รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการ
เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเห็นว่า การเดินทางไปใช้
สิทธิเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในบางพื้นที่มีความยากลำบาก คณะกรรมการการเลือกตั้งควรประสานงาน
กับหน่วยงานของรัฐจัดยานพาหนะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้อย่างทั่วถึง    ส่วนในกรณีที่
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเรียก  รับ  หรือยอมจะรับเงินทรัพย์สิน  หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เพื่อลง
คะแนนเลือกตั้งหรืองดเว้นไม่ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครใดซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการทุจริตในการ
เลือกตั้ง คณะกรรมการ ฯ ควรกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ได้ผลต่อไป  ตามที่สำนัก
งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ และมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย   และสำนักงบประมาณรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการ    แล้วแจ้งให้สำนัก
เลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยว
กับร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... ซึ่งเห็นควรแก้ไขร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา ให้รับ
รองสิทธิชุมชนท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ให้สามารถจัดการป่าชุมชนได้  และให้มีกระบวนการสนับสนุน ตรวจ
สอบ ถ่วงดุลที่เหมาะสม  รวมทั้งควรปรับเปลี่ยนนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง  เช่น  แก้ไขกฎหมายป่าไม้  การ
ปฏิรูปกรมป่าไม้   การปฏิรูปที่ดิน   และมีนโยบายที่ชัดเจนต่อการพัฒนาองค์ความรู้ด้านความหลากหลายทางชีว
ภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นในด้านอาหารและยา ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และมอบให้กระทรวง
เกษตรและสหกรณ์รับไปจัดทำข้อมูล ความเห็น  และผลการพิจารณาดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมดส่งไป
ยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อแจ้งประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเปิดเผยเหตุผลให้
สาธารณชนทราบต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการศึกษาดูงานของคณะผู้แทนจาก
ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์ตะวันออก ระหว่างวันที่ 20 สิงหาคม-3 กันยายน 2545  เพื่อศึกษา
ดูงานด้านระบบการบริหารราชการแผ่นดิน เกษตรกรรม และเศรษฐกิจ ของประเทศไทย โดยเน้นการศึกษา
ดูงานในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1, 2 และ 3 ที่จังหวัดกาญจนบุรี อุบลราชธานี  และลำปาง  ซึ่งเป็นที่ตั้งของ 
หน่วยทหารที่เคยไปปฏิบัติหน้าที่ในติมอร์ตะวันออก  และยังมีความคุ้นเคยกับประชาชนชาวติมอร์ตะวันออกเป็น
อย่างดี โดยคณะผู้แทนที่เดินทางมาศึกษาดูงานดังกล่าวได้รับการแนะนำพื้นฐานและหลักการด้านต่าง ๆ และ
ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็น    และมีแนวโน้มที่จะปรึกษาเพื่อกำหนดแนวทางการสร้างชาติและพัฒนา
ประเทศร่วมกัน   สำหรับประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับ  คือ  การบรรลุเป้าหมายในการให้ความช่วยเหลือและ
สนับสนุนให้ตัวแทนของประชาชนชาวติมอร์ตะวันออกในระดับผู้นำท้องถิ่น จากหมู่บ้านต่าง ๆ ทั่วประเทศให้ได้
รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นรากฐานในการประสานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้แน่นแฟ้นและยั่งยืน

         คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 646 ร. เรื่อง การยกเลิกตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน 
ฯลฯ ในเขตเทศบาลตำบล  ของนายนพคุณ  รัฐผไท  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่  ซึ่งถามว่า 
หน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล และสารวัตรกำนัน มีความแตกต่างกับ
หน้าที่ของนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาท้องถิ่น   ซึ่งไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ทดแทนกันได้   รัฐบาลมี
นโยบายเพื่อการดำรงอยู่ของตำแหน่งกำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน  ฯลฯ  อย่างไร   และจะสำรวจความคิดเห็นของ
ประชาชนในเขตเทศบาลตำบลที่มีตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ แล้วถูกยกเลิกไปหรือไม่ อย่างไร เพื่อ
ทราบปัญหาความต้องการที่แท้จริงของประชาชน  ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ   และให้
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินภาครัฐในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2545 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่  30  สิงหาคม  2545  โดยผลการเบิกจ่ายเงินในภาพรวม กรณีไม่
รวมงบกลางรายการค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (58,000 ล้านบาท) มีการเบิกจ่าย  800,611  ล้าน
บาท  หรือร้อยละ 82.96 ของวงเงินงบประมาณ (965,000 ล้านบาท) และกรณีรวมงบกลางรายการค่าใช้จ่าย
สำรอง ฯ มีการเบิกจ่ายเงิน 812,904 ล้านบาท หรือร้อยละ 79.46 ของวงเงินงบประมาณ  (1,023,000 ล้าน
บาท) จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ 649,342  ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 163,562 ล้านบาท สำหรับการเบิก
จ่ายงบลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบลงทุนเกิน  1,000  ล้านบาท   จำนวน  26  แห่ง    มีการเบิกจ่าย
จำนวน  117,303  ล้านบาท   หรือร้อยละ  72.66  ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนในกลุ่มนี้   การเบิกจ่ายเงิน
งบประมาณโครงการถ่ายโอนงาน/กิจกรรมสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีจำนวน 23,674 ล้าน
บาท คิดเป็นร้อยละ 87.47 ของวงเงินงบประมาณโครงการถ่ายโอน ฯ  รวมทั้งการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ  งบ
กลางรายการค่าใช้จ่ายสำรองกระตุ้นเศรษฐกิจมีจำนวน 12,293 ล้านบาท  หรือร้อยละ  33.78  ของวงเงินงบ
ประมาณที่ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี    ส่วนการเบิกจ่ายเงินนอกงบประมาณในส่วนของกองทุนและเงิน
ทุนหมุนเวียนมีการเบิกจ่ายเงินจำนวน 92 กองทุน เป็นเงิน 108,707 ล้านบาท  หรือร้อยละ 78.92 ของแผน
การใช้จ่ายเงินจำนวน 137,738 ล้านบาท  เงินกู้ต่างประเทศมีการเบิกจ่าย  41,286  ล้านบาท   หรือร้อยละ 
76.66  ของแผนการใช้จ่ายเงินกู้ต่างประเทศจำนวน 53,859 ล้านบาท  และเงินของรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่าย
1,219,775 ล้านบาท แบ่งเป็นงบทำการ 1,123,650 ล้านบาท และงบลงทุน 96,125 ล้านบาท โดยในส่วน
ของงบลงทุนเป็นการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 29 แห่ง (ไม่รวมรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน) ทั้งนี้
ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ  เงินนอกงบประมาณ  เงินกู้ต่างประเทศ  และเงินของรัฐวิสาหกิจ  เมื่อหักราย
การซ้ำซ้อนจำนวน  105,196  ล้านบาทแล้ว   ทำให้การเบิกจ่ายเงินภาครัฐมีจำนวนรวมทั้งสิ้น  2,077,476 
ล้านบาท หรือร้อยละ 87.68 วงเงินภาครัฐจำนวน 2,369,327 ล้านบาท

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานสรุปผลการประชุมโต๊ะกลมรัฐมนตรี
ด้านวัฒนธรรม ครั้งที่ 3 เรื่อง  "Intangible Cultural Heritage-A Mirror of Cultural  Diversity"  ระหว่างวันที่
16-17 กันยายน 2545  ณ  เมืองอิสตันบลู  ประเทศตุรกี  ซึ่งการประชุมดังกล่าวประกอบด้วยรัฐมนตรีที่ดู
แลงานด้านวัฒนธรรมจากประเทศสมาชิกองค์การยูเนสโก ผู้เชี่ยวชาญและผู้เกี่ยวข้องด้านงานวัฒนธรรมใน
ประเทศต่าง ๆ  รวมทั้งประเทศไทย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายสุวิทย์  คุณกิตติ) เป็น
หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม เพื่อร่วมอภิปรายให้ความคิดเห็นแก่ยูเนสโกในประเด็นที่ยูเนสโก
ได้กำหนดไว้เพื่อเตรียมการสำหรับการออกอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมรดกวัฒนธรรม
ที่จับต้องไม่ได้ โดยมีหัวข้ออภิปรายรวม 3 ประเด็น ได้แก่ เหตุผลและความจำเป็นในการพิทักษ์รักษามรดก
วัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืน การเผชิญกับสิ่งที่ท้าทาย
ต่าง  ๆ  เกี่ยวกับมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้  และนโยบายและกลไกความร่วมมือในระดับท้องถิ่น   และ
นานาชาติ เพื่อพิทักษ์รักษา  ตลอดจนส่งเสริมมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้  ซึ่งผลการประชุมได้ประกาศ
ออกในลักษณะการร่างแถลงการณ์ร่วม (Istanbul Declaration) ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทยได้เสนอแก้ไข
เพิ่มเติมโดยเน้นเรื่องมาตรการทางการศึกษาและการให้ข้อมูลข่าวสารแก่ชุมชน  นอกจากนี้ ได้เรียกร้องให้
ยูเนสโกแจ้งข้อมูลแก่ประเทศสมาชิกว่ามีความร่วมมือในเรื่องนี้กับองค์การระหว่างประเทศอื่นอย่างไรบ้าง 
เพื่อประเทศสมาชิกจะได้ประสานนโยบายในเรื่องนี้ได้เหมาะสมยิ่งขึ้นซึ่งข้อเสนอดังกล่าวได้รับการยอมรับ
เป็นอย่างดีและปรากฏอยู่ในแถลงการณ์ด้วย

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน ครั้งที่ 3/2545 
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปองพล  อดิเรกสาร) ประธานกรรมการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน เสนอ  ได้แก่
กรณีปัญหาเขื่อนปากมูล  กรณีปัญหาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำลำตะคองแบบสูบกลับ   และกรณีปัญหาป่าไม้ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก (กรณีโครงการฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจาก คจก.  ป่าดงลาน  อำเภอสีชมพู
จังหวัดขอนแก่น  กรณีค่าชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการ  คจก.  ป่าดองลาน  อำเภอสีชมพู  จังหวัดขอนแก่น
กรณีสวนป่าหนองเยาะ อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์  และกรณีสวนป่าดงมะไฟ อำเภอเมือง อำเภอทรายมูล จังหวัด
ยโสธร) โดยคณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า ต่อไปเมื่อมีการปฏิรูประบบราชการแล้ว แนวทางร้องเรียนควรเป็นไปตาม
ระบบ โดยเป็นเรื่องของท้องถิ่นที่จะดำเนินการ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3)
ที่มีมติเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม  (องค์การจัดการน้ำเสีย)  เข้า
ดำเนินการเพื่อปรับปรุงฟื้นฟูและบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียที่ก่อสร้างแล้วเฉพาะที่องค์การ ฯ ได้รับการ
จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2545  ไปแล้ว  จำนวน  9  พื้นที่  ได้แก่   เทศบาลเมือง
ศรีราชา  จังหวัดชลบุรี  เทศบาลเมืองสกลนคร  จังหวัดสกลนคร  เทศบาลเมืองเพชรบุรี  จังหวัดเพชรบุรี  เทศ
บาลเมืองชุมแสง   จังหวัดนครสวรรค์   เทศบาลตำบลหัวหิน   จังหวัดประจวบคีรีขันธ์   เทศบาลตำบลบ้านเพ
จังหวัดระยอง เทศบาลตำบลป่าตอง จังหวัดภูเก็ต เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  เมือง
พัทยา  จังหวัดชลบุรี   และให้รับประเด็นอภิปรายของ คกก.3  (เกี่ยวกับการปรับปรุงฟื้นฟูและบริหารจัดการ
ระบบบำบัดน้ำเสียที่ก่อสร้างแล้วใน  9  พื้นที่ดังกล่าว  สำหรับพื้นที่แห่งอื่น ๆ  ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ประสงค์จะให้องค์การ  ฯ   เข้าไปดำเนินการ   ให้จัดทำรายละเอียดแผนปรับปรุงฟื้นฟู  ฯ  แผนการจัดเก็บค่า
บริการ โดยมีหลักเกณฑ์ว่า ผู้ก่อให้เกิดมลพิษเป็นผู้จ่าย และเมื่อพื้นที่ใดพร้อม  ก็ให้นำเสนอขอความเห็นชอบ
จากคณะรัฐมนตรีเป็นรายกรณี ๆ ไป)  ไปพิจารณาดำเนินการด้วย   รวมทั้งให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ  ราย
งานผลการดำเนินงานให้ คกก.3 ทราบด้วย  และให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรให้องค์การ ฯ  ปรับ
ปรุงคุณภาพของบุคลากรและขีดความสามารถขององค์กรให้รองรับภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ไปดำเนิน
การด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย
พ.ศ. 2545-2549  รวมทั้งข้อคิดเห็นเพิ่มเติมจากคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ  ตามที่รอง
นายกรัฐมนตรี (นายกร ทัพพะรังสี) รองประธานคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติเสนอ  โดย
ให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม และรัฐวิสาหกิจทุกหน่วยงานจัดทำ และ/หรือปรับแผนแม่บทของหน่วยงานตน
ให้สอดคล้องกับแผนแม่บท ฯ ระดับประเทศ ทั้งในด้านสารัตถะและกรอบระยะเวลาการดำเนินงาน และให้
สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการ  ฯ  พิจารณาร่วมกับกระทรวง  ทบวง  กรม  ที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผน
ปฏิบัติของทุกส่วนราชการและหน่วยงาน รวมไปถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สอดคล้องตรงตามแผน
แม่บท ฯ  แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน 60 วัน และให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง
ซึ่งมีแผนหรือกำลังเตรียมการจัดทำบัตรประจำตัวและบัตร Smart Card ให้แก่ประชาชน จัดส่งข้อมูล/แผน
งานในเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ เพื่อเป็นศูนย์
กลางรวบรวม และบูรณาการให้มีความสอดคล้องในทางปฏิบัติ มาตรฐานข้อมูล  และมาตรฐานกลางของ
ระบบการอ่านที่สามารถใช้บัตรเดียวเก็บข้อมูลร่วมกันได้หลายหน่วยงาน    กับให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ
เป็นหน่วยงานหลักดำเนินงานเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการเก็บข้อมูลสำรวจที่ลงไปถึงท้องถิ่น  สำหรับการ
จัดตั้งสำนักงานส่งเสริมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำนักงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสารสน
เทศและการสื่อสาร  และกรมสำรวจและทำแผนที่พลเรือน ขึ้นในกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สื่อสาร  มอบให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติจัดทำร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อ
สามารถเสนอให้รัฐมนตรีกระทรวงใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้นพิจารณาได้อย่างรวดเร็วต่อไป  ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมี
ความเห็นเพิ่มเติมว่าร่างแผนแม่บทดังกล่าวควรให้ความสำคัญต่อการจัดการศึกษาซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ
เทคโนโลยีสารสนเทศโดยตรง ตามที่ปรากฏในยุทธศาสตร์ โดยระบุไว้ในพันธกิจให้ชัดเจน  และให้แก้ไข
ชื่อของกระทรวงศึกษาธิการให้ถูกต้องตรงตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง  กรม  ฉบับใหม่
ด้วย   นอกจากนี้   การบริหารและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ควรมีกฎหมายเกี่ยวกับ
เรื่องนี้ให้น้อยที่สุด  เพื่อให้มีความคล่องตัวและเป็นการเปิดกว้างทางเทคโนโลยี  เพราะเทคโนโลยีด้านนี้
มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ทบวงมหาวิทยาลัยรายงานผลการดำเนินงานโครงการเรียนรู้ร่วม
กัน สรรค์สร้างชุมชน  สรุปได้ว่า  การดำเนินงานโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  ในส่วนภาคสนามได้
เสร็จสิ้นแล้ว ประกอบด้วย นิสิตนักศึกษา 5,719 คน อาจารย์ที่ปรึกษาและอาจารย์นิเทศ 434 คน จากมหา
วิทยาลัย/วิทยาลัย ทั้งของรัฐและเอกชน สถาบันราชภัฏและสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล  รวม  90  สถาบัน
โดยปฏิบัติงานในพื้นที่ 152 ชุมชน ของ 76 จังหวัด ระยะเวลา 30 วัน  (1-30 เมษายน 2545)  และร่วมกัน
จัดทำรายงานสรุป (ระหว่างวันที่ 1-31 พฤษภาคม 2545) เสนออีกจำนวน 152 ชุด ๆ ละ 10 เล่ม  ขณะนี้
กำลังเตรียมการจัดแสดงนิทรรศการแสดงผลงานในช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน 2545  ณ กรุงเทพมหา
นคร และจากผลการดำเนินงาน นิสิตนักศึกษาได้ประสบการณ์จากการทำงานในชุมชนโดยได้รู้จักการเรียน
รู้ การแก้ไขปัญหาและการเสียสละในการช่วยเหลือสังคม รู้จักหัดคิดในสิ่งที่สามารถทำประโยชน์ให้กับสังคม
ได้   สำหรับกิจกรรมภาคสนามทั้ง 8 ด้าน  ซึ่งได้แก่  กิจกรรมหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์  อินเตอร์เน็ตตำบล
ผังเมือง/ชุมชน/หมู่บ้าน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สุขภาพชุมชน/สาธารณสุข  สมุนไพร/อาหาร
เสริม  ศิลปะวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น  และการท่องเที่ยวใน 76 จังหวัด จังหวัดละ  2  ตำบล/ชุมชน
รวม  152  ชุมชน ที่นิสิตนักศึกษาได้เข้าไปมีส่วนร่วมนั้น  สามารถมองเห็นความเชื่อมโยงของแต่ละกิจกรรม 
โดยรู้จักการประสานงานกันโดยการแบ่งงานกันทำ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน   โดยสรุป   การดำเนินโครง
การเรียนรู้ร่วมกัน สรรค์สร้างชุมชน ในปี พ.ศ. 2545 เป็นไปตามวัตถุประสงค์และบรรลุเป้าหมายที่รัฐบาล
ตั้งไว้อย่างครบถ้วนทุกประการ

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานสรุปผลการสำรวจความรู้ความเข้าใจ
ของประชาชนเกี่ยวกับการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น สรุปได้ว่า  ประชาชนอายุ  18  ปีขึ้นไป  ส่วนใหญ่ประมาณ 
4 ใน 5 หรือร้อยละ 79.6  เคยได้ยินหรือทราบเรื่องการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  โดย
ร้อยละ 20.4 ไม่เคยได้ยินหรือไม่ทราบ ทั้งนี้ ร้อยละ  88.4  เห็นด้วยกับการที่จะมีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น
ไม่เห็นด้วยร้อยละ 11.6 โดยร้อยละ 55.2 เห็นว่าควรกระจายอำนาจไปในทุกจังหวัดและทุกพื้นที่พร้อมกัน และ
ประมาณร้อยละ  42.4  เห็นว่าควรกระจายอำนาจไปในจังหวัดที่สามารถบริหารจัดการด้วยตนเองได้   สำหรับ
แหล่งงบประมาณที่จะใช้ในการบริหารงาน   ร้อยละ  71.3  เห็นว่าควรเป็นงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจาก
รัฐบาล  ร้อยละ 47.1 เห็นควรเป็นงบประมาณจากภาษีอากรของท้องถิ่น  ร้อยละ 42.7  เป็นงบประมาณของ
ท้องถิ่น  และร้อยละ  24.2  เป็นงบประมาณที่ได้จากผลประโยชน์/ทรัพยากรของท้องถิ่น  นอกจากนี้  ร้อยละ 
56.2 เห็นว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความพร้อมในการบริหารงานส่วนท้องถิ่น และร้อยละ 19.8 เห็นว่า
ยังไม่พร้อม และประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป เกือบ 3 ใน  4  หรือร้อยละ 72.4  มีความพอใจต่อการบริหารงาน
ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปัจจุบัน โดยมีผู้ที่ไม่พอใจร้อยละ 27.6

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณรายงานผลการอนุมัติเงินประจำงวดของส่วน
ราชการและรัฐวิสาหกิจ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณถึงวันที่  19 กันยายน  2545  มี
จำนวนทั้งสิ้น  1,002,342.7  ล้านบาท  คิดเป็นร้อยละ  98.0  ของวงเงินงบประมาณจำนวน 1,023,000 
ล้านบาท เป็นการอนุมัติเงินประจำงวดสำหรับรายจ่ายลงทุนมีจำนวน 244,117.4 ล้านบาท  หรือร้อยละ 
109.2 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน  และรายจ่ายประจำมีจำนวน  758,225.3  ล้านบาท หรือร้อยละ
94.9  ของงบประมาณรายจ่ายประจำ   ส่วนการอนุมัติเงินประจำงวดของโครงการถ่ายโอนงาน/กิจกรรม
บริการสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีจำนวนทั้งสิ้น  26,947.9  ล้านบาท    คิดเป็นร้อยละ 
99.6  ของวงเงินงบประมาณโครงการถ่ายโอน ฯ  จำนวน 27,061.8 ล้านบาท  และการอนุมัติเงินประจำ
งวดงาน/โครงการภายใต้งบกลางรายการค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมีจำนวนทั้งสิ้น 20,390.0 
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 56.0 ของวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติจำนวน 36,388.1 ล้านบาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาการก่อสร้างถนนและระบบสาธารณูปโภคภาย
ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  ของสำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก  โดยปรับปรุง
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ  พ.ศ. 2535     และที่แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดอัตรา
ค่าปรับสำหรับงานก่อสร้างสาธารณูปโภคที่มีผลกระทบต่อการจราจร   ให้สูงขึ้นจากอัตราร้อยละ   0.25
เป็นร้อยละ  0.5  ของราคางานจ้างนั้น  โดยงานก่อสร้างสาธารณูปโภคที่มีการดำเนินงานในผิวจราจรใน
เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลปกติให้กำหนดระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน  1  ปี     และให้รัฐวิสาหกิจ
หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติ
ให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานอื่นของรัฐ  ปรับปรุงระเบียบหรือข้อบังคับให้สอด
คล้องกันต่อไป  ทั้งนี้  ให้มีผลใช้บังคับสำหรับการจัดหาที่จะดำเนินการ  ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2545 เป็น
ต้นไป ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) เสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินภาครัฐ ตั้งแต่ต้นปีงบ
ประมาณจนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2545 โดยผลการเบิกจ่ายเงินในภาพรวมมีจำนวน 763,868 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 74.67 ของวงเงินงบประมาณ จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ 609,291 ล้านบาท หรือร้อยละ 80.55 ของ
วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุน  154,577  ล้านบาท หรือร้อยละ   57.99  ของวงเงินงบ
ประมาณรายจ่ายลงทุน  โดยกระทรวงที่มีการเบิกจ่ายสูงสุดใน 2 สัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม 2545  ได้แก่
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ส่วนหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญมีการเบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปี
จนถึงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม 2545 มากที่สุด  สำหรับการเบิกจ่ายเงินงบลงทุนแยกเป็นส่วนกลางและ
ส่วนภูมิภาค มีการเบิกจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 54,527 ล้านบาท และ 100,049 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนการเบิก
จ่ายงบกลาง  รายการค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน  58,000  ล้านบาท  คณะรัฐมนตรีมีการ
อนุมัติโครงการเป็นเงินทั้งสิ้น 30,915 ล้านบาท  และเบิกจ่ายไปแล้ว 11,713 ล้านบาท  หรือร้อยละ 37.89
ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติโครงการ การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของโครงการถ่ายโอน/กิจกรรมสาธารณะให้แก่
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการเบิกจ่ายเงินจากคลัง 23,067 ล้านบาท  หรือร้อยละ  85.23  ของวงเงินงบ
ประมาณ  นอกจากนี้ ผลการเบิกจ่ายเงินนอกงบประมาณของกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนมีการเบิกจ่ายเงิน
จำนวน 92 กองทุน เป็นเงิน 108,534 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.41  รวมทั้งการเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศมี
การเบิกจ่าย 39,784 ล้านบาท หรือร้อยละ 73.11 และผลการเบิกจ่ายเงินของรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายแล้ว
1,115,065 ล้านบาท หรือร้อยละ 80.88 ทั้งนี้ ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ  เงินนอกงบประมาณ  เงินกู้
ต่างประเทศ และเงินของรัฐวิสาหกิจ  เมื่อหักรายการซ้ำซ้อนจำนวน 103,637 ล้านบาทแล้ว  ทำให้การเบิก
จ่ายมีทั้งสิ้น 1,923,614 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.19 ของแผนการใช้จ่ายเงินภาครัฐ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการจัดงานเทศกาลสุราแช่ไทย ของ
คณะกรรมการอำนวยการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ แห่งชาติ  ระหว่างวันที่ 6-10 กันยายน 2545   ณ  ศูนย์
การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยวัตถุประสงค์ของการจัดงานดังกล่าว เพื่อส่งเสริมสนับสนุนสุราแช่ไทยซึ่งเป็นภูมิ
ปัญญาท้องถิ่นให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐาน เพื่อแนะนำสุราแช่ไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย  และ
เพิ่มช่องทางการตลาดและสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิต   ผู้ประกอบการสุราแช่ไทย   โดยในงานดังกล่าว  มีการจัด
กิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่  การประกวดการบรรจุภัณฑ์  การแสดงนิทรรศการสุราแช่ไทย  การชิมสุราแช่ไทย  และ
การจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุราแช่ไทย  อาหารกับแกล้ม  อุปกรณ์เครื่องใช้เกี่ยวกับสุราแช่และสินค้าชุมชน  มีผู้เข้า
ชมงาน รวม 5 วัน ประมาณ 123,000 คน มีข้อเสนอแนะต้องการให้มีการจัดงานอีก  โดยจัดอย่างน้อยปีละ 2-
3 ครั้ง และควรขยายเวลาในการจัดงานให้เป็น 7-10 วัน รวมทั้งรูปแบบการบรรจุภัณฑ์สุราแช่ ควรพัฒนาให้
ดีและสวยงามมากขึ้น สำหรับผลสำเร็จของการจัดงาน บรรลุตามวัตถุประสงค์อย่างดียิ่งทั้งในด้านความพึงพอ
ใจของผู้ชมงาน  การสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิต  ผู้ประกอบการจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์  และการส่งเสริมภูมิ
ปัญญาท้องถิ่นสู่สากลตามนโยบายหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ของรัฐบาล  กระทรวงมหาดไทยจะขยายผลใน
ด้านการพัฒนาคุณภาพและการตลาดของสุราแช่ไทยต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานการดำเนินกิจกรรม
"โครงการรัฐบาลพบประชาชน" ครั้งที่ 1 โดยคณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและโฆษกทุกกระทรวง
ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมโครงการรัฐบาลพบประชาชนขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2545 ณ จังหวัด
สกลนคร เพื่อนำสื่อมวลชนไปติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ ได้แก่ โครงการสร้างหลัก
ประกันสุขภาพถ้วนหน้า  กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง โครงการพักชำระหนี้เกษตรกร  โครงการธนาคาร
ประชาชน  ฯลฯ   ตลอดจนรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะของประชาชน  ได้แบ่งคณะสื่อมวลชนไปเยี่ยมชมกิจ
กรรม เป็น 5 คณะ คณะสื่อมวลชนให้ความสนใจและรายงานข่าวโครงการ  "รัฐบาลพบประชาชน"  ครั้งที่  1 
โดยเห็นว่าเป็นมิติใหม่ แนวทางใหม่ ที่ใช้กิจกรรมเป็นตัวนำร่อง ซึ่งเนื้อหาการนำเสนอข่าวโดยรวมของสื่อมวล
ชน เน้นคำปราศรัยของนายกรัฐมนตรี  ส่วนประชาชนในท้องถิ่น ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะ
ที่ผ่าน ๆ  มาไม่เคยมีรัฐบาลใดเข้ามาที่จังหวัด และอยากให้รัฐบาลเดินทางมาพบประชาชนอย่างสม่ำเสมอ ทั้ง
นี้ จะมีการประเมินกิจกรรม 6 เดือนต่อครั้ง โดยจะประสานกับสำนักงานสถิติแห่งชาติในพื้นที่เป้าหมาย  เพื่อ
ประเมินถึงความพึงพอใจ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อรัฐบาล

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินงานโครงการ หนึ่งตำบล 
หนึ่งผลิตภัณฑ์ จาก 75 จังหวัด ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิงหาคม 2545 โดยรายได้จากการจำหน่ายสินค้าหนึ่ง
ตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นเงิน 14,250,067,607 บาท คิดเป็นร้อยละ 130.66  ของประมาณการรายได้จาก
การจำหน่าย (เป้าหมาย) ปี พ.ศ. 2545  (10,906,140,000 บาท)  สำหรับการส่งเสริมการตลาด  มีสถาน
ที่จำหน่ายสินค้า  เช่น  ศูนย์สาธิตการตลาด  สถานีบริการน้ำมัน  ห้างสรรพสินค้า  ร้านค้าทั่วไป  ฯลฯ  รวม
14,816 แห่ง  รวมทั้งการพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ มีผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐาน เช่น
อย. มอก. ฮาลาล ฯลฯ รวม 3,169 ผลิตภัณฑ์  ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานโครงการในห้วงระยะเวลา 8 เดือน ทำ
ให้ประชาชนมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นเพิ่มสูงขึ้น สามารถบรรเทาปัญหาความ
ยากจนของประชาชน เป็นผลให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น และยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการใช้สินค้า
ไทยและนิยมไทยตามนโยบายของรัฐบาลด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5  ที่มีมติ
เห็นชอบมติคณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น (กนภ.) ในการประชุม ครั้งที่
1/2545   ซึ่งเห็นชอบกรอบแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจน  โดยให้แต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์
แก้ไขปัญหาความยากจนแห่งชาติ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน  มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและ
แนวทางในการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนของประเทศ  และส่งเสริมให้มีการจัดตั้งสถาบันยุทธ
ศาสตร์แก้ไขปัญหาความยากจนที่เป็นองค์กรอิสระ รวมทั้งให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องใช้พื้นที่เป้าหมาย
ยากจนเป็นพื้นที่ปฏิบัติการในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน     และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนา
การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักในการประสานการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมกับหน่วย
งานที่เกี่ยวข้อง  และภาคีการพัฒนาต่าง ๆ  และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมติ ข้อสังเกตของ กนภ. (ที่มอบ
หมายให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ดำเนินการในการบูรณาการกองทุนต่าง  ๆ   ที่มีอยู่   เพื่อลดปัญหาความ
ซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน  กับมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาปรับแก้กฎหมายที่
เกี่ยวข้องให้เอื้ออำนวยต่อคนจนมากขึ้น และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง
ชาติประสานงานกับภาคีการพัฒนาต่าง  ๆ    ให้เข้ามาร่วมสนับสนุนในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน
โดยอาจทำเป็นพื้นที่นำร่องก่อน) ไปพิจารณาดำเนินการ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณรายงานผลการอนุมัติเงินประจำงวดของส่วน
ราชการและรัฐวิสาหกิจ  ปีงบประมาณ  พ.ศ. 2545  ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณถึงวันที่  5  กันยายน  2545  มี
จำนวนทั้งสิ้น 977,188.9 ล้านบาท  คิดเป็นร้อยละ 95.5 ของวงเงินงบประมาณ จำนวน 1,023,000 บาท
เป็นการอนุมัติเงินประจำงวดสำหรับรายจ่ายลงทุน จำนวน 220,687.2 ล้านบาท  หรือร้อยละ  98.7  ของ
งบประมาณรายจ่ายลงทุน  และรายจ่ายประจำ จำนวน  756,501.7  ล้านบาท  หรือร้อยละ  94.6  ของงบ
ประมาณรายจ่ายประจำ ส่วนการอนุมัติเงินประจำงวดของโครงการถ่ายโอนงาน/กิจกรรมบริการสาธารณะ
ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีจำนวนทั้งสิ้น 26,882.2 ล้านบาท  คิดเป็นร้อยละ  99.3  ของวงเงินงบ
ประมาณโครงการถ่ายโอน ฯ  จำนวน 27,061.8 ล้านบาท  รวมทั้งการอนุมัติเงินประจำงวดของงาน/โครง
การภายใต้งบกลางรายการค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ มีจำนวนทั้งสิ้น 20,300.2 ล้านบาท  คิด
เป็นร้อยละ 65.6 ของวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ จำนวน 30,946.3 ล้านบาท

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 715 ร. เรื่อง การบริการโทรเลขภายในประเทศ
ของนายอำนวย คลังผา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี  ซึ่งถามว่า  รัฐบาลมีนโยบายปรับปรุงโทร
เลขเป็นบริการพื้นฐาน โดยเฉพาะกับประชาชนในท้องถิ่นทุรกันดารไว้อย่างไร   และจะมีการยกเลิกบริการ
โทรเลขหรือไม่  รวมทั้งมีมาตรการป้องกันปัญหาของบริการจดหมายที่อัตราค่าส่งฉบับละ 2 บาท ขาดทุน
เหมือนโทรเลขไว้อย่างไร  เมื่อจะมีการแปรรูปการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) ค่าส่งจดหมายต้องปรับ
ขึ้นหรือไม่ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป