ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 62 จากทั้งหมด 199 หน้า แสดงรายการที่ 1221 - 1240 จากข้อมูลทั้งหมด 3975 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1221 | การรับรองร่างปฏิญญาว่าด้วยการสร้างประชาคม และประชาชนอาเซียนที่มีความเข้มแข็ง รู้รับ ปรับตัวฟื้นกลับจากภัยพิบัติ และการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศอย่างเป็นทางการ | มท | 20/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาว่าด้วยการสร้างประชาคม และประชาชนอาเซียนที่มีความเข้มแข็ง รู้รับ ปรับตัวฟื้นกลับจากภัยพิบัติ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีสาระสำคัญสอดคล้องกับความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน (ASEAN Agreement on Disaster Management and Emergency Response : AADMER) กรอบกฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เป็นการแสดงเจตนาร่วมกันของอาเซียน ๑๐ ประเทศที่จะลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติต่าง ๆ โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมของภูมิภาค ๒. ให้ความสำคัญต่อการร่วมมือกันเพื่อจัดทำมาตรการต่าง ๆ ให้รองรับการลดความเสี่ยงดังกล่าว ๓. เชิญชวนให้ผู้มีส่วนร่วมทุกภาคส่วนเข้ามามีบทบาทในการป้องกันและบริหารจัดการความเสี่ยงในระดับท้องถิ่น ชาติ และภูมิภาค พร้อมกับส่งเสริมการลงทุนในโครงการต่าง ๆ ที่จะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ ๔. ร่วมกันจัดทำฐานข้อมูลที่จะสามารถแบ่งปันกันได้ในภูมิภาค รวมทั้งเสริมสร้างศักยภาพของสถาบันระดับชาติและภูมิภาคเพื่อเฝ้าระวังและลดความเสี่ยงดังกล่าว ๕. มอบหมายให้ ASEAN Committee on Disaster Management เป็นศูนย์กลางสำหรับความร่วมมือข้ามเสาเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในภูมิภาคต่อความเสี่ยงเหล่านี้
|
||||||||||||||||||||||||
1222 | ผลการดำเนินงานของกระทรวงมหาดไทยในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล รอบ 3 เดือน (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน - 12 ธันวาคม 2557) | มท | 20/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานของกระทรวงมหาดไทยในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล รอบ ๓ เดือน (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน-๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลงานเด่นรอบ ๓ เดือน ของกระทรวงมหาดไทย ประกอบด้วย (๑) การบูรณาการงานสู่ประชาชน (๒) ภัยแล้งเชิงรุก (๓) ศูนย์ดำรงธรรม “ศาลา”แก้ทุกข์ชาวบ้าน (๔) กระจายงบประมาณสู่ท้องถิ่น เป็นธรรม ทั่วถึง (๕) เมืองสวยน้ำใส คนไทยมีสุข (๖) ผังเมืองชายแดนประตูสู่อินโดจีน (๗) เปิดตลาด OTOP สู่สากล (๘) จัดที่ดินเพื่อประชาชน สร้างคน สร้างงาน สร้างรายได้ (๙) ให้สัญชาติและคลินิกสัญชาติ และ (๑๐) บริการด้วยใจ รัฐวิสาหกิจไทยสู่มวลชน ๒. ผลการดำเนินงานภายใต้กลุ่มโครงการเน้นหนักตามนโยบายรัฐบาล (๘ วาระมหาดไทย) ประกอบด้วย (๑) ตามรอยเท้าพ่อ (๒) คนไทยรักกัน (๓) เมืองสวยน้ำใส (๔) เมืองไทยน่าอยู่ (๕) ดำรงธรรม ดำรงไทย (๖) มหาดไทยใสสะอาด (๗) ลดความเหลื่อมล้ำ แบ่งปันความสุข และ (๘) เรียนรู้ค่านิยมไทย ก้าวไกลสู่สากล ๓. งานสำคัญที่กระทรวงมหาดไทยมอบเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน ภายใต้แนวคิด "มหาดไทยร้อยใจ คนไทยยิ้มได้" รวม ๑๗ งานสำคัญ ประกอบด้วย (๑) ศูนย์ดำรงธรรม นำสุข แก้ทุกข์ ๒๔ ชั่วโมง (๒) ท้องถิ่นโปร่งใส จัดสรรงบประมาณใหม่ ทั่วถึง เป็นธรรม (๓) อยุธยาเมืองประวัติศาสตร์ เมืองสะอาดปลอดขยะต้นแบบ (๔) ติดต่อราชการทันใจ ไม่ต้องใช้สำเนาบัตรประชาชน (๕) OTOP ทั่วไทย ส่งความสุขปีใหม่ สร้างรายได้ ขยายตลาดสู่อาเซียน และ (๖) ตลาดนัดชุมชนไทยช่วยไทย คนไทยยิ้มได้ (๗) สำนักงานที่ดินทั่วไทย รวดเร็ว โปร่งใส ใส่ใจบริการ (๘) ๒๕๕๘ ปีทองผังเมือง พัฒนาทั่วไทย ก้าวไกลสู่อาเซียน (๙) มอบความสุขทั่วไทย สัญจรปีใหม่ ปลอดภัยทุกคน (๑๐) รวมพลคนกู้ชีพกู้ภัย เพื่อคนไทยมีความสุข (๑๑) คลองสวยน้ำใส คนไทยมีความสุข (๑๒) ถนนสวย เดินได้ ปั่นได้ ค้าขายคล่องตัว (๑๓) สว่างไสวทั่วไทยจ่ายไฟ ทุกครัวเรือน (๑๔) LED สว่างไสว รับปีใหม่มหานคร (๑๕) ประปาสร้างสุข ทุกคนมีน้ำใช้ (๑๖) ประปาทันใจ คนไทยมีสุข (๑๗) ปากคลองตลาดโฉมใหม่ สะอาด ปลอดภัย สินค้าสดใหม่ทุกวัน
|
||||||||||||||||||||||||
1223 | รายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประจำปี 2557 | ตผ | 20/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอรายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประจำปี ๒๕๕๗ โดยรายงานดังกล่าวมีสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการพิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนพร้อมข้อสังเกตหรือข้อเสนอแนะที่เสนอต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ผลการปฏิบัติของหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้ดำเนินการหรือไม่ดำเนินการตามข้อสังเกตหรือข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน ความร่วมมือของหน่วยงานในการชี้แจงข้อเท็จจริงและการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน ผลการดำเนินงานด้านจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ผลการดำเนินงานด้านการติดตามประเมินผลการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานและภาคส่วนต่าง ๆ และแนวทางการพัฒนาดำเนินงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน
|
||||||||||||||||||||||||
1224 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ 16 - 20 มีนาคม 2558) | สผ | 20/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ จำนวน ๒๕ คณะ และคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๑๖-๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ ๒. สำหรับประเด็นข้อเสนอของคณะกรรมาธิการการปฏิรูปการปกครองท้องถิ่นเกี่ยวกับการกระจายอำนาจหน้าที่ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นั้น เพื่อให้การบริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกิดประสิทธิภาพได้อย่างแท้จริง ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาผลดำเนินการในงานรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผ่านมา เพื่อนำมาวิเคราะห์และจัดแบ่งอำนาจหน้าที่หรือความรับผิดชอบให้เหมาะสม แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๓. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการพิจารณาดำเนินการด้านการปฏิรูปการศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพแก่เด็ก นักเรียน นักศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา โดยปฏิรูปในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวง สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ให้เกิดความก้าวหน้าเพิ่มขึ้น และเร่งรัดดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายใน ๓-๖ เดือน ๔. ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) กำกับและติดตามให้กระทรวงพลังงานพิจารณาดำเนินการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน โดยการดำเนินการดังกล่าวต้องพิจารณาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมประกอบด้วย ทั้งนี้ ให้หารือหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงก่อนดำเนินการเจรจาด้วย ตลอดจนให้พิจารณาแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ ๒๑ และแนวทางการบริหารจัดการสัมปทานปิโตรเลียมที่กำลังจะหมดอายุ แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1225 | รายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 13 (การประชุม ครั้งที่ 48/2558 ถึง ครั้งที่ 58/2558) | นร04 | 07/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ ๑๓ (การประชุมครั้งที่ ๔๘/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ถึงครั้งที่ ๕๘/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘) ซึ่งได้มีการพิจารณายกร่างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา และได้จัดทำจุลสาร “รัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปเป็นอย่างไร” ฉบับที่ ๕ เรื่อง “การกระจายอำนาจและการบริหารท้องถิ่น” เพื่อเผยแพร่ข้อมูล กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญและเนื้อหาสารัตถะในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ในขณะเดียวกันก็เป็นการสื่อสารสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนก่อนที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจะใช้บังคับ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
1226 | รายงานสรุปโครงการของขวัญให้ประชาชนทุก 3 เดือน (เมษายน - มิถุนายน 2558) ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี | กก | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปโครงการของขวัญให้ประชาชนทุก ๓ เดือน (เมษายน-มิถุนายน ๒๕๕๘) ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กรมการท่องเที่ยว โครงการ/กิจกรรมที่ดำเนินการ ได้แก่ (๑) กด ATM ฟรี โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมรายการถอนเงินสดข้ามเขตผ่านเครื่องถอนเงินสดอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารเจ้าของบัตร รวมทั้งยกเว้นค่าธรรมเนียมฝากเงินสดข้ามเขตภายในธนาคารเดียวกัน ผ่านเครื่องรับฝากเงินอัตโนมัติ (CDM) ในช่วงวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ ๑๓-๑๙ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๒๓.๐๐ น. (๒) งานประเพณีสงกรานต์ ๘ พื้นที่ อาทิ โครงการสืบสานประเพณีมนัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประจำปี ๒๕๕๘ จังหวัดเชียงใหม่ และโครงการจัดงานประเพณีสงกรานต์ชาวรามัญ ประจำปี ๒๕๕๘ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น (๓) โครงการจัดงานขอบลาน อาร์ท มาร์เช่ ครั้งที่ ๖ จังหวัดเพชรบุรี และ (๔) รณรงค์ดูแลรักษาห้องน้ำในแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ ๒. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โครงการ/กิจกรรมที่ดำเนินการ ได้แก่ (๑) เทศกาลเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ อาทิ การจัดกิจกรรมเอกลักษณ์รวม ๑๒ พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ สุโขทัย ขอนแก่น นครพนม หนองคาย พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี สมุทรปราการ นครศรีธรรมราช สงขลา และภูเก็ต เป็นต้น (๒) เทศกาล Thailand Music Festival อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (๓) มหกรรมสวรรค์นักช็อป (Thailand Great Grand Sale) โดยจัดงานทั่วประเทศ ๓. กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว โครงการ/กิจกรรมที่ดำเนินการ ได้แก่ การพัฒนาศูนย์ ๑๑๕๕ ประกอบด้วย การกำหนดสเปค และฟังก์ชันของแต่ละศูนย์ให้มีมาตรฐานเดียวกัน การจัดล่ามแปลภาษาหลักและภาษาท้องถิ่น ร่วมปฏิบัติพร้อมชุดสายตรวจเคลื่อนที่ และการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๔. กรมพลศึกษา โครงการ/กิจกรรมที่ดำเนินการ ได้แก่ (๑) โครงการกิจกรรมกีฬาและนันทนาการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ในการจัดการแข่งขันกีฬาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (๒) โครงการร้อนนี้มีกีฬาและนันทนาการเพื่อลูกรัก ประจำปี ๒๕๕๘ (๓) จัดการแข่งขันกีฬาชาวไทยภูเขาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๒๗ (๔) การประกวดวงโยธวาทิตนักเรียนแห่งประเทศไทย ๕. การกีฬาแห่งประเทศไทย โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ (๑) การทดสอบสมรรถภาพทางกาย การแนะนำด้านการเสริมสร้างสุขภาพ และเกมส์ฝึกทักษะชิงรางวัล (๒) โครงการสอนกีฬาภาคฤดูร้อน (Sat Summer) (๓) การจัดการแข่งขันกีฬาจักรยานเสือภูเขา และ (๔) การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ ๒๘ ณ ประเทศสิงคโปร์ ๖. สถาบันการพลศึกษา โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ โครงการฟื้นฟู อนุรักษ์ และเผยแพร่การละเล่นพื้นบ้านและกีฬาไทย
|
||||||||||||||||||||||||
1227 | ร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยกำหนดกลไกทางกฎหมายที่สามารถผลักดันให้การวางและจัดทำผังเมืองรวมบรรลุวัตถุประสงค์ของการผังเมือง รวมทั้งปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการผังเมืองให้เหมาะสม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการแก้ไขผังเมืองรวม “เฉพาะบางส่วนหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง” ผู้มีส่วนได้เสียที่มีสิทธิเสนอข้อคิดเห็นหรือยื่นคำร้อง ไม่ควรจำกัดเฉพาะผู้มีส่วนได้เสียในบริเวณดังกล่าวเท่านั้น แต่ควรครอบคลุมถึงผู้มีส่วนได้เสียในผังเมืองรวมนั้น ๆ ทั้งผัง และในการจัดทำ “รายงานการประเมินผลการเปลี่ยนแปลงสภาพการณ์และสิ่งแวดล้อมการใช้บังคับผังเมืองรวม” ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียมีส่วนร่วมให้ข้อคิดเห็นและร่วมจัดทำรายงานการประเมินผลฯ อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเร่งกำหนด “ระยะเวลาที่เหมาะสม” ในการจัดทำรายงานการประเมินผลฯ และออกระเบียบว่าด้วยแนวทางจัดทำรายงานการประเมินผลฯ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานหรือเงื่อนไขที่บ่งชี้ว่าต้องมีการวางและจัดทำผังเมืองรวมขึ้นใหม่ ตลอดจนทำความเข้าใจกับภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาชน และฝึกอบรมเพิ่มขีดความสามารถให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นเกี่ยวกับแนวทาง ขั้นตอน และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถกำกับดูแลและดำเนินงานการผังเมืองในรูปแบบใหม่ได้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างเหมาะสม ทันการณ์ มีความยั่งยืน และสอดรับกับความต้องการของประชาชนได้อย่างดี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1228 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการจัดผังเมืองเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น ๓ ส่วน คือ (๑) พื้นที่ที่รัฐบริหารโดยจัดโครงการพื้นฐานให้ (๒) พื้นที่เช่าสำหรับภาคเอกชน และ (๓) พื้นที่เพื่อสนับสนุน SMEs และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานความก้าวหน้าในการเชิญชวนภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนในพื้นที่ต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนเมษายนนี้ ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งเจรจาหาข้อสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวผ่านทางจังหวัดหนองคาย และพิจารณาหาแนวทางการปรับปรุงพัฒนาถนนบริเวณบ้านผาจี อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ระยะทางประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ให้สามารถสัญจรได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย ๑.๓ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางดำเนินการให้ด่านสิงขรเป็นจุดผ่อนปรนพิเศษที่เชื่อมโยงทั้งการค้า การท่องเที่ยว การคมนาคมขนส่งบริเวณชายแดน โดยไม่ถือเป็นแนวเขตแดนและไม่มีผลต่อการปักปันเขตแดนในอนาคต โดยให้รายงานความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนเมษายนนี้ ๑.๔ ตามที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ได้ตรวจสอบมาตรฐานของกรมการบินพลเรือนตามโครงการตรวจสอบการกำกับดูแลความปลอดภัยสากล และพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน นั้น ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดแก้ไขปัญหาโดยเร็ว โดยแบ่งการดำเนินการเป็น ๒ ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน จ้างที่ปรึกษามาแก้ไขประสิทธิภาพการกำกับดูแลการออกใบอนุญาตด้านการบินให้ได้ตามมาตรฐานของ ICAO และระยะต่อไป ปรับปรุงโครงสร้างการทำงาน แผนพัฒนาบุคลากร ตลอดจนแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้ดำเนินการระยะเร่งด่วนให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน ๑.๕ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการจัดทำฐานข้อมูลของประชาชนแต่ละกลุ่มโดยเฉพาะเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยเพื่อนำมากำหนดแนวทางการดูแลความเป็นอยู่และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเชื่อมโยงกับข้อมูลทะเบียนราษฎรให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ๑.๖ ให้สำนักงบประมาณร่วมกับกระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และการลงนามในสัญญาหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ให้คณะรัฐมนตรีทราบ และให้หน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายลงทุนจำนวนมาก ได้แก่ กรมทางหลวง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมทรัพยากรน้ำ รวมทั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายงานความก้าวหน้าโครงการส่งให้สำนักงบประมาณทุกสัปดาห์เพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๗ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัด “สัปดาห์นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อ SMEs และเกษตรกร” เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs เจ้าของนวัตกรรมได้มีโอกาสพบปะกับหน่วยงานสนับสนุนเงินทุนของภาครัฐ ๑.๘ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับส่งเสริมการขยายตลาดผลไม้ไทยในต่างประเทศ โดยเริ่มต้นจากการจัดกระเช้าผลไม้ที่มีคุณภาพทั้งผลไม้สดและผลไม้แปรรูปสำหรับการต้อนรับแขกต่างประเทศที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย หรือในโอกาสที่รัฐมนตรีไปเยือนต่างประเทศ ๑.๙ ให้กระทรวงพลังงานจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมของต่างประเทศ แล้วจัดทำเป็นข้อเสนอทางเลือกเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๑๐ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๙) ตามแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะการพัฒนาทางวิ่งขึ้นลง (Runway) ที่ ๓ ๒. ด้านสังคม ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาฟลูออไรด์ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาเพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพฟันของเด็กและเยาวชนให้แข็งแรง ๓. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดทำข้อมูลสำหรับใช้ในการเจรจาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศอาเซียนในระหว่างการประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ เมษายน ๒๕๕๘ ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในประเด็นที่สำคัญ เช่น การปลูกป่าอาเซียน การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ผลผลิตทางการเกษตร การแก้ไขการเผาป่า การศึกษา การท่องเที่ยว วัฒนธรรม โดยส่งให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๔. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๔.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงกลาโหม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ศึกษาผลกระทบของการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ และกำหนดแผนดำเนินการเพื่อรองรับผลกระทบด้วย โดยให้คำนึงถึงประสิทธิภาพของกฎหมายที่สามารถนำมาใช้บังคับได้อย่างแท้จริงและสามารถนำมาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในประเทศได้ ๔.๒ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการแก้ไขปัญหาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง เช่น การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย การปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ การแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา พิจารณาเสนอแนวทางตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และสร้างการรับรู้ต่อสาธารณะว่าการใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ นั้น ไม่เพียงใช้เพื่อการรักษาความมั่นคงเท่านั้น หากยังใช้ในเชิงสร้างสรรค์สำหรับการแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนของประเทศด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย และการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานให้นายกรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์ด้วย ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำ application สำหรับ smart phone, tablet ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในเดือนเมษายนนี้ ๕.๒ ให้ทุกกระทรวง กรมประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในเรื่องต่อไปนี้ (๑) ด้านสังคม ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างทางการศึกษาของประเทศไทยให้มีมาตรฐานและทัดเทียมกับต่างประเทศ แก้ไขปัญหาไฟป่าและมลพิษหมอกควัน (๒) ด้านเศรษฐกิจ ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างการผลิตทางการเกษตร การพักชำระหนี้เกษตรกร กำหนดมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และกำหนดมาตรการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (๓) ด้านกฎหมาย ได้ออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้ในการแก้ไขปัญหาในเรื่องเร่งด่วน และปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย และ (๔) ด้านการต่างประเทศ สร้างความเข้าใจกับนานาประเทศให้รับทราบผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องสำคัญ เช่น การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ๕.๓ ให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางการใช้ประโยชน์ภาพถ่ายแผนที่จากการสำรวจระยะไกลทางอากาศและดาวเทียม เพื่อบูรณาการข้อมูลของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งกำหนดเจ้าภาพในการรวบรวม จัดเก็บและกลั่นกรองข้อมูลในแต่ละด้าน โดยกำหนดระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลและการปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓ เดือน ๕.๔ ให้ทุกหน่วยงานจัดทำข้อมูลผลการดำเนินการในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน โดยเน้นในสิ่งที่ได้ดำเนินการเกิดผลเป็นรูปธรรมแล้ว และสิ่งที่จะดำเนินการต่อไปในระยะ ๕ ปีข้างหน้า แล้วส่งข้อมูลให้สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทุกสัปดาห์เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ ๖ เดือน ซึ่งจะเริ่มต้นในวันศุกร์ที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๘ โดยนายกรัฐมนตรีจะแถลงผลการดำเนินนโยบายในภาพรวมในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ จากนั้นในสัปดาห์ถัดไปรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะแถลงผลงานในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และการต่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||
1229 | แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 | มท | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธานกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบด้วยยุทธศาสตร์การจัดการความเสี่ยงสาธารณภัย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การมุ่งเน้นการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การบูรณาการจัดการในภาวะฉุกเฉิน ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน และยุทธศาสตร์ที่ ๔ การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการสาธารณภัย ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวง กรม องค์กรและหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคส่วนอื่น ๆ ปฏิบัติการให้เป็นไปตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงบประมาณ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พิจารณาให้ความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณเพื่อการป้องกันและลดผลกระทบการเตรียมความพร้อมการเผชิญเหตุและการจัดการในภาวะฉุกเฉิน รวมถึงการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน ๑.๔ มอบหมายให้หน่วยงานแต่ละระดับจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับยุทธศาสตร์และบรรจุแผนงานและโครงการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจำปีด้วย ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เกี่ยวกับการสร้างความตระหนักรู้ องค์ความรู้ในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่อการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติให้แก่ประชาชนและชุมชนเพื่อเตรียมรับมือกับสาธารณภัยต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และให้มีกระบวนการรับรู้ถึงภัยหรือแจ้งเตือนภัยที่จะเกิดขึ้นก่อนล่วงหน้า (Early warning) ให้นานที่สุดตามแต่ลักษณะของภัย เพื่อเป็นการป้องกันและลดผลกระทบ (Prevention and Mitigation) ที่จะก่อให้เกิดความสูญเสียจากสาธารณภัย ลดภาระด้านงบประมาณ การจัดการในภาวะฉุกเฉินไม่ว่าจะเป็นการเผชิญเหตุ (Response) การบรรเทาทุกข์ (Relief) และการฟื้นฟู (Recovery) การกำหนดให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงต่าง ๆ และหน่วยงานที่เป็นส่วนสนับสนุนต้องมีผู้รับผิดชอบประจำและประสานงานตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ การสนับสนุนให้หน่วยงานในระดับจังหวัดและท้องถิ่นจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับยุทธศาสตร์ในแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ และการจัดทำแผนที่เสี่ยงจากภัยพิบัติเพื่อประโยชน์ต่อการวางแผนและการพัฒนาระบบการบริหารจัดการสาธารณภัยในระดับท้องถิ่น ชุมชน รวมทั้งภาคเอกชน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. เห็นชอบโครงสร้างการปฏิบัติงานระบบการแจ้งเตือนภัยที่ควรมีการเชื่อมโยงการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การรายงานข้อมูลเพื่อการแจ้งเตือนไปสู่ระดับนโยบายได้อย่างรวดเร็วและมีเอกภาพ รวมทั้งให้กระบวนการแจ้งเตือนภัยสามารถดำเนินการได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีการเชื่อมโยงระบบระหว่างระดับนโยบายที่ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (Prime Minister’s Operation Centre : PMOC) กับระดับปฏิบัติที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เพื่อให้การสั่งการของนายกรัฐมนตรีเป็นไปอย่างมีเอกภาพยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||
1230 | รายงานผลการเยือนสหรัฐอเมริกา | กก | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเยือนสหรัฐอเมริกาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่าง วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์-๓ มีนาคม ๒๕๕๘ เพื่อแสดงปาฐกถาพิเศษในงาน Asia Business Conference ซึ่งการเดินทางเข้าร่วมปาฐกถาพิเศษครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี การขยายผลด้านการประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวเพื่อนำรายได้เข้าประเทศ และการสร้างการยอมรับให้ไทยมีบทบาทในเวทีโลกอย่างสง่างาม ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งาน Asia Business Conference จัดขึ้นโดย Harvard Business School โดยเชิญองค์ปาฐกกิตติมศักดิ์ที่เป็นบุคคลชั้นนำจากประเทศต่าง ๆ รวมทั้งคณาจารย์ นักวิชาการ จากสถาบันที่มีชื่อเสียงมาร่วมงาน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับเชิญให้แสดงปาฐกถาหัวข้อ “วิสัยทัศน์การท่องเที่ยวประเทศไทย ปี ๒๐๒๐ (Tourism Vision 2020 Positioning Thailand)” มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการสร้างการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สร้างคุณค่าให้กับแหล่งท่องเที่ยว เน้นการกระจายรายได้ สร้างความภาคภูมิใจเกิดความรักท้องถิ่นให้กับคนในพื้นที่ด้วยยุทธศาสตร์ท่องเที่ยว เน้นเรื่องความปลอดภัยและบริการพื้นฐานของแหล่งท่องเที่ยว พร้อมทั้งได้แนะนำ “ปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘” และ "๑๒ เมืองต้องห้าม...พลาด” ๒. ช่วงที่ ๒ ของการจัดงานเป็นลักษณะ Panel Discussion หัวข้อ “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ : Looking Beyond 2015” มีผู้เข้าร่วมอภิปราย ๔ ท่าน ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเยาวชนและกีฬาประเทศมาเลเซีย เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ ประจำสหรัฐอเมริกา และเอกอัครราชทูตไทย ประจำสหรัฐอเมริกา โดยผู้อภิปรายได้กล่าวแสดงความสำคัญของอาเซียนทั้งด้านยุทธศาสตร์ที่ตั้ง ศูนย์กลางเศรษฐกิจ การถ่วงดุลการค้าระหว่างมหาอำนาจต่าง ๆ จากนั้นได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าฟังได้ซักถามในแง่คิดและมุมมองต่าง ๆ ซึ่งนับว่าได้รับความสนใจและเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้พบปะนักศึกษาไทยในบอสตัน ๖๐ ราย จากสถาบันการศึกษาชั้นนำที่มีชื่อเสียง อาทิ Havard, MIT, Kenedy Business School โดยเหล่านักศึกษาทั้งระดับปริญญาตรี โท และเอก ต่างได้รับฟังนโยบายรัฐบาล Roadmap ต่าง ๆ วัตถุประสงค์ของการเดินทางจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งมีการซักถามและแสดงความคิดเห็นทั้งด้านภาพลักษณ์ประเทศ การดูแลนักท่องเที่ยว การขจัดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน และการทำงานเสียสละเพื่อประเทศชาติและส่วนรวม เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
1231 | แผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย - ศรีสัชนาลัย - กำแพงเพชร | อพท | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนแม่บทบูรณาการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง โดยให้จังหวัดเลยเป็นโครงการนำร่องก่อน และเพื่อให้การยกระดับการพัฒนาพื้นที่พิเศษต่าง ๆ มีการบูรณาการและมีความเชื่อมโยงทุกพื้นที่ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ที่จอดรถ ทางเดิน และสุขา เป็นต้น ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว และให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการด้านการพัฒนาและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่พิเศษให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ทั้งนี้ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นจะต้องไม่รุกล้ำพื้นที่เขตป่าสงวนหรือเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยเด็ดขาด ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพหลักในด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาด โดยเน้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการดำเนินงานปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ และขออนุมัติให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทยและเป็นวาระแห่งชาติ) ที่เห็นชอบให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปี “ท่องเที่ยววิถีไทย” (2015 Discover Thainess) ๓. ให้ อพท. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาทบทวนกรอบระยะเวลาของแผนแม่บทการบูรณาการการบริหารพื้นที่พิเศษอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร ที่กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ ๑๐ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๕) ให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และพิจารณาทบทวนจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่นำเสนอในแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร ให้เหมาะสม รวมทั้งจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน และ ๑ ปี และกำหนดเป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน รวมถึงแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่กำหนดเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณในลักษณะปีต่อปี โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของโครงการ และประโยชน์สูงสุดต่อภาระงบประมาณของประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเร่งรัดการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชนในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาและปรับปรุง อพท. ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒) และเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรณี องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)] ต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1232 | แผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองโบราณอู่ทอง | อพท | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนแม่บทบูรณาการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง โดยให้จังหวัดเลยเป็นโครงการนำร่องก่อน และเพื่อให้การยกระดับการพัฒนาพื้นที่พิเศษต่าง ๆ มีการบูรณาการและมีความเชื่อมโยงทุกพื้นที่ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ที่จอดรถ ทางเดิน และสุขา เป็นต้น ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว และให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการด้านการพัฒนาและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่พิเศษให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ทั้งนี้ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นจะต้องไม่รุกล้ำพื้นที่เขตป่าสงวนหรือเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยเด็ดขาด ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพหลักในด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาด โดยเน้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการดำเนินงานปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ และขออนุมัติให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทยและเป็นวาระแห่งชาติ) ที่เห็นชอบให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปี “ท่องเที่ยววิถีไทย” (2015 Discover Thainess) ๓. ให้ อพท. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรม/โครงการใด ๆ ในบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง ให้คำนึงถึงความกลมกลืนและสอดคล้องกับความเป็นเมืองเก่าด้วย และเห็นควรพิจารณาทบทวนกรอบระยะเวลาของแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองโบราณอู่ทองที่กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ ๑๐ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๖) ให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และให้ความสำคัญกับกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับแหล่งประวัติศาสตร์ และโบราณสถาน เน้นบทบาทการมีส่วนร่วมของชุมชนทั้งในฐานะของผู้ให้และผู้รับ รวมถึงให้ความสำคัญลำดับแรกกับการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นสินค้าหลักของพื้นที่พิเศษ และการแก้ไขปัญหาพื้นฐานของการส่งเสริมท่องเที่ยวในพื้นที่ ได้แก่ การพัฒนาเส้นทางคมนาคมเพื่อการเข้าถึงพื้นที่เมืองโบราณอู่ทอง และการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ด้านการตลาด นอกจากนี้ ควรพิจารณาทบทวนจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสม โดยจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน และ ๑ ปี และกำหนดเป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน รวมทั้งแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่กำหนด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเร่งรัดการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชนในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาและปรับปรุง อพท. ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒) และเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรณีองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)] ต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1233 | แผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน | อพท | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนแม่บทบูรณาการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง โดยให้จังหวัดเลยเป็นโครงการนำร่องก่อน และเพื่อให้การยกระดับการพัฒนาพื้นที่พิเศษต่าง ๆ มีการบูรณาการและมีความเชื่อมโยงทุกพื้นที่ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ที่จอดรถ ทางเดิน และสุขา เป็นต้น ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว และให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการด้านการพัฒนาและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่พิเศษให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ทั้งนี้ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นจะต้องไม่รุกล้ำพื้นที่เขตป่าสงวนหรือเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยเด็ดขาด ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพหลักในด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาด โดยเน้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการดำเนินงานปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ และขออนุมัติให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทยและเป็นวาระแห่งชาติ) ที่เห็นชอบให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปี “ท่องเที่ยววิถีไทย” (2015 Discover Thainess) ๓. ในส่วนของแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน ให้ อพท. รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมใด ๆ ในพื้นที่เมืองเก่า ควรคำนึงถึงการรักษาคุณ ค่าความสำคัญดั้งเดิมของโบราณสถาน อาคาร สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และสภาพแวดล้อมโดยรอบที่เหมาะสมสอดคล้องกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี และศักยภาพในการรองรับการท่องเที่ยวของพื้นที่ และเห็นควรพิจารณาทบทวนกรอบระยะเวลาของแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองเก่าน่าน ที่กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) ให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งควรพิจารณาให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาชุมชนท้องถิ่นเมืองน่านให้เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้เชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออกเป็นดินแดนมรดกน่าน มรดกไทย และมรดกโลก มุ่งเน้นการรักษาเอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่น นำต้นทุนทางวัฒนธรรมมาสร้างสรรค์ใช้ประโยชน์ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ควรพิจารณาทบทวนจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมโดยจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน และ ๑ ปี และกำหนดเป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน รวมถึงแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่กำหนดเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณในลักษณะปีต่อปี โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของโครงการ และประโยชน์สูงสุดต่อภาระงบประมาณของประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเร่งรัดการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชนในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาและปรับปรุง อพท. ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒) และเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรณี องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)] ต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1234 | แผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเลย | อพท | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนแม่บทบูรณาการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง โดยให้จังหวัดเลยเป็นโครงการนำร่องก่อน และเพื่อให้การยกระดับการพัฒนาพื้นที่พิเศษต่าง ๆ มีการบูรณาการและมีความเชื่อมโยงทุกพื้นที่ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ที่จอดรถ ทางเดิน และสุขา เป็นต้น ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว และให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการด้านการพัฒนาและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่พิเศษให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ทั้งนี้ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นจะต้องไม่รุกล้ำพื้นที่เขตป่าสงวนหรือเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยเด็ดขาด ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพหลักในด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาด โดยเน้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการดำเนินงานปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ และขออนุมัติให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทยและเป็นวาระแห่งชาติ) ที่เห็นชอบให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปี “ท่องเที่ยววิถีไทย” (2015 Discover Thainess) ๓. ให้ อพท. รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาทบทวนกรอบระยะเวลาของแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเลยที่กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ ๑๐ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๕) ให้สอดคล้องกับระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และในการดำเนินการขับเคลื่อนแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเลย ควรคำนึงถึงขีดความสามารถในการรองรับของแหล่งท่องเที่ยว (Carrying Capacity) โอกาสและความเสี่ยงที่จะเกิดจากการขยายตัวของนักท่องเที่ยว กลุ่มเป้าหมายที่จะต้องเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากขึ้น และมีความสนใจเฉพาะด้าน รวมถึงการพัฒนายกระดับมาตรฐานบริการและการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว เช่น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการพำนักระยะยาว (Long Stay) นอกจากนี้ ควรพิจารณาทบทวนจัดลำดับความสำคัญโครงการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาในแต่ละระยะและบทบาทของแต่ละกลุ่มพื้นที่ที่สะท้อนถึงศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวหลักและความต้องการของนักท่องเที่ยว รวมทั้งควรใช้โอกาสความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งของจังหวัดเลยเพื่อพัฒนาเป็นประตูเชื่อมโยงสู่ภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเร่งรัดการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชนในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาและปรับปรุง อพท. ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒) และเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรณี องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)] ต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1235 | แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยแล้ง | มท | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยแล้ง (ระยะ ๕ ปี) ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การเตรียมการป้องกันและลดผลกระทบ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การเตรียมพร้อมรับภัย ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การจัดการในภาวะฉุกเฉิน และยุทธศาสตร์ที่ ๔ การจัดการหลังการเกิดภัย เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการป้องกันแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการภัยแล้ง และเป็นแผนสนับสนุนแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ และให้กระทรวง กรม จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน มูลนิธิ และองค์กรการกุศล ถือปฏิบัติตามแผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยแล้ง ตามที่คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยแล้งควบคู่ไปกับแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของแผนทั้งสองและมีส่วนร่วมในการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1236 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 4 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 31 มกราคม 2558) | นร | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๔ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ มกราคม ๒๕๕๘) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น โครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกคณะกรรมการหมู่บ้าน โครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ และจากการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการกรมการปกครองพบว่าในระดับพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาความขัดแย้ง ๒. การปฏิรูปประเทศ สภาปฏิรูปแห่งชาติได้มีการพิจารณาเรื่องที่สำคัญและเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนในหลายเรื่อง อาทิ โครงการส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟอย่างเสรี การกำหนดอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามระยะเวลาการใช้งานที่เป็นจริงโดยคิดเป็นวินาที การเปิดให้สัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ ๒๑ และเรื่องแนวทางการบริหารจัดการพลังงานปิโตรเลียมอย่างยั่งยืน เป็นต้น นอกจากนี้ ในการดำเนินการยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นไปตามแผนการดำเนินงานตาม Road Map ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาล และในระยะต่อไปจะได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ได้แก่ (๑) การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ (๒) การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ (๓) การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม (๔) การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม (๕) การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน (๖) การบริหารเศรษฐกิจ (๗) การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน (๘) การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาประเทศ (๙) การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน (๑๐) การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ และ (๑๑) การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
|
||||||||||||||||||||||||
1237 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านการต่างประเทศ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติเพื่อรับรองวาระการพัฒนาภายในหลังปี ๒๐๑๕ และจัดทำข้อมูลสำหรับนายกรัฐมนตรี ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจัดตั้งศูนย์บริการด้านธุรกิจ (One Stop Service) ในพื้นที่ที่ประชาชนสามารถเดินทางไปติดต่อได้สะดวก เช่น ห้างสรรพสินค้า (ตามแนวทางของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๗ เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๘ ๒.๒ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือชาวเกษตรกรสวนยางและผู้ประกอบการยางพารา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มดำเนินโครงการไปแล้ว นั้น ๒.๒.๑ ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ กระทรวงกลาโหม (หน่วยทหารในพื้นที่) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบความก้าวหน้า ความถูกต้อง และความโปร่งใสของการดำเนินโครงการ โดยเฉพาะการรับซื้อยางพาราว่าได้รับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยและกลุ่มสหกรณ์ชุมชนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว ๒.๒.๒ ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการรับซื้อน้ำยางสดจากเกษตรกรที่มีหัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานรายงานผลการตรวจสอบให้นายกรัฐมนตรีทราบภายในเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ๒.๒.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์กำหนดแนวทางการระบายยางพาราที่รับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยและกลุ่มสหกรณ์ชุมชน และจัดหาผู้ประกอบการมาดำเนินการในการขนส่ง/ขนย้ายยางพาราดังกล่าว ๒.๒.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทบทวนองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสงเคราะห์การทำสวนยาง ๒.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหมกำหนดมาตรการเพื่อเตรียมการรองรับผลผลิตทางการเกษตรที่จะออกมาในฤดูการผลิตใหม่ โดยให้ครอบคลุมตั้งแต่การกำหนดรายละเอียดกลุ่มเป้าหมาย ตลาดรับซื้อ การขนส่ง และการระบายผลผลิต ๒.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงอุตสาหกรรมให้การสนับสนุนนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรต่าง ๆ เพื่อขยายตลาดให้กว้างขวางขึ้น เช่น การแปรรูปข้าวให้เป็นผลิตภัณฑ์ชนิดอื่น ๆ การนำผ้าไหมไปผลิตเป็นกระเป๋าแฟชั่น ๒.๕ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสนับสนุนการพัฒนาและเร่งรัดการผลิตเครื่องสีข้าวขนาดเล็ก และส่งเสริมให้มีการนำไปใช้ในชุมชนขนาดเล็กและสหกรณ์การเกษตรต่าง ๆ ๒.๖ ให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางคมนาคมขนส่งทางรางต่าง ๆ ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ เพื่อใช้ประกอบในการเจรจากับรัฐบาลญี่ปุ่นที่มีความสนใจที่จะร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมกับรัฐบาลไทย ๓. ด้านสังคม ๓.๑ ให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชนชาติไทยให้แก่ประชาชนมีความภาคภูมิใจและให้นานาชาติได้รับรู้ถึงประวัติศาสตร์ของชาติไทย ๓.๒ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรระดับอุดมศึกษา โดยจำแนกให้ชัดเจนว่า สถาบันการศึกษาแต่ละประเภทจะมีหลักสูตรอย่างไรบ้าง ได้แก่ กลุ่มที่ ๑ มหาวิทยาลัยทั่วไปมุ่งเน้นการศึกษาระดับปริญญาตรีตามแบบแผน (เช่น แพทย์ วิศวะ บัญชี รัฐศาสตร์) กลุ่มที่ ๒ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลมุ่งเน้นการพัฒนาสายเทคนิคและช่างอาชีวะ และกลุ่มที่ ๓ มหาวิทยาลัยราชภัฏมุ่งเน้นการพัฒนาครูและบุคลากรในภาคบริการ (เช่น การท่องเที่ยว โรงแรม) และให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ส่งเสริมแนวทางการจัดการอาชีวศึกษาทวิภาคี ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาอาชีวะภาครัฐและผู้ประกอบการภาคเอกชนในการเตรียมกำลังคนด้านอาชีวะให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจผ่านการเปิดโอกาสให้นักศึกษาอาชีวะได้ฝึกงานกับบริษัทต่าง ๆ ๓.๓ ให้กระทรวงศึกษาธิการและทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการกำหนดให้ผู้รับทุนการศึกษาต้องกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเพื่อชดใช้ทุนตามวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้จบการศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ๓.๔ ให้กระทรวงศึกษาธิการศึกษาข้อเสนอแนะของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และระบบการจัดการศึกษาของประเทศต่าง ๆ และเสนอผลการศึกษาและแนวทางการจัดระบบการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องที่สามารถดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในปี ๒๕๕๘ เพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินมาตรการดูแลความปลอดภัย มาตรการลงโทษผู้กระทำผิด รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบอุบัติเหตุ เช่น การประกันภัย อย่างต่อเนื่องด้วย ๔.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักในการหาพื้นที่ควบคุมผู้อพยพแห่งใหม่ โดยร่วมกับกระทรวงกลาโหม (กองบัญชาการกองทัพไทย) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และให้เสนอผลความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้า ๔.๓ ให้กระทรวงแรงงานตรวจสอบและจัดทำบัญชีสำนักงานจัดหางานหรือบริษัทจัดหางานทุกแห่งทั้งที่ได้รับใบอนุญาตแต่ดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้หางานทราบ และหามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการหลอกลวงแรงงาน รวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมให้แรงงานต่างด้าวที่จดทะเบียนในท้องที่ใดให้ทำงานในท้องที่นั้น ๔.๔ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินการของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในระยะแรก ให้ใช้สาธารณูปโภคที่มีอยู่เดิมก่อน โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น ๓ ส่วน คือ (๑) พื้นที่ที่รัฐบริหารโดยจัดโครงสร้างพื้นฐานให้ (๒) พื้นที่เช่าสำหรับภาคเอกชน และ (๓) พื้นที่เพื่อสนับสนุน SMEs ๔.๕ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงการกระจายอำนาจทางการบริหารให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเร็ว และหากมีความจำเป็นต้องทบทวนกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องด้วย ๔.๖ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ดำเนินการเกี่ยวกับกรณีที่มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (นายณรงค์ สหเมธาพัฒน์) มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยชี้แจงให้สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปทราบข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นภายในกระทรวงสาธารณสุขมิใช่การสอบวินัยปลัดกระทรวงสาธารณสุขแต่อย่างใด และแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน กำหนดแนวทางการปรับปรุงระบบบริการรักษาพยาบาลและการประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ๔.๗ ให้กรมประชาสัมพันธ์และสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หน่วยงานเจ้าของโครงการ และกระทรวงการต่างประเทศสร้างการรับรู้ในเรื่องดังต่อไปนี้ ได้แก่ การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย การปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ และการดำเนินการตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ๔.๘ ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐพิจารณาให้ภาคประชาชน เช่น ผู้นำชุมชน หรือผู้บริหารในระดับท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของรัฐบาลมากขึ้น เช่น โครงการศึกษาดูงานเพื่อการพัฒนาประเทศทั้งในและต่างประเทศเพื่อเป็นการเปิดรับความรู้ มุมมอง และแนวคิดใหม่ ๆ และนำมาร่วมกันพัฒนาประเทศต่อไป ๔.๙ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช) พิจารณาจัดระเบียบการเดินเรือ เช่น มาตรการควบคุมความเร็วในการเดินเรือ กำหนดจุดจอดเรือหรือปล่อยทุ่น เป็นต้น เพื่อแก้ไขปัญหาเรือท่องเที่ยวสัญจรและจอดบริเวณแนวปะการังตามอ่าวหรือหมู่เกาะต่าง ๆ และทำให้แนวปะการังได้รับความเสียหาย
|
||||||||||||||||||||||||
1238 | แผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร01 | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อใช้เป็นแผนปฏิบัติการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้ตรวจราชการ ทั้ง ๑๗ กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีเนื้อหาสาระประกอบด้วย บทนำ ทิศทางการขับเคลื่อนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ยุทธศาสตร์การตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ กรอบแนวทางการติดตามประเมินผลตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และแผนปฏิบัติการ (Action plan) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ดังนี้ ๒.๑ การตรวจราชการเพื่อขับเคลื่อนประเด็นนโยบายสำคัญในการดำเนินการตามกรอบประชาคมอาเซียน ด้านการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของสินค้าและบริการ ควรเพิ่มเติมประเด็นการพัฒนามาตรฐานสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาเซียนหรือสากล รวมทั้งเพิ่มหน่วยงานรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องด้วย ๒.๒ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านการจัดการขยะมูลฝอย ในการคัดเลือกพื้นที่เป้าหมายสำหรับการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้ตรวจราชการกระทรวงร่วมกัน ในพื้นที่อย่างน้อยเขตตรวจราชการละ ๑ จังหวัด เพื่อนำมาประกอบการกำกับ เร่งรัดการพิจารณาตรวจติดตาม สอบทานการดำเนินการแก้ไขปัญหาตาม Roadmap นั้น ควรมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการคัดเลือกพื้นที่ เพื่อให้การลงพื้นที่ได้รับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ และความก้าวหน้าในการดำเนินการงานตาม Roadmap รวมทั้งควรเพิ่มประเด็นการประเมินถึงศักยภาพและความพร้อมของท้องถิ่นในการดำเนินงานตาม Roadmap ว่ามีความพร้อมในระดับใด ๒.๓ การดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรม ควรพิจารณากำหนดการตรวจติดตามศูนย์ดำรงธรรมที่มีผลการดำเนินงานดีเด่น และศูนย์ดำรงธรรมที่มีปัญหาในการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบปัจจัยความสำเร็จในการดำเนินงานให้เป็นบทเรียนกรณีศึกษาสำหรับศูนย์ดำรงธรรมที่ควรปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน และควรพิจารณาตรวจติดตามศูนย์ดำรงธรรมที่มีการบูรณาการการดำเนินงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เพื่อเป็นตัวอย่างความสำเร็จการดำเนินงานร่วมกันระหว่างศูนย์ดำรงธรรมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเพื่อลดการกระจุกตัวของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและสามารถเข้าถึงและตอบสนองความต้องการการแก้ไขปัญหาของประชาชนได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งศูนย์ดำรงธรรมควรมีระยะเวลาดำเนินงานมาตรฐานในการบริหารจัดการเรื่องต่าง ๆ โดยอาจแตกต่างกันตามลักษณะ/กลุ่มของปัญหา เพื่อเป็นการสร้างความความเชื่อมั่นให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ นอกจากนี้ ควรมีการติดตามประเมินความพร้อมของหน่วยงาน/องค์กรเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนการให้บริการว่ามีความพร้อมในการแก้ไขปัญหามากน้อยเพียงใด เพื่อเป็นข้อเสนอในการปรับปรุงการให้บริการ |
||||||||||||||||||||||||
1239 | ร่างยุทธศาสตร์การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เชิงบูรณาการ ปี พ.ศ. 2557 - 2564 | ทส | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เชิงบูรณาการ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๔ จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นกรอบนโยบายการบริหารจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นทางซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าฯ ให้มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมทัดเทียมระดับสากล จนถึงปลายทางซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนากลไกการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าฯ อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำหน้าที่ประสานงานและติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ฯ และจัดทำรายงานเสนอต่อรัฐบาล ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์ฯ และจัดทำรายงานเสนอต่อรัฐบาล ๑.๔ มอบหมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามแผนปฏิบัติการภายใต้ยุทธศาสตร์ฯ ให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ฯ ให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน ๙ เดือน และ ๑ ปี ให้ชัดเจนตามแนวทางของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องประเภทนโยบาย แผนงานโครงการต่อคณะรัฐมนตรี) รวมทั้งกำหนดแนวทางให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามแผน โดยเฉพาะธุรกิจที่เป็นผู้ผลิตหรือนำเข้าผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประสานงานในรายละเอียดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินโครงการตามแผนเกิดความชัดเจน และควร notify ให้องค์การการค้าโลก (WTO) ได้รับทราบด้วย เพื่อประโยชน์ต่อการค้าระหว่างประเทศของไทย รวมทั้งส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพัฒนาระบบฐานข้อมูลของผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับการสะสม การผลิต การรับซื้อขาย การถอดแยก การรีไซเคิลซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ รายย่อย และรายที่ไม่ได้มีการจดทะเบียนโรงงานแต่รับซื้อซากผลิตภัณฑ์มาทำการถอดแยกอย่างไม่เหมาะสม เพื่อเป็นข้อมูลนำไปสู่การพัฒนาปรับปรุงกลไกการคัดแยก เก็บรวบรวม และขนส่งซากผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเร่งรัดการประกาศใช้ (ร่าง) พระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และซากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว พร้อมทั้งเร่งพิจารณาจัดทำร่างกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการดำเนินตามยุทธศาสตร์ฯ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ฯ ปี พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๔ ที่ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว นอกจากนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมทำการศึกษาวิเคราะห์บริบทการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในระดับโลก และระดับภูมิภาค ที่จะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย เช่น กฎกติการะหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง และกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสังคมระหว่างประเทศต่าง ๆ และนำมาประกอบการพิจารณาปรับเพิ่มเติมเป้าหมายของยุทธศาสตร์ฯ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1240 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 และ 2554 | ตผ | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ และ ๒๕๕๔ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการสรุปผลการปฏิบัติงานตรวจสอบของ สตง. การตรวจสอบบัญชีทุนสำรองเงินตราประจำปี การตรวจสอบรายงานการเงินแผ่นดิน การตรวจสอบการเงินทั่วไป การตรวจสอบงบการเงิน/รายงานการเงิน การตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง การตรวจสอบสืบสวน การตรวจสอบการดำเนินงาน การตรวจสอบลักษณอื่น และผลการดำเนินงานด้านวินัยทางงบประมาณและการคลัง ตามที่ สตง. เสนอ และให้ สตง. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรขยายผลการตรวจสอบงบการเงิน/รายงานการเงินให้ครอบคลุมหน่วยรับตรวจโดยเฉพาะส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้ข้อมูลในรายงานการเงินรวมภาครัฐที่กระทรวงการคลังจัดทำมีความถูกต้อง น่าเชื่อถือมากขึ้น รวมทั้งในการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติประจำปี ควรดำเนินการให้แล้วเสร็จและเสนอให้องค์กรที่เกี่ยวข้องพิจารณาได้ภายในปีงบประมาณถัดไป เพื่อนำผลการตรวจสอบไปปรับปรุงการปฏิบัติงานของส่วนราชการหน่วยรับตรวจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ไปพิจารณาด้วย ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง สตง. ได้ตรวจสอบแล้วปรากฏตามรายงานผลการปฏิบัติงานฯ ว่ามีข้อบกพร่องในเรื่องใดที่ผิดไปจากระเบียบ ข้อบังคับ และแบบแผนของทางราชการ ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องที่มีข้อบกพร่องดังกล่าวจัดทำรายงานข้อเท็จจริงในเรื่องนั้น ๆ ส่งให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีโดยด่วน และให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรวบรวมรายงานทั้งหมดเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงแนวทางการดำเนินการเสนอรายงานประจำปีของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐต่อคณะรัฐมนตรีทั้งระบบ ให้รวดเร็วยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับกรอบระยะเวลาตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด ทั้งในขั้นตอนของการตรวจสอบและจัดทำรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน และในขั้นตอนการเสนอรายงานประจำปีของหน่วยงานเจ้าของเรื่อง |
.....