ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 24 จากทั้งหมด 137 หน้า แสดงรายการที่ 461 - 480 จากข้อมูลทั้งหมด 2735 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
461 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต | สธ | 28/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตสามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งจะทำให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับอัตราค่าใช้จ่ายและหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถหรือตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต ให้ใช้สิทธิดังกล่าวก่อน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการประเมินและคาดการณ์ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น และให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบส่งต่อเมื่อพ้นภาวะวิกฤตในกรณีต้องย้ายกลับโรงพยาบาลรัฐ รวมทั้งความเห็นของกระทรวงการคลังในประเด็นการสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. เห็นชอบให้สถานพยาบาลภาครัฐทุกแห่งปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ฯ และให้สถานพยาบาลภาครัฐรับย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตหลังเวลา ๗๒ ชั่วโมง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลัง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานประกันสังคม หน่วยงานของรัฐ และกองทุนต่าง ๆ ที่มีวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดบริการด้านการแพทย์หรือสาธารณสุขดำเนินการตามหลักเกณฑ์ฯ และจ่ายค่าใช้จ่ายในอัตราตามบัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายแนบท้ายหลักเกณฑ์ฯ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการเพื่อให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎ ระเบียบของหน่วยงานหรือกองทุนต่าง ๆ โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้รองรับการจ่ายเงินคืนแก่สถานพยาบาลตามหลักเกณฑ์ฯ ได้ โดยเร็วต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ๔. หากมีการทบทวนปรับปรุงบัญชีและอัตราค่าใช้จ่าย ตามข้อ ๑๒ ของหลักเกณฑ์ฯ ให้กระทรวงสาธารณสุขนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๓๖ วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๕. ในส่วนที่ขอความเห็นชอบให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติดำเนินการตามหลักเกณฑ์ฯ เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการการแพทย์ฉุกเฉินทั้งระบบเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินร่วมกันทั้งภาครัฐและเอกชน นั้น ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรับไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
462 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ 10/2555 คดีหมายเลขแดงที่ 369/2560 ระหว่างสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ 1 กับพวกรวม 5 คน ฟ้องคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ที่ 1 กับพวก รวม 5 คน ต่อศาลปกครองกลาง เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงาน ทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการผลักภาระอุดหนุนค่าไฟฟ้าฟรีของผู้ใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย | นร | 21/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ ๑๐/๒๕๕๕ คดีหมายเลขแดงที่ ๓๖๙/๒๕๖๐ ระหว่างสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ ๑ กับพวกรวม ๕ คน ผู้ฟ้องคดี คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ที่ ๑ กับพวกรวม ๕ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการผลักภาระอุดหนุนค่าไฟฟ้าฟรีของผู้ใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนซึ่งติดตั้งมาตรวัดกระแสไฟฟ้าขนาด ๕ (๑๕) แอมแปร์ และใช้ไฟฟ้าไม่เกิน ๙๐ หน่วยต่อเดือนในอดีต หรือ ๕๐ หน่วยต่อเดือนในปัจจุบัน ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดกลาง กิจการขนาดใหญ่ กิจการเฉพาะอย่าง และองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คดีถึงที่สุดเป็นต้นไป คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ โดยไม่ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลปกครองกลางในส่วนของคณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานคดีปกครอง สำนักงานอัยการสูงสุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
463 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ และการช่วยเหลือ | มท | 07/03/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ และการช่วยเหลือ โดยสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวม พื้นที่ประสบอุทกภัยตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ รวม ๑๒ จังหวัด ๑๒๙ อำเภอ ๘๓๕ ตำบล ๖,๓๐๗ หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ ๕๘๗,๕๔๔ ครัวเรือน ๑,๘๑๕,๖๑๘ คน ผู้เสียชีวิต ๙๙ ราย บ้านเรือนเสียหายรวมทั้งสิ้น ๑๑,๘๑๘ หลังคาเรือน ปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายทั้ง ๑๒ จังหวัดแล้ว ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย ทั้งการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระยะเร่งด่วน การฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติ และการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืน โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนแก้ไขปัญหาอุทกภัยด้วยการจัดทำผังน้ำเพื่อแสดงทิศทางการไหลของน้ำ โดยมีวัตถุประสงค์ ๒ ประการ คือ กักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง และวางระบบการระบายน้ำ แก้ไขปัญหาอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ตามกรอบแนวทางใน ๓ ด้านหลัก ได้แก่ (๑) ปรับปรุงแหล่งน้ำเดิมตามธรรมชาติ (๒) แก้ไขปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้น และ (๓) จัดทำระบบระบายน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำ และจัดทำทางเบี่ยงน้ำ ป้องกันน้ำท่วมพื้นที่สำคัญ รวมถึงสร้างแหล่งกักเก็บน้ำแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
464 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี 2559 ทั้งปี 2559 และแนวโน้มปี 2560 | นร11 | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๙ ทั้งปี ๒๕๕๙ และแนวโน้มปี ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๙ ขยายตัวร้อยละ ๓.๐ และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้วเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สี่ขยายตัวจากไตรมาสที่สามของปี ๒๕๕๙ ร้อยละ ๐.๔ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ ๑.๐ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยร้อยละ ๐.๗ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๙,๗๘๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (๓๔๖,๗๘๙ ล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ ๙.๔ ของ GDP ๒. เศรษฐกิจไทยโดยรวมทั้งปี ๒๕๕๙ ขยายตัวร้อยละ ๓.๒ ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบปี ๒๕๕๘ โดยมี GDP อยู่ที่ ๑๔,๓๖๐.๖ ล้านล้านบาท รายได้ต่อหัวเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ ๒๑๒,๘๙๒.๓ บาท/คน/ปี เพิ่มขึ้นจาก ๒๐๓,๓๕๖.๑ บาท/คน/ปี ในปี ๒๕๕๘ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยร้อยละ ๐.๒ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๑๑.๔ ของ GDP ๓. เศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๖๐ มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ ๓-๔ ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี ๒๕๕๙ และคาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้า การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวมจะขยายตัวร้อยละ ๒.๙ ร้อยละ ๒.๘ และร้อยละ ๕.๓ ตามลำดับ รวมทั้งคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ ๑.๒-๒.๒ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๙.๔ ของ GDP ๔. การบริหารนโยบายเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๐ ควรให้ความสำคัญกับนโยบายด้านต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การขับเคลื่อนการใช้จ่ายของรัฐบาลและการลงทุนภาครัฐ (๒) การสนับสนุนการส่งออกให้สามารถขยายตัวได้อย่างเต็มศักยภาพ (๓) การสนับสนุนการขยายตัวของการผลิตภาคเกษตร (๔) การสร้างความเชื่อมั่นและสนับสนุนการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน และ (๕) การสนับสนุนการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
465 | ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2559 คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมกราคม 2560 และแนวโน้มเดือนกุมภาพันธ์ 2560 และสรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ปี 2559 และแนวโน้มปี 2560 | อก | 28/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม ๒๕๕๙ คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมกราคม ๒๕๖๐ และแนวโน้มเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ และสรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ปี ๒๕๕๙ และแนวโน้มปี ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม ๒๕๕๙ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ ๐.๕ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) ๒. คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมกราคม ๒๕๖๐ และแนวโน้มเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมกราคม ๒๕๖๐ คาดว่าขยายตัวร้อยละ ๑.๕ (YoY) หรือขยายตัวร้อยละ ๓.๐ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (MoM) โดยขยายตัวเป็นบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ ๓ ส่วนแนวโน้มเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ อุตสาหกรรมที่คาดว่าจะขยายตัว อาทิ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า และอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจอุตสาหกรรมปี ๒๕๖๐ คาดว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมจะขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๙ จากการทยอยฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ของเศรษฐกิจโลกและการค้าโลก รายจ่ายการลงทุนภาครัฐที่มีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม และการดำเนินงานภายใต้แผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development : EEC)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
466 | ร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 21/02/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑๑) ว่าตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว ไปเพิ่มเติมบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องในการควบคุมอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ซึ่งกำหนดไว้ในประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑๑) ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าวมีลักษณะเป็นกฎหมายวิธีสบัญญัติที่กำหนดขึ้น เนื่องจากมีเหตุพิเศษเกี่ยวกับความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการควบคุมตามคำสั่งหรือประกาศดังกล่าวอาจมีการผ่อนคลายลงได้ตามสถานการณ์บ้านเมือง จึงไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มบทบัญญัติตามคำสั่งหรือประกาศดังกล่าว ส่วนการกำหนดให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายในเรื่องนี้ ได้กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้แล้ว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงมหาดไทย ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ ซึ่งได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานให้มีบทบัญญัติที่เหมาะสมกับกาลสมัย ตลอดจนแก้ไขบทกำหนดโทษและปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการจัดทำกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
467 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนพฤศจิกายน 2559 | นร11 | 31/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ ขยายตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าและเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวในเกณฑ์สูงอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของการเบิกจ่ายรายการลงทุนของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจร้อยละ ๘๐.๑ และร้อยละ ๔๖.๖ ตามลำดับ การกลับมาขยายตัวของการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวร้อยละ ๑๒.๙ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และร้อยละ ๑๐.๑ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตสินค้าอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น โดยขยายตัวร้อยละ ๒.๑ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และร้อยละ ๓.๘ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยดัชนีการอุปโภคบริโภคขยายตัวร้อยละ ๑.๖ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวลดลงร้อยละ ๕.๒ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และร้อยละ ๔.๔ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ ๑๒.๘ และ ร้อยละ ๓.๓ ตามลำดับ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ ดุลการค้าและดุลบริการเกินดุล ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ ภาพรวมปรับตัวดีขึ้นจากเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ตามการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและเศรษฐกิจจีนเป็นสำคัญ ในขณะที่เศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโรโซนและเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ และแรงกดดันด้านภาวะเงินฝืดลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางประเทศสำคัญ ๆ เริ่มมีทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินที่แตกต่างกันมากขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐอเมริกามีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ ๐.๒๕ มาอยู่ในช่วงร้อยละ ๐.๕๐-๐.๗๕ ในขณะที่ธนาคารกลางสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นยังคงดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
468 | สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญ และแนวโน้ม ปี 2560 และภาวะเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2559 และแนวโน้มปี 2560 | กษ | 31/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญและแนวโน้ม ปี ๒๕๖๐ และภาวะเศรษฐกิจการเกษตรปี ๒๕๕๙ และแนวโน้มปี ๒๕๖๐ จากเอกสาร ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. เอกสารสถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญและแนวโน้ม ปี ๒๕๖๐ เป็นการวิเคราะห์สถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญในปี ๒๕๕๙ และคาดการณ์แนวโน้มปี ๒๕๖๐ ด้านการผลิต การตลาด การส่งออก การนำเข้า และราคาสินค้าประเภทต่าง ๆ ได้แก่ กลุ่มพืชไร่ กลุ่มพืชพลังงานทดแทน กลุ่มพืชสวน และกลุ่มปศุสัตว์และประมง รวมทั้งบทความพิเศษเรื่อง ประกันภัยพืชผล “เครื่องมือทางการเงินในการบริหารความเสี่ยงของเกษตรกร” และแผนยุทธศาสตร์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศด้านการเกษตรและกลไกการขับเคลื่อน ๒. เอกสารภาวะเศรษฐกิจการเกษตรปี ๒๕๕๙ และแนวโน้มปี ๒๕๖๐ เป็นการรายงานผลการวิเคราะห์ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจภายนอก เศรษฐกิจไทยในภาพรวม ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจการเกษตร ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรปี ๒๕๕๙ แนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรปี ๒๕๖๐ ยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) รวมทั้งกรอบแนวคิดเชิงนโยบายของการเพิ่มผลิตภาพการผลิตและยกระดับรายได้ของเกษตรกรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
469 | การขอความเห็นชอบต่อร่างขอบเขตอำนาจหน้าที่สำหรับการประชุม Navy to Navy Staff Talks ระหว่างกองทัพเรือและกองทัพเรือสาธารณรัฐสิงคโปร์ (Terms of Reference for Navy to Navy Staff Talks between the Royal Thai Navy and the Republic of Singapore Navy) | กห | 31/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมจัดทำขอบเขตอำนาจหน้าที่สำหรับการประชุม Navy to Navy Staff Talks ระหว่างกองทัพเรือและกองทัพเรือสาธารณรัฐสิงคโปร์ (Terms of Reference for Navy to Navy Staff Talks between the Royal Thai Navy and the Republic of Singapore Navy) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตความร่วมมือ ได้แก่ การทบทวนสิ่งที่ต้องปฏิบัติที่ผ่านมา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นประเด็นยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสภาวะแวดล้อมทางทะเล แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อการพัฒนาขีดความสามารถและการปฏิบัติงานร่วมกัน ประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางทะเล การแลกเปลี่ยนกำลังพล การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและข่าวกรอง งานด้านยุทธการ การฝึกและอบรม การส่งกำลังบำรุง รวมทั้งหัวข้ออื่น ๆ ที่มีความสนใจร่วมกัน โดยมีกำหนดการลงนามในร่างขอบเขตอำนาจหน้าที่ฯ ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ในระหว่างการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของผู้บัญชาการทหารเรือสิงคโปร์ ๑.๒ ให้ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างขอบเขตอำนาจหน้าที่ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
470 | ขอความเห็นชอบยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ ปี พ.ศ. 2560 - 2573 | สธ | 17/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๓ โดยมีวิสัยทัศน์ในการร่วมยุติปัญหาเอดส์ภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ ที่คำนึงถึงหลักการสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ ประกอบด้วย ๖ ยุทธศาสตร์ย่อย ได้แก่ (๑) มุ่งเน้นและเร่งรัดจัดชุดบริการที่มีประสิทธิผลสูงและรอบด้าน ให้ครอบคลุมพื้นที่และประชากรที่อยู่ในภาวะเสี่ยงและมีโอกาสรับและถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีสูง (๒) ยกระดับคุณภาพและบูรณาการการดำเนินงานป้องกันที่มีประสิทธิผลเดิมให้เข้มข้นและยั่งยืนในระบบ (๓) พัฒนาและเร่งรัดการรักษา ดูแล และช่วยเหลือทางสังคม ให้มีคุณภาพ รอบด้าน และยั่งยืน (๔) ปรับภาพลักษณ์ ความเข้าใจ เสริมสร้างความเข้มแข็งระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน รวมทั้งกลไกการคุ้มครองสิทธิ เพื่อลดการรังเกียจกีดกัน การเลือกปฏิบัติเกี่ยวเนื่องกับเอชไอวีและเพศภาวะ (๕) เพิ่มความรับผิดชอบ การลงทุน และประสิทธิภาพการจัดการในทุกภาคส่วนทั้งระดับนานาชาติ ระดับประเทศ ระดับจังหวัด และระดับพื้นที่ และ (๖) ส่งเสริมและพัฒนาการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ข้อมูลเชิงยุทธศาสตร์และการวิจัยที่รอบด้านและมีประสิทธิภาพ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ยุทธศาสตร์เป็นกรอบแนวทางการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ต่อไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างเสริมสมรรถนะและพัฒนาศักยภาพขององค์กรในระดับพื้นที่ในการจัดการปัญหาเอดส์ที่เป็นเอกภาพและครบวงจร รวมทั้งใช้กลไกความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระดับโลกเพื่อการพัฒนาและประสานนโยบายการดำเนินงานและการระดมทรัพยากร โดยเฉพาะการดำเนินงานเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาในกลุ่มประชากรข้ามชาติและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานกับนานาชาติในแผนงานสำคัญที่นำไปสู่การยุติปัญหาโรคเอดส์ นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการจัดทำระบบฐานข้อมูลร่วมกันในระดับพื้นที่เพื่อให้การกำหนดนโยบาย/วางแผนการดำเนินงานและการบริหารจัดการแบบบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งด้านบุคลากรและงบประมาณมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัญหา สำหรับงบประมาณดำเนินการให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำยุทธศาสตร์ดังกล่าวไปใช้เป็นกรอบและบูรณาการในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขติดตามการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ฯ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ฯ แล้ว ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำรายงานผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป ๔. เมื่อแผนยุทธศาสตร์ชาติประกาศใช้แล้ว ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์ฯ ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
471 | แถลงการณ์ร่วมการประชุมทางไกลโดยวีดิทัศน์ของรัฐมนตรีสาธารณสุข เรื่อง การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซิกาในภูมิภาค | สธ | 17/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแถลงการณ์ร่วมการประชุมทางไกลโดยวีดิทัศน์ของรัฐมนตรีสาธารณสุข เรื่อง การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสซิกาในภูมิภาค ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนได้จัดประชุมทางไกลโดยวีดิทัศน์ระดับรัฐมนตรีนัดพิเศษระหว่างรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน เกี่ยวกับภัยคุกคามของโรคติดเชื้อในภูมิภาคอาเซียนขึ้น เพื่อรับมือกับโรคติดเชื้อไวรัสซิกา เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๙ และได้มีการรับรองแถลงการณ์ร่วมฯ โดยเน้นนโยบาย ๕ ด้าน ได้แก่ (๑) เสริมสร้างความเข้มแข็งของประเทศสมาชิกอาเซียนในการเฝ้าระวังโรคและใช้ประโยชน์จากกลไกการประเมินความเสี่ยงระดับภูมิภาคของโรคติดเชื้อไวรัสซิกา (๒) สนับสนุนกลไกตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ ปี ๒๕๔๘ (IHR ๒๐๐๕) และกลไกอื่นที่มีอยู่ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างรวดเร็วระหว่างประเทศสมาชิก และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการประเมินความเสี่ยงของโรคติดเชื้อไวรัสซิกา (๓) ส่งเสริมบทบาทการเฝ้าระวัง และตอบโต้ภาวะฉุกเฉินกรณีโรคติดเชื้อไวรัสซิกา และโรคติดต่ออุบัติใหม่ อุบัติซ้ำอื่น ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนความร่วมมือในการสอบสวนโรคผ่านกลไกความร่วมมือระดับภูมิภาค รวมถึงเครือข่ายอาเชียนศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (ASEAN-EOC Network) และอาเซียน+๓ เครือข่ายสาขาพัฒนานักระบาดวิทยาภาคสนาม (APT-FETN) (๔) สนับสนุนให้ประเทศสมาชิกทุกประเทศกำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการควบคุมพาหะนำโรค รวมถึงการเสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายห้องปฏิบัติการในการวินิจฉัยโรค ตลอดจนการสื่อสารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และ (๕) สนับสนุนการศึกษาวิจัย และการแลกเปลี่ยนข้อมูลและองค์ความรู้ใหม่ ๆ สนับสนุนให้เกิดการทบทวนและสังเคราะห์องค์ความรู้ เพื่อให้เกิดการดำเนินงานที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการจัดการโรคติดเชื้อไวรัสซิกา โดยผ่านกลไกความร่วมมือระดับอาเซียน และกลไกอื่น ๆ รวมถึงวาระความมั่นคงสุขภาพโรค ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
472 | แนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวงตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (6 ตุลาคม 2558) ประจำเดือนพฤศจิกายน 2559 | นร02 | 04/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. เดือนที่ผ่านมา (พฤศจิกายน ๒๕๕๙) เช่น การจัดงาน “รวมพลังแห่งความภักดี” เพื่อแสดงความจงรักภักดี สถานการณ์เศรษฐกิจ การจัดทำแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวจากต่างชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การน้อมนำ “ศาสตร์พระราชา” ไปสู่การปฏิบัติ เพื่อนำพาประเทศชาติและประชาชนให้มีความอยู่ดี กินดีอย่างแท้จริง การแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ การวางมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร การขับเคลื่อนดำเนินงานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร การประกาศเตือนภัยและเฝ้าระวังโรคติดต่อ โรคติดต่ออุบัติใหม่ ภัยสุขภาพ โรคที่พบบ่อยในช่วงฤดูหนาว เช่น โรคมือ เท้า ปาก โรคจากยุงลาย ไข้หวัดใหญ่ การเปิดประชุมสภาการศึกษาเสวนา (OEC Forum) ครั้งที่ ๒ เรื่องบทบาทการศึกษากับการก้าวสู่ยุคไทยแลนด์ ๔.๐ การประชุมอาเซียนว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา ครั้งที่ ๑ การดูแลปัญหาค่าครองชีพ เช่น การลดราคาสินค้าทั่วไทยกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี การตรวจสอบราคาสินค้าภายหลังการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ การจัดงาน “รวมใจ ช่วยไทย ลดรับปีใหม่” การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ ๑๖ เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและวิสัยทัศน์การพัฒนา ICT ในประชาคมอาเซียน การสัมมนาคาร์บอนฟุตพริ้นท์อุตสาหกรรมพลาสติก และการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การบูรณาการด้านการรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓” ๒. เดือนต่อไป (มกราคม ๒๕๖๐) เช่น การดำเนินการและความก้าวหน้าเรื่องการลดต้นทุนการผลิต โครงการพัฒนาการเกษตรครบวงจรในพื้นที่ที่มีศักยภาพ โครงการสานพลังประชารัฐเพื่อปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำและการวางมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร การสัมมนาคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์กลุ่มยานยนต์และผลิตภัณฑ์กลุ่มโรงแรม ความคืบหน้าการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล (โครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน) การดำเนินงานและความก้าวหน้าเรื่องการแก้ไขปัญหา IUU และวางมาตรฐานการผลิตและการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าประมงให้มีประสิทธิภาพ ดัชนีทางการค้าและสถานการณ์ภาวะเงินเฟ้อ สถานการณ์ราคาสินค้า โครงการลดภาระค่าครองชีพต่าง ๆ จากภาครัฐ การเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการสู่การเป็นซุปเปอร์คลัสเตอร์ และการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “พลิกธุรกิจสู่ยุคอุตสาหกรรมและ SME 4.0”
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
473 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนตุลาคม 2559 | นร11 | 04/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ในด้านการใช้จ่าย ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนและดัชนีปริมาณการนำเข้าขยายตัวร้อยละ ๐.๑ และร้อยละ ๐.๘ ตามลำดับ ในขณะที่ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนและดัชนีปริมาณการส่งออกปรับตัวลดลงร้อยละ ๑.๕ และร้อยละ ๖.๖ ตามลำดับ ในด้านการผลิต ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรและดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๖.๒ และร้อยละ ๐.๒ ตามลำดับ แต่จำนวนนักท่องเที่ยวและดัชนีราคาสินค้าเกษตรปรับตัวลดลงร้อยละ ๑๒.๐ และร้อยละ ๙.๗ ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง ในด้านการใช้จ่าย ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนและการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของภาครัฐขยายตัวร้อยละ ๒.๑ และร้อยละ ๒๔.๐ ตามลำดับ แต่ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนและมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐทั้งปริมาณและราคาปรับตัวลดลงร้อยละ ๑.๕ และร้อยละ ๔.๓ ตามลำดับ ในด้านการผลิต ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร และดัชนีรายได้เกษตรกร ขยายตัวร้อยละ ๕.๙ ร้อยละ ๐.๑ และร้อยละ ๔.๖ ตามลำดับ รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวยังคงขยายตัวร้อยละ ๐.๕ ในขณะที่ดัชนีราคาสินค้าเกษตรปรับตัวลดลงร้อยละ ๑.๒ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ ดุลการค้าและดุลบริการเกินดุล ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ โดยรวมชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และเศรษฐกิจจีน ในขณะที่เศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโรโซน และเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ และแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประเทศสำคัญ ๆ ยังคงดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
474 | รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส 3 ปี 2559 และภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนตุลาคม 2559 | อก | 04/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๓ ปี ๒๕๕๙ และภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๓ ปี ๒๕๕๙ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ ๑๐๖.๑ ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมาร้อยละ ๐.๖ และลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๕๘ ร้อยละ ๐.๕ อุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีลดลง ได้แก่ การผลิตส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบสำหรับยานยนต์และเครื่องยนต์ การผลิตยานยนต์ การผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก ๒. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๐.๑ โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัว เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ภายในบ้าน เครื่องปรับอากาศ เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ด้านการนำเข้าเครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรมและส่วนประกอบหดตัวร้อยละ ๑.๖ ด้านการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวร้อยละ ๕.๗ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และในส่วนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการลดลงร้อยละ ๓๐.๕ การจ้างงานลดลงร้อยละ ๓๖.๑ ยอดเงินลงทุนรวมลดลงร้อยละ ๒๖.๘ โดยมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการลดลงร้อยละ ๑๖.๓ เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน ๒๕๕๙ สำหรับการใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรมการผลิต เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน ๒๕๕๙ และช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๘ ร้อยละ ๐.๖ และ ๔.๕ ตามลำดับ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
475 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม ปี 2559 | นร11 | 27/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม ปี ๒๕๕๙ ประกอบด้วย (๑) สถานการณ์ทางสังคม ซึ่งมีความเคลื่อนไหวทางสังคมที่สำคัญ ได้แก่ รายได้และผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้น ความยากจนและความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ สถานการณ์โรคไข้เลือดออก และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินดีขึ้น สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามและเฝ้าระวัง ได้แก่ สถานการณ์การจ้างงาน การว่างงาน การเจ็บป่วยด้วยโรคเฝ้าระวัง การดูแลสุขภาพจิตของคนไทย การบริโภคบุหรี่ในกลุ่มเด็กและเยาวชน การเกิดอุบัติเหตุจราจร และการจัดการปัญหายาเสพติด และ (๒) บทความเรื่อง “การลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย” ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
476 | รายงานผลการดำเนินการตามรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เล่มที่ 2 : ด้านผลกระทบต่อคนพิการ | สว | 27/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เล่มที่ ๒ : ด้านผลกระทบต่อคนพิการ ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ รวม ๔ ประเด็น คือ (๑) ควรเร่งดำเนินการสนับสนุนและจัดตั้งศูนย์บริการคนพิการ (๒) ควรเร่งดำเนินการปรับปรุงนโยบาย และแผนงานด้านการจัดการภาวะฉุกเฉินและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติให้สอดคล้องกับกรอบการดำเนินงานลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติเซนได (The Sendai Framework for Disaster Risk Reduction 2015-2030) (๓) ควรเร่งดำเนินการพัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านคนพิการแบบบูรณาการและเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของประเทศ (๔) ควรพิจารณาให้การส่งเสริม สนับสนุนและสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคประชาสังคมและพลังพลเมืองอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
477 | ร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 27/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขหลักการของกระบวนการฟื้นฟูกิจการให้เป็นไปในแนวทางเดียวกับหลักการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) แก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติกฎหมายล้มละลายให้เชื่อมโยงและรองรับกับพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพิ่มเติมบทบัญญัติกฎหมายให้รองรับการล้มละลายระหว่างประเทศตามกรอบของคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ (UNCITRAL) ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีความเจริญทางด้านเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกทำให้การค้าและการลงทุนมีความรวดเร็วและข้ามพรมแดนมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานศาลยุติธรรมเกี่ยวกับการฝึกอบรมก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ โดยกรมบังคับคดี ควรนำข้อเสนอเรื่อง แนวทางการเตรียมบุคลากรก่อนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและการพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม ของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ สำนักงานกิจการยุติธรรม ซึ่งอยู่ระหว่างนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีมาพิจารณาประกอบการแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และการกำหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ผ่านการฝึกอบรมดังกล่าวได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ โดยการกำหนดให้ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมที่กำหนดมีสิทธิได้รับเงินเพิ่มโดยถือเป็นตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ควรดำเนินการตามมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อความเป็นธรรมเมื่อเทียบเคียงลักษณะงานที่ปฏิบัติกับส่วนราชการอื่น เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๓. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ. สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสำนักงานศาลยุติธรรมที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๙๐/๙๒ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยแก้ไขการกำหนดจำนวนหนี้ที่อาจขอให้ฟื้นฟูกิจการ จากไม่น้อยกว่าสิบล้านบาท เป็นยี่สิบล้านบาท เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
478 | ขออนุมัติเงินอุดหนุนแก่องค์การอนามัยโลก | สธ | 20/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจ่ายเงินบำรุงค่าสมาชิกองค์การอนามัยโลกเพิ่มอีกร้อยละ ๑๐ (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จ่ายเป็นเงินจำนวน ๑,๓๕๑,๖๙๐ ดอลลาร์สหรัฐ) เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป โดยใช้งบประมาณหมวดเงินอุดหนุนของกระทรวงสาธารณสุข ๑.๒ การบริจาคเงินสนับสนุนกองทุนเพื่อภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South-East Asia Region Health Emergency Fund : SEARHEF) เป็นจำนวนเงิน ๒๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยใช้งบประมาณหมวดเงินอุดหนุนของกระทรวงสาธารณสุข ๑.๓ การจ่ายเงินสนับสนุนสำนักงานองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ในการปรับปรุงอาคารของสำนักงานองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นจำนวนเงิน ๕๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยใช้งบประมาณหมวดเงินอุดหนุนของกระทรวงสาธารณสุข ๑.๔ การจ่ายเงินสนับสนุนสำนักงานใหญ่องค์การอนามัยโลก ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ในการปรับปรุงอาคารของสำนักงานองค์การอนามัยโลกสำนักงานใหญ่ เป็นจำนวนเงิน ๕๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยใช้งบประมาณหมวดเงินอุดหนุนของกระทรวงสาธารณสุข ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ในการพิจารณาให้เงินอุดหนุนแก่องค์การระหว่างประเทศในคราวต่อไป ให้กระทรวงสาธารณสุขคำนึงถึงระดับการพัฒนาของประเทศในฐานะกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง รวมถึงความจำเป็นและความเหมาะสมกับภาระด้านการคลัง และประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
479 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2559 | กษ | 13/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบ (๑) การเปิดตลาดน้ำมันปาล์มภายใต้กรอบการค้าระหว่างประเทศ ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒ (๒) การกำหนดชื่อสินค้าน้ำมันปาล์มให้เป็นไปตามบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๑๑๑) พ.ศ. ๒๕๓๙ (๓) การปรับองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการ/คณะทำงานต่าง ๆ ภายใต้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (๔) การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบเก็บสต็อกขององค์การคลังสินค้า และ (๕) ยุทธศาสตร์การปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ ๑.๒ เห็นชอบให้ปรับระยะเวลาการเปิดตลาดน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มและการบริหารนำเข้า จากคราวละ ๑ ปี เป็นคราวละ ๓ ปี ๑.๓ เห็นชอบให้เปิดตลาดน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒ โดยให้เป็นไปตามข้อผูกพันของทุกกรอบการค้า และมีการบริหารการนำเข้าเช่นเดียวกับกรอบองค์การการค้าโลก (WTO) คือ ให้องค์การคลังสินค้าเป็นผู้นำเข้าและกระจายให้ผู้ผลิตภายในประเทศตามที่สมาคมโรงกลั่นน้ำมันเป็นผู้จัดสรร ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายเพิ่มอัตราการสกัดน้ำมันปาล์ม ควรให้มีการปรับระยะเวลาเป็นช่วง ช่วงละ ๕ ปี (๒๕๖๐-๒๕๗๙) ตามระยะเวลาการปฏิรูป ๒๐ ปี เพื่อให้เห็นความคืบหน้าของเป้าหมายอย่างชัดเจนมากขึ้น และเพิ่มช่องทางการตลาดรองรับผลผลิตปาล์มน้ำมันที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต รวมทั้งบริหารความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปาล์มหรือเกิดภาวะล้นตลาด นอกจากนี้ ควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันติดตามสถานการณ์การเปิดตลาดและการนำเข้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มที่ปรับเปลี่ยนอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง หากมีผลกระทบทางลบอย่างมีนัยสำคัญต่อสถานการณ์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มภายในประเทศ ก็ควรเร่งนำเสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติพิจารณาความเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
480 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ ส. 490/2555 คดีหมายเลขแดงที่ ส. 708/2559 ระหว่างสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ 1 กับพวกรวม 151 คน ฟ้องนายกรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ต่อศาลปกครองกลาง เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสี่ดำเนินการตามขั้นตอนของมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ก่อนอนุมัติเปิดโครงการเขื่อนแม่วงก์ | นร | 13/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานคดีปกครอง สำนักงานอัยการสูงสุด อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลางในนามคณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ในคดีหมายเลขดำที่ ส. ๔๙๐/๒๕๕๕ คดีหมายเลขแดงที่ ส. ๗๐๘/๒๕๕๙ ระหว่างสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ ๑ กับพวกรวม ๑๕๑ คน ฟ้องนายกรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๔ คน (คณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒) ต่อศาลปกครองกลาง เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสี่ดำเนินการตามขั้นตอนของมาตรา ๖๗ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ (การจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม) ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ก่อนอนุมัติเปิดโครงการเขื่อนแม่วงก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการจัดทำประเด็นเหตุผลและข้อกฎหมายที่จะใช้ประกอบการอุทธรณ์หักล้างคำพิพากษาของศาลปกครองกลางในนามคณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ให้สำนักงานคดีปกครอง สำนักงานอัยการสูงสุด ภายในวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๙
|
.....