ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 22 จากทั้งหมด 137 หน้า แสดงรายการที่ 421 - 440 จากข้อมูลทั้งหมด 2735 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
421 | แผนยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อระดับชาติ 5 ปี (พ.ศ. 2560 - 2564) | สธ | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้ปรับชื่อแผนยุทธศาสตร์นี้ให้เหมาะสม จากเดิม “แผนยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อระดับชาติ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔)” เป็น “แผนยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔)” ๒. เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และแผนปฏิบัติการ (Action Plan) โดยแผนยุทธศาสตร์ฯ มีเป้าประสงค์เพื่อลดภาวะการป่วย การตาย และความพิการที่ป้องกันได้ อันมีผลสืบเนื่องจากโรคไม่ติดต่อ ด้วยวิธีการร่วมมือระหว่างภาคีภาคส่วนหลากหลายสาขาและการประสานงานในระดับชาติ ภูมิภาค และระดับโลก เพื่อให้ประชาชนมีภาวะสุขภาพที่ดีและสร้างให้เกิดผลผลิตตามมาตรฐานสูงสุดในทุกกลุ่มอายุ และโรคต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี และการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบด้วย ๖ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) พัฒนานโยบายสาธารณสุขและกฎหมายที่สนับสนุนการป้องกัน ควบคุมโรคไม่ติดต่อ (๒) เร่งขับเคลื่อนทางสังคม สื่อสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง (๓) การพัฒนาศักยภาพชุมชน/ท้องถิ่น และภาคีเครือข่าย (๔) พัฒนาระบบเฝ้าระวังและการจัดการข้อมูล (๕) ปฏิรูปการจัดบริการเพื่อลดเสี่ยง และควบคุมโรคให้สอคดล้องกับสถานการณ์โรคและบริบทพื้นที่ และ (๖) พัฒนาระบบสนับสนุนเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างบูรณาการ โดยมีกรอบวงเงินสำหรับดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ฯ รวม ๘๑๗.๘๘ ล้านบาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณสำหรับดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ ๒๕๖๑ เห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรร หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เมื่อร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีผลใช้บังคับแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ฯ เพื่อขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ภาคเอกชนเป็นภาคส่วนหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ฯ เนื่องจากภาคเอกชนเป็นภาคส่วนที่มีความเกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อ และส่งผลต่อพฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคของประชาชน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
422 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ครั้งที่ 1/2560 | นร11 | 26/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่ประธานที่ประชุมได้มอบนโยบาย ดังนี้ (๑) ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนน้อมนำพระราชดำรัส สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ไปเป็นแนวทางในการพัฒนาการศึกษาให้เกิดผลเป็นรูปธรรม (๒) การดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ควรขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างน้อยภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ (๓) การจัดทำโครงการที่ขอใช้งบประมาณผูกพันในระยะยาว ขอให้ทุกส่วนราชการยึดหลักสำคัญ ได้แก่ การเชื่อมโยงทิศทางการพัฒนาประเทศตามร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี และการตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ และ (๔) ประเด็นที่ต้องขับเคลื่อนสำคัญ เช่น การสื่อสารกับสังคมในเรื่องการจัดทำแผนกำลังคนให้ตรงกับความต้องการของประเทศ การพัฒนาระบบ E-Learning เพื่อสร้างระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับคนไทยทุกกลุ่ม และการร่วมมือกับสถานประกอบการเพื่อแปลภาษาที่ใช้ในการปฏิบัติงานให้เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาที่จำเป็นอื่น ๆ ในทุกโรงงานภายในสิ้นปีนี้ ๒. รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๔๘/๒๕๖๐ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา ลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๐ โดยมีองค์ประกอบคณะกรรมการฯ จำนวน ๑๒ ท่าน ๓. รับทราบความคืบหน้าการปฏิรูปการศึกษา และมอบหมายกระทรวงแรงงานประสานความร่วมมือกับสถานประกอบการในการส่งเสริมการพัฒนาทักษะภาษา และมอบหมายกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงแรงงานรวบรวมและจัดทำข้อมูลการผลิตและความต้องการกำลังคนให้ชัดเจน ๔. รับทราบการศึกษารูปแบบการจัดการศึกษาของบรูไนดารุสซาลาม ที่กำหนดจุดเน้นในการปฏิรูปการศึกษาใน ๖ เรื่องสำคัญ ได้แก่ (๑) การพัฒนาโครงสร้างหลักสูตร (๒) การขยายขอบข่ายการฝึกงาน (๓) การจัดระบบการให้บริการใหม่ (๔) การสร้างความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน (๕) การพัฒนาการสื่อสารและสร้างภาพลักษณ์ และ (๖) การยกระดับสภาพแวดล้อมในการฝึกอบรม ๕. เห็นชอบในหลักการของยุทธศาสตร์การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในภาพรวมของประเทศในระยะยาว (๕-๑๐ ปี) ของกระทรวงสาธารณสุข และให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำแผนการดำเนินงานในระยะ ๓ ปีแรก รวมทั้งให้รับความเห็นจากที่ประชุมไปปรับปรุงยุทธศาสตร์ฯ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๖. เห็นชอบในหลักการโครงการสนับสนุนนักเรียนทุนรัฐบาลทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระยะที่ ๔ ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นจากที่ประชุมไปพิจารณาปรับปรุง ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ. ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรวบรวมข้อมูลนักเรียนทุนโครงการฯ ที่สำเร็จการศึกษาแล้ว จำนวน ๒,๙๐๐ ราย ที่มีรายละเอียดสาขาวิชาที่สำเร็จการศึกษา สถานที่ทำงาน และผู้ที่กำลังจะสำเร็จการศึกษาอีกประมาณ ๗๐๐ ราย เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากผู้รับทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้สำนักงาน ก.พ. รวบรวมข้อมูลแหล่งทุน ผู้รับทุนในภาพรวมของประเทศอย่างเป็นระบบ และพิจารณาเกี่ยวกับค่าตอบแทนนักวิจัยที่เหมาะสม และแนวทางการให้นักวิจัยสามารถไปทำงานวิจัยในภาคอุตสาหกรรม เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับบุคลากรภาครัฐสร้างนวัตกรรมและผลงานวิจัยให้กับประเทศและสนับสนุนงานวิจัยในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น และสรุปผลการดำเนินการดังกล่าว แล้วนำเสนอคณะกรรมการฯ เพื่อทราบ ๗. เห็นชอบในหลักการของโครงการพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในอุดมศึกษา เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของบริบทโลก (ทุนพัฒนาอาจารย์) พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการจัดลำดับความสำคัญและจัดทำกรอบการจัดสรรในระยะ ๓ ปี และให้สำนักงาน ก.พ. ดำเนินการร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทุนการศึกษาของหน่วยงานต่าง ๆ ในภาพรวมให้เป็นระบบ รวมทั้งสังเคราะห์ข้อมูลสาขาวิชาที่ผู้รับทุนสำเร็จการศึกษากับสาขาวิชาที่เป็นความต้องการของประเทศ โดยกำหนดรูปแบบการจ้างในระบบราชการให้ชัดเจน และกำหนดคุณวุฒิที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้การผลิตกำลังคนส่งผลกระทบต่ออัตรากำลังภาครัฐและเป็นภาระงบประมาณภาครัฐ โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๑ ๘. เห็นชอบในหลักการของโครงการผลิตทันตแพทย์เพิ่มของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ระยะที่ ๒ เพื่อพัฒนาทันตสุขภาวะของประชาชน (ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำแผนขอรับการสนับสนุนระยะเวลา ๓ ปี รวมทั้งให้พิจารณาร่วมกับสำนักงาน ก.พ. ในการกำหนดกรอบอัตรากำลังของข้าราชการที่เหมาะสมให้ได้ข้อยุติ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการว่า ผลิตแล้ว ต้องรักษาไว้ในสถานพยาบาลของรัฐให้ได้ ไม่ใช่ไปเอกชนหมด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
423 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 41 | ทส | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๑ ระหว่างวันที่ ๒-๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ณ เมืองคราคูฟ สาธารณรัฐโปแลนด์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ซึ่งมีข้อมติคณะกรรมการฯ ที่เกี่ยวข้องกับราชอาณาจักรไทย สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ให้ราชอาณาจักรไทยดำเนินการในด้านต่าง ๆ เช่น ประเมินทางเลือกอื่น ๆ หลีกเลี่ยงผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้นต่อคุณค่าความโดดเด่นอันเป็นสากลในการขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔๘ และยกเลิกแผนการก่อสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำในพื้นที่แหล่งทรัพย์สินอย่างถาวร รวมถึงโครงการก่อสร้างเขื่อนห้วยสะโตนและเขื่อนลำพระยาธาร เป็นต้น ทั้งนี้ พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ไม่ได้รับการบรรจุเป็นแหล่งมรดกโลกในภาวะอันตราย และหากเอกสารรายงานสถานภาพการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลกพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ที่ต้องจัดส่งต่อศูนย์มรดกโลกภายในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ได้รับการพิจารณาแล้วเห็นว่า มีความก้าวหน้าเพียงพอก็จะไม่มีการนำเสนอรายงานดังกล่าวต่อคณะกรรมการมรดกโลกในการประชุมสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๒ ในปี ๒๕๖๑ ๑.๒ ให้ราชอาณาจักรไทยดำเนินการในด้านต่าง ๆ เช่น ให้จัดส่งเอกสารรายงานสถานภาพการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาฉบับปรับปรุง และแผนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องต่อศูนย์มรดกโลกภายในวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ เพื่อคณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาในการประชุมสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๓ ในปี ๒๕๖๒ เป็นต้น ๑.๓ เห็นชอบการบรรจุแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมพระธาตุพนม กลุ่มสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ และภูมิทัศน์ที่เกี่ยวข้องในบัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดโลก ตามที่ราชอาณาจักรไทยนำเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมระงับการดำเนินการขยายเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔๘ ในพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และให้พิจารณาทางเลือกในการขยายทางหลวงแผ่นดินเส้นทางอื่นแทนตามความจำเป็นและเหมาะสม ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนความจำเป็น เหมาะสมในการก่อสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำในพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ซึ่งรวมถึงการก่อสร้างเขื่อนห้วยสะโตนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
424 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการประกันสุขภาพ) | กค | 19/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการประกันสุขภาพ) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นเงินได้เท่าที่ผู้มีเงินได้จ่ายเป็นเบี้ยประกันภัยให้แก่บริษัทประกันชีวิตหรือบริษัทประกันวินาศภัยที่ประกอบกิจการในราชอาณาจักร สำหรับการประกันสุขภาพของผู้มีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ สำหรับเบี้ยประกันภัยที่ได้จ่ายตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรคำนึงถึงความเป็นไปได้และความเหมาะสมสำหรับการประกันสุขภาพให้กับบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของผู้มีเงินได้ รวมทั้งสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีปฏิบัติ และประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
425 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เกี่ยวกับกรณีข้าราชการตุลาการซึ่งมีอายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์ต้องเข้ารับการประเมินสมรรถภาพทั้งทางร่างกายและความสามารถ ด้านการฟังและสายตา ตลอดจนการประเมินด้านสุขภาพจิตด้วยนั้น ซึ่งการประเมินสมรรถภาพดังกล่าวได้มีการตรวจสุขภาพร่างกาย ประกอบด้วยการตรวจเลือด การตรวจระดับการได้ยิน และการตรวจสายตา เป็นต้น และมีการตรวจสุขภาพจิตโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีการประเมินสุขภาพจิตโดยการสัมภาษณ์ การตอบแบบคัดกรองภาวะสมองเสื่อม ภาวะซึมเศร้า และแบบสอบถามสุขภาพจิตทั่วไป ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
426 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. 2558 รวม 4 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงการแจ้งและการดำเนินการเกี่ยวกับการแจ้ง เชื้อโรค กลุ่มที่ 2 และพิษจากสัตว์ กลุ่มที่ 1 พ.ศ. ....) | สธ | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวการงแจ้งและการดำเนินการเกี่ยวกับการแจ้ง เชื้อโรค กลุ่มที่ ๒ และพิษจากสัตว์กลุ่มที่ ๑ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การแจ้งและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องสำหรับผู้ประสงค์จะผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งเชื้อโรค กลุ่มที่ ๒ ได้แก่ เชื้อโรคที่มีความเสี่ยงปานกลางหรืออันตรายปานกลางและพิษจากสัตว์ กลุ่มที่ ๑ ได้แก่ พิษจากสัตว์ที่ทำให้เกิดภาวะที่ร่างกายทำงานได้ไม่เป็นปกติ ในระดับที่ไม่ร้ายแรงและและมีวิธีรักษาที่ได้ผล ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการดำเนินการเกี่ยวกับการขออนุญาต เชื้อโรค กลุ่มที่ ๓ และพิษจากสัตว์ กลุ่มที่ ๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วีการ และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองเฉพาะเชื้อโรค กลุ่มที่ ๓ ได้แก่ เชื้อโรคที่มีความเสี่ยงสูงหรืออันตรายสูง หรือพิษจากสัตว์ กลุ่มที่ ๒ ได้แก่ พิษจากสัตว์ที่ทำให้เกิดภาวะที่ร่างกายทำงานได้ไม่เป็นปกติ ในระดับที่ร้ายแรงและมีวิธีรักษาที่ได้ผล ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้งกรณีที่มีเหตุความไม่ปลอดภัยและอันตรายเนื่องจากกระบวนการหรือขั้นตอนที่เกี่ยวกับการผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งหรือผู้รับใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ ต้องแจ้งให้อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทราบเมื่อเกิดเหตุความไม่ปลอดภัยและอันตรายต่อบุคคล สิ่งแวดล้อม หรือสาธารณชน ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในกรณีที่ผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งหรือผู้รับใบอนุญาตตายหรือสิ้นสภาพนิติบุคคล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการดำเนินการกรณีผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งหรือผู้รับใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ตายหรือสิ้นสภาพนิติบุคคล ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ พระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ กำหนดรายการเชื้อโรคและพิษจากสัตว์โดยคำนึงถึง “ความเสี่ยงหรืออันตราย” ดังนั้น หมวด ๓ ของร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ ควรใช้หลักการความเสี่ยงหรืออันตรายที่สูงขึ้นแทนการใช้หลัก “ระดับความรุนแรงสูงขึ้น” ๒.๒ สิทธิการอุทธรณ์ตามหมวด ๘ ของพระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดสิทธิอุทธรณ์ได้ทั้งกรณีการไม่ออกหนังสือรับรองการแจ้งหรือใบอนุญาตและการไม่อนุญาตให้ต่ออายุหนังสือรับรองการแจ้งหรือใบอนุญาต แต่ขณะที่ร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ ยังไม่ได้กำหนดสิทธิอุทธรณ์เรื่องดังกล่าว ๒.๓ วิธีการทำลายหรือส่งมอบเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ในร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๔ ในข้อ ๓ ที่กำหนดให้การทำลายหรือส่งมอบเชื้อโรคและพิษจากสัตว์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุข ออกตามความในมาตรา ๖ (๑๕) ของพระราชบัญญัติดังกล่าว แต่ร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ ข้อ ๑.๒ และข้อ ๑.๓ มิได้ระบุเรื่องดังกล่าวไว้ ๒.๔ การกำหนดวันที่ต้องดำเนินการ ควรกำหนดในรูปแบบของจำนวนวันทำการให้สอดคล้องกันในทุกฉบับ ๒.๕ หมวด ๓ ของร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ กำหนดให้เมื่อเชื้อโรคและพิษจากสัตว์มีระดับความรุนแรงสูงขึ้นกว่าระดับที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองการแจ้ง ให้ผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งหรือผู้ได้รับอนุญาตแจ้งให้อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทราบทันที ทั้งนี้ ควรกำหนดนิยามของความไม่ปลอดภัยไว้ให้ชัดเจน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
427 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. 2558 รวม 4 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการดำเนินการเกี่ยวกับการขออนุญาต เชื้อโรค กลุ่มที่ 3 และพิษจากสัตว์ กลุ่มที่ 2 พ.ศ. ....) | สธ | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวการงแจ้งและการดำเนินการเกี่ยวกับการแจ้ง เชื้อโรค กลุ่มที่ ๒ และพิษจากสัตว์กลุ่มที่ ๑ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การแจ้งและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องสำหรับผู้ประสงค์จะผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งเชื้อโรค กลุ่มที่ ๒ ได้แก่ เชื้อโรคที่มีความเสี่ยงปานกลางหรืออันตรายปานกลางและพิษจากสัตว์ กลุ่มที่ ๑ ได้แก่ พิษจากสัตว์ที่ทำให้เกิดภาวะที่ร่างกายทำงานได้ไม่เป็นปกติ ในระดับที่ไม่ร้ายแรงและและมีวิธีรักษาที่ได้ผล ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการดำเนินการเกี่ยวกับการขออนุญาต เชื้อโรค กลุ่มที่ ๓ และพิษจากสัตว์ กลุ่มที่ ๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วีการ และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองเฉพาะเชื้อโรค กลุ่มที่ ๓ ได้แก่ เชื้อโรคที่มีความเสี่ยงสูงหรืออันตรายสูง หรือพิษจากสัตว์ กลุ่มที่ ๒ ได้แก่ พิษจากสัตว์ที่ทำให้เกิดภาวะที่ร่างกายทำงานได้ไม่เป็นปกติ ในระดับที่ร้ายแรงและมีวิธีรักษาที่ได้ผล ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้งกรณีที่มีเหตุความไม่ปลอดภัยและอันตรายเนื่องจากกระบวนการหรือขั้นตอนที่เกี่ยวกับการผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งหรือผู้รับใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ ต้องแจ้งให้อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทราบเมื่อเกิดเหตุความไม่ปลอดภัยและอันตรายต่อบุคคล สิ่งแวดล้อม หรือสาธารณชน ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในกรณีที่ผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งหรือผู้รับใบอนุญาตตายหรือสิ้นสภาพนิติบุคคล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการดำเนินการกรณีผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งหรือผู้รับใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ตายหรือสิ้นสภาพนิติบุคคล ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ พระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ กำหนดรายการเชื้อโรคและพิษจากสัตว์โดยคำนึงถึง “ความเสี่ยงหรืออันตราย” ดังนั้น หมวด ๓ ของร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ ควรใช้หลักการความเสี่ยงหรืออันตรายที่สูงขึ้นแทนการใช้หลัก “ระดับความรุนแรงสูงขึ้น” ๒.๒ สิทธิการอุทธรณ์ตามหมวด ๘ ของพระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดสิทธิอุทธรณ์ได้ทั้งกรณีการไม่ออกหนังสือรับรองการแจ้งหรือใบอนุญาตและการไม่อนุญาตให้ต่ออายุหนังสือรับรองการแจ้งหรือใบอนุญาต แต่ขณะที่ร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ ยังไม่ได้กำหนดสิทธิอุทธรณ์เรื่องดังกล่าว ๒.๓ วิธีการทำลายหรือส่งมอบเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ในร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๔ ในข้อ ๓ ที่กำหนดให้การทำลายหรือส่งมอบเชื้อโรคและพิษจากสัตว์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุข ออกตามความในมาตรา ๖ (๑๕) ของพระราชบัญญัติดังกล่าว แต่ร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ ข้อ ๑.๒ และข้อ ๑.๓ มิได้ระบุเรื่องดังกล่าวไว้ ๒.๔ การกำหนดวันที่ต้องดำเนินการ ควรกำหนดในรูปแบบของจำนวนวันทำการให้สอดคล้องกันในทุกฉบับ ๒.๕ หมวด ๓ ของร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ กำหนดให้เมื่อเชื้อโรคและพิษจากสัตว์มีระดับความรุนแรงสูงขึ้นกว่าระดับที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองการแจ้ง ให้ผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งหรือผู้ได้รับอนุญาตแจ้งให้อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทราบทันที ทั้งนี้ ควรกำหนดนิยามของความไม่ปลอดภัยไว้ให้ชัดเจน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
428 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. 2558 รวม 4 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้งกาณีที่มีเหตุความไม่ปลอดภัยและอันตรายเนื่องจากกระบวนการหรือขั้นตอนที่เกี่ยวกับการผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ พ.ศ. ....) | สธ | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวการงแจ้งและการดำเนินการเกี่ยวกับการแจ้ง เชื้อโรค กลุ่มที่ ๒ และพิษจากสัตว์กลุ่มที่ ๑ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การแจ้งและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องสำหรับผู้ประสงค์จะผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งเชื้อโรค กลุ่มที่ ๒ ได้แก่ เชื้อโรคที่มีความเสี่ยงปานกลางหรืออันตรายปานกลางและพิษจากสัตว์ กลุ่มที่ ๑ ได้แก่ พิษจากสัตว์ที่ทำให้เกิดภาวะที่ร่างกายทำงานได้ไม่เป็นปกติ ในระดับที่ไม่ร้ายแรงและและมีวิธีรักษาที่ได้ผล ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการดำเนินการเกี่ยวกับการขออนุญาต เชื้อโรค กลุ่มที่ ๓ และพิษจากสัตว์ กลุ่มที่ ๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วีการ และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองเฉพาะเชื้อโรค กลุ่มที่ ๓ ได้แก่ เชื้อโรคที่มีความเสี่ยงสูงหรืออันตรายสูง หรือพิษจากสัตว์ กลุ่มที่ ๒ ได้แก่ พิษจากสัตว์ที่ทำให้เกิดภาวะที่ร่างกายทำงานได้ไม่เป็นปกติ ในระดับที่ร้ายแรงและมีวิธีรักษาที่ได้ผล ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้งกรณีที่มีเหตุความไม่ปลอดภัยและอันตรายเนื่องจากกระบวนการหรือขั้นตอนที่เกี่ยวกับการผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งหรือผู้รับใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ ต้องแจ้งให้อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทราบเมื่อเกิดเหตุความไม่ปลอดภัยและอันตรายต่อบุคคล สิ่งแวดล้อม หรือสาธารณชน ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในกรณีที่ผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งหรือผู้รับใบอนุญาตตายหรือสิ้นสภาพนิติบุคคล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการดำเนินการกรณีผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งหรือผู้รับใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ตายหรือสิ้นสภาพนิติบุคคล ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ พระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ กำหนดรายการเชื้อโรคและพิษจากสัตว์โดยคำนึงถึง “ความเสี่ยงหรืออันตราย” ดังนั้น หมวด ๓ ของร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ ควรใช้หลักการความเสี่ยงหรืออันตรายที่สูงขึ้นแทนการใช้หลัก “ระดับความรุนแรงสูงขึ้น” ๒.๒ สิทธิการอุทธรณ์ตามหมวด ๘ ของพระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดสิทธิอุทธรณ์ได้ทั้งกรณีการไม่ออกหนังสือรับรองการแจ้งหรือใบอนุญาตและการไม่อนุญาตให้ต่ออายุหนังสือรับรองการแจ้งหรือใบอนุญาต แต่ขณะที่ร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ ยังไม่ได้กำหนดสิทธิอุทธรณ์เรื่องดังกล่าว ๒.๓ วิธีการทำลายหรือส่งมอบเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ในร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๔ ในข้อ ๓ ที่กำหนดให้การทำลายหรือส่งมอบเชื้อโรคและพิษจากสัตว์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุข ออกตามความในมาตรา ๖ (๑๕) ของพระราชบัญญัติดังกล่าว แต่ร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ ข้อ ๑.๒ และข้อ ๑.๓ มิได้ระบุเรื่องดังกล่าวไว้ ๒.๔ การกำหนดวันที่ต้องดำเนินการ ควรกำหนดในรูปแบบของจำนวนวันทำการให้สอดคล้องกันในทุกฉบับ ๒.๕ หมวด ๓ ของร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ กำหนดให้เมื่อเชื้อโรคและพิษจากสัตว์มีระดับความรุนแรงสูงขึ้นกว่าระดับที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองการแจ้ง ให้ผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งหรือผู้ได้รับอนุญาตแจ้งให้อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทราบทันที ทั้งนี้ ควรกำหนดนิยามของความไม่ปลอดภัยไว้ให้ชัดเจน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
429 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. 2558 รวม 4 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในกรณีที่ผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งหรือผู้รับใบอนุญาตตายหรือสิ้นสภาพนิติบุคคล พ.ศ. ....) | สธ | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงการแจ้งและการดำเนินการเกี่ยวกับการแจ้ง เชื้อโรค กลุ่มที่ ๒ และพิษจากสัตว์กลุ่มที่ ๑ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การแจ้งและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องสำหรับผู้ประสงค์จะผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งเชื้อโรค กลุ่มที่ ๒ ได้แก่ เชื้อโรคที่มีความเสี่ยงปานกลางหรืออันตรายปานกลางและพิษจากสัตว์ กลุ่มที่ ๑ ได้แก่ พิษจากสัตว์ที่ทำให้เกิดภาวะที่ร่างกายทำงานได้ไม่เป็นปกติ ในระดับที่ไม่ร้ายแรงและและมีวิธีรักษาที่ได้ผล ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการดำเนินการเกี่ยวกับการขออนุญาต เชื้อโรค กลุ่มที่ ๓ และพิษจากสัตว์ กลุ่มที่ ๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วีการ และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองเฉพาะเชื้อโรค กลุ่มที่ ๓ ได้แก่ เชื้อโรคที่มีความเสี่ยงสูงหรืออันตรายสูง หรือพิษจากสัตว์ กลุ่มที่ ๒ ได้แก่ พิษจากสัตว์ที่ทำให้เกิดภาวะที่ร่างกายทำงานได้ไม่เป็นปกติ ในระดับที่ร้ายแรงและมีวิธีรักษาที่ได้ผล ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้งกรณีที่มีเหตุความไม่ปลอดภัยและอันตรายเนื่องจากกระบวนการหรือขั้นตอนที่เกี่ยวกับการผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งหรือผู้รับใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ ต้องแจ้งให้อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทราบเมื่อเกิดเหตุความไม่ปลอดภัยและอันตรายต่อบุคคล สิ่งแวดล้อม หรือสาธารณชน ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในกรณีที่ผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งหรือผู้รับใบอนุญาตตายหรือสิ้นสภาพนิติบุคคล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการดำเนินการกรณีผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งหรือผู้รับใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ตายหรือสิ้นสภาพนิติบุคคล ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ พระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ กำหนดรายการเชื้อโรคและพิษจากสัตว์โดยคำนึงถึง “ความเสี่ยงหรืออันตราย” ดังนั้น หมวด ๓ ของร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ ควรใช้หลักการความเสี่ยงหรืออันตรายที่สูงขึ้นแทนการใช้หลัก “ระดับความรุนแรงสูงขึ้น” ๒.๒ สิทธิการอุทธรณ์ตามหมวด ๘ ของพระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดสิทธิอุทธรณ์ได้ทั้งกรณีการไม่ออกหนังสือรับรองการแจ้งหรือใบอนุญาตและการไม่อนุญาตให้ต่ออายุหนังสือรับรองการแจ้งหรือใบอนุญาต แต่ขณะที่ร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ ยังไม่ได้กำหนดสิทธิอุทธรณ์เรื่องดังกล่าว ๒.๓ วิธีการทำลายหรือส่งมอบเชื้อโรคหรือพิษจากสัตว์ในร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๔ ในข้อ ๓ ที่กำหนดให้การทำลายหรือส่งมอบเชื้อโรคและพิษจากสัตว์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุข ออกตามความในมาตรา ๖ (๑๕) ของพระราชบัญญัติดังกล่าว แต่ร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ ข้อ ๑.๒ และข้อ ๑.๓ มิได้ระบุเรื่องดังกล่าวไว้ ๒.๔ การกำหนดวันที่ต้องดำเนินการ ควรกำหนดในรูปแบบของจำนวนวันทำการให้สอดคล้องกันในทุกฉบับ ๒.๕ หมวด ๓ ของร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ กำหนดให้เมื่อเชื้อโรคและพิษจากสัตว์มีระดับความรุนแรงสูงขึ้นกว่าระดับที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองการแจ้ง ให้ผู้รับหนังสือรับรองการแจ้งหรือผู้ได้รับอนุญาตแจ้งให้อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทราบทันที ทั้งนี้ ควรกำหนดนิยามของความไม่ปลอดภัยไว้ให้ชัดเจน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
430 | ร่างแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 2560 - 2564) | กค | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ ๓ (ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาตลาดทุนไทยให้สามารถเป็นแหล่งระดมทุน แหล่งการออม และการลงทุนของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รองรับต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่จะมีบทบาทในธุรกรรมด้านการเงินการลงทุนมากขึ้น รองรับกระแสการเชื่อมโยงเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค โดยมีประเด็นสำคัญที่มุ่งเน้นในการพัฒนาใน ๕ ด้าน ได้แก่ (๑) การปรับปรุงตลาดทุนให้เป็นแหล่งทุนสำหรับ SMEs นวัตกรรม และกลุ่ม Startup (๒) การปรับปรุงตลาดทุนให้เป็นแหล่งระดมทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ (๓) การเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน (๔) การปรับปรุงให้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญของภูมิภาค และ (๕) การปรับปรุงตลาดทุนให้รองรับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ร่างแผนพัฒนาตลาดทุนฯ มีมาตรการในการดำเนินการที่ครอบคลุมและเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ การกำกับดูแลให้บรรลุเป้าหมายอย่างเป็นองค์รวมภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดจะต้องเป็นไปด้วยความรอบคอบ ชัดเจนอย่างโปร่งใส และมีประสิทธิภาพภายใต้กรอบของวินัยการเงินการคลังที่ยั่งยืน นอกจากนี้ ร่างแผนพัฒนาตลาดทุนฯ ฉบับนี้ เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์การระดมทุนที่เป็นนวัตกรรมและผู้ประกอบการรูปแบบใหม่สำหรับตลาดทุนไทย ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อรองรับการระดมทุนสำหรับกลุ่มประเทศในภูมิภาค จึงควรพิจารณาศึกษาผลกระทบและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบด้านด้วย และเนื่องจากสภาวะแวดล้อมของภาคการเงินมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จึงเห็นควรให้คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกปี และประเมินผลสัมฤทธิ์ของร่างแผนพัฒนาตลาดทุนฯ ในระยะครึ่งแผน เพื่อให้สามารถพิจารณาปรับปรุงแผนงานและตัวชี้วัดให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย รวมทั้งให้ดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ จัดลำดับความสำคัญของการดำเนินการตามร่างแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฯ ให้ชัดเจน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาและกำกับดูแลตลาดทุนให้เกิดความเท่าเทียมกันระหว่างผู้ลงทุนรายใหญ่และรายย่อย ๒.๒ พิจารณาดำเนินการเพื่อจัดให้มีกลไกในการประสานความร่วมมือในการพัฒนาและกำกับดูแลตลาดการเงินในภาพรวมที่ครอบคลุมทั้งสถาบันการเงิน การประกันภัย ตลาดทุน รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การพัฒนาภาคการเงินในภาพรวมของประเทศมีความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน และมีการกำกับดูแลที่มีมาตรฐานเท่าเทียมกันต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
431 | รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี 2558 และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2558 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | สม | 12/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘ ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘ แบ่งออกเป็น ๓ ส่วนหลัก ได้แก่ (๑) สถานการณ์สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง เช่น สิทธิในกระบวนการยุติธรรม เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (๒) สถานการณ์สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เช่น การบริหารจัดการพลังงาน สิทธิทางการศึกษา สิทธิด้านสุขภาพ และ (๓) สถานการณ์สิทธิของกลุ่มเปราะบาง เช่น กลุ่มเด็ก กลุ่มคนพิการ กลุ่มชาติพันธุ์ชนเผ่าและชนพื้นเมือง ๑.๒ รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๕๘ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประกอบด้วย ๓ ส่วนหลัก ได้แก่ (๑) ผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีผลการเบิกจ่ายงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๑๙๖,๗๓๙,๙๙๕ ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ ๘๙.๑๑) (๒) ผลการดำเนินงานตามภารกิจอำนาจหน้าที่ เช่น การตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน การเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ การส่งเสริมสิทธิมนุษยชน การศึกษาวิจัยด้านสิทธิมนุษยชน การดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และ (๓) รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรดำเนินการให้สอดคล้องกับอัตลักษณ์และบริบทของสังคมไทย สภาวะแวดล้อมและสถานการณ์ในทุกมิติ โดยจัดทำรายงานฯ ให้รวดเร็วและเป็นปัจจุบัน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ประโยชน์ ปรับปรุง แก้ไข กฎระเบียบให้เท่าทันสถานการณ์ และควรบรรจุข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางมาตรการสำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาตามนโยบายรัฐบาล เช่น การสร้างความเสมอภาคและคุณภาพการศึกษาให้กับผู้เรียนทุกกลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น ทั้งนี้ ขอให้เพิ่มเติมสาระสำคัญตามมาตรา ๖๗ แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ และตรวจสอบข้อความในมาตรา ๖๗ วรรคหนึ่ง เพื่อให้เกิดความถูกต้องและสมบูรณ์ของเอกสาร ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นข้อเสนอของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในรายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ปี ๒๕๕๘ ในส่วนที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการแล้วให้รายงานผลการดำเนินการไปยังรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
432 | รายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาเด็กในสถานรองรับ : เพชรน้ำหนึ่ง | พม | 05/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาเด็กในสถานรองรับ : เพชรน้ำหนึ่ง เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชน ในสถานรองรับภายใต้กรมกิจการเด็กและเยาวชนอายุแรกเกิดถึง ๑๘ ปี ให้ได้รับการพัฒนาเทียบเท่ากับเด็กในสังคม โดยมีการขับเคลื่อนในรูปแบบ One Talent One Model ประกอบด้วย ๘ โมเดล ได้แก่ (๑) การพัฒนาศักยภาพเด็กด้านกีฬาฟุตบอล (DCY Football Academy) (๒) การพัฒนาศักยภาพเด็กเพื่อการประกอบอาชีพ โครงการ ๓ ม. (มีงาน มีเงิน มีวุฒิ) (๓) ศูนย์การเรียนรู้มอนเตสซอรี่ (Montessori) ต้นแบบ (๔) การพัฒนาเด็กที่มีปัญหาพฤติกรรมและอารมณ์ (ด้านดนตรีและศิลปะบำบัด) (๕) การพัฒนาเด็กที่มีความสามารถพิเศษ ด้านดนตรีและศิลปะ (๖) การพัฒนาทักษะอาชีพสำหรับเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้และประสบปัญหาทางสังคม (๗) การพัฒนาความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยภายนอกหรือพันธกิจเพื่อสังคม (University Engagement) ภายใต้กิจกรรม “พี่อาสาบัดดี้” และ (๘) การพัฒนาศักยภาพเด็กด้านวิชาการ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
433 | ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน 2560 และคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม 2560 และแนวโน้มเดือนสิงหาคม 2560 | อก | 05/09/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ และคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ และแนวโน้มเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวเล็กน้อยร้อยละ ๐.๒ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมที่ยังคงขยายตัว อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมอาหาร การกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ๒. คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ และแนวโน้มเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ คาดว่าขยายตัวร้อยละ ๓.๗ (YoY) โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัว อาทิ การผลิตน้ำมันพืช ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องแต่งกาย ส่วนแนวโน้มเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ การผลิตในอุตสาหกรรมอาหาร สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เหล็กและเหล็กกล้า ปูนซีเมนต์ และไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
434 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี 2560 และแนวโน้มปี 2560 | นร11 | 29/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๐ และแนวโน้มปี ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๐ ขยายตัวร้อยละ ๓.๗ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๓.๓ ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ ๒ ของปี ๒๕๖๐ ขยายตัวจากไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๐ ร้อยละ ๑.๓ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวเร่งขึ้นของการส่งออกสินค้าและบริการ การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคภาครัฐบาล การขยายตัวต่อเนื่องของการบริโภคภาคเอกชน และการปรับตัวดีขึ้นของการลงทุนภาคเอกชน รวมครึ่งปีแรกปี ๒๕๖๐ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๓.๕ ๒. เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำร้อยละ ๑.๒ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยร้อยละ ๐.๑ บัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๘.๓ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (๒๘๔.๗ พันล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ ๗.๗ ของ GDP เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ อยู่ที่ ๑๘๕.๖ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหนี้สาธารณะ ณ สิ้นไตรมาสที่สามของปีงบประมาณ ๒๕๖๐ มีมูลค่าทั้งสิ้น ๖,๑๖๖.๕ พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๗ ของ GDP ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๐ มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ ๓.๕-๔.๐ ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๓.๒ ในปี ๒๕๕๙ และเป็นการปรับเพิ่มประมาณการจากร้อยละ ๓.๓-๓.๘ จากการแถลงข่าวของไตรมาสแรกปี ๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ ๕.๗ การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๓.๒ และร้อยละ ๓.๔ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ ๐.๔-๐.๙ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๙.๗ ของ GDP ๔. ประเด็นการบริหารเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๐ ควรให้ความสำคัญกับ (๑) การป้องกันและบรรเทาปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ (๒) การเบิกจ่ายงบประมาณภายใต้กรอบสำคัญ ๆ ให้ได้ตามเป้าหมาย (๓) การสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs และเศรษฐกิจฐานราก (๔) การดูแลรายได้เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย และ (๕) การดำเนินการให้ภาคการผลิตนอกภาคการเกษตรมีการฟื้นตัวอย่างเต็มที่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
435 | ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคม 2560 และคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน 2560 และแนวโน้มเดือนกรกฎาคม 2560 | อก | 25/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ และคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ และแนวโน้มเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๑.๔ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัว อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง (ยางแผ่น) ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ การกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม และอุตสาหกรรมรถยนต์ ๒. คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทยเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ และแนวโน้มเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ คาดว่าขยายตัวร้อยละ ๐.๖ (YoY) โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัว อาทิ ผลิตภัณฑ์ยาง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
436 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) ออกตามความในพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน พ.ศ. 2489 ว่าด้วยการรับฝากเงินออมสิน | กค | 25/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน พ.ศ. ๒๔๘๙ ว่าด้วยการรับฝากเงินออมสิน มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงบัญชีเงินฝากเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ให้เป็นชื่อบัญชีเงินฝากของผู้เยาว์เมื่อผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะแล้ว การโอนบัญชีไปยังสาขาอื่น และการดำเนินการกับสมุดคู่บัญชีที่ปิดบัญชีแล้ว อันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและเพื่อให้เหมาะสมแก่ภาวะการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรให้ธนาคารออมสินแจ้งผู้ฝากเงินทราบถึงการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ดังกล่าวโดยทั่วถึงกัน และเห็นควรที่กระทรวงการคลังจะได้ปรับปรุงพระราชบัญญัติธนาคารออมสินและอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน เพื่อรองรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
437 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 9 พ.ศ. 2559 | สช | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) น้ำดื่มที่ปลอดภัยสำหรับประชาชน (๒) การจัดการและพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชน และเมืองเพื่อสุขภาวะ (๓) การสร้างเสริมสุขภาวะเด็กปฐมวัยด้วยการบูรณาการอย่างมีส่วนร่วม และ (๔) สานพลังปราบยุงลายโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน ตามที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยให้อยู่ในกรอบของกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
438 | สรุปผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยโดยสถาบัน IMD ปี 2560 | นร11 | 04/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยโดยสถาบันการจัดการนานาชาติ (International Institute for Management Development : IMD) ปี ๒๕๖๐ ซึ่ง IMD ได้จัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของเขตเศรษฐกิจทั่วโลก จำนวน ๖๓ ประเทศ โดยผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขัน ๕ อันดับแรก ได้แก่ ฮ่องกง สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และเนเธอร์แลนด์ ส่วนประเทศในกลุ่มอาเซียน IMD ได้จัดอันดับความสามารถในการแข่งขัน ๕ อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ทั้งนี้ อันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยที่ปรับตัวดีขึ้นสะท้อนถึงการปรับตัวดีขึ้นของสภาวะเศรษฐกิจระดับมหภาค เสถียรภาพและความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของนักธุรกิจต่อประสิทธิภาพการให้บริการภาครัฐ รวมทั้งกฎระเบียบ/กฎหมายทางเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการทำธุรกิจของภาคเอกชนมากขึ้น อย่างไรก็ดี ยังคงมีตัวชี้วัดย่อยบางประการที่มีอันดับลดลง เช่น ตัวชี้วัดการลงทุนจากต่างประเทศ และกลุ่มตัวชี้วัดด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ ด้านสุขภาพ และด้านการศึกษา ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
439 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสแรกปี 2560 | นร11 | 13/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสแรก ปี ๒๕๖๐ ประกอบด้วย (๑) สถานการณ์ทางสังคม ซึ่งมีความเคลื่อนไหวทางสังคมที่สำคัญในเชิงบวกและประเด็นที่ต้องติดตามและเฝ้าระวัง ได้แก่ การจ้างงานลดลง อัตราการว่างงานสูงขึ้นเล็กน้อย ผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้น หนี้สินครัวเรือนชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังโดยรวมลดลง แต่ยังต้องเฝ้าระวังโรคติดต่อทางอาหารและน้ำในช่วงหน้าร้อนต่อหน้าฝนพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น คนไทยมีสุขภาพจิตดี สอดคล้องกับดัชนีความสุขโลก ค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ลดลง แต่ยังต้องเฝ้าระวังภัยของเหล้า-บุหรี่ มือสอง ภาวะโภชนาการในเด็กเล็กและการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีแนวโน้มดีขึ้น การตั้งครรภ์ในกลุ่มวัยรุ่นลดลงแต่ยังอยู่ในระดับสูง และยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง คดีอาญาโดยรวมลดลง อุบัติเหตุจราจรทางบกของไทยยังคงสูงในเอเชีย การร้องเรียนผู้บริโภคเพิ่มขึ้น และ (๒) บทความเรื่อง “การเตรียมความพร้อมทักษะแรงงานไทยในอนาคต : กรณีกลุ่มอุตสาหกรรมศักยภาพ First S-Curve” ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
440 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2560 (ครั้งที่ 12) | พน | 13/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ (ครั้งที่ ๑๒) เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ประกอบด้วย เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา จำนวน ๑ เรื่อง คือ ร่างบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้าโครงการสตึงมนัม (Tariff MOU) และเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบ จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) แนวทางการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสภาวะวิกฤตก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ (๒) อัตรารับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) และ (๓) การรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำ) เป็นเจ้าภาพหลักในการกำหนดแนวทางการผันน้ำจากโครงการสตึงมนัมให้รองรับความต้องการใช้น้ำในเขตพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกและเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้แล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) เตรียมการศึกษาแนวทางเส้นทางการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำให้สอดคล้องกับแนวทางที่กรมทรัพยากรน้ำจะกำหนด รวมทั้งให้สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณาสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐเกี่ยวกับนโยบายนี้ต่อไป ตามมติ กพช. ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ในการดำเนินการให้จัดลำดับความสำคัญในการดำเนินการตามแผนดังกล่าวในแต่ละระยะให้ชัดเจน โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับแนวนโยบายการพัฒนาประเทศ ความพร้อมของพื้นที่ และภาระงบประมาณด้วย
|
.....