ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 95 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 1881 - 1900 จากข้อมูลทั้งหมด 3983 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1881 | การจ้างข้าราชการภายหลังครบเกษียณอายุราชการเป็นลูกจ้างชั่วคราวกรณีพิเศษ | กต | 21/09/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจ้างนายอดิศักดิ์ ภาณุพงศ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงออตตาวา เป็นลูกจ้างชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษภายหลังครบเกษียณอายุราชการ เป็นเวลา ๑ เดือน ระหว่างวันที่ ๑-๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ เพื่อปฏิบัติภารกิจในการถวายการรับเสด็จพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ซึ่งจะเสด็จเข้าร่วมการประชุมเนื่องในโอกาสครบรอบ ๒๐ ปี การรับรองรายงาน Creating Choices ของรัฐบาลแคนาดา ระหว่างวันที่ ๒๘/๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ และเสด็จเป็นการส่วนพระองค์ต่อเนื่องไปยังมณฑลควิเบกและมณฑลอัลเบอร์ตา ในระหว่างวันที่ ๒๕ กันยายน-๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ ก่อนเสด็จต่อไปยังนครนิวยอร์ก เพื่อทรงเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยที่ ๖๕ ระหว่างวันที่ ๕-๙ ตุลาคม ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ งบประมาณที่จะใช้จ่ายเพื่อการจ้างนายอดิศักดิ์ฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ มาดำเนินการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลังศึกษาถึงความจำเป็นเหมาะสมในการแก้ไข ปรับปรุง เงื่อนไข หลักเกณฑ์ และอัตราค่าจ้างของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น (local staff) ที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานของไทยในต่างประเทศให้เหมาะสมกับภารกิจ หน้าที่ ความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น เพื่อจูงใจให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่มีศักยภาพสูงอยู่ปฏิบัติงานในหน่วยงานของไทยในต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับทางราชการมากขึ้น |
||||||||||||||||||||||||
| 1882 | แนวทางการส่งเสริมอุดมศึกษาร่วมสร้างประเทศไทยน่าอยู่ | ศธ | 21/09/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ 1.1 “แนวทางการส่งเสริมอุดมศึกษาร่วมสร้างประเทศไทยน่าอยู่” เพื่อส่งเสริมบทบาทสถาบันอุดม ศึกษาให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม และร่วมเป็นแกนหลักของแต่ละพื้นที่ในกระบวนการสร้างความเป็นธรรมและ ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยการพัฒนาให้มีสายงานวิชาการรับใช้สังคม (social impact) พัฒนาระบบการ ผลิตกำลังคนของประเทศที่มีอุดมการณ์เพื่อส่วนรวมและมีความเป็นพลเมือง และมีการให้บริการวิชาการที่มาจาก การมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นและสอดคล้องกับแผนพัฒนาพื้นที่ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการและสถาบันอุดม ศึกษาใช้เป็นแนวทางหลักร่วมกันเพื่อสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ 1.2 ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณสนับสนุนกิจกรรมตามแนวทางการส่งเสริม อุดมศึกษาร่วมสร้างประเทศน่าอยู่ตามความเหมาะสม 1.3 ให้กระทรวง ทบวง กรม และองค์กรอิสระต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรับทราบและให้ความร่วมมือ สนับ สนุนส่งเสริมการดำเนินการของสถาบันอุดมศึกษาตามภารกิจดังกล่าว 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา) รับความเห็นของสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการขับเคลื่อนแนวทางการส่งเสริมอุดมศึกษาร่วม สร้างประเทศไทยน่าอยู่ไปสู่การปฏิบัติควรให้ความสำคัญกับการบูรณาการความร่วมมือภายในสถาบันอุดมศึกษา โดยนำจุดแข็งของแต่ละภาควิชา แต่ละคณะ รวมทั้งองค์ความรู้ ควบคู่ไปกับการเชื่อมโยงความร่วมมือจากภาคเอก ชนและภาคส่วนต่าง ๆ มาร่วมสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ ท้องถิ่นและชุมชนให้มีความน่าอยู่ได้อย่างสอดคล้องกับ บริบททางสังคมและตอบสนองต่อความต้องการของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่ เห็นควรมีแผนการดำเนินงานอย่างชัดเจนทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยมีการบูรณาการแผนดังกล่าวอย่างเป็นรูป ธรรม พร้อมทั้งมีระบบการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน เพื่อปรับแผนการดำเนินงานให้มีความเหมาะสมกับ สถานการณ์และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 3. ส่วนงบประมาณในการดำเนินกิจกรรมตามแนวทางดังกล่าวให้สถาบันอุดมศึกษาทบทวนบทบาทและ ภารกิจในยุทธศาสตร์ที่มีลำดับความสำคัญระดับต่ำ หรือไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การดำเนินงานของรัฐบาล เพื่อให้มีทรัพยากรที่อาจสามารถนำไปใช้ดำเนินกิจกรรมได้ โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ให้ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามความพร้อมของหน่วยงานและกำลังเงินของประเทศต่อไป ตามความเห็นของ สำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
| 1883 | ขอให้ตรวจสอบและแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรม โครงการ หรือการก่อสร้างในความรับผิดชอบที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1.70 - 1.999 ล้านบาท | นร | 14/09/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และ
หน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในสังกัด การบังคับบัญชา หรือกำกับดูแลของฝ่ายบริหาร (ไม่รวมถึงองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น) ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรม โครงการ หรือการก่อสร้างในความรับผิดชอบที่มีมูลค่าตั้ง แต่ 1.70-1.9999 ล้านบาท ทั้งในส่วนที่เบิกจ่ายจากงบประมาณโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ซึ่งยังไม่ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และที่จะเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 แล้ว รายงานข้อมูลดังกล่าวไปยังสำนักงบประมาณโดยด่วนที่สุด เพื่อให้สำนักงบประมาณรวบรวม แล้วนำเสนอคณะ รัฐมนตรีต่อไปภายใน 2 สัปดาห์
|
||||||||||||||||||||||||
| 1884 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการยกเว้น ผ่อนผัน หรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารสำหรับโครงการที่รัฐจัดให้มีหรือพัฒนาเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย พ.ศ. .... | มท | 14/09/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้น ผ่อนผัน หรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติ
ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารสำหรับโครงการที่รัฐจัดให้มีหรือพัฒนาเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีราย ได้น้อย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้น ผ่อนผัน หรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบ คุมอาคารสำหรับอาคารที่กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตาม กฎหมาย หรือหน่วยงานอื่นของรัฐจัดให้มีหรือพัฒนาเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ตามที่กระทรวง มหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 1885 | การลักลอบตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จังหวัดพิษณุโลก | ทส | 07/09/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบความก้าวหน้าของผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการลักลอบตัดไม้ในเขตป่า สงวนแห่งชาติ จังหวัดพิษณุโลก และเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการ ตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนร่วมหรือรู้เห็น หรือเป็น ตัวการในการกระทำผิดอย่างเคร่งครัด โดยให้โยกย้ายเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีออกนอกพื้นที่ และกำชับ เจ้าหน้าที่ในสังกัดมิให้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือสนับสนุนการกระทำผิดเกี่ยวกับการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าอย่างเด็ดขาด 1.2 กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดกำชับเจ้าหน้าที่ในสังกัด กำนัน ผู้ ใหญ่บ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมิให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าในพื้น ที่ที่รับผิดชอบ เข้มงวดกวดขัน และเร่งรัดการดำเนินคดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว 1.3 หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรกำชับเจ้าหน้าที่ ให้สนับสนุน ส่งเสริมเฉพาะพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ สิทธิครอบครอง และพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย เท่านั้น 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ เห็นว่า ด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจและของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ตั้งอยู่ตามเส้นทางเข้า-ออกพื้นที่ป่า รวมทั้งจุดผ่าน ต่าง ๆ ควรมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา และควรให้ฝ่ายทหารเข้าร่วมดำเนินการ ด้วยเพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวมีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 1886 | ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 4 ฉบับ | นร | 07/09/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างกฎหมาย จำนวน 4 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ รวบรวมกฎหมายว่าด้วยการกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กฎ หมายรายได้ท้องถิ่น กฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กฎหมายเกี่ยวกับข้าราชการส่วนท้องถิ่น และกฎ หมายอื่นตามหมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำเป็นประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อ ประโยชน์ในการอ้างอิงและใช้กฎหมายที่จะรวมอยู่ในฉบับเดียวกัน และปรับปรุงบทบัญญัติในกฎหมายดังกล่าวให้ เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน 1.2 ร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีสาระสำคัญคือ รวมบทบัญญัติเกี่ยวกับการ จัดตั้ง การบริหาร อำนาจหน้าที่ รายได้ และการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อันได้แก่ องค์การบริหาร ส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล เข้าไว้ด้วยกัน (ยกเว้นกรุงเทพมหานครและการปกครองท้อง ถิ่นรูปแบบอื่น) รวมทั้งประมวลบทบัญญัติเกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด เข้าไว้ด้วยกัน 1.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมาย ว่าด้วยระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นให้เหมาะสมกับการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นในปัจจุบันและสอด คล้องกับหลักการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 1.4 ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไข เพิ่มเติมพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 โดยจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการส่วนท้องถิ่นในสังกัดสำนัก นายกรัฐมนตรี 2. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแก้ไขในส่วนของร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้บริหารท้องถิ่นวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี และดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน สองวาระไม่ได้ ไม่สอดคล้องกับกฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งไม่ได้จำกัด วาระการดำรงตำแหน่งของผู้บริหาร จึงสมควรแก้ไขให้สอดคล้องกัน ตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี และให้ส่ง คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 1887 | รายงานความคืบหน้าการทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียนตามมติคณะรัฐมนตรี | กษ | 07/09/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานความคืบหน้าการทบทวนระบบ
บริหารจัดการนมโรงเรียน ตามมติคณะรัฐมนตรี ดังนี้ 1. คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ในการประชุมครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2553 มี มติเห็นชอบหลักเกณฑ์ และแนวทางปฏิบัติโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ภาคเรียนที่ 1/2553 และให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติ ซึ่งมีสาระสำคัญได้แก่ 1.1 หลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ 1.2 หลักเกณฑ์การจัดสรรสิทธิและพื้นที่จำหน่ายนมโรงเรียนให้กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ 1.3 แนวปฏิบัติในการจัดซื้อนมโรงเรียนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และโรงเรียนเอกชน 1.4 แนวปฏิบัติการในการขนส่งและเก็บรักษานมโรงเรียน 1.5 มาตรการควบคุม กำกับ ดูแลการจำหน่ายนมในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน 1.6 ราคาจัดซื้อนมโรงเรียน กำหนดให้ลดจากราคากลางเดิมที่กำหนดไว้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 13 พฤษภาคม 2552 โดยนมพาสเจอร์ไรส์ลดลงถุงล ะ 0.20 บาท และ นม ยู.เอช.ที. ลดลงกล่อง/ซองละ 0.25 บาท ยกเว้นพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา เฉพาะ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสะบ้าย้อย นาทวี เทพา และจะนะ เฉพาะนม ยู.เอช.ที. ให้จัดซื้อในราคากลางเดิม 2. ผลการดำเนินงาน ได้คัดเลือกผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ สำหรับภาคเรียนที่ 1/2553 รวม ทั้งสิ้น 68 ราย และสามารถจัดสรรสิทธิและพื้นที่การจำหน่ายนมโรงเรียนในระดับพื้นที่จังหวัดทั้ง 76 จังหวัด โดย แยกประเภทผู้ซื้อเป็น อปท. จำนวน 7,851 แห่ง จำนวนนักเรียน 6,712,737 คน และเป็นโรงเรียนเอกชนสังกัด สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จำนวนนักเรียน 1,411,450 คน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการนม โรงเรียนทั้ง 68 ราย รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรตามบันทึกข้อตกลง (MOU) รวม 1,211 ตันต่อวัน
|
||||||||||||||||||||||||
| 1888 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง กระทรวงมหาดไทย (จำนวน 9 ราย 1. นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ฯลฯ) | มท | 31/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 8 ราย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนและทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
1. นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 2. นายวัลลภ พริ้งพงษ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 3. นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 4. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 5. นายขวัญชัย วงศ์นิติกร ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 6. นายวิเชียร ชวลิต ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมการปกครอง 7. นายสุรชัย ขันอาสา ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมการพัฒนาชุมชน 8. นายสุเมธ แสงนิ่มนวล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
| 1889 | ของบประมาณเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 โครงการจัดสวัสดิการเบี้ยความพิการ | มท | 24/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ใช้จ่ายงบประมาณเป็นค่าใช้จ่าย สำหรับสนับสนุนการเสริมสร้างสวัสดิการทางสังคมให้แก่ผู้พิการหรือทุพพลภาพ จำนวน 25,082 คน เป็นเงิน 75,246,000 บาท โดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณที่ได้มีการกันไว้ตามระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการเบิกจ่าย เงินจากคลังเป็นลำดับแรกก่อน หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตามความเห็นของ สำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นที่เห็นควรตรวจสอบข้อมูลคนพิการที่มีสิทธิได้รับเบี้ยความพิการให้ถูกต้องตรงกับข้อมูลของกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำหรับการจ่ายเบี้ยความพิการให้แก่คนพิการที่มีสิทธิจะต้องเป็นคน พิการที่ลงทะเบียนและยื่นคำขอรับเงินเบี้ยความพิการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยกำหนด และควรจ่ายตาม ระยะเวลาที่ได้ลงทะเบียนไว้ ไปดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 1890 | ผลการประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด ครั้งที่ 3/2553 | นร | 24/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอผล
การประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด ครั้งที่ 3/2553 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับ ไปดำเนินการตามมติที่ประชุม ดังนี้ 1. รับทราบความก้าวหน้าโครงการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง จังหวัดระยอง โดยมอบหมายหน่วยงานดำเนินการ ดังนี้ 1.1 ให้เทศบาลเมืองมาบตาพุดเร่งรัดหารือกับสำนักงบประมาณ เพื่อจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายโครง การขนถ่ายขยะมูลฝอยออกจากบ่อฝังกลบขยะเพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณดำเนินงานต่อไป 1.2 ให้เทศบาลเมืองมาบตาพุดจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการโครงการขนถ่ายขยะมูลฝอยภายหลัง จากลงนามในสัญญาจ้างแล้ว และพิจารณาการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมซึ่งมีภาคประชาชนเข้าร่วมเป็นกรรมการ 1.3 ให้การประปาส่วนภูมิภาคจัดทำรายชื่อชุมชนที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการพัฒนาระบบประปา ประกอบด้วยโครงการก่อสร้างขยายเขตจำหน่ายน้ำประปา พื้นที่อำเภอเมืองระยอง และโครงการสร้างปรับปรุงท่อ และขยายเขตจำหน่ายน้ำพื้นที่เทศบาลเมืองมาบตาพุด และเทศบาลเมืองบ้านฉาง เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนทราบ และติดตาม/ตรวจสอบความก้าวหน้าโครงการได้ 2. เห็นชอบในรายละเอียดการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนมาบตาพุด ระยะต่อเนื่อง ประกอบ ด้วยโครงการติดตั้งชุดตรวจวัดสารอินทรีย์ระเหยง่ายแบบต่อเนื่องและป้ายแสดงผลคุณภาพสิ่งแวดล้อม ของกรมควบ คุมมลพิษ โครงการก่อสร้างสถานีตรวจวัดคุณภาพน้ำและติดตั้งระบบตรวจวัดคุณภาพน้ำแบบอัตโนมัติ และโครงการ จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมในชุมชน ของเทศบาลเมืองมาบตาพุด และให้นำเสนอคณะกรรมการพัฒนา พื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกเพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ในการบริหารจัดการศูนย์เฝ้าระวังฯ ให้มีภาคประชาชน ร่วมเป็นคณะกรรมการไตรภาคี ประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และ โรงงานอุตสาหกรรม 3. มอบหมายให้เทศบาลเมืองมาบตาพุดเป็นหน่วยงานหลักประสานการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและ ที่ดินงอกในพื้นที่มาบตาพุดให้กับชุมชนร่วมกับจังหวัดระยอง และหากมีปัญหาในการดำเนินงาน ให้นำเสนอในการ ประชุมครั้งต่อไป 4. รับทราบผลการประชุมหารือเรื่อง การจัดตั้งกองทุนในพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง และแผนการยก ระดับศูนย์อาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อมระยอง เป็นสถาบันภายใต้กระทรวงสาธารณสุข
|
||||||||||||||||||||||||
| 1891 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ เมืองโอซากาและเมืองนาโกยาประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (วันที่ 22 - 27 กรกฎาคม 2553) | กก | 24/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยราย
งานผลการเดินทางไปราชการ ณ เมืองโอซากา และเมืองนาโกยา ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อวันที่ 22-27 กรกฎาคม 2553 เพื่อเป็นประธานเปิดงานลอยกระทงไนท์ และเป็นประธาน การหารือการส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทท่องเที่ยวชั้นนำของเมืองโอซากา และเมือง นาโกยา โดยในส่วนของผลการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทท่องเที่ยวฯ สรุปได้ดังนี้ 1. การหารือกับผู้บริหารระดับสูงของธุรกิจท่องเที่ยวเมืองโอซากา ผลการหารือผู้บริหารระดับสูงของ ธุรกิจท่องเที่ยวเมืองโอซากาได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะว่า นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังมีความประสงค์ เดินทางท่องเที่ยวไปประเทศไทย แต่ขอให้ประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ด้าน Thailand Land of Smile และด้าน ความปลอดภัยให้มากขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมีความมั่นใจและเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น สำหรับ บริษัทนำเที่ยวญี่ปุ่นมีความประสงค์ให้มีการแลกเปลี่ยนด้านกีฬาของไทย เช่น มวยไทย ตะกร้อ เพื่อให้เกิดการเดิน ทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น และขอให้เสนอขายกอล์ฟสำหรับตลาดสตรี เนื่องจากจะมีการจัดการแข่งขัน Golf Toumament ในประเทศไทย ในส่วนของสื่อมวลชนท้องถิ่นญี่ปุ่นแจ้งว่า นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นไม่เข้าใจเรื่องพระราช บัญญัติการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินว่าคืออะไร จึงขอให้ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย มากยิ่งขึ้น 2. การหารือกับผู้บริหารระดับสูงของธุรกิจท่องเที่ยวเมืองนาโกยา ผลการหารือผู้บริหารระดับสูงของ ธุรกิจท่องเที่ยวเมืองนาโกยาได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะว่า ในปี พ.ศ. 2552 และช่วงปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ ลำบากในการทำตลาดในประเทศไทยของบริษัทนำเที่ยวญี่ปุ่น เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศไทย ปัจจุบันตลาดยังไม่ฟื้นตัวดี แต่ประเทศไทยยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น โดย บริษัทนำเที่ยวได้เลี่ยงเส้นทางกรุงเทพมหานครไปขายจังหวัดอื่น เช่น จังหวัดภูเก็ต เกาะสมุย เป็นต้น ทั้งนี้ ขอให้ ทำการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ประเทศไทยผ่านสื่อต่าง ๆ ของญี่ปุ่น เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง เพื่อช่วยใน เรื่องการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว
|
||||||||||||||||||||||||
| 1892 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 ที่มีข้อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นการเฉพาะ | สช | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2552 มติที่ 6 โรคติดต่ออุบัติใหม่ ซึ่งคณะกรรมการ สุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ในการประชุมครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2553 พิจารณาเห็นชอบให้คณะ กรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกันควบคุม และแก้ไขสถานการณ์โรคไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ระบาดใหญ่ และโรคระบาดร้ายแรงในมนุษย์ เป็นกลไกดำเนินการตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2552 โดยให้ คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมฯ นำมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาดำเนินการทั้ง เรื่ององค์ประกอบของคณะกรรมการ บทบาทการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ เพื่อการบริหารจัดการโรคติดต่ออุบัติใหม่ แบบบูรณาการภายในระยะเวลา 1 ปี และการจัดทำข้อเสนอจัดตั้งกลไกระดับชาติเพื่อจัดการปัญหาโรคติดต่ออุบัติ ใหม่ที่มีความต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และมีส่วนร่วมต่อไป และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติที่เกี่ยวข้อง ต่อไป ตามที่สำนักงาน คสช. เสนอ 2. ให้คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมฯ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เห็นควรเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมฯ ในส่วนของผู้แทนองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ผู้แทนภาคประชาสังคม และผู้แทนสื่อมวลชน ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาไปสู่ การปฏิบัติได้รวดเร็ว สามารถหยุดยั้งปัญหาไม่ให้ลุกลามบานปลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 1893 | รายงานประจำปีของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ประจำปี 2551) | ศธ | 03/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอรายงานประจำปี ของสถาบันส่งเสริมการ
สอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เห็นชอบแล้ว สรุปสาระสำคัญของรายงานฯ ได้ดังนี้ 1. การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ประกอบด้วย 1.1 การดำเนินงานในโครงการความร่วมมือระหว่าง สสวท. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน (สพฐ.) และสถาบันอุดมศึกษาพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาใน 10 จังหวัด เพื่อยกระดับผลสัม ฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ โดยจัดทำหลักสูตรอบรมครู (หลักสูตรกลาง) จัดทำเอกสารสำหรับผู้เข้ารับการอบรม และเอกสารสำหรับผู้ให้การอบรมในวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ สารสนเทศ ของระดับชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย รวม 11 หลักสูตร โดย หลักสูตรและเอกสารอบรมครูของทุกวิชานั้นหลังจากนำไปใช้อบรมครูและปรับปรุงแล้ว สสวท. ได้นำไปจัดอบรม ให้แก่ศึกษานิเทศก์ และส่งมอบต้นฉบับให้แก่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขตสำหรับนำไปใช้ขยายผลสู่ครู วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ในจังหวัดของตนเองต่อไป 1.2 การพัฒนา ส่งเสริม และฝึกอบรมครูในโรงเรียนท้องถิ่นทุรกันดาร โรงเรียนตำรวจตระเวนชาย แดนและโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญโดยจัดให้มีการอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะการจัดการเรียน รู้ในทุก ๆ ปี สนับสนุนสือ-อุปกรณ์การสอนที่เหมาะสมกับสภาพของโรงเรียน รวมทั้งสนับสนุนทุนการศึกษาต่อ แก่ครูจำนวนหนึ่ง สำหรับครูใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สสวท. ได้ให้ความช่วยเหลือพัฒนาและฝึกอบรมผู้ที่ มีหน้าที่จัดการเรียนการสอนให้มีความรู้ ความเข้าใจ และมีทักษะจนสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในวิชาวิทยา ศาสตร์และคณิตศาสตร์ในโรงเรียนได้ 1.3 การพัฒนาเว็บไซต์เครือข่ายครู เพื่อให้ครูสมัครเข้าใช้เป็นแหล่งเรียนรู้และศึกษา ตลอดจนนำ เสนอผลงานวิจัยและโครงงานต่าง ๆ ของครู 2. การพัฒนาหลักสูตร-สื่อ ประกอบด้วย 2.1 การพัฒนาหลักสูตร-สื่อ กระบวนการเรียนรู้ควบคู่ไปกับการอบรมพัฒนาครูโดยให้ความสำคัญ กับหลักสูตร-สื่อวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนที่ไม่ได้เลือกเรียนสายวิทยาศาสตร์ในระดับมัธยม ศึกษาตอนปลาย 2.2 การพัฒนาและจัดทำเอกสารกรอบมาตรฐานการศึกษาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์สำหรับเด็ก ปฐมวัย รวมทั้งจัดทำสื่อ-กิจกรรมสำหรับครูนำไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย 2.3 การพัฒนาต้นแบบสื่อดิจิทัลทั้งในรูป Learning object, E-learning, E-book รวมทั้งสนับสนุน เว็บไซต์วิชาการดอทคอม 3. การพัฒนามาตรฐานการศึกษาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ได้ดำเนินการพัฒนากรอบมาตรฐานการ ศึกษาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้โรงเรียนพร้อมในการรองรับการประเมินผลจากสำนัก งานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) โดย สสวท. ได้พัฒนาคู่มือและกรอบ มาตรฐานเผยแพร่ อาทิ มาตรฐานครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ มาตรฐานการจัดห้องปฏิบัติการ เป็นต้น รวมทั้ง ได้เข้าร่วมโครงการศึกษาวิจัยร่วมกับนานาชาติในการวิจัยและประเมินผลนักเรียน 4. การส่งเสริมวัฒนธรรมวิทยาศาสตร์ ได้ดำเนินการจัดรายการพลังคิดเผยแพร่ทางสถานีวิทยุและโทร ทัศน์ การจัดเทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาแหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในธรรมชาติของ ท้องถิ่นในภูมิภาคต่าง ๆ อาทิ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศูนย์ฝึกอบรมครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี เป็นต้น และร่วมมือกับเครือข่ายภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อครูและสังคม 5. การพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ดำเนิน การพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการ พสวท. ซึ่งเป็นโครงการสร้างนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ระดับนำของประเทศ โครงการและส่งเสริมการ ผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (โครงการ สควค.) เพื่อผลิตคนเก่งให้มาประกอบ อาชีพครู และโครงการส่งเสริมการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการในปี พ.ศ. 2551 นอกจากนี้ สสวท. ได้ดำเนินโครงการ พัฒนาและส่งเสริมอัจฉริยภาพด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ของเยาวชน อย่างต่อเนื่อง เพื่อคัดเลือกและบ่ม เพาะเยาวชนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีความสามารถพิเศษ และดำเนินการให้เด็ก เหล่านี้ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ
|
||||||||||||||||||||||||
| 1894 | มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม | กค | 03/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อให้การจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 (รวมภาษี ท้องถิ่น) ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 2 ปี จนถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่า เพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่าง พระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 2.1 ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากอัตราร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 6.3 เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลา คม 2553 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2555 2.2 ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากอัตราร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เป็น ต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 1895 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | นร | 03/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่
28 กรกฎาคม 2553 และวันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม 2553 ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 1896 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 03/08/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่ 28 กรกฎาคม 2553 และวันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม 2553 โดยที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรี จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และพิจารณาระเบียบวาระ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 3 ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพุธที่ 4 สิงหาคม 2553 และครั้งที่ 2 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม 2553 2. ให้ปรับเพิ่มหลักการของร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กรณีร่างมาตรา 3 (แก้ ไขมาตรา 67 วรรคสี่) ให้ชัดเจนในกรณีการปรับเพิ่มเงินที่ต้องกระทำโดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ตามความเห็น ของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 1897 | การทบทวน ปรับปรุง หรือยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับสิทธิพิเศษของหน่วยงานต่างๆ | กค | 28/07/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ 1. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 มติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ 4/2551 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2552 ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2552 ดังนี้ 1.1.1 ให้หน่วยงานคงได้รับสิทธิพิเศษต่อไปตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขเดิม จำนวน 1 หน่วยงาน ได้แก่ สิทธิพิเศษของหน่วยงานสร้างอาวุธ ของกระทรวงกลาโหม 1.1.2 ให้หน่วยงานคงได้รับสิทธิพิเศษต่อไปโดยปรับปรุงหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขในการได้รับสิทธิพิเศษ จำนวน 5 หน่วยงาน ได้แก่ สิทธิพิเศษของโรงกลั่นน้ำมันฝาง กรมการพลังงานทหาร สิทธิพิเศษขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) สิทธิพิเศษของสภากาชาดไทย สิทธิพิเศษของโรงพิมพ์ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และโรงพิมพ์ที่อยู่ในความควบคุมของหน่วยงานดังกล่าว และสิทธิพิเศษของโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา 1.1.3 ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่ให้สิทธิพิเศษแก่หน่วยงานต่างๆ จำนวน 2 หน่วยงาน ได้แก่ สิทธิพิเศษของโรงเรียนผู้ใหญ่รวมช่าง โรงเรียนผู้ใหญ่สายอาชีวศึกษา และโรงเรียนฝึกฝนอาชีพเคลื่อนที่ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2517 แจ้งตามนัยหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ สร 0203/ว 118 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2517 และสิทธิพิเศษของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยเดิม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2531 แจ้งตามนัยหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 190 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2531 1.2 มติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ 2/2551 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2551 ครั้งที่ 3/2551 เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 ดังนี้ 1.2.1 ให้หน่วยงานคงได้รับสิทธิพิเศษต่อไปตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขเดิม จำนวน 1 หน่วยงาน ได้แก่ สถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ 1.2.2 ให้หน่วยงานคงได้รับสิทธิพิเศษต่อไป โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์ หรือเงื่อนไขการได้รับสิทธิพิเศษของหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน 4 หน่วยงาน ได้แก่ วิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือพระนครศรีอยุธยา (โรงเรียนต่อเรือพระนครศรีอยุธยา เดิม) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กรมอาชีวศึกษา เดิม) บริษัท ไม้อัดไทย จำกัด และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ 1.2.3 ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่ให้สิทธิพิเศษแก่หน่วยงาน จำนวน 1 หน่วยงาน ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2541 แจ้งตามนัยหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0205/ว(ล) 12361 ลงวันที่ 23 กันยายน 2541 เนื่องจากไม่มีภารกิจในการผลิต รับจ้างทำ จำหน่าย ให้บริการหรือหมดความจำเป็นที่จะได้รับสิทธิพิเศษต่อไปและให้แจ้งเวียนมติคณะรัฐมนตรีให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และ หน่วยงานอื่นของรัฐ ทราบต่อไป 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการด้วยว่า กรณีสิทธิพิเศษของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ให้ดำเนินการโดยวิธีกรณีพิเศษได้นั้น สมควรกำหนดให้มีการตรวจสอบราคาตลาดเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ราคาอ้างอิงด้วย เพื่อให้การดำเนินการมีความโปร่งใสและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||
| 1898 | ขอลดหย่อนค่ารายปีและภาษีโรงเรือนและที่ดินของโรงไฟฟ้าจะนะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 20/07/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจ่ายค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินของโรงไฟฟ้าจะนะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) คลองเปียะ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
1. ค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน 1.1 ปี พ.ศ. 2551 (ช่วงเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2551) เป็นเงิน 3,287,725.93 บาท 1.2 ปี พ.ศ. 2552 เป็นเงิน 6,575,451.86 บาท 2. ส่วนที่แตกต่างจาก อบต.คลองเปียะ ประเมิน ให้ กฟผ. จ่ายเป็นเงินสนับสนุนกิจกรรมของราษฎรและชุมชนตามแผนพัฒนาท้องถิ่นของ อบต.คลองเปียะ ซึ่งทำให้ อบต.คลองเปียะ ได้รับเงินตรงตามที่ประเมิน ดังนี้ 2.1 ปี พ.ศ. 2551 (ช่วงเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2551) เป็นเงิน 3,180,326.37 บาท 2.2 ปี พ.ศ. 2552 เป็นเงิน 6,305,919.17 บาท 3. กฟผ. จะจ่ายเงินสนับสนุนกิจกรรมของราษฎรและชุมชนฯ ตามหลักเกณฑ์ข้างต้นสำหรับปี พ.ศ. 2553-2554
|
||||||||||||||||||||||||
| 1899 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 ที่มีข้อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นการเฉพาะ (มติ 2 เรื่อง แผนพัฒนาที่ยั่งยืนบนฐานการพึ่งตนเองด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม กรณีภาคใต้ ฯลฯ) | สช | 20/07/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2552 มติ 2 เรื่อง แผนพัฒนาที่ยั่งยืนบนฐานการพึ่ง ตนเองด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม กรณีภาคใต้ มติ 4 เรื่อง ยุติการส่งเสริมการขายยาที่ขาดจริยธรรม : เพื่อลด ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และสุขภาพของผู้ป่วย มติ 5 เรื่อง ยุทธศาสตร์นโยบายแอลกอฮอล์ระดับชาติ และมติ 8 เรื่อง การจัดการปัญหาภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน ซึ่งคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ในการประชุมครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2553 เห็นชอบแล้ว และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามมติในส่วนที่ เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) เสนอ 2. ให้ สช. รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วน ที่เกี่ยวข้องด้วย ดังนี้ 2.1 มติ 2 ควรเพิ่มนโยบายการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนภาคใต้ได้สามารถเรียนรู้วิชา ชีพที่เชื่อมต่อกับการประกอบอาชีพ พัฒนาทักษะวิชาชีพที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตจริงควบคู่ไป การให้ความสำคัญกับการ พัฒนาอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ตามความต้องการและความจำเป็นของท้องถิ่นโดยไม่กระทบวิถี ชีวิตและสุขภาพชุมชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวปฏิบัติในการเชื่อม โยงวิถีชีวิต เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และการเมืองที่มีความสมดุล มั่นคง เป็นธรรม ยั่งยืน พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตาม หลักของความพอประมาณ 2.2 มติ 5 และมติ 8 ควรสนับสนุนให้มีการเรียนรู้หรือกิจกรรมนอกหลักสูตร เพื่อเพิ่มพื้นที่เรียนรู้ ในรูปแบบของทักษะชีวิต ทักษะสังคม (Socialization) กิจกรรมที่เน้นการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมความเป็นผู้นำที่ ทำให้เยาวชนสามารถเรียนรู้การใช้ชีวิตในสังคมอย่างมีเหตุผล เพื่อเพิ่มทางเลือกของเยาวชน นักศึกษา ในการใช้เวลา ว่างให้เกิดประโยชน์ และห่างไกลภาวะความเสี่ยงต่าง ๆ ในสังคม 2.3 ในการจัดทำร่างแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืนมีความสอดคล้องและให้ ความสำคัญตามประเด็นในมติสมัชชาสุขภาพแล้ว ทั้งนี้ การทบทวนร่างแผนแม่บทฯ และแผนพัฒนาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ควรมอบให้คณะกรรมการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์เป็นผู้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2552 เนื่องจากมีหน้าที่ในการพิจารณาและกำหนดนโยบาย แผนงาน โครงการและมาตรการในการพัฒนาอุตสาห กรรมภาคการผลิตเชิงนิเวศน์ให้สามารถดำรงอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืนในภาพรวมทั้งระบบ 2.4 การดำเนินงานตามมติ 5 ควรให้มีการทบทวนมาตรการด้านสุขภาพที่ดำเนินการอยู่ปัจจุบันทั้ง ระบบ ทั้งนี้ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ต้องดำเนินการร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครือข่ายประชาคมด้านสุขภาพ โดยคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เช่น ปัจจัยทาง ด้านเศรษฐกิจและสังคม สภาพแวดล้อม พฤติกรรมสุขภาพ ระบบบริการสุขภาพ เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
| 1900 | ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุข พ.ศ. .... | สธ | 13/07/2553 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุข พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วย วิชาชีพการสาธารณสุข ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา 2. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า การจัดสรรเงินอุดหนุนจากงบ ประมาณแผ่นดินควรพิจารณาจากความเหมาะสมตามความจำเป็นในแต่ละปีและเป็นไปตามกระบวนการและวิธีการจัด ทำงบประมาณรายจ่ายตามที่กฎหมายกำหนด และควรระวังมิให้มีการจำกัดสิทธิของประชาชนหรือองค์กรภาคเอกชน ในการที่จะช่วยพัฒนาการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมจากการที่ต้องขึ้นทะเบียนและขอรับใบอนุญาต รวมทั้งควรมีบท บัญญัติส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขได้มีโอกาสเป็น ผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพการสาธารณสุข ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติ บัญญัติพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
