ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 153 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 3041 - 3060 จากข้อมูลทั้งหมด 3982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3041 | การปรับปรุงภาษีสุราเพื่อเศรษฐกิจชุมชน | กค | 21/01/2546 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการ
อนุญาตให้ทำและขายสุรากลั่น และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระ ราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 (ปรับปรุงชนิดและอัตราภาษีของสุราแช่ และสุรากลั่น) และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งเห็นชอบการยกเว้นภาษีเงิน ได้ให้แก่ผู้ทำและขายสุรากลั่นชุมชนในระยะแรกเป็นเวลา 3 ปี โดยคณะรัฐมนตรีเห็นว่า การปรับปรุงภาษีสุรา เพื่อเศรษฐกิจชุมชน เพื่อส่งเสริมพัฒนาผลผลิตจากภูมิปัญญาท้องถิ่นและฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชน จึงต้องป้องกัน มิให้บุคคลใดฉกฉวยประโยชน์จากประชาชนหรือชุมชนโดยใช้กลไกของรัฐเป็นเครื่องมือ อย่างไรก็ตาม ในการ ผลิตสุราชนิดต่าง ๆ อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตลอดจนถึงสุขภาพพลานามัยของผู้ที่ดื่มอย่าง ต่อเนื่อง จึงมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการรณรงค์ให้ความรู้และประชาสัมพันธ์ในด้านการผลิต เพื่อมิให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การสร้างเสริมสุขภาพ และพิษภัยของการดื่มสุรา โดยให้ดำเนินการ อย่างต่อเนื่อง และให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง สั่งการและกำกับดูแลให้หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ในสังกัดที่อยู่ในจังหวัดและอำเภอถือปฏิบัติให้เป็นไปตาม กฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งกวดขันมิให้มีการใช้อิทธิพลในทางที่มิชอบด้วยกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||
3042 | รายงานผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้นำชุมชน และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | สปศ | 21/01/2546 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปฏิรูปการศึกษารายงานผลการติดตามและประเมินผล
การดำเนินงานโครงการพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้นำชุมชน และผู้นำองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น สรุปได้ว่า จากที่คณะกรรมการประสานงานโครงการ ฯ ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิจาก กระทรวง ทบวง กรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางการศึกษา ได้กำหนดหลักสูตรการฝึกอบรม และจัดทำชุด ฝึกอบรมต้นแบบ เพื่อมอบให้หน่วยงานต้นสังกัดนำไปขยายผล พร้อมทั้งได้ติดตามและประเมินผลการดำเนิน งานโครงการในภาพรวม พบว่า มีโครงการพัฒนาบุคลากรเข้าสู่การปฏิรูปการศึกษาที่ดำเนินการโดยหน่วย งานต่าง ๆ จำนวนมาก โดยมีเนื้อหาของหลักสูตรการฝึกอบรมที่สอดคล้องและใกล้เคียงกับเนื้อหาของชุดฝึก อบรมที่คณะกรรมการประสานงานโครงการ ฯ พัฒนาขึ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มเป้าหมายทั้งผู้บริหาร ครู และ ผู้นำชุมชน ก็ยังได้รับการเตรียมความพร้อมค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะในเชิงคุณภาพ สำหรับในด้านประสิทธิ ภาพและประสิทธิผลของชุดฝึกอบรมต้นแบบ เห็นว่า การพัฒนาชุดฝึกอบรมมีขั้นตอนของการพัฒนาชุดฝึก อบรมค่อนข้างล่าช้า ส่งผลต่อการนำไปเผยแพร่แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายผล ทำให้บางหน่วยงาน ยังไม่มีการนำไปใช้หรือมีการใช้เพียงบางส่วนเท่านั้น ยกเว้นกรณีสำนักบริหารการศึกษาท้องถิ่น กรมการ ปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่มีการนำไปใช้อยู่ในขั้นมาก ทั้งนี้ กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิได้มีข้อเสนอแนะต่อทิศ ทางการพัฒนาบุคลากรในอนาคต ได้แก่ (1) การพัฒนาโดยใช้สื่อชุดฝึกอบรม เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนะของ บุคลากรทางการศึกษาซึ่งมักมองว่าชุดฝึกอบรมจะต้องมีความสมบูรณ์ นำไปสู่การปฏิบัติได้ทันที ให้เป็นการ มองว่าชุดฝึกอบรมเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (2) การพัฒนาทักษะวิธีคิดที่เป็นระบบและ ฉันทะในการเรียนรู้ให้กับบุคลากรทางการศึกษา และ (3) การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานข้ามกรม กอง และภาวะความเป็นตัวตนระหว่างหน่วยงาน รวมทั้งภาวะในระดับนโยบายของการปฏิรูปเป็นเหตุให้ไม่ เกิดการยอมรับแนวคิดบางประการสู่การปฏิบัติ |
|||||||||||||||||||||
3043 | การจัดทำแผนแม่บทแห่งชาติเพื่อกำหนดกรอบรูปแบบการบริหารจัดการปัญหามูลฝอยและสิ่งปฏิกูล | มท | 21/01/2546 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการจัดทำแผนแม่บทแห่งชาติเพื่อกำหนด
กรอบรูปแบบการบริหารจัดการปัญหามูลฝอยและสิ่งปฏิกูล โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำแผนแม่บทดังกล่าว และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดทำแผนแม่บท ฯ ให้กระทรวงมหาด ไทยเป็นหน่วยประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดทำแผนปฏิบัติ โดยให้ความสำคัญกับการจัด การที่ต้นเหตุหรือแหล่งกำเนิดมูลฝอย การลดปริมาณมูลฝอย การใช้ซ้ำ การหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ การ พัฒนาระบบบริหารจัดการ การสร้างกลไกทางเศรษฐศาสตร์และการตลาด การประยุกต์ใช้หลักผู้ก่อมลพิษ เป็นผู้จ่าย การพัฒนาและเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับขีดความสามารถของท้องถิ่น และการยอมรับของ ประชาชน รวมทั้งให้พิจารณาครอบคลุมถึงแนวทางการจัดการมูลฝอยติดเชื้อ และของเสียอันตรายจากชุมชน และอุตสาหกรรมด้วย ทั้งนี้ ประสานงานอย่างใกล้ชิดในเรื่องดังกล่าวกับหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อกำหนด รูปแบบการบริหารจัดการ มาตรการในการควบคุม และกำกับดูแลได้ครบถ้วนสมบูรณ์ในภาพรวมทั้งระบบ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย และให้นำระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS) มาประกอบในการจัดทำแผน ด้วย |
|||||||||||||||||||||
3044 | การถ่ายโอนภารกิจการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปเป็นภารกิจของกรุงเทพมหานคร | มท | 21/01/2546 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานความคืบหน้าการถ่ายโอนภารกิจการ
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปเป็นภารกิจของกรุงเทพมหานคร สรุปได้ว่า การถ่ายโอนภารกิจดังกล่าว จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้แก่กรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทยได้มี หนังสือถึงประธานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อขอทบทวนแผน ปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2545 ซึ่งกำหนดให้ มีการถ่ายโอนภารกิจการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้แก่กรุงเทพมหา นคร ให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 และเมื่อคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอแผนปฏิบัติการ ฯ ที่ได้มีการทบทวน ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ แล้วก็จะนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา และเสนอรัฐสภาเพื่อทราบ เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา แล้ว การถ่ายโอนภารกิจก็สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า โดยหลักการเมื่อมีการถ่ายโอน ภารกิจแล้ว ก็สมควรให้โอนทั้งอัตรากำลัง อาคารสถานที่ วัสดุอุปกรณ์ ยานพาหนะ และหนี้สิน ซึ่งใช้เพื่อ ภารกิจนั้นโดยตรงไปทั้งหมดก่อน ยกเว้นอาคารสถานที่ที่เดิมใช้ร่วมกันและสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังมี ความจำเป็นต้องใช้ สำหรับบุคลากรเมื่อโอนไปทั้งหมดแล้ว การจะรับกลับสังกัดเดิมก็ยังสามารถดำเนิน การได้ภายหลัง ในส่วนอาคารสถานที่ควรมีข้อกำหนดให้ชัดเจนด้วยว่า เมื่อรับโอนไปแล้วจะต้องนำไปใช้ เพื่อภารกิจนั้นเท่านั้น
|
|||||||||||||||||||||
3045 | การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด | นร | 21/01/2546 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่อง การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยให้ถือปฏิบัติดังนี้ (1) ให้ส่วน
ราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานของรัฐทุกแห่งถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบร่วมกันใน การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้บรรลุผลอย่างจริงจัง (2) ให้รัฐมนตรีซึ่งมีหน่วยงานในสังกัดหรือกำกับ ดูแล และมีหัวหน้าหน่วยอยู่ในจังหวัด/ภาค จัดประชุมชี้แจงเพื่อย้ำให้ชัดเจนว่าการป้องกันและปราบปรามยาเสพ ติดเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ซึ่งหัวหน้าหน่วยดังกล่าวจะต้องให้ความช่วยเหลือ ร่วมมือ สนับสนุนการดำเนิน งานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับจังหวัดและอำเภอ (3) ให้รัฐมนตรีเข้มงวด กวดขัน โดยหากพบว่าผู้ใดกระทำผิด หรือละเลยเพิกเฉยในเรื่องนี้ ให้พิจารณาลงโทษอย่างเด็ดขาด จริงจัง เพื่อเป็นตัวอย่าง แก่ผู้อื่น สำหรับผู้บังคับบัญชาในทุกระดับจะต้องเอาใจใส่ กวดขัน ดูแลมิให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไปเกี่ยวข้องกับยา เสพติดในทุกรูปแบบ หากผู้บังคับบัญชาละเลย ไม่เอาใจใส่ดูแล หรือมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จะถูกพิจารณา ดำเนินการทางวินัยด้วย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2546 เป็นต้นไป (4) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติ ธรรมพิจารณาแนวทางการสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อให้ สามารถดำเนินการตรวจสอบและยึดทรัพย์ของผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศได้อย่าง รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อแสดงให้สาธารณชนได้ประจักษ์ถึงโทษภัยของผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งการ ดำเนินการอย่างจริงจังในเรื่องนี้ของรัฐบาล และ (5) ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปประชุม หารือร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขอความร่วมมือจากคณะสงฆ์ เพื่อกำหนดแนวทางและ รูปแบบการประชาสัมพันธ์เพื่อรณรงค์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้เป็นระบบ มีความเป็นวิชาการ และต่อเนื่อง โดยให้ครอบคลุมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับโทษและพิษภัยของยาเสพติด การบำบัด รักษา และการฟื้นฟูผู้เสพยา ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจรับผิดชอบในด้านการประชาสัมพันธ์ ตลอด จนหน่วยงานที่มีสถานีวิทยุและโทรทัศน์ในการกำกับดูแลให้ความร่วมมือในการออกอากาศกระจายเสียง เพื่อ เผยแพร่ข้อมูลการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้สาธารณชนได้รับรู้อย่างกว้าง ขวาง ต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีผู้ชม/ผู้ฟัง จำนวนมาก (show time)
|
|||||||||||||||||||||
3046 | สมควรยกย่องชมเชยอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ | นร | 14/01/2546 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอให้มีการสมควรยกย่องชมเชย
อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายสุจริต นันทมนตรี โดยปัจจุบันดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ซึ่งสมัยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษได้ริเริ่มนำนโยบายการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยระบบ หักบัญชีของนายกรัฐมนตรีที่ใช้กับต่างประเทศมาใช้กับจังหวัดศรีสะเกษอย่างได้ผลดี จนจังหวัดอื่นนำแบบอย่าง ไปปฏิบัติ รวมทั้งการบริหารงานในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดที่อยู่ในโครงการจังหวัดทดลองแบบบูรณาการเพื่อ การพัฒนา สามารถทำให้ประชาชน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และข้าราชการมีความพึงพอใจต่อการ บริหารงาน และต่อภาวะผู้นำทั้งทางด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาความยากจน และปัญหาการให้บริการของรัฐ ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับทราบและเห็นชอบให้มีการกล่าวชมเชยอดีตผู้ว่า ราชการจังหวัดศรีสะเกษในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ส่วนการมอบรางวัลโล่เกียรติยศให้ดำเนินการในโอกาสอื่น เพื่อที่จะได้เผยแพร่ข่าวการยกย่องให้กำลังใจคนดีให้สื่อมวลชนและประชาชนรับทราบ เพื่อเป็นแบบอย่างในการ ปฏิบัติตนให้ดีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
3047 | กระทู้ถามที่ 697 ร. เรื่อง ปัญหาการต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต | สผ | 14/01/2546 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 697 ร. เรื่อง ปัญหาการ
ต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ของนายศิริ หวังบุญเกิด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร สรุปได้ว่า กระทรวงมหาดไทยมีมาตรการแก้ไขปัญหาการต่อเติมอาคาร โดยไม่ได้รับอนุญาต ได้แก่ มาตรการทางกฎหมาย เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการกับผู้ที่ต่อเติมดัดแปลงอาคารไปก่อนได้รับอนุญาตตามที่กำหนดไว้ ในมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 และ มาตรการทั่วไป ดำเนินการประชาสัมพันธ์กฎหมายควบคุมอาคารทาง Internet ให้เจ้าหน้าที่พนักงานท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติ ฯ สำรวจอาคารที่ก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคารที่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการ ควบคุมอาคาร หรือขัดข้อบัญญัติท้องถิ่น แล้วรายงานให้จังหวัดและกระทรวงมหาดไทยทราบ ให้ทุกจังหวัดกำชับ เจ้าพนักงานท้องถิ่นดำเนินการตรวจสอบอาคารตามคำสั่งของกระทรวงมหาดไทยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแจ้งเจ้า พนักงานท้องถิ่นตรวจสอบและสั่งแก้ไขอาคารตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 47 (พ.ศ. 2540) สำหรับมาตรการ ติดตามแก้ไขอาคารที่ต่อเติมผิดแบบในกรุงเทพมหานคร ในกรณีที่มีการตรวจพบว่าการต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับ อนุญาต ให้ผู้อำนวยการเขตในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นออกคำสั่งรื้อถอนอาคารนั้นได้ และ เจ้าหน้าที่เขตจะดำเนินการกับผู้ปลูกสร้างอาคารที่ทำการต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตตามระเบียบว่าด้วย วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการขออนุญาตและการควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2525 และให้ประกาศในราชกิจจา นุเบกษาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
3048 | กระทู้ถามที่ 798 ร. เรื่อง นโยบายการใช้ไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อม | สผ | 14/01/2546 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 798 ร. เรื่อง นโยบายการ
ใช้ไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อม ของนายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรสาคร สรุปได้ว่า การ ใช้ไฟฟ้าของส่วนราชการและหน่วยงาน ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น กับเครื่องตีน้ำ หรือเติมอากาศ (โรงงานบำบัดน้ำเสียชุมชน) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้อนุโลมให้คิดในอัตราประเภทที่ 6 ส่วน ราชการและองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร เนื่องจากการบำบัดน้ำเสียชุมชนดังกล่าวไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการ และ การจ่ายค่ากระแสไฟฟ้า ปัจจุบันโรงงานบำบัดน้ำเสียชุมชนของส่วนราชการ ฯ จ่ายค่ากระแสไฟฟ้าต่ำกว่าต้นทุน ที่แท้จริง หากโรงงานบำบัดน้ำเสียหลีกเลี่ยงการใช้ไฟฟ้าในช่วง peak ไปใช้ไฟฟ้าในช่วง Off-peak แทน และควร เลือกใช้อัตราตามช่วงเวลาการใช้ จะทำให้การจ่ายค่ากระแสไฟฟ้าลดลง สำหรับหลักเกณฑ์และขั้นตอนในการ ขอรับการสนับสนุนกระแสไฟฟ้าเพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าของโรง งานบำบัดน้ำเสีย คิดในอัตราประเภทที่ 6 ฯ ทั้งนี้ ได้แจ้งให้การไฟฟ้าทุกแห่งถือเป็นหลักปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ดังกล่าวแล้ว และส่วนราชการ ฯ ที่ขอใช้ไฟฟ้ากับโรงงานบำบัดน้ำเสีย ฯ การไฟฟ้า ฯ คิดค่าไฟฟ้าในอัตรา ประเภทที่ 6 ฯ ในอัตราหน่วยละ 2.1412 บาท และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
3049 | กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตอบในราชกิจจานุเบกษา (กระทู้ถามที่ 725 ร. เรื่อง การเชื่อมโยงจากท้องถิ่นไปสู่ตลาดโลก) | สผ | 07/01/2546 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 725 ร.
เรื่อง การเชื่อมโยงจากท้องถิ่นไปสู่ตลาดโลก ของนายอำนวย คลังผา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี สรุปได้ว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการส่งออก ได้นำกลุ่มผู้ส่งออก นักออกแบบผลิตภัณฑ์ และตัว แทนการค้าไปให้คำแนะนำเกี่ยวกับด้านรูปแบบผลิตภัณฑ์ และความรู้ด้านการตลาดแก่กลุ่มผู้ผลิตในภูมิภาค เพื่อพัฒนากลุ่มผู้ผลิตให้มีศักยภาพ และความพร้อมในการผลิตเพื่อการส่งออก หรือผลิตสินค้าให้สอดคล้อง กับความต้องการของตลาดโลก โดยได้ดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องมาแล้ว 3 ปี รวมทั้งได้นำกลุ่มผลิตใน ภูมิภาคเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในประเทศที่กรมส่งเสริมการส่งออกจัดขึ้น และได้นำกลุ่มผู้ผลิตในภูมิภาค 75 จังหวัดเข้าร่วมงานซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ซื้อทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเป็นจำนวนมาก และได้นำ กลุ่มผู้ผลิตในภูมิภาค 75 จังหวัดดังกล่าวเข้าร่วมงานแสดงสินค้า Made In Thailand และในโครงการหนึ่ง ตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการพัฒนาสินค้า ท้องถิ่นให้ได้คุณภาพและมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ได้มีแผน งานจัดนิทรรศการสินค้า OTOP ในงานแสดงสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ กระทรวง พาณิชย์ได้ให้ความสำคัญกับสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ ในการเพิ่มความรู้ให้กับประชาชนเพื่อเชื่อมโยงสู่ตลาด โลก โดยจัดทำสารคดีที่สอดแทรกความรู้เรื่องการส่งออกเผยแพร่ผ่านทางสื่อต่าง ๆ ด้วย |
|||||||||||||||||||||
3050 | กระทู้ถามที่ 878 ร. เรื่อง การส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองท้องถิ่นพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยว | สผ | 07/01/2546 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 878 ร. เรื่อง
การส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองท้องถิ่นพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น สรุปได้ว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีนโยบายส่งเสริมและสนับ สนุนให้องค์กรปกครองท้องถิ่นให้ความสำคัญในการสร้างจุดแข็ง โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองท้อง ถิ่นแต่ละแห่งได้มีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตนตามความเหมาะสม และความต้องการของแต่ละท้องถิ่น สำหรับงบประมาณดำเนินการ จะใช้งบประมาณของกระทรวงในการดำเนิน การจัดอบรมสัมมนาแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่น รวมทั้งได้จัดสรรงบประมาณในการ สนับสนุนให้องค์กรปกครองท้องถิ่นได้นำไปใช้ เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในแต่ละท้องถิ่นอย่างทั่วถึง ทั้งประเทศ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
3051 | การเตรียมการป้องกันอุบัติเหตุการจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ | มท | 24/12/2545 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายประมวล รุจนเสรี)
เสนอเรื่อง การเตรียมการป้องกันอุบัติเหตุการจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งการดำเนินการป้องกันปัญหา การจราจรในปีนี้ กระทรวงมหาดไทยได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในถนนสาย รองมากขึ้น โดยมอบหมายและสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด อำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งองค์การ บริหารส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ประสานและดำเนินการปรับปรุงสภาพถนน เครื่องหมาย และสัญญาณจราจร ในเส้นทางต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพดีเพื่อรองรับการจราจร ตั้งด่านตรวจและกวดขันวินัยการจราจรของผู้ใช้รถ ใช้ถนนประมาณ 17,000 จุด ใช้บุคลากร 42,000 คน ขอความร่วมมือผู้ประกอบการรถบรรทุก ให้นำรถ บรรทุกออกมาวิ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่เท่าที่จำเป็นเพื่อลดความแออัดด้านการจราจร ขอความร่วมมือสถานี บริการน้ำมันงดจำหน่ายสุรา และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ขอความร่วมมือกระทรวง คมนาคมในการควบคุม ดูแล มิให้ประชาชนนำสุรากลั่นและสุราพื้นเมืองประเภทต่าง ๆ มาจำหน่ายริม ถนนสายต่าง ๆ ตลอดจนการกำหนดมาตรการลงโทษผู้ที่กระทำผิด ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนิน การต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายน 2546 ด้วย และในช่วงเทศกาลดังกล่าว หาก รัฐมนตรีท่านใดเดินทางโดยทางรถยนต์ ก็ขอความร่วมมือแวะตรวจเยี่ยมศูนย์และด่านตรวจในเส้นทางที่ เดินทางผ่าน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้วย |
|||||||||||||||||||||
3052 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนการศึกษาสำหรับคนพิการ ผู้ด้อยโอกาสและผู้มีความสามารถพิเศษ พ.ศ. .... | นร | 24/12/2545 | ||||||||||||||||||
อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3)
ที่มีมติเห็นชอบผลการประชุมระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับร่าง พระราชบัญญัติกองทุนการศึกษาสำหรับคนพิการ ผู้ด้อยโอกาสและผู้มีความสามารถพิเศษ พ.ศ. .... เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2545 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้กระทรวง ศึกษาธิการรับความเห็นและข้อสังเกตของ คกก.3 (เกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุน ฯ และขออนุมัติแหล่งเงินเป็น ทุนประเดิมของกองทุน ฯ ให้นำเข้าพิจารณาในการประชุม คกก.3 ในการประชุมครั้งต่อไป โดยในระหว่างนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้ได้ข้อสรุป และราย ละเอียดที่ชัดเจน เพื่อสะดวกและรวดเร็วต่อการพิจารณาเรื่องนี้ในการประชุม คกก.3 ครั้งต่อไป สำหรับการ ให้การศึกษาแก่คนพิการควรให้ส่วนราชการอื่น ๆ ที่มีความรู้ความชำนาญและประสบการณ์เข้ามามีส่วนร่วม ในคณะกรรมการกองทุน ฯ รวมทั้งให้มีผู้แทนจากท้องถิ่นด้วย และครอบคลุมการศึกษาของคนพิการตั้งแต่ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจนถึงระดับอุดมศึกษา) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ส่วนการขออนุมัติแหล่งเงิน ฯ เมื่อกระทรวงศึกษาธิการได้พิจารณาในรายละเอียดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ คกก.3 พิจารณาได้ข้อ ยุติแล้ว จะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
3053 | การดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำนมดิบและการบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) | กษ | 24/12/2545 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่อง การดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำนมดิบและการบริหารจัดการโครงการ
อาหารเสริม (นม) ว่า โดยที่เรื่องนี้มีความเร่งด่วน เกี่ยวข้อง และกระทบกับหลายฝ่ายทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ผู้ประกอบการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเด็กนักเรียนผู้บริโภคนม เพื่อความรอบคอบ จึงมอบให้รอง นายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) ประธานคณะกรรมการนโยบายนมแห่งชาติ รับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วม กับรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวง มหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรี ทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||
3054 | ส่งรายงานประจำปี 2544 (คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | นร | 17/12/2545 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอรายงานประจำปี พ.ศ. 2544 ของคณะ
กรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะอนุกรรมการในคณะกรรมการ ฯ รวม 6 คณะ และสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (สกถ.) โดยผลงาน ในส่วนของคณะกรรมการ ฯ และคณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ ได้แก่ การจัดทำแผนการกระจายอำนาจ การจัด สรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การออกประกาศคณะกรรมการ ฯ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ การจัดสรรเงินรายได้ การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรรายได้ การให้ความเห็นเสนอแนะข้อกฎหมายที่เกี่ยว ข้องกับการกระจายอำนาจ การติดตามประเมินผลการดำเนินงานโครงการถ่ายโอนภารกิจบริการสาธารณะ และการรายงานผลการศึกษาการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดโดยตรงจากประชาชน ส่วนผล การปฏิบัติงานของ สกถ. ได้แก่ การจัดทำ Webpage ของ สกถ. ที่ www.dloc.net การพัฒนาศักยภาพ สกถ. ภายใต้โครงการความช่วยเหลือของธนาคารโลก และการจัดสัมมนาเกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระยอง สงขลา อุดรธานี และเชียงใหม่ สำหรับผลการถ่าย โอนงาน/กิจกรรมบริการสาธารณะต่าง ๆ จากส่วนราชการรวม 22 หน่วยงาน ให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น งบประมาณทั้งสิ้น 32,476 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2544 มีการเบิกจ่ายเงิน 20,935 ล้าน บาท โดยส่วนราชการในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการมีการดำเนินงานตามโครงการ ฯ แล้วเสร็จมากที่สุดและ เบิกจ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณ และจากการดำเนินงานพบปัญหาอุปสรรค ได้แก่ ปัญหาการขาดความ รู้ความเข้าใจในหลักการของการกระจายอำนาจ ปัญหาด้านการเตรียมความพร้อมในการถ่ายโอนภารกิจ ปัญหาด้านกฎ/ระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง ปัญหาด้านการขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการปฏิบัติงาน รวมทั้ง ปัญหาด้านการประสานงาน |
|||||||||||||||||||||
3055 | รายงานผลการตรวจติดตามงานส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 งวดที่ 2 ของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี | นร | 03/12/2545 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจติดตามงานส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 งวดที่ 2 ของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ต้น เดือนมิถุนายน 2545 ในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ (ยกเว้นกรุงเทพมหานคร) โดยได้ตรวจติดตามผลการดำเนิน งานการแก้ไขปัญหาอุปสรรคของจังหวัดในการดำเนินงานโครงการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและ โครงการ "เที่ยวทั่วไทย ไปได้ทุกเดือน" และผลการดำเนินงานตามโครงการพัฒนาสาขาการท่องเที่ยวภายใต้งบ กระตุ้นเศรษฐกิจ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 (ถึงวันที่ 30 เมษายน 2545) ซึ่งจากการตรวจติดตามพบว่า การ ดำเนินงานตามโครงการพัฒนาสาขาการท่องเที่ยวภายใต้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ ฯ ยังมีปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญ ได้แก่ ปัญหาความพร้อมในการดำเนินงานโครงการ ปัญหาการอนุมัติงบประมาณล่าช้า ปัญหาแหล่งท่องเที่ยว ขาดการเชื่อมโยงโครงข่ายรถโดยสารสาธารณะในท้องถิ่นไปยังแหล่งท่องเที่ยว ปัญหาผู้ประกอบการธุรกิจท่อง เที่ยวดัดแปลงอาคารโดยไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยโรงแรม พ.ศ. 2478 ปัญหางบประมาณในการส่ง เสริมและพัฒนาท้องถิ่นและชุมชนยังไม่เพียงพอ ตลอดจนปัญหาด้านบุคลากร และด้านการท่องเที่ยวในระดับ ท้องถิ่นและชุมชนยังไม่เพียงพอ ทั้งนี้ เห็นชอบมอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับรายงานผล การตรวจติดตามของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ |
|||||||||||||||||||||
3056 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 26/11/2545 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัย
แห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงแก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (กปอ.) โดยตำแหน่งกรรมการและเลขานุการ เปลี่ยนจาก "รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี" เป็น "อธิบดีกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย") ตามที่ กปอ. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า การกำหนดให้อธิบดีกรมทางหลวงชนบทร่วมเป็นคณะ กรรมการ กปอ. ตามร่างข้อ 5 นั้น โดยที่พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 บัญญัติ เป็นบทเฉพาะกาลให้โอนงานของกรมทางหลวงชนบทไปเป็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายในห้าปี จึง ควรกำหนดให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการดังกล่าวด้วย แล้วดำเนินการ ต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
3057 | การดำเนินการเกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 19/11/2545 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประเด็นปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไขในการดำเนินการเกี่ยวกับ
การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การดำเนินการเกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังมีปัญหา และอุปสรรคในด้านต่าง ๆ อยู่มาก ทั้งในด้านบุคลากร งาน และงบประมาณ โดยมีการโอนงานและ งบประมาณไปยังองค์กรปกครอง ฯ แล้ว แต่บุคลากรส่วนใหญ่ยังไม่ยอมไป นอกจากนี้ งบประมาณที่จัด สรรให้แก่องค์กรปกครอง ฯ กฎหมายกำหนดไว้ในสัดส่วนค่อนข้างสูงต้องมีการทบทวนหลักการและเหตุผล ประกอบกับการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวยังมิได้มีการศึกษาวิจัย และประเมินผลในทางวิชาการ และสำนัก งานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ของกระทรวงมหาดไทยต้องทบทวนบทบาทและภารกิจให้เหมาะสมกับ การพัฒนาท้องถิ่นทั้งในด้านบุคลากรและงบประมาณ จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจ ยุทธ) รับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทาง และมาตรการในการ ดำเนินการและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ ให้พิจารณาด้วยว่าสัดส่วนการจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปก ครอง ฯ ตามที่กฎหมายกำหนดมีความเหมาะสมหรือไม่เพียงใด รวมทั้งหากมีการโอนสำนักงานคณะกรรม การกระจายอำนาจ ฯ ไปสังกัดกระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) และจะดำเนินการ โดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกาได้หรือไม่ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
3058 | การสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ | นร | 29/10/2545 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ
สรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 300/2545 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2545 โดยมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ ตามมติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ ในคณะกรรมการดังกล่าว รวม 10 คน โดยเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ต้องทำงานเต็มเวลา 3 คน ได้แก่ นายมนุชญ์ วัฒนโกเมร นางสาว อรพินท์ สพโชคชัย และนายธรรมรักษ์ การพิศิษฐ์ ตามที่คณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะ กรรมการ ก.พ.ร. เสนอ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2545 เป็นต้นไป |
|||||||||||||||||||||
3059 | รายงานสรุปการช่วยเหลือน้ำท่วมของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 29/10/2545 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานสรุปการช่วยเหลือน้ำท่วมของการไฟฟ้า
ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตั้งแต่เดือนสิงหาคม - ตุลาคม 2545 โดยแบ่งการช่วยเหลือออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงน้ำท่วม งบประมาณ 3,500,000 บาท และภายหลังน้ำท่วม งบประมาณ 50,000,000 บาท พื้นที่ดำเนินการ 4 ภาค ประกอบด้วย พื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตก โดยจัดตั้งศูนย์ประสานงานทั้ง 4 ภาค ภายใต้ชื่อโครงการ "บรรเทาอุทกภัย จากใจ กฟผ." ซึ่งกิจกรรมที่ศูนย์ ประสานงานได้ดำเนินการช่วยเหลือเบื้องต้น ได้แก่ การแจกจ่ายถุงยังชีพแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในจังหวัด ต่าง ๆ สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ และยานพาหนะรับส่งราษฎรในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย ทำคันกั้นน้ำ ยกพื้น ทางเดิน มอบน้ำดื่ม และมอบเงินสนับสนุน ส่วนการช่วยเหลือภายหลังน้ำท่วม ได้แก่ ซ่อมแซมสาธารณูปโภค ช่วยเหลือเรื่องเมล็ดพันธุ์พืช ซ่อมแซมอาคาร บ้านเรือน อุปกรณ์ไฟฟ้า จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ และ อสม. กฟผ. บริการตรวจรักษาฟรี และดำเนินการกำจัดกลิ่นเน่าเหม็นในอาคาร บ้านเรือน สถานศึกษา วัด โรงเรียน ฯลฯ นอกจากนี้ กฟผ. ได้ให้ความสำคัญกับราษฎรในท้องถิ่นเกี่ยวกับการจ้างงาน โดยเน้นการ ใช้แรงงานท้องถิ่นเป็นหลัก เพื่อให้การช่วยเหลือกระจายไปสู่ระดับรากหญ้า ซึ่งเป็นการฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของ ราษฎรให้ดีขึ้น และนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
3060 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินภาครัฐ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกันยายน 2545 | กค | 15/10/2545 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินภาครัฐตั้งแต่ต้นปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2545 จนถึงวันที่ 15 กันยายน 2545 โดยผลการเบิกจ่ายเงินในภาพรวมมีจำนวน 829,388 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.07 ของวงเงินงบประมาณ จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ 659,361 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 87.52 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุน 170,027 ล้านบาท หรือร้อยละ 63.07 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน โดยกระทรวงที่มีการเบิกจ่ายสูงสุดใน 2 สัปดาห์แรกของเดือน ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ ส่วนผลการเบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีจนถึงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน หน่วยงานอิสระตาม รัฐธรรมนูญมีอัตราการเบิกจ่ายสูงสุด ผลการเบิกจ่ายเงินงบลงทุนแยกเป็นส่วนกลางและส่วนภูมิภาคมีการ เบิกจ่ายจำนวน 226,672 ล้านบาท แยกเป็นส่วนกลาง 85,772 ล้านบาท และส่วนภูมิภาค 140,900 ล้าน บาท สำหรับการเบิกจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน 58,000 ล้านบาท คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการเป็นเงิน 36,388 ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้ว 12,899 ล้านบาท หรือร้อยละ 35.45 ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติโครงการ การเบิกจ่ายเงินงบประมาณโครงการถ่ายโอน/กิจกรรมสาธารณะ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการเบิกจ่ายเงินจากคลัง 24,093 ล้านบาท หรือร้อยละ 89.02 ของ วงเงินงบประมาณ ผลการเบิกจ่ายเงินนอกงบประมาณของกองทุนและเงินทุนหมุนเวียน มีการเบิกจ่ายเงิน จำนวน 92 กองทุน เป็นเงิน 111,746 ล้านบาท หรือร้อยละ 73.82 ของแผนการใช้จ่ายเงิน นอกจากนี้ ผล การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ มีการเบิกจ่าย 41,861 ล้านบาท หรือร้อยละ 72.02 ของแผนการใช้จ่ายเงิน กู้ต่างประเทศ และผลการเบิกจ่ายเงินของรัฐวิสาหกิจ มีการเบิกจ่าย 1,226,543 ล้านบาท หรือร้อยละ 88.97 ของแผนการใช้จ่ายเงิน ทั้งนี้ ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ เงินนอกงบประมาณ เงินกู้ต่างประเทศ และเงินของรัฐวิสาหกิจ เมื่อหักรายการซ้ำซ้อนจำนวน 106,368 ล้านบาทแล้ว ทำให้การเบิกจ่ายมีจำนวน ทั้งสิ้น 2,103,170 ล้านบาท หรือร้อยละ 88.77 ของแผนการใช้จ่ายเงินภาครัฐ |
.....