดงข้อมูลที่ชัดเจนและรวดเร็ว
(Immediate response) แก่ผู้ใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าว โดยเฉพาะความชัดเจนของข้อมูลในการลงทะเบียนเพื่อขอรับการฉีดวัคซีน
การให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ทั้งกรณีที่การลงทะเบียนขอรับการฉีดวัคซีนสำเร็จและไม่สำเร็จ เช่น
กำหนดวันและเวลาในการลงทะเบียนใหม่ หรือวันที่จะได้รับการฉีดวัคซีนที่แน่นอน
ทั้งนี้ เมื่อประชาชนได้รับการยืนยันสิทธิในการเข้ารับการฉีดวัคซีนแล้ว
ไม่ควรมีการปรับเปลี่ยนหรือยกเลิก
เว้นแต่กรณีที่มีเหตุจำเป็นที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำแผนการบริหารจัดการวัคซีน
แต่ให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมกับปริมาณวัคซีนที่ได้รับจริงและสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงไป
โดยให้แบ่งเป็น แผนหลัก ที่ใช้ข้อมูลปริมาณวัคซีนที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน และแผนสำรอง
ที่ใช้ข้อมูลปริมาณวัคซีนที่อาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงในระยะต่อไป โดยจัดทำในรูปแบบของ Dashboard (การนำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่กระชับ
ทันสมัย และเข้าใจง่าย เช่น แผนภาพ แผนภูมิ เป็นต้น) เพื่อให้สามารถกำกับ ติดตาม
และบริหารการจัดหาและจัดสรรวัคซีนให้เป็นไปอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้
การฉีดวัคซีนยึดตามกลุ่มเสี่ยงและประชาชนที่ลงทะเบียนในแอปพลิเคชันหมอพร้อมเป็นหลัก
ในส่วนของการลงทะเบียนขอรับการฉีดวัคซีน ณ จุดบริการ (On-site
registration) จะเป็นกรณีเสริมเท่านั้น
โดยให้มีการจัดระบบและเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น
การประชาสัมพันธ์ข้อมูล การจัดเตรียมสถานที่ฉีดวัคซีน
และสถานที่พักคอยที่ต้องเหมาะสมและไม่แออัด ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขและคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค
COVID-19 และการวัคซีนของประชาชนอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้กระทรวงศึกษาธิการประเมินความพร้อมในการเปิดภาคการศึกษาของสถานศึกษาต่าง ๆ
ในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งกำหนดมาตรการที่จำเป็นในการแก้ไขปัญหาและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
COVID-19 ต่อไป ๔. ให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) (ศบค.)
เป็นหน่วยงานหลักในการให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวัคซีน
ซึ่งจะต้องเป็นข้อมูลข่าวสารที่ได้ข้อยุติแล้วจาก ศบค. เพื่อลดความสับสนของประชาชน
รวมทั้งให้ปรับปรุงรูปแบบสื่อสารในช่องทางต่าง ๆ
ให้กระชับและเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
94 | การเร่งรัดการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) | นร. | 11/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๓
กำหนดให้การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เป็นวาระแห่งชาติ
เพื่อให้การบริหารจัดการในเรื่องดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ไปแล้ว นั้น
เพื่อให้การดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเกิดผลเป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ในปัจจุบัน
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักเร่งบูรณาการการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน
กระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อให้การจัดหา
การกระจาย และการฉีดวัคซีน เป็นไปอย่างรวดเร็ว เหมาะสม ทั่วถึง
ตามลำดับความจำเป็นเร่งด่วน โดยให้ร่วมกันรณรงค์สร้างการรับรู้
ความเข้าใจที่ถูกต้อง
และความเชื่อมั่นแก่ประชาชนให้เข้ารับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด
เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต รวมทั้งให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ
ซึ่งจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาและยุติการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
ได้โดยเร็วอันจะเป็นผลให้สามารถดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เข้าสู่ภาวะปกติได้ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
95 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 6/2564 | นร.04 | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่
๖/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๔ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ (๑)
รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒)
แนวทางการปฏิบัติและการบังคับใช้กฎหมาย กรณีการให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง
ๆ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน
หรือสถานที่พำนัก (๓) การยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(๔) แผนการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และ
(๕) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
96 | ผลการประชุมหารือแนวทางความร่วมมือการจัดหาวัคซีนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน | นร.11 | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประชุมหารือแนวทางความร่วมมือการจัดหาวัคซีนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
เมื่อวันพุธที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๔ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีผู้เข้าร่วมการประชุม
ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์)
ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งเห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุม โดยที่ประชุมเห็นชอบแนวทางความร่วมมือการจัดหาวัคซีนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
๔ ด้าน ประกอบด้วย (๑) ด้านการกระจายและฉีดวัคซีน
โดยใช้กลไกการทำงานของภาคเอกชนในการจัดสถานที่ฉีดวัคซีนและกระจายวัคซีนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
และสำหรับพื้นที่ต่างจังหวัดจะดำเนินการผ่านกลไกคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน
(กรอ.) จังหวัดและกลุ่มจังหวัด พร้อมร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทยสำหรับการจัดเตรียมสถานที่และกระจายวัคซีน
รวมถึงอุปกรณ์และบุคลากรที่จะเข้ามาช่วยปฏิบัติงานในจุดต่าง ๆ (๒) ด้านการสร้างความเชื่อมั่นและประชาสัมพันธ์
โดยภาคเอกชนจะมีส่วนช่วยในการประชาสัมพันธ์เรื่องการจัดหาและบริหารวัคซีน
และสร้างความรับรู้แก่ประชาชนเรื่องการฉีดวัคซีนเพื่อให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น (๓)
ด้านการสนับสนุนระบบอำนวยความสะดวกระบบงานต่าง ๆ
โดยแอปพลิเคชันลงทะเบียนการฉีดวัคซีน “หมอพร้อม”
ภาคเอกชนจะมีส่วนในการสนับสนุนระบบเพิ่มเติมระหว่างการลงทะเบียนและการฉีดวัคซีน
และ (๔) ด้านการจัดหาวัดซีนเพิ่มเติม ให้กระทรวงสาธารณสุข
โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
และองค์การเภสัชกรรมพิจารณาแนวทางการผ่อนคลายกระบวนการพิจารณาอนุญาตให้ใช้วัคซีนสำหรับกลุ่มเป้าหมาย
ที่อยู่ระหว่างประเมินข้อมูลประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนเป็นกรณีฉุกเฉิน (Emergency Use Authority : EVA) เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
97 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง ค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระยะการระบาดระลอกเมษายน 2564 | สธ. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑
รับทราบโครงการเตรียมความพร้อมรับมือและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ :
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอกเมษายน ๒๕๖๔ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการติดเชื้อใหม่ให้ไม่เกินศักยภาพที่ระบบสาธารณสุขรองรับได้
(Low Level transmission) และเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชากรในประเทศไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ
๗๐ ของประชากรทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่มประชากรผู้สูงอายุ ผู้มีโรคร่วม
และกลุ่มเปราะบาง/ด้อยโอกาส ระยะเวลาดำเนินการเดือนเมษายน ๒๕๖๔ ถึงเดือนกันยายน
๒๕๖๔ งบดำเนินงานทั้งสิ้น ๑๒,๕๗๖,๖๒๙,๓๒๒ บาท ๑.๒ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง ค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ระยะการระบาดระลอกเมษายน ๒๕๖๔ จำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๒,๕๗๖,๖๒๙,๓๒๒ บาท ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑
บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็วที่สุด
และเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดกรองระดับ/แยกประเภทผู้ป่วย
รวมทั้งการนำผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลให้ทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น ๒.๒ ประเมินสถานการณ์ ตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในขั้นตอนต่าง
ๆ เช่น การเฝ้าระวังโรค การเข้าตรวจโรค และการรักษาพยาบาล เป็นต้น
รวมทั้งให้จัดเตรียมแผนรองรับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เพื่อให้การบริหารจัดการวิกฤติในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ๒.๓ เร่งรัดการดำเนินการกระจายวัคซีนไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นระบบ
รวดเร็ว ทั่วถึง และเป็นธรรม รวมทั้งให้สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้มีความพร้อมในการเข้ารับการฉีดวัคซีนและการป้องกันโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้
ให้เผยแพร่ข้อมูลผลการดำเนินงานดังกล่าวสู่สาธารณชนเพื่อให้เกิดความโปร่งใสด้วย
๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
98 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเพื่อจัดหาวัคซีน) | กค. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเพื่อจัดหาวัคซีน)
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม
ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่สถาบันวัคซีนแห่งชาติ
เพื่อสนับสนุนการวิจัย การพัฒนา การผลิต
และการกระจายวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
และโรคติดต่ออื่นให้มีคุณภาพและปริมาณเพียงพอทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน
ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖
เพื่อจูงใจให้มีการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติภารกิจของสถาบันวัคซีนแห่งชาติ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งควรจัดทำรายงาน
เปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินกิจกรรมหรือมาตรการที่ก่อให้เกิดภาระทางการคลังในอนาคตที่มีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
และการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริง และรายงานต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาปรับเปลี่ยนการดำเนินกิจกรรมหรือมาตรการให้มีความสอดคล้องกับเงื่อนไขและสภาพแวดล้อมทางการคลังที่เริ่มมีข้อจำกัดมากขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
99 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID - 19)] (ฉบับที่ 3) | สธ. | 27/04/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19
[Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ ๓) เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ ๒)
ให้ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดจากอาการแพ้วัคซีนหรืออาคารไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการฉีดวัคซีน
ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้กับผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ของบุคคลกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus
Disease 2019 (COVID-19)]
และเกิดอาการแพ้วัคซีนหรืออาการไม่พึงประสงค์
และเพิ่มเติมค่าพาหนะรับส่งต่อผู้ป่วย ค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal
Protective Equipment : PPE)
รวมถึงค่าทำความสะอาดฆ่าเชื้อพาหนะส่งต่อผู้ป่วย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดค่าใช้จ่ายตามกรณีที่กำหนดในมาตรา
๓๖ วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙
เป็นไปเพื่อการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาลตามที่รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการประกาศกำหนดตามมาตรา
๓๓/๑ แต่โดยที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
กำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19
[Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ซี่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖
วรรคหนึ่ง และมาตรา ๓๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาลฯ
ยังมิได้มีการกำหนดให้ผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)]
ครอบคลุมถึงบุคคลกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
หรือโรคโควิด ๑๙ [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] และเกิดอาการแพ้วัคซีนหรืออาการไม่พึงประสงค์ด้วย
จึงเห็นควรแก้ไขประกาศกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าวให้สอดคล้องกัน
เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม
และเห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขกำกับ ติดตาม
และตรวจสอบค่าใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
เงื่อนไข อัตราที่กำหนด และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนพร้อมกับดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายของกระทรวงการคลังด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องและเหมาะสมต่อไป ๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งสร้างการรับรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ที่แก้ไขเพิ่มเติมในครั้งนี้
ให้แก่สถานพยาบาลต่าง ๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและทั่วถึง
เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
รวมถึงการดำเนินการต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้
ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมมือกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมแผนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
ภายใต้กรณีศึกษาต่าง ๆ ตามระดับความรุนแรงและเร่งด่วนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
2019 เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 มีความเหมาะสม และสามารถรองรับสภาพปัญหาที่อาจเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันการณ์ ๔.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
100 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน 5 แสนโดส | สธ. | 27/04/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบรายละเอียดโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน ๕ แสนโคส
กรอบวงเงินจำนวน ๓๒๑,๖๐๔,๐๐๐ บาท และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรอบวงเงินจำนวน ๓๒๑,๖๐๔,๐๐๐ บาท
สำหรับโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย
เพิ่มเติม จำนวน ๕ แสนโดส ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็วที่สุดและเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดกรองระดับ/แยกประเภทผู้ป่วย
รวมทั้งการนำผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลให้ทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น ๒.๒ ประเมินสถานการณ์ ตรวจสอบ
และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในขั้นตอนต่าง ๆ เช่น การเฝ้าระวังโรค การเข้าตรวจโรค
และการรักษาพยาบาล เป็นต้น รวมทั้งให้จัดเตรียมแผนรองรับความเสี่ยงต่าง ๆ
ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เพื่อให้การบริหารจัดการวิกฤติในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19)
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ๒.๓
เร่งรัดการดำเนินการกระจายวัคซีนไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นระบบ ทั่วถึง
และเป็นธรรม
รวมทั้งให้สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้มีความพร้อมในการเข้ารับการฉีดวัคซีนและการป้องกันโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ให้เผยแพร่ข้อมูลผลการดำเนินงานดังกล่าวสู่สาธารณชนเพื่อให้เกิดความโปร่งใสด้วย ๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |