อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4
(คกก.4)  ที่มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ  พ.ศ.  ....  (การปรับเปลี่ยน
สถานภาพของสถาบันราชภัฏ เป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏ เพื่อให้เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้อง
ถิ่น)  ที่คณะอนุกรรมการอำนวยการปฏิรูปการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติเสนอ  
โดยให้คณะอนุกรรมการ ฯ รับไปแก้ไขตามประเด็นอภิปราย  ดังนี้  การปรับเปลี่ยนสถานภาพของ
สถาบันราชภัฏ  ควรปรับเปลี่ยนทั้ง 41 แห่ง ในคราวเดียวกัน  เพื่อความเสมอภาคของท้องถิ่นต่าง ๆ
และการจัดการศึกษาควรมุ่งเน้นให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการบริหาร สนับสนุนงบประมาณและควรใช้
ทรัพยากรให้คุ้มค่ามากที่สุดด้วย  สำหรับเรื่องคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษา
ได้มีการกำหนดไว้ในหมวด 6  ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แล้ว  จึงไม่มีความ
จำเป็นต้องกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติฉบับนี้อีก รวมทั้งการให้สภามหาวิทยาลัยมีอำนาจกำหนดค่า
ตอบแทน และสิทธิประโยชน์ให้บุคลากรในมหาวิทยาลัยด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ
หลักการ ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และนำเสนอคณะกรรมการประสานงาน
สภาผู้แทนราษฎรก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป และให้กระทรวงศึกษาธิการ  และ
มหาวิทยาลัยราชภัฏรับประเด็นอภิปราย (การดำเนินการของมหาวิทยาลัยราชภัฏ   ต้องมุ่งพัฒนาคุณ
ภาพการศึกษา และผลิตบัณฑิตในสาขาที่เป็นความต้องการของท้องถิ่นเป็นหลัก  และเพื่อความเสมอ
ภาคของท้องถิ่นต่าง ๆ จึงควรปรับเปลี่ยนทั้ง 41 แห่งในคราวเดียวกัน) สำหรับทบวงมหาวิทยาลัยให้
รับประเด็นอภิปราย (การจัดตั้งการขยายวิทยาเขตไปยังส่วนภูมิภาค โดยให้จัดทำแผนแม่บทให้แล้ว
เสร็จโดยเร็ว) และให้กระทรวงการคลังรับประเด็นอภิปราย (เงินรายได้ของมหาวิทยาลัยราชภัฏ
ควรยกร่างเป็นกฎหมายกลาง เพื่อใช้บังคับกับมหาวิทยาลัยทุกแห่ง โดยให้กระทรวงการคลังพิจารณา
ถึงความเป็นอิสระและระบบบริหารจัดการที่มีความคล่องตัว) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณรายงานผลการอนุมัติเงินประจำงวดของส่วน
ราชการและรัฐวิสาหกิจ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณถึงวันที่  28  กุมภาพันธ์  2545
มีจำนวนทั้งสิ้น  783,304.9  ล้านบาท  คิดเป็นร้อยละ  76.6  ของวงเงินงบประมาณจำนวน 1,023,000 
ล้านบาท จำแนกเป็นรายจ่ายลงทุนจำนวน 183,013.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.8 ของงบประมาณราย
จ่ายลงทุน และรายจ่ายประจำจำนวน 600,291.7 ล้านบาท หรือร้อยละ  75.1  ของงบประมาณรายจ่าย
ประจำ    สำหรับการอนุมัติเงินประจำงวดของโครงการถ่ายโอนงาน/กิจกรรมบริการสาธารณะให้แก่องค์
กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีจำนวนทั้งสิ้น 21,916.1 ล้านบาท  คิดเป็นร้อยละ 81.0 ของวงเงินงบประมาณ
โครงการถ่ายโอน ฯ จำนวน 27,061.8 ล้านบาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดท้องที่ในเขตกรุงเทพมหานครเพื่อการ
ลดหย่อนไม่ต้องเสียภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. ....  (กำหนดเขตท้องที่ในเขตกรุงเทพมหานครให้เป็นท้องที่เพื่อ
การลดหย่อนไม่ต้องเสียภาษีบำรุงท้องถิ่น ได้แก่ ท้องที่ที่มีชุมชนหนาแน่นมาก จำนวน 35 เขต  ท้องที่ที่มี
ชุมชนหนาแน่นปานกลาง จำนวน 18 เขต  และท้องที่ชนบท  จำนวน  8  เขต)  ตามที่กระทรวงมหาดไทย
เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 201 เรื่อง ปัญหาการขยายเขตเพื่อติดตั้งโทรศัพท์
ไม่ทั่วถึง ของนายสุรชัย  เบ้าจรรยา  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (บัญชีรายชื่อ) ซึ่งถามว่า รัฐบาลมีนโยบาย
ในการจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในการขยายเขตติดตั้งโทรศัพท์ไปยังท้องถิ่นต่าง ๆ   ให้ครบทุกท้องถิ่นทั่ว
ประเทศหรือไม่  อย่างไร   หากมีนโยบายดังกล่าว จะสามารถดำเนินการขยายเขตติดตั้งโทรศัพท์ให้ครอบ
คลุมทุกพื้นที่ได้เมื่อใด ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมตอบใน
ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รองนายกรัฐมนตรี  (นายพิทักษ์  อินทรวิทยนันท์   และนายปองพล 
อดิเรกสาร) และคณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์  เร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี  
(8 มกราคม 2545)  เรื่อง  การจำหน่ายสินค้าของโครงการหนึ่งตำบล  หนึ่งผลิตภัณฑ์  ให้มีผลเป็นรูปธรรม
โดยเร็ว   โดยเฉพาะในการคัดเลือกผลิตภัณฑ์และการตลาด   โดยกำหนดแนวทางการดำเนินการประกวดคัด
เลือกสินค้าของโครงการให้ชัดเจน  โดยมีเวทีประกวดและคัดเลือกสินค้าตั้งแต่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับ
ชาติ  และระดับที่สามารถส่งออกจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศ ชี้แจงแนวทางการดำเนินการประกวดคัดเลือก
และการจำหน่ายสินค้าให้ประชาชน ชุมชน  องค์กรท้องถิ่นที่ผลิตสินค้าได้ทราบ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้ผู้
ผลิตมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ  เป็นที่ต้องการของตลาด  ซึ่งคณะกรรมการ ฯ  ควรพิจารณา
ให้การสนับสนุน  ส่งเสริม  การพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพของสินค้า  ทั้งในด้านวัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยี
การผลิตที่เหมาะสม   และส่งเสริมด้านการตลาดของการจำหน่ายสินค้าของโครงการ  ฯ   ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น 
โดยกำหนดจุดตลาดขายสินค้าหรือบริการ  (Outlet)  แต่ละที่   ให้มีการกระจายตัวอย่างเหมาะสม     และใน
อนาคตต้องมีศูนย์การค้าเพื่อขายสินค้าประเภทนี้   ทั้งนี้  ให้คณะกรรมการ ฯ  รับไปพิจารณาว่า  เพื่อให้การ
บริหารจัดการเกี่ยวกับการดำเนินโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีความ
ต่อเนื่องควรจัดตั้งองค์กรถาวรขึ้นมารับผิดชอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ  จะเหมาะสมหรือไม่   เพียงไร   ตามที่นายก
รัฐมนตรีเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี
พ.ศ. 2545 เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น  สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการส่ง
ข้าราชการไปประจำสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรและการจ้างลูกจ้างชั่วคราวท้องถิ่นเพิ่มเติมใน 5 ประเทศ
ได้แก่ โรม วอชิงตัน ดี.ซี. โตเกียว ปักกิ่ง และบรัสเซลส์ ในวงเงินค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นประมาณ 18,709,000 บาท
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติการแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมนมทั้งระบบ ตามที่กระทรวง
เกษตรและสหกรณ์เสนอ  โดยในส่วนของการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายนมแห่งชาติ มอบให้รองนายก
รัฐมนตรี  (นายพิทักษ์  อินทรวิทยนันท์)  เป็นประธานกรรมการ   และให้คณะกรรมการ ฯ  นำความเห็น
ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี
คณะที่ 2  (ฝ่ายเศรษฐกิจ) (เกี่ยวกับการปรับปรุงการอุดหนุนของรัฐให้มีความเหมาะสม เพื่อป้องกันการ
แสวงหาผลประโยชน์จากโครงการ  ส่วนสถานภาพของคณะกรรมการนโยบายนมแห่งชาติ ไม่ควรมีสถาน
ภาพที่ถาวร   รวมไปถึงการกำหนดองค์ประกอบและจำนวนกรรมการให้กำหนดในลักษณะกว้าง  ๆ  เป็น
การทั่วไป  โดยไม่ต้องระบุรายชื่อกรรมการ  แต่กำหนดตัวบุคคลผู้มีอำนาจแต่งตั้งไว้  ส่วนปัญหาด้านการ
กระจายอำนาจควรกำหนดให้ชัดเจนหรืออาจมอบอำนาจให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้รับผิดชอบในการ
จัดซื้อนม หรือผลิตภัณฑ์อื่นที่มีคุณค่าทางอาหาร นอกจากนี้ อาจนำหลัก Area Appoach มาใช้ในการแก้
ปัญหา ซึ่งจะทำให้สามารถประหยัดต้นทุนในการผลิตและขนส่งได้) ไปพิจารณาปรับปรุงเพื่อให้แนวทาง
การดำเนินการในเรื่องนี้เป็นไปอย่างมีระบบและยั่งยืน   ทั้งนี้   ให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณา
ด้วย  และให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีประสานกับสำนักงบประมาณ และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อ
พิจารณาวางระบบและแนวทางในการติดตามและตรวจสอบการดำเนินโครงการ ฯ และให้ประสานข้อมูล
กับคณะกรรมการ  ฯ   ด้วย    กับให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งทีมงานทั้งใน
ระดับจังหวัดและท้องถิ่น เพื่อติดตามดูแลและประสานงานการดำเนินงานโครงการ ฯ ในจังหวัดให้เป็นไป
ด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีการถ่วงดุลย์และตรวจสอบซึ่งกันและกัน

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณรายงานสรุปผลการบริหารงบประมาณของ
ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ  สำหรับปีงบประมาณ  พ.ศ. 2545  ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ - 14 กุมภาพันธ์
2545  มีการอนุมัติเงินประจำงวดจำนวนทั้งสิ้น  753,548.6  ล้านบาท  คิดเป็นร้อยละ  73.7  ของวงเงิน
งบประมาณจำนวน 1,023,000 ล้านบาท  จำแนกเป็นการอนุมัติในส่วนของรายจ่ายลงทุน  178,347.3 
ล้านบาท หรือร้อยละ 79.8  ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน  และรายจ่ายประจำ  575,210.3  ล้านบาท
หรือร้อยละ 72.0 ของงบประมาณรายจ่ายประจำ ส่วนการอนุมัติเงินประจำงวดของโครงการถ่ายโอนงาน
/กิจกรรมบริการสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีจำนวนทั้งสิ้น 21,880.0 ล้านบาท คิดเป็น
ร้อยละ 80.9 ของวงเงินงบประมาณโครงการถ่ายโอน ฯ จำนวน 27,061.8 ล้านบาท

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานผู้สูงอายุแห่งชาติ  (กสผ.) 
ในการประชุมครั้งที่  2/2545    ซึ่งได้กำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้สูงอายุที่จะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
โดยให้ดำเนินการในลักษณะของคณะกรรมการระดับท้องถิ่นพิจารณา ประกอบด้วย ผู้แทนศูนย์สงเคราะห์
ราษฎรประจำหมู่บ้าน  ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ผู้แทนองค์กรผู้สูงอายุในชุมชน   ผู้แทนองค์กร
ประชาสังคม  และบุคคลที่น่าเชื่อถือ   รวมทั้งกำหนดคุณสมบัติของผู้สูงอายุที่จะได้รับคัดเลือกให้รับเบี้ยยัง
ชีพผู้สูงอายุ ต้องเป็นผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพหรือถูกทอดทิ้งหรือ
ขาดผู้อุปการะเลี้ยงดู และไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้  ทั้งนี้  หากผู้สูงอายุมีคุณสมบัติพื้นฐาน
เหมือนกันให้พิจารณาผู้สูงอายุที่มีปัญหาซ้ำซ้อนสมควรได้รับการพิจารณาก่อน  และที่อยู่ห่างไกล  ทุรกัน
ดารยากต่อการเข้าถึงบริการของรัฐสมควรจะได้รับการพิจารณาในระดับต้น   ตามที่สำนักงานปลัดสำนัก
นายกรัฐมนตรีเสนอ  โดยให้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม  (กรมประชาสงเคราะห์)  รับความเห็น
ของกระทรวงการคลัง  (ให้แก้ไขระเบียบกรมประชาสงเคราะห์ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพ
สำหรับผู้สูงอายุ  พ.ศ. 2543   ให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี   และส่งร่างระเบียบให้กระทรวงการคลัง
พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรายงานเกี่ยวกับการจัดซื้อ
เครื่องแบบนักเรียน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผู้ผลิตเครื่องแบบนักเรียนในชุมชน
ท้องถิ่น  กลุ่มอาชีพ  กลุ่มสตรีและกลุ่มแม่บ้านต่าง ๆ  ไม่สามารถผลิตเครื่องแบบนักเรียนได้ตามมาตรฐาน
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.)  เลขที่  1802-2544  และประธานคณะกรรมการชุมชนกลุ่มอาชีพตัดเย็บ
เสื้อผ้าในชนบทแห่งประเทศไทยได้เรียกร้องขอให้ทางราชการให้ความช่วยเหลือ      โดยให้สำนักงานคณะ
กรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ  (สปช.)  สามารถจัดซื้อเครื่องแบบนักเรียน  ตามเกณฑ์คุณลักษณะที่
สปช. กำหนดได้ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) ได้พิจารณาแล้ว 
ไม่ขัดข้องในการที่  สปช.   จะขอจัดซื้อเครื่องแบบนักเรียนแตกต่างไปจากที่กำหนดในมาตรฐานผลิตภัณฑ์
ดังกล่าว ปัญหาจึงเป็นที่ยุติแล้ว

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 192 ร. เรื่อง ปัญหาหวยใต้ดิน ของนายสมศักดิ์
คุณเงิน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น ซึ่งถามว่า  ระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา  สำนักงานสลาก
กินแบ่งรัฐบาลมีรายได้ปีละเท่าไร  และนำเงินไปใช้พัฒนาประเทศในด้านใดบ้าง   รัฐบาลมีข้อมูลเกี่ยวกับ
เจ้ามือหวย คนขายหวย คนเดินโพย ในแต่ละตำบล อำเภอ และจังหวัดทั่วประเทศหรือไม่ หากมีจะมีมาตร
การแก้ไข ป้องกันและปราบปรามอย่างไร รวมทั้งในอนาคตจะมีนโยบายให้สำนักงานสลาก ฯ ขยายวัตถุ
ประสงค์ให้การเล่นหวยใต้ดินเป็นสิ่งที่เข้าสู่ระบบที่ถูกต้องตามกฎหมาย    และนำรายได้มาจัดสรรให้กับ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร้อยละ  80  เพื่อใช้พัฒนาประเทศหรือไม่  เพียงใด   ตามที่สำนักเลขาธิการ
นายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 174 ร. เรื่อง การจัดตั้งคลังสมองประจำท้องถิ่น ของ
นายเปรมศักดิ์ เพียยุระ  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น  ซึ่งถามว่า  รัฐบาลมีนโยบายและแผนงาน
ในการจัดตั้งคลังสมองประจำท้องถิ่นในระดับภูมิภาค ระดับจังหวัด โดยเฉพาะที่จังหวัดขอนแก่น หรือไม่ อย่าง
ไร และมีหน่วยงานใดของภาครัฐที่สนับสนุน   ส่งเสริมให้กลุ่มบุคคลที่เกษียณอายุราชการที่ยังมีประสิทธิภาพ
ในการทำงานได้ใช้ความรู้  ความสามารถของตนเองในการพัฒนาประเทศชาติ   ตามที่สำนักเลขาธิการนายก
รัฐมนตรีเสนอ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544  ระยะที่ 2  (เมษายน - กันยายน 2544)  ของ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์   โดยมีภาพรวมงาน/โครงการสำคัญที่ดำเนินการ  จำนวน  64  งาน/โครงการ
ประกอบด้วย   ส่วนที่  4  การเสริมสร้างศักยภาพการพัฒนาของภูมิภาคและชนบทเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต
ของประชาชนอย่างทั่วถึง  ได้แก่  การส่งเสริมและขยายการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร   และ
การกระจายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น  โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์  ส่วนที่  5  การพัฒนาสมรรถนะ
ทางเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคนและคุณภาพชีวิต ได้แก่  การปรับโครงสร้างการผลิตให้เข้มแข็งเพื่อ
ให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงในตลาดโลก และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน  ส่วนที่ 6 การจัดการทรัพยา
กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การฟื้นฟูทรัพยากรดินที่ผ่านการใช้ประโยชน์และขาดการดูแลรักษา การ
สร้างโอกาสให้ชุมชนและประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น    และ
ส่วนที่ 7 การพัฒนาประชารัฐ  ได้แก่  การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาของทุกภาคส่วน  เช่น 
การถ่ายโอนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้แก่ท้องถิ่น    ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ    โดยให้
รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (ให้จัดทำรายงานสรุปผล
การดำเนินงานในภาพรวมของยุทธศาสตร์และแนวทางต่าง  ๆ  ตั้งแต่ปี  พ.ศ. 2539 - 2544   เป็นการเพิ่ม
เติมเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับเป้าหมายที่กำหนดไว้   วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จและความ
ล้มเหลวของการดำเนินงาน   และสร้างตัวชี้วัดความสำเร็จในการปฏิบัติงานตามยุทธศาสตร์ต่าง  ๆ   เพื่อใช้
เป็นแนวทางในการปรับปรุงและขยายผลการดำเนินงานในระยะต่อไป   ตลอดจนเร่งรัดการดำเนินงานตาม
แนวทางที่ยังไม่มีความก้าวหน้าหรือมีผลการดำเนินการที่ยังไม่ชัดเจน) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินงานโครงการ
เกษตรทฤษฎีใหม่ ตั้งแต่ปี 2541-2544 จากผลการดำเนินงานมีเกษตรกรร่วมโครงการทั้งสิ้น 15,248 ราย
ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 กลุ่มแปลงสาธิตทดลอง จำนวน 2,857 ราย กลุ่มที่ 2 กลุ่มเครือข่ายโครงการ จำนวน
3,926 ราย และกลุ่มที่ 3 กลุ่มริเริ่มโครงการ จำนวน 8,465 ราย ผลการติดตามการดำเนินงาน สำหรับงวด
ที่  3  สิ้นสุดวันที่  30  กันยายน  2544   พื้นที่ของเกษตรกรร่วมโครงการส่วนใหญ่  อยู่นอกเขตชลประทาน
จำนวน 12,197 ราย หรือร้อยละ 83.36  เกษตรกรได้รับความรู้ทางวิชาการทั้งการฝึกอบรมและดูงาน ร้อย
ละ 83.35 ภายหลังการร่วมโครงการได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการเกษตรร้อยละ 40.46 และกรม
ประมงร้อยละ  31.40  เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ประสบผลสำเร็จ  และได้รับรางวัลการ
ประกวดแปลงเกษตรทฤษฎีใหม่ดีเด่น  จำนวน  18  คน    รวมทั้งมีเป้าหมายหลักเพื่อสนับสนุนเกษตรกรทั่ว
ไป  และแรงงานคืนถิ่นที่กลับสู่ภูมิลำเนา  ความสัมฤทธิผลของโครงการต่อมาตรการรองรับการว่างงาน  คือ
สามารถตรึงแรงงานให้อยู่ในชุมชนท้องถิ่นและลดการอพยพแรงงานเข้าสู่พื้นที่ชุมชนเมืองได้ระดับหนึ่ง และมี
การเบิกจ่ายเงินแล้ว 960.80 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 83.83

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณรายงานผลการอนุมัติเงินประจำงวดของ
ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจสำหรับปีงบประมาณ  พ.ศ. 2545   ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ - 31 มกราคม
2545  มีการอนุมัติจำนวนทั้งสิ้น 698,536.3 ล้านบาท  คิดเป็นร้อยละ  68.3  ของวงเงินงบประมาณ
จำนวน 1,023,000 ล้านบาท  จำแนกเป็นรายจ่ายลงทุนจำนวน 172,325.4 ล้านบาท  และรายจ่าย 
ประจำจำนวน  526,210.9  ล้านบาท    สำหรับการอนุมัติเงินประจำงวดในส่วนของโครงการถ่ายโอน
งาน/กิจกรรมบริการสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีจำนวนทั้งสิ้น 19,118.2 ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 70.6 ของวงเงินงบประมาณโครงการถ่ายโอน ฯ จำนวน 27,061.8 ล้านบาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินภาครัฐในปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2545 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นไตรมาสที่ 1 (ตุลาคม - ธันวาคม 2544) โดยผล
การเบิกจ่ายเงินในภาพรวม  กรณีรวมงบประมาณรายจ่ายงบกลาง  58,000  ล้านบาท มีส่วนราชการ
และรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว 224,108 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.91 ของวงเงินงบประมาณ 
(1,023,000 ล้านบาท) ส่วนกรณีไม่รวมงบประมาณรายจ่ายงบกลาง ฯ  มีการเบิกจ่ายเงิน  224,107 
ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายกับการจ่ายเงินงบประมาณ ณ  สิ้นไตรมาสที่ 1  และการเบิก
จ่ายในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อน โดยมีสาเหตุมาจากมีการเบิกจ่ายเงินทุนหมุนเวียน
บัตรประกันสุขภาพทั้งจำนวน (22,138 ล้านบาท) รวมทั้งผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานที่ได้
รับจัดสรรงบลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 26 แห่ง การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของโครงการ 
ถ่ายโอนงาน/กิจกรรมสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการเบิกจ่ายเงินงบประมาณงบ
กลาง รายการค่าใช้จ่ายสำรองกระตุ้นเศรษฐกิจ (58,000 ล้านบาท) สำหรับการเบิกจ่ายเงินนอกงบ
ประมาณของ 65 กองทุน มีการเบิกจ่าย 20,673 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.89 ของแผนการใช้จ่าย
เงิน 25,245 ล้านบาท การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ มีการเบิกจ่ายแล้ว 11,439 ล้านบาท หรือร้อย
ละ 53.37 ของแผนการใช้จ่ายเงินกู้ต่างประเทศ 21,434 ล้านบาท รวมทั้งการเบิกจ่ายเงินของรัฐ
วิสาหกิจ มีการเบิกจ่ายแล้ว 325,800 ล้านบาท แบ่งเป็นงบทำการ 306,450 ล้านบาท และงบลงทุน
19,350 ล้านบาท ทั้งนี้ ผลการเบิกจ่ายเงินภาครัฐในช่วงระยะเวลาดังกล่าวในส่วนของเงินงบประมาณ
เงินนอกงบประมาณ เงินกู้ต่างประเทศ และเงินของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเมื่อหักรายการซ้ำซ้อนจำนวน 
55,015 ล้านบาทแล้ว ทำให้การเบิกจ่ายเงินภาครัฐ ในไตรมาสที่ 1ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 มี
จำนวนทั้งสิ้น 527,005 ล้านบาท

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) ในปัญหาข้อกฎ
หมาย เรื่อง ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งเจ้า
หน้าที่ของรัฐที่ต้องห้ามมิให้ดำเนินกิจการเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงาน
ของรัฐ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่กำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี  และเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นใน
ห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทที่เข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่
เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ  และรับสัมปทานหรือคงถือไว้ซึ่งสัมปทานจากรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ
รัฐวิสาหกิจ  หรือราชการส่วนท้องถิ่น  หรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ   หรือเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในฐานะ
กรรมการที่ปรึกษา   ตัวแทน   พนักงานลูกจ้างในธุรกิจเอกชน  ตามมาตรา  100  แห่งพระราชบัญญัติ
ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2544 ตามที่สำนัก
งานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ  ถือปฏิบัติเกี่ยว
กับแนวทางการเบิกจ่ายเงินงบประมาณตามโครงการถ่ายโอนงาน/กิจกรรม บริการสาธารณะให้แก่องค์
กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ  พ.ศ. 2545   โดยมอบอำนาจการโอนเงินประจำงวดงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545   โครงการถ่ายโอนงาน/กิจกรรม บริการสาธารณะให้แก่องค์
กรปกครองท้องถิ่น  ระหว่างสำนักเบิกที่เป็นสำนักงานคลังจังหวัด  กับสำนักงานคลังจังหวัด ณ  อำเภอ 
ภายใต้แผนงาน งาน/โครงการ  หมวดและรายการเดียวกันภายในจังหวัด   ตามวงเงินที่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นได้รับให้แก่หัวหน้าส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ โดยขอให้หัวหน้าส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจมอบ
อำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการแทนต่อไป   และให้รายงานสำนักงบประมาณ  สำนักงาน
การตรวจเงินแผ่นดิน   กรมบัญชีกลาง   และส่วนราชการเจ้าของงบประมาณทราบโดยเร็ว อย่างช้าภาย
ใน 15 วัน นับแต่วันที่มีการโอนเปลี่ยนแปลง ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่  118  ร. เรื่อง  การส่งเสริมกลุ่มเยาวชนในชนบท 
ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น ซึ่งถามว่า รัฐบาลได้ให้การสนับสนุน
กลุ่มเยาวชน  โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนในชนบทในการส่งเสริมอาชีพในท้องถิ่นหรือไม่   ถ้าส่งเสริมจะส่งเสริม
อาชีพใดบ้าง และจะมีมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของสิ่งเสพย์ติด โดยเฉพาะยา
บ้าในกลุ่มเยาวชนในชนบทอย่างไร  รวมทั้งมีนโยบายส่งเสริมการเล่นกีฬาของกลุ่มเยาวชนในชนบทหรือไม่
และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 และ พ.ศ. 2545 ได้จัดงบประมาณในด้านการส่งเสริมการเล่นกีฬาสำหรับ 
กลุ่มเยาวชนในเขตอำเภอบ้านไผ่  อำเภอชนบท  และกิ่งอำเภอบ้านแฮด  จังหวัดขอนแก่น  อย่างไร   ตามที่ 
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทบวงมหาวิทยาลัยรับไปพิจารณาทบทวนและปรับปรุงโครงการค่ายพัฒนา
ความคิดสร้างสรรค์   โดยมีกรอบและแนวทางของโครงการมุ่งให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริง
และช่วยในการพัฒนาความเป็นผู้นำ นักศึกษามีงานทำ ได้ประสบการณ์  และสามารถถ่ายทอดวิชาการให้
กับชุมชนได้  โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำ  ให้ทำโครงการในลักษณะดังกล่าวโดยเร่งด่วนเพียง
โครงการเดียวก่อน    และให้ถือโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการศึกษาของนักศึกษา  ทั้งนี้  ทบวง
มหาวิทยาลัยต้องจัดทำรายละเอียด  เช่น  กำหนดค่าหน่วยกิต  แนวทางการดำเนินการ   การประเมินผล 
ประโยชน์และค่าตอบแทนที่ผู้เกี่ยวข้องสมควรจะได้รับโดยให้ร่วมจัดทำกับสถาบันการศึกษาที่เข้าร่วมโครง
การ   และให้สถาบันการศึกษาต้นสังกัดของนักศึกษาประสานกับสถาบันการศึกษาในท้องถิ่นที่นักศึกษา
จะเดินทางไปปฏิบัติงาน  เพื่อให้คณาจารย์ของสถาบันในท้องถิ่นนั้น  ๆ   ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
และประเมินผลในระหว่างการปฏิบัติงาน สำหรับท้องถิ่นที่นักศึกษาจะไปร่วมกิจกรรมให้พิจารณาถึงความ
เหมาะสม สภาพความเป็นอยู่  และความปลอดภัยของนักศึกษา  โดยในระยะแรกของการดำเนินโครงการ
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมควรเป็นนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยจากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชน สถาบัน
ราชภัฏและสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล  ส่วนสถาบันการศึกษาต้นสังกัดของนักศึกษา และสถานศึกษาใน
ท้องถิ่นที่จะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาจะต้องจัดการปฐมนิเทศโดยให้มีการประสานงานกันและชี้แจงทำความ
เข้าใจถึงแนวทางดำเนินการ   ตลอดจนรายละเอียดต่าง ๆ   และให้ปลูกฝังแนวคิดเกี่ยวกับอุดมการณ์ชาติ
นิยมด้วย   นอกจากนี้   ให้ส่วนราชการต่าง ๆ  พิจารณาความต้องการในการให้นักศึกษาตามโครงการที่
ทบวงมหาวิทยาลัยจะจัดทำขึ้นเข้าร่วมปฏิบัติงานในโครงการ/กิจกรรมที่อยู่ในความรับผิดชอบ     และให้
แจ้งข้อมูลความต้องการดังกล่าวให้ทบวงมหาวิทยาลัยทราบโดยด่วน    และรวบรวมความต้องการทั้งหมด
ประกอบการจัดทำโครงการ  และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป