ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 60 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1181 - 1200 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1181 | รายงานผลการตรวจสอบที่มีข้อเสนอแนะในการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่ง (เรื่อง สิทธิชุมชนและสิทธิในทรัพย์สิน กรณีได้รับผลกระทบโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี) | สม | 15/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาและผลการดำเนินการเกี่ยวกับรายงานผลการตรวจสอบที่มีข้อเสนอแนะในการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่ง (เรื่อง สิทธิชุมชนและสิทธิในทรัพย์สิน กรณีได้รับผลกระทบโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข ๘๑ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1182 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยผู้ดำเนินการสถานพยาบาลตามประเภท และลักษณะการให้บริการทางการแพทย์ของสถานพยาบาล พ.ศ. .... | สธ | 15/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยผู้ดำเนินการสถานพยาบาลตามประเภท และลักษณะการให้บริการทางการแพทย์ของสถานพยาบาล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงว่าด้วยผู้ดำเนินการสถานพยาบาลตามประเภทและลักษณะการให้บริการทางการแพทย์ของสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อกำหนดประเภทและลักษณะการให้บริการทางการแพทย์ของสถานพยาบาลที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทันตกรรม การพยาบาลและการผดุงครรภ์ กายภาพบำบัด เทคนิคการแพทย์ การแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ และผู้ประกอบโรคศิลปะ มีสิทธิได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ดำเนินการ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1183 | แนวทางการพัฒนาโครงข่ายด้านคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 และผลการดำเนินงานโครงการสำคัญ | คค | 08/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการพัฒนาโครงข่ายด้านคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑ (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์) และผลการดำเนินงานโครงการสำคัญ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การพัฒนาโครงข่ายเชื่อมโยงกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑ กับภูมิภาคอื่น ได้กำหนดแนวทางการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางถนน ทางราง และทางอากาศ ให้ครอบคลุมในภูมิภาคเดียวกัน และเชื่อมโยงด้านคมนาคมขนส่งระหว่างภูมิภาค ทั้งภาคกลาง และกรุงเทพฯ ภาคตะวันออก รวมถึงพื้นที่ชายแดน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาโครงข่ายการเดินทางให้เกิดการเชื่อมโยงทั่วถึงตลอดแนวเหนือ-ใต้ และแนวตะวันออก-ตะวันตก โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ (๑) เชื่อมโยงระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง (ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม และกาฬสินธุ์) และตอนบน (หนองคาย เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู นครพนม มุกดาหาร และสกลนคร) (๒) เชื่อมโยงภายในกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑ และ ๒ (สุรินทร์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร และอุบลราชธานี) และพื้นที่ชายแดน (๓) เชื่อมโยงไปยังภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร และ (๔) เชื่อมโยงไปยังภาคตะวันออก ๒. การเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงสายหลักเพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่ ได้ดำเนินการปรับปรุงเส้นทางหลวงให้สามารถรองรับการเดินทางของประชาชนได้สะดวก รวดเร็ว และมีความปลอดภัยมากขึ้น ได้แก่ (๑) โครงการก่อสร้างขยายช่องจราจรของทางหลวงสายหลัก และ (๒) การปรับปรุงเส้นทางให้เดินทางได้สะดวกและปลอดภัย ๓. การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยว กีฬานานาชาติ และนันทนาการ ได้ดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เพียงพอ สามารถเชื่อมโยงการเดินทางได้อย่างสะดวก และปลอดภัย เข้าถึงได้ง่าย (Accessibility) ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจและชุมชน ซึ่งเป็นการสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ โดยมีโครงการสำคัญ ได้แก่ (๑) พัฒนาท่าอากาศยานบุรีรัมย์ (๒) พัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะจังหวัดนครราชสีมา และ (๓) การดำเนินงานสนับสนุนการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก (Moto GP 2018)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1184 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การตรวจสอบการใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 08/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การตรวจสอบการใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณารายงานฯ และได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ แล้ว เช่น ออกระเบียบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือปฏิบัติ จัดประชุมร่วมกับผู้บริหารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินอยู่ระหว่างการจัดทำมาตรฐานการตรวจสอบเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ความสำคัญต่อแผนพัฒนาและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ กลุ่มจังหวัด จังหวัด เป็นต้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1185 | สรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 39 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2560-31 มกราคม 2561) | นร | 08/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓๙ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐-๓๑ มกราคม ๒๕๖๑) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์ การจัดกิจกรรมส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสร้างความปรองดอง การจัดกิจกรรมให้ความรู้แก่ประชาชนเรื่องโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการแก้ไขปัญหาร้องเรียน ร้องทุกข์ ของศูนย์ดำรงธรรม ๒. การปฏิรูปประเทศ กขร. ได้มีการติดตามความคืบหน้าการปฏิรูปใน ๔ ประเด็น คือ การส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน : ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. .... การปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อสังคม : ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. .... สถาบันการเงินชุมชน : ร่างพระราชบัญญัติสถาบันการเงินชุมชน พ.ศ. .... และกองทุนยุติธรรม ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ประกอบด้วย (๑) ด้านความมั่นคง เช่น การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ (๒) ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของภาครัฐ การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม (๓) ด้านเศรษฐกิจ เช่น เร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ (๔) การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากรและการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน เช่น การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ การดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐) (๕) ด้านการต่างประเทศ เช่น การเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนานาประเทศ และ (๖) ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1186 | ขอขยายระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ ครั้งที่ 2 | กษ | 08/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ ออกไปอีก ๑๘๐ วัน นับแต่วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๑ (สิ้นสุดวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจเร่งรัดและติดตามการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานดังกล่าว เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณตามแผนและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ในกรอบวงเงิน ๒,๓๐๓,๒๖๗,๗๓๓.๖๘ บาท ที่คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ ซึ่งมีเงินคงเหลือ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๒,๐๘๓,๐๘๔,๕๒๐.๖๕ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดเป้าหมายการดำเนินการแก้ไขปัญหาการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ระยะที่ ๒ โดยมุ่งเน้นภารกิจการจัดการปัญหาหนี้สินทางการเกษตรให้กับเกษตรกรที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายและมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่ทำกินภายในช่วงเวลาดังกล่าว การสำรวจและจำแนกข้อมูลหนี้สินเกษตรกรทั้งที่มีคุณสมบัติและขาดคุณสมบัติตามกฎหมายปัจจุบัน และการจัดทำข้อเสนอแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างและกฎหมายของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรให้แล้วเสร็จ ซึ่งรวมถึงข้อเสนอแนะต่อการแก้ไขปัญหาหนี้สินทางการเกษตรให้กับเกษตรกรที่อยู่นอกเหนือบทบาทและภารกิจตามกฎหมายของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1187 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 08/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยกำหนดบทบัญญัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนนิติบุคคล บทบาทหน้าที่ของวิสาหกิจชุมชนนิติบุคคล การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนและคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนจังหวัด การยกเลิกคณะกรรมการประสานนโยบายกองทุนเพื่อพัฒนากิจการวิสาหกิจชุมชน การเพิ่มบทบาทหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนเงินทุน และบทกำหนดโทษทางปกครองต่อผู้ที่นำชื่อวิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจชุมชนนิติบุคคลไปใช้โดยไม่ได้จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้การพัฒนากิจการวิสาหกิจชุมชนเกิดความเข้มแข็งและส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาวต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการสนับสนุนให้มีกลไก หน่วยงาน และงบประมาณในการสนับสนุนให้วิสาหกิจชุมชนสามารถจัดทำงบแสดงฐานะการเงิน และพิจารณาความเหมาะสมในการเพิ่มเติมผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนและคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนจังหวัด เพื่อร่วมสนับสนุนการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็ง สามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะต่อไป รวมทั้งควรกำหนดบุคคลหรือกลไกในการตรวจสอบกิจการของวิสาหกิจชุมชนให้มีมาตรฐานเช่นเดียวกับการประกอบกิจการของนิติบุคคลประเภทอื่น ๆ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1188 | ข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | นร | 08/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินการในการจัดเตรียมร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๒ การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ และข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๓ ให้สำนักงบประมาณนำข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปเปิดเผยในเว็ปไซต์ของสำนักงบประมาณ (www.bb.go.th) และจัดพิมพ์ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ และเอกสารประกอบงบประมาณ เพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ และนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมถึงกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ตามขั้นตอนที่กำหนดในปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๓. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1189 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ 2/2561 | นร04 | 01/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งผลการประชุมมีความคืบหน้าการติดตามเร่งรัดการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ๕ เรื่อง ตามที่ กขร. เสนอ ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการดำเนินการร่างพระราชบัญญัติฯ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๑ เดือน (เมษายน ๒๕๖๑) ๒. ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการกำกับกิจการสหกรณ์การเงินขนาดใหญ่ พ.ศ. .... ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติฯ และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓ เดือน (มิถุนายน ๒๕๖๑) ๓. การแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายประสานการดำเนินการปรับปรุงพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๑ เดือน (เมษายน ๒๕๖๑) ๔. แนวทางการบูรณาการระบบสวัสดิการภาครัฐเพื่อการแก้ไขปัญหาความยากจนมุ่งเป้า ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นเจ้าภาพหลักดำเนินการร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) บูรณาการข้อมูลระบบสวัสดิการภาครัฐเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำให้แล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน (กันยายน ๒๕๖๑) โดยประสานเชื่อมโยงกับคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายเพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ศูนย์ข้อมูล (Data Center) และคลาวด์คอมพิวติง (Cloud Computing) ด้วย ๕. โครงการเพิ่มศักยภาพกำลังคนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมสนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมในประเทศและภูมิภาค ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการจัดทำรายละเอียดของโครงการฯ เพิ่มเติม เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๑ เดือน (เมษายน ๒๕๖๑)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1190 | การปรับปรุงค่าตอบแทนของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง | นร10 | 01/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ (เรื่อง การปรับปรุงค่าตอบแทนของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง) ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โดยที่กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการแต่ละประเภทยังคงมีบทบัญญัติที่กำหนดให้ข้าราชการอาจได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวตามภาวะเศรษฐกิจได้ โดยกรณีศาลยุติธรรม ศาลปกครอง และองค์กรอัยการ เมื่อองค์กรดังกล่าวพิจารณากำหนดเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวแล้ว จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งในขั้นตอนการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี จะมีการสอบถามความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงาน ก.พ. สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาเหตุผลความจำเป็นและความเป็นธรรมในภาพรวม จึงเห็นควรให้คงบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนดเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวในส่วนของศาลยุติธรรม ศาลปกครอง และองค์กรอัยการไว้ก่อน ๒. เห็นควรแยกการกำหนดค่าตอบแทนของประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกจากร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้ตรวจการแผ่นดิน ประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประธานกรรมการและกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มากำหนดเป็นกฎหมายเฉพาะ สำหรับกรณีการแก้ไขเพิ่มเติมให้มีบทบัญญัติเพื่อให้มีอำนาจพิจารณากำหนดเงินเพิ่มในลักษณะเดียวกันกับศาลยุติธรรมและศาลปกครอง เห็นควรให้พิจารณาทบทวนบทบัญญัติของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญในโอกาสต่อไป ๓. เห็นควรนำการกำหนดเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มากำหนดเพิ่มเติมไว้ในร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้ตรวจการแผ่นดิน ประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประธานกรรมการและกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๔. เห็นควรรวมร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นฉบับเดียวกัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1191 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ พ.ศ. .... | รง | 01/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะความผิดฐานใช้แรงงานบังคับ กำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ กำหนดมาตรการช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการใช้แรงงานบังคับ กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ และกำหนดบทลงโทษที่มีความเหมาะสมกับการกระทำความผิดฐานใช้แรงงานบังคับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เช่น การปรับปรุงถ้อยคำของคำว่า “การแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ” ให้มีความชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการบังคับใช้กฎหมาย การกำหนดลักษณะงานของผู้ต้องขัง โดยแก้ไขเพิ่มเติมร่างมาตรา ๓ (๓) เป็น “งานหรือบริการอันเป็นผลมาจากคำพิพากษาของศาล หรืองานหรือบริการอันอยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์” เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสากล การกำหนดรายละเอียดให้เห็นความแตกต่างระหว่างการกระทำความผิดฐานใช้แรงงานบังคับกับการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ และการกำหนดแหล่งเงินของกองทุนฯ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อได้มีการเสนอพิธีสารปี ค.ศ. ๒๐๑๔ ส่วนเสริมอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๒๙ ว่าด้วยแรงงานบังคับ ค.ศ. ๑๙๓๐ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๓. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1192 | อุทยานธรณีสตูลได้รับการรับรองจากยูเนสโกเป็นอุทยานธรณีโลก (UNESCO Global Geoparks) | ทส | 01/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง อุทยานธรณีสตูลได้รับการรับรองจากยูเนสโกเป็นอุทยานธรณีโลก (UNESCO Global Geoparks) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. อุทยานธรณีสตูลได้รับการพิจารณารับรองการเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) แล้ว ในการประชุมคณะกรรมการบริหารของยูเนสโก ครั้งที่ ๒๐๔ (204th Session of the Executive Board) เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๑ ณ องค์การยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ทั้งนี้ อุทยานธรณีโลกเมื่อได้รับการจัดตั้งแล้วจะมีสถานะเป็นอุทยานธรณีโลก ภายในระยะเวลา ๔ ปี หลังจากนั้นจะต้องได้รับการประเมินอุทยานธรณีโลกใหม่อีกครั้ง (Revalidation) เพื่อให้รักษาคุณสมบัติและคุณภาพของอุทยานธรณีโลก หากผลการประเมินผ่านเกณฑ์จะได้รับการต่ออายุเป็นอุทยานธรณีโลกอีก ๔ ปี แต่หากไม่ผ่านการประเมิน หน่วยงานผู้รับผิดชอบในการบริหารอุทยานธรณีโลกต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไขตามขั้นตอนและข้อเสนอแนะของยูเนสโกให้แล้วเสร็จภายใน ๒ ปี หากไม่สามารถดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในกำหนดได้ จะถูกถอดถอนจากการเป็นอุทยานธรณีโลก ๒. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรธรณี) จะประสานหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดสตูล และอุทยานธรณีโลกยูเนสโกสตูล พิจารณาดำเนินการตามข้อสังเกตของสมาชิกสภาอุทยานธรณีโลกต่อการพัฒนาอุทยานธรณี เช่น การดำเนินการอนุรักษ์แหล่งธรณีวิทยาที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง การเร่งรัดการป้องกันพื้นที่ชายฝั่งทะเลและสิ่งก่อสร้างบริเวณแนวชายฝั่งที่ได้รับการกัดเซาะโดยธรรมชาติอย่างรวดเร็ว และการจัดทำแผนการดำเนินงาน ๔ ปี ของอุทยานธรณีสตูล เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานเพื่อพัฒนามาตรฐานของอุทยานธรณีสตูลและเตรียมรองรับการประเมินใน ๔ ปีข้างหน้า เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1193 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 01/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปพิจารณาดำเนินการเพื่อให้กงสุลกิตติมศักดิ์ของไทยในประเทศต่าง ๆ มีบทบาทในด้านการส่งเสริมการค้าการลงทุนของไทยในประเทศต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น เช่น การแสวงหาตลาด การเจรจาและจับคู่ทางการค้า เป็นต้น ๑.๒ ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทาง/มาตรการในการส่งเสริมให้อาคารที่จะก่อสร้างใหม่มีการใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น รวมทั้งให้พิจารณาแนวทาง/มาตรการจูงใจให้มีการปรับเปลี่ยนหรือดัดแปลงรูปแบบการใช้พลังงานสำหรับอาคารที่มีอยู่เดิมเพื่อให้มีการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ๒. ด้านสังคม ให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบสถานประกอบการต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการมีพฤติการณ์เอารัดเอาเปรียบผู้ใช้แรงงาน และเร่งรัดแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น กรณีนายจ้างกดดันให้ผู้ใช้แรงงานชาวไทยลาออกจากงาน โดยการลดเงินเดือน/ค่าจ้าง เนื่องจากต้องการจ้างแรงงานต่างชาติที่มีค่าแรงถูกกว่า เป็นต้น รวมทั้งให้พิจารณากำหนดแนวทาง/มาตรการเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวในระยะยาวด้วย ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกรุงเทพมหานคร กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาคูคลองตื้นเขินและกีดขวางทางน้ำ และปรับปรุงแนวคันคลองให้มีภูมิทัศน์ที่สะอาด สวยงาม เป็นระเบียบ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้ เช่น เป็นพื้นที่รองรับน้ำ เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น รวมทั้งให้จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจให้ประชาชนเห็นถึงผลดีและประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อคูคลองดังกล่าวได้รับการปรับปรุงพัฒนา เช่น บริเวณคลองลาดพร้าว เป็นต้น ๓.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง) ออกแบบการจัดวางผังเมืองในพื้นที่ชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอกของพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศให้เหมาะสมเพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนถึงการจัดวางผังเมืองของประเทศในระยะต่อไป นั้น ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง) เร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว รวมทั้งให้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย เช่น การใช้แบบจำลองสามมิติของผังเมืองของประเทศไทยเพื่อให้เห็นภาพรวมของผังเมืองได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ อาจพิจารณาศึกษารูปแบบการสร้างแบบจำลองฯ ของต่างประเทศ เช่น แบบจำลองเสมือนจริงของสิงคโปร์ (Virtual Singapore) มาใช้ประโยชน์ในการดำเนินการต่อไปด้วย ๓.๓ ให้ทุกส่วนราชการเปิดโอกาสให้ประชาชน คนรุ่นใหม่ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความเห็นและข้อเสนอแนะหรือเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานเพื่อพัฒนาประเทศตามความเหมาะสมในแต่ละกรณี ทั้งนี้ เพื่อให้คนรุ่นใหม่มีความรู้ความเข้าใจในการบริหารราชการของภาครัฐ และเพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินการเพื่อการปฏิรูปประเทศในระยะยาวต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1194 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญา คดีแพ่ง และคดีปกครอง (แนวทางในการดำเนินคดีของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และแนวทางในการดำเนินคดีในศาลปกครอง กรณีคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีถูกฟ้องคดีในศาลปกครอง) | นร | 24/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การดำเนินคดีอาญา คดีแพ่ง และคดีปกครอง) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๐ (เรื่อง แนวทางในการดำเนินคดีอาญา คดีแพ่ง และคดีปกครอง) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ และ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๐ (เรื่อง การยุติการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง) และเห็นชอบแนวทางในการดำเนินคดีของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ดังนี้ ๑.๑ การดำเนินคดีอาญา เมื่อมีการกระทำความผิดทางอาญาต่อราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ให้แจ้งความร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ไม่สมควรว่าจ้างทนายความยื่นฟ้องคดีอาญาต่อผู้กระทำความผิดเอง และในกรณีที่หน่วยงานของรัฐดังกล่าวถูกเอกชนฟ้องเป็นคดีอาญา ให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการแก้ต่างคดี ถ้าพนักงานอัยการปฏิเสธหรือขัดข้องในการรับแก้ต่าง ให้หน่วยงานของรัฐดังกล่าวมีสิทธิว่าจ้างทนายความดำเนินคดีได้ ๑.๒ การดำเนินการเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐ กรณีคดีใกล้ขาดอายุความ เมื่อมีข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐ ให้หน่วยงานของรัฐใช้ความระมัดระวังในการดำเนินคดีเพื่อมิให้คดีขาดอายุความหรือพ้นกำหนดเวลาฟ้องคดี และในกรณีที่ต้องมีการดำเนินการเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณ เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ หากคดีใกล้ขาดอายุความหรือใกล้พ้นกำหนดเวลาฟ้องคดี และยังไม่สามารถส่งข้อพิพาทไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดได้ ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการรับสภาพหนี้เพื่อมิให้เกิดความเสียหายขึ้น ๑.๓ การดำเนินคดีที่ขาดอายุความ กรณีคดีขาดอายุความแล้ว แต่หน่วยงานของรัฐยังยืนยันให้พนักงานอัยการดำเนินคดีให้ทั้งที่เห็นได้ล่วงหน้าว่า หากดำเนินคดีต่อไปก็มีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ กล่าวคือเสียค่าใช้จ่าย เสียเวลา เสียกำลังคนในการปฏิบัติงานโดยเปล่าประโยชน์ อีกทั้งการดำเนินคดีของรัฐไม่ควรดำเนินการในลักษณะที่เอารัดเอาเปรียบเอกชนด้วยการคาดหวังว่า เอกชนอาจไม่ยกอายุความขึ้นต่อสู้คดี เพราะความไม่รู้กฎหมายหรือความหลงลืม หรืออาจขาดนัดยื่นคำให้การ หรือขาดนัดพิจารณา เพราะมีผลให้การอำนวยความยุติธรรมของรัฐขาดความน่าเชื่อถือ ดังนั้น หน่วยงานของรัฐจึงไม่ควรนำคดีที่ขาดอายุความแล้วส่งให้พนักงานอัยการดำเนินการต่อไป ๒. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง การกำหนดหลักการและปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินคดีในศาลปกครอง กรณีคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกฟ้องคดีในศาลปกครอง) และเห็นชอบแนวทางในการดำเนินคดีในศาลปกครอง กรณีคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกฟ้องคดีในศาลปกครอง ดังนี้ ๒.๑ มอบอำนาจในการดำเนินคดีปกครองในนามคณะรัฐมนตรีในศาลปกครองให้พนักงานอัยการเป็นผู้ว่าต่างแก้ต่างในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้ฟ้องคดี หรือผู้ถูกฟ้องคดีปกครองทุกศาลและทุกชั้นศาลปกครองจนกว่าคดีถึงที่สุด และให้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใดได้ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นไปในทางจำหน่ายสิทธิหรือไม่ก็ตาม เช่น การยอมรับตามที่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง การถอนฟ้อง การประนีประนอมยอมความ การสละสิทธิหรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด หรือในการขอให้พิจารณาคดีใหม่ ตลอดจนให้มีอำนาจมอบอำนาจช่วงให้นิติกรไปดำเนินการใด ๆ แทน ๒.๒ กรณีคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกฟ้องคดีปกครองในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมติคณะรัฐมนตรี และไม่มีหน่วยงานเจ้าของเรื่องโดยตรง ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบในการนำคำสั่งศาลปกครองที่ให้ทำคำให้การแก้คำฟ้องเสนอนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายมีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป โดยให้ถือเป็นมติคณะรัฐมนตรีและไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้ประสานงานกับสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมความเห็นแล้วยกร่างคำให้การยื่นต่อศาลปกครอง และดำเนินการหรือประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีต่อไป ๒.๓ กรณีนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกฟ้องคดีปกครองในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับมติคณะรัฐมนตรีและไม่มีหน่วยงานหรือผู้รับผิดชอบโดยตรง ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบในการนำคำสั่งศาลปกครองที่ให้ทำคำให้การแก้คำฟ้องเสนอนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายมีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ทั้งนี้ ให้ประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมความเห็นแล้วยกร่างคำให้การยื่นต่อศาลปกครอง และดำเนินการหรือประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1195 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (เพื่อดำเนินการสนับสนุนการใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐ) | กห | 24/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒,๓๓๘,๖๒๖,๑๐๐ บาท ให้กองบัญชาการกองทัพไทยและกองทัพบกเพื่อดำเนินการสนับสนุนการใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐ ตามนโยบายของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหม โดยกองบัญชาการกองทัพไทยและกองทัพบกดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ (เรื่อง การเตรียมการเพื่อดำเนินนโยบายสำคัญของทางราชการ) โดยจัดซื้อวัตถุดิบจากน้ำยางพาราจากการยางแห่งประเทศไทย หรือสถาบันเกษตรกร กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยาง และวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับการรับรองจากการยางแห่งประเทศไทยเท่านั้น ๒. ให้กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรมีการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาต่อยอดงานวิจัยที่ส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์จากยางพาราในรูปแบบที่หลากหลาย และสามารถใช้ปริมาณน้ำยางได้เป็นจำนวนมาก เพื่อให้สามารถสนับสนุนการแก้ไขปัญหายางพาราของรัฐบาลได้อย่างเป็นรูปธรรม สำหรับการดำเนินโครงการปรับปรุงผิวจราจรลูกรังเป็นผิวจราจร Para Rubber Polymer Soil Cement ให้พิจารณาดำเนินการตามมาตรฐานงานทาง (ทล.-ม.) ข้อกำหนดพิเศษ สว.พิเศษ ๑/๒๕๖๐ ดินซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ (Para Soil Cement) ซึ่งจะช่วยให้การปรับปรุงผิวจราจรมีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานของกรมทางหลวง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1196 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการเพื่อสนับสนุนการควบรวมธนาคารพาณิชย์ไทย) | กค | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการเพื่อสนับสนุนการควบรวมธนาคารพาณิชย์ไทย) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่ผู้ถือหุ้นของธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารพาณิชย์ที่ควบเข้ากัน หรือโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่กัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับมาตรการทางภาษีตามร่างพระราชกฤษฎีกานี้ ควรกำหนดให้ครอบคลุมถึงกรณีการควบเข้ากันหรือการโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่กันในกรณี (๑) กรณีของกลุ่มธุรกิจทางการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน และ (๒) กรณีของสถาบันการเงินหรือบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน ทั้งในกรณีที่เป็นการควบเข้ากันหรือการโอนกิจการให้แก่กันภายในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน และข้ามกลุ่มธุรกิจการเงิน รวมทั้งควรสนับสนุนมาตรการทางภาษีเฉพาะกรณีเมื่อมีการควบเข้ากันหรือการโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่กันแล้ว สถาบันการเงิน หรือบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินแล้ว แต่กรณีที่ควบเข้ากันหรือรับโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนดังกล่าว ต้องมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติไม่เกินร้อยละ ๔๙ ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการให้มีการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์หรืออาคารชุดตามประมวลกฎหมายที่ดินและกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด ค่าธรรมเนียมการโอนทะเบียนรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก และค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเครื่องจักรตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องจักร ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมธนาคารพาณิชย์ไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการขยายกิจการไปต่างประเทศ สถาบันการเงินไทยควรมีความพร้อมและความสามารถในการแข่งขันอย่างแท้จริง และมีแนวทางรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการในระดับภูมิภาค เพื่อให้การดำเนินการตามร่างพระราชกฤษฎีกานี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก และจัดให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์และรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1197 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยปรับเพดานขยายขั้นค่าตอบแทนของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน จากเดิมที่มีจำนวน ๑๓ ขั้น ให้เท่ากับค่าตอบแทนอาสาสมัครทหารพรานที่มีจำนวน ๓๓ ขั้น ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในประเด็นความเหลื่อมล้ำของค่าครองชีพ ควรมีมาตรการพิจารณาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอื่น ๆ ทุกหน่วยงานซึ่งมีรายได้น้อย ให้ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เห็นควรให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาดำเนินการ และในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1198 | ความก้าวหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ | ศธ | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดทำแผนการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาดำเนินการปรับปรุง (ร่าง) แผนการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติให้มีความสมบูรณ์ โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบภายในเดือนเมษายน ๒๕๖๑ ๒. การกำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเร่งดำเนินการปรับปรุงกรอบมาตรฐานคุณวุฒิอาชีวศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้สอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ เมื่อเสร็จแล้วจะแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนต่อไป ๓. การปรับระดับมาตรฐานอาชีพให้สอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน (กรมการจัดหางานและกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน) และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ได้ดำเนินการแล้ว โดยให้มีการวางแผนและติดตามผลการนำไปปฏิบัติและมีกระบวนการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม ๔. การชี้แจงและประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาจัดพิมพ์เอกสาร “กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง” และจะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการใน ๕ ภูมิภาค เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจในระยะต่อไป ๕. การวางแผนการผลิตกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ ระยะที่ ๑ ในสาขาช่างอากาศยาน ให้นำแผนแม่บทการพัฒนากำลังคนด้านช่างอากาศยานเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ส่วนระยะที่ ๒ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำหนดแผนการผลิตและพัฒนากำลังคนตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ๗ กลุ่มอาชีพ และระยะที่ ๓ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเพื่อคัดเลือกสาขาอาชีพเพิ่มเติมอีก ๓ กลุ่มสาขาอาชีพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1199 | รายงานผลการบูรณาการขับเคลื่อนโครงการตลาดประชารัฐ ครั้งที่ 2 | มท | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการบูรณาการขับเคลื่อนโครงการตลาดประชารัฐ ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ ถึงปัจจุบัน ซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการเปิดตลาดประชารัฐและการจัดสรรพื้นที่จำหน่ายสินค้า การปรับปรุงตลาดให้ได้มาตรฐานตลาดประชารัฐ หลักสูตรและจัดการอบรมผู้บริหารจัดการตลาดประชารัฐ (CMO) คลินิกผู้ประกอบการตลาดประชารัฐ การส่งเสริมตลาดประชารัฐเพื่อการท่องเที่ยว การประเมินโครงการตลาดประชารัฐเพื่อติดตามประเมินผลความสำเร็จโครงการตลาดประชารัฐ และก้าวต่อไปของโครงการตลาดประชารัฐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1200 | โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2561 | กค | 10/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๑ ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๐ ภายใต้วงเงินงบประมาณ จำนวน ๑,๘๔๑,๑๐๐,๐๐๐ บาท โดยใช้เงินงบประมาณคงเหลือในส่วนที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้เบิกจ่ายจากสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการฯ ในปีการผลิต ๒๕๖๐ จำนวน ๒๕๔,๒๗๓,๗๔๖.๙๔ บาท และเสนอของบประมาณเพิ่มเติม จำนวน ๑,๕๘๖,๘๒๖,๒๕๓.๐๖ บาท ๑.๒ เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลในส่วนของงบประมาณเพิ่มเติม จำนวน ๑,๕๘๖,๘๒๖,๒๕๓.๐๖ บาท และเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริง พร้อมด้วยอัตราเฉลี่ยดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ ๔ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) บวกร้อยละ ๑ ต่อปี ในปีงบประมาณถัดไปให้กับ ธ.ก.ส. ๑.๓ มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการขายกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๑ ให้ได้ตามเป้าหมาย โดยเกษตรกรผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกใช้บริการพร้อมเพย์ (Promptpay) ในการรับ-โอนค่าเบี้ยประกันภัยและค่าสินไหมทดแทน พร้อมทั้งให้ ธ.ก.ส. บริหารจัดการความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ให้สอดคล้องกับหลักการประกันภัย และร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๑ รวมทั้งให้ความรู้ด้านการประกันภัยแก่เกษตรกรและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในความสำคัญของการประกันภัย ๑.๔ มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานงานกับ ธ.ก.ส. และสมาคมประกันวินาศภัยไทยดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารทะเบียนเกษตรกรแบบประมวลรวบรวมความเสียหายและการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย (แบบ กษ ๐๒) และแบบรายงานข้อมูลความเสียหายจริงของเกษตรกร (แบบ กษ ๐๒ เพื่อการรับประกันภัย) ตลอดจนดำเนินการเพื่อให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบฐานข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๑ เพื่อรองรับการเพิ่มพื้นที่เป้าหมายในอนาคต และรองรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น พร้อมทั้งให้กรมส่งเสริมการเกษตรเก็บข้อมูลพื้นที่ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยแยกประเภทพืชต่าง ๆ ๑.๕ มอบหมายให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการในการตรวจสอบเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายแต่มิได้อยู่ในเขตพื้นที่การประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการฯ เช่นเดียวกับการดำเนินการของโครงการฯ ในปีการผลิต ๒๕๕๙ และ ๒๕๖๐ และให้คณะกรรมการดังกล่าวดำเนินการรับรองความเสียหายของเกษตรกรในกลุ่มข้างต้น และจัดส่งข้อมูลให้ ธ.ก.ส. และสมาคมประกันวินาศภัยไทยเพื่อพิจารณาดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป ๑.๖ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีให้เป็นไปตามรูปแบบและหลักเกณฑ์ของการรับประกันภัยของโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๑ รวมทั้งอนุมัติกรมธรรม์และอัตราเบี้ยประกันภัยให้แล้วเสร็จและสามารถเริ่มรับประกันภัยในปีการผลิต ๒๕๖๑ ได้ทันที ภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๑ และการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ตลอดจนประชาสัมพันธ์โครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๑ ในภาพรวมและเชิงรุกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๗ มอบหมายให้ ธ.ก.ส. เตรียมการเพื่อให้เกษตรกรกลุ่มที่ได้รับการอุดหนุนเบี้ยประกันภัยจาก ธ.ก.ส. ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการรับภาระโดยจ่ายเบี้ยประกันภัยส่วนหนึ่งในการดำเนินโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ๑.๘ มอบหมายให้สมาคมประกันวินาศภัยไทยประสานงานกับ ธ.ก.ส. และกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พัฒนาระบบการประกันภัยและการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ตลอดจนดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๑ เพื่อให้เกษตรกรผู้เอาประกันภัยได้รับประโยชน์สูงสุด ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๑ จะต้องมีความเหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ของฤดูกาลเพาะปลูกอย่างแท้จริง รวมทั้งประเมินความคุ้มค่าในการดำเนินโครงการประกันภัยในส่วนที่เกี่ยวกับจำนวนเกษตรกรผู้เอาประกันภัย จำนวนพื้นที่การเพาะปลูก ประเภทของภัยที่จะคุ้มครอง อัตราเบี้ยประกันภัย อัตราค่าสินไหมทดแทน และความซ้ำซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น นอกจากนี้ ควรพิจารณาผลการดำเนินงานโดยแบ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวในพื้นที่ที่เหมาะสม แต่มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และพื้นที่ปลูกข้าวในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมและมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติเป็นประจำทุกปี ตลอดจนเร่งรัดศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายผลไปยังข้าวนาปรัง ซึ่งมีโอกาสได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางการเกษตรเช่นกัน รวมถึงสินค้าเกษตรที่สำคัญอื่น ๆ ในระยะต่อไป ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
