ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 52 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1021 - 1040 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1021 | โครงการปรับปรุงกิจการประปาภายหลังการรับโอน การประปาส่วนภูมิภาคสาขากันตัง (ควนกุน) | มท | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนงานโครงการปรับปรุงกิจการประปาภายหลังการรับโอนการประปาส่วนภูมิภาค สาขากันตัง (ควนกุน) (ฉบับปรับปรุง) วงเงินลงทุน ๒๙,๕๗๙,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้จัดสรรงบประมาณให้แล้ว จำนวน ๕,๕๑๓,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๖,๖๗๑,๒๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่ได้รับอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงมหาดไทย โดยการประปาส่วนภูมิภาค (กปน.) รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงบประมาณ เช่น (๑) เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างเข้มงวด (๒) ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กปภ. คำนึงถึงศักยภาพของแหล่งน้ำดิบในพื้นที่ให้เพียงพอต่อการใช้น้ำในอนาคต และ (๓) กปภ. ควรกำกับดูแลและบริหารโครงการฯ ให้สอดคล้องกับแผนงานที่กำหนดไว้ และควรศึกษารูปแบบและแนวทางจัดหาแหล่งเงินทุนอื่น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กปภ. ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ (เรื่อง การจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ป่าชายเลนประเทศไทย) วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ (เรื่อง รายงานการศึกษาสถานภาพปัจจุบันของป่าไม้ชายเลนและปะการังของประเทศ) และวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ (เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน) เป็นกรณีเฉพาะราย ทั้งนี้ ในส่วนของการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทน ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กปภ. ดำเนินการให้เป็นไปตามนัยระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม กรณีการดำเนินโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. ๒๕๕๖ อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1022 | แนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป | ลต | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑ เห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไปตามมติที่ประชุมซี่งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ ดังนี้ ๑.๑ ให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่และลูกจ้างในสังกัดของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ ให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือและสนับสนุนการดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อได้รับการร้องขอจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด หรือคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง ๑.๒ ให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่และลูกจ้างในสังกัดทุกประเภท ทุกระดับ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ๑.๓ นับแต่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปจนถึงวันเลือกตั้ง การแต่งตั้ง (โยกย้าย) ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภทและทุกระดับ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นให้พิจารณาเท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกตั้ง ๑.๔ ให้ข้าราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานของรัฐให้การสนับสนุนสถานที่เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๑.๕ ให้หน่วยงานทุกฝ่ายตามข้อ ๑.๔ สนับสนุนเกี่ยวกับสถานที่ปิดประกาศและที่ติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้เพียงพอและเท่าเทียมกัน ๑.๖ ให้มีการสนธิกำลังระหว่างทหาร ตำรวจ พลเรือน และอาสาสมัครด้านความปลอดภัยเพื่อให้การคุ้มครองประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งได้รับความปลอดภัย โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๒. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๓๙ [เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้ง] มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ [เรื่อง มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้ง] มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๐ [เรื่อง สรุปผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการการเลือกตั้ง] และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ [เรื่อง มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้ง]
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1023 | การปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร04 | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๓/๒๕๖๒ เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ โดยเห็นควรยกเลิกความในข้อ ๗ ของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๒๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ และปรับปรุงการมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๒๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ ในส่วนของ รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1024 | การปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานธนาคารออมสิน พนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 05/02/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานธนาคาร ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครรส.) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ และการปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตามมติ ครรส. ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ๑.๒ เห็นชอบการปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. และ ธอส. โดยให้ปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานที่ยังไม่ถึงอัตราขั้นต่ำของกระบอกเงินเดือนให้ได้รับในอัตราขั้นต่ำในลำดับแรก และปรับเพิ่มเงินเดือนเพื่อชดเชยพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการที่พนักงานได้รับการปรับเงินเดือนเข้าสู่ระดับขั้นต่ำ โดยให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจพิจารณาแนวทางการชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับเงินเดือนเข้าสู่ระดับขั้นต่ำได้ตามแนวทางที่เหมาะสม โดยรวมแล้วไม่เกินร้อยละ ๑ ของฐานเงินเดือนพนักงาน ทั้งนี้ ให้ปรับเพิ่มได้เพียงครั้งเดียวตามมติ ครรส. ๑.๓ การขอปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและการขอปรับเพิ่มเงินเดือนในแต่ละครั้งจะต้องเว้นระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๒ ปีขึ้นไป โดยมิให้นำเหตุแห่งการปรับเงินเดือนของข้าราชการมาเป็นประเด็นในการพิจารณา ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาโครงสร้างอัตราเงินเดือนควรคำนึงถึงผลประโยชน์ตอบแทนอื่น ๆ ที่พนักงานจะได้รับนอกเหนือจากเงินเดือน ซึ่งรวมถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับภายหลังเกษียณอายุ อาทิ บำเหน็จ บำนาญ ค่ารักษาพยาบาล ประกอบด้วย และในการประมาณการผลกระทบค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรที่เพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงค่าตอบแทน มีการประมาณการเฉพาะเงินเดือน เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ค่าล่วงเวลา และโบนัส เท่านั้น ควรพิจารณาให้ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ใช้เงินเดือนเป็นฐานในการคำนวณด้วย เช่น เงินที่จ่ายเมื่อเกษียณ เป็นต้น รวมทั้งควรมีการกำกับและติดตามให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร ทั้งแผนการเพิ่มรายได้ การพัฒนาศักยภาพและการบริหารจัดการบุคลากร แผนการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพื่อมิให้การปรับปรุงโครงสร้างอัตราเงินเดือนส่งผลกระทบต่อรายได้นำส่งรัฐและการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1025 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการของส่วนราชการในต่างประเทศ พ.ศ. .... | กค | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการของส่วนราชการในต่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการของส่วนราชการในต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๐ เพื่อให้ส่วนราชการมีเงินทดรองราชการเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติราชการของส่วนราชการในต่างประเทศในระหว่างที่ยังไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และแก้ไขถ้อยคำหรือข้อความที่ยังไม่ชัดเจนให้ถูกต้องและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างระเบียบดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1026 | ร่างระเบียบการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. .... | กค | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และตามแผนยุทธศาสตร์ National e-Payment รวมทั้งแก้ไขข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการใช้งานในระบบ GFMIS เพื่อรองรับการปรับปรุงระบบ New GFMIS Thai และแก้ไขถ้อยคำหรือข้อความที่ยังไม่ชัดเจนให้ถูกต้องและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลปกครอง และสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น ควรแก้ไขบทนิยามคำว่า “หน่วยงานของรัฐ” จากศาลรัฐธรรมนูญเป็นสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และเห็นว่า การจะนำระเบียบที่ออกโดยฝ่ายบริหารมาใช้บังคับกับหน่วยงานที่ทำหน้าที่ธุรการให้แก่ศาลรัฐธรรมนูญ ควรผ่านความเห็นชอบจากศาลรัฐธรรมนูญหรือคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อความเหมาะสมต่อหลักการเป็นอิสระของศาลรัฐธรรมนูญในฐานะฝ่ายตุลาการผู้ใช้อำนาจตุลาการ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างระเบียบดังกล่าวให้กับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก และควรให้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินการตามระเบียบดังกล่าว เพื่อให้การปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปด้วยความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1027 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. .... | กค | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อให้ส่วนราชการสามารถนำเงินทดรองราชการใช้ทดรองจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายปลีกย่อยในการปฏิบัติการได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.๒๕๖๑ และแผนยุทธศาสตร์ National e-Payment รวมทั้งแก้ไขถ้อยคำหรือความที่ยังไม่ชัดเจนให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรแก้ไขถ้อยคำตามร่างระเบียบกระทรวงการคลังฯ ข้อ ๑๕ จาก “กรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในระยะต้นปีงบประมาณ แต่สำนักงบประมาณยังไม่ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี” เป็น “กรณีที่มีความเป็นเร่งด่วนในระยะต้นปีงบประมาณ แต่สำนักงบประมาณยังไม่ได้อนุมัติเงินจัดสรร” และจาก “ให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณและหน่วยงานในสังกัดจ่ายเงินทดรองราชการไปก่อนได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีก็ได้” เป็น “ให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณและหน่วยงานในสังกัดจ่ายเงินทดรองราชการไปก่อนได้รับอนุมัติเงินจัดสรรก็ได้” เพื่อให้สอดคล้องกับบทนิยาม มาตรา ๔ พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างระเบียบกระทรวงการคลังฯ ให้กับส่วนราชการในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1028 | การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี | นร | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ โดยปรับองค์ประกอบ ดังนี้ ๑.๑ ส่วนที่ ๑ องค์ประกอบคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ให้รัฐมนตรีที่กำกับ ดูแลสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นประธาน เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นรองประธาน รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ และผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๑.๒ สำหรับในส่วนที่ ๒ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ จำนวน ๕ ด้าน คงเดิม ๑.๓ ส่วนที่ ๓ บทบาทและอำนาจหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ทำหน้าที่เป็นสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย (Thai National Mekong Committee Secretariat : TNMCS) โดยให้เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นเลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย และรองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นรองเลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ๑.๔ ส่วนที่ ๔ องค์ประกอบของคณะผู้แทนไทยในคณะมนตรี/คณะกรรมการร่วมในคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ให้รัฐมนตรีที่กำกับ ดูแล สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นผู้แทนไทยในคณะมนตรีคณะกรรมาธิการแม่น้ำดขง และให้เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย เป็นผู้แทนถาวรไทยในคณะกรรมการร่วมฯ และรองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รองเลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย เป็นผู้แทนถาวรไทยสำรองในคณะกรรมการร่วมฯ ๒. ให้ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการดังกล่าว ในลำดับที่ ๑๑ จาก “อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ” เป็น “อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ” ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1029 | การปรับปรุงชื่อ องค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี | สธ | 29/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงชื่อ องค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยปรับปรุงชื่อ จาก คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี เป็น คณะกรรมการนโยบายการจัดการสารเคมีแห่งชาติ ปรับปรุงองค์ประกอบ จาก ๔๗ หน่วยงาน เป็น ๕๒ หน่วยงาน และปรับปรุงอำนาจหน้าที่คณะกรรมการนโยบายการจัดการสารเคมีแห่งชาติ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1030 | การปรับปรุงการยุบเลิกตำแหน่งและการเกลี่ยอัตรากำลังข้าราชการพลเรือนประจำ กอ.รมน. | นร51 | 22/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งอัตราข้าราชการพลเรือนประจำกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนประจำ กอ.รมน. (ก.พ.กอ.รมน.) ได้มีการปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งอัตราข้าราชการพลเรือนประจำ กอ.รมน. ภายใต้กรอบอัตรา จำนวน ๒๐๐ อัตรา โดยไม่เพิ่มงบประมาณด้านบุคลากร โดยปรับเกลี่ยจากเดิม จำนวน ๑๗๓ อัตรา เป็น จำนวน ๑๗๑ อัตรา และต่อมาในการประชุม ก.พ.กอ.รมน. เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งมีเลขาธิการ กอ.รมน. เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบการดำเนินการปรับปรุงการยุบเลิกตำแหน่งและการเกลี่ยอัตรากำลังข้าราชการพลเรือนประจำ กอ.รมน. ภายใต้กรอบอัตรากำลัง จำนวน ๑๗๑ อัตรา (คงเดิม) โดยไม่เพิ่มงบประมาณด้านบุคลากร ตามที่ กอ.รมน. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1031 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนการจ้างงาน หรือรายได้ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. .... | นร | 22/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนการจ้างงาน หรือรายได้ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเกณฑ์รายได้ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก และโครงสร้างทางธุรกิจของกิจการที่ปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องนำบทนิยามที่กำหนดขึ้นไปใช้ในการกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป้าหมายสำหรับการดำเนินมาตรการ แผนงาน และโครงการในการส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกัน และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลผู้รับบริการและข้อมูลผลการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานได้อย่างเป็นระบบ เป็นประโยชน์ต่อการติดตามประเมินผลและการปรับปรุงการดำเนินงานให้บรรลุผลได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1032 | ผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2561 | ดศ | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งที่ประชุมรับทราบและพิจารณาในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) โครงการติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคมของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๒) แนวทางการดำเนินการการนำสายสื่อสารลงใต้ดินตามนโยบายของรัฐบาล (กรุงเทพมหานคร) (๓) (ร่าง) งบประมาณรายจ่ายของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (๔) การปรับปรุงโครงข่ายเพื่อรองรับแผนเลขหมายโทรคมนาคมระยะยาว ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (๕) (ร่าง) แนวทางการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการดาวเทียมวงโคจรประจำที่ (Geostationary-Satellite Orbit : GSO) ตามนัยมาตรา ๖๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (๖) (ร่าง) นโยบายการพิจารณาอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศ และ (๗) ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการภายใต้พระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1033 | สรุปผลการถอดบทเรียนภายหลังการปฏิบัติงาน (After Action Review : AAR) การดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย | มท | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นต้น ดำเนินการตามผลการถอดบทเรียนภายหลังการปฏิบัติงาน (After Action Review : AAR) การดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย รวม ๖ ประเด็น ได้แก่ (๑) การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการในภาวะฉุกเฉิน (๒) การยกระดับความร่วมมือกับต่างประเทศด้านการกู้ภัยและการแพทย์ฉุกเฉิน (๓) การพัฒนาระบบสื่อสารและเทคโนโลยีในการจัดการสาธารณภัย (๔) การสนับสนุนงบประมาณในการจัดการภาวะฉุกเฉิน (๕) การเสริมสร้างองค์ความรู้ในระบบบัญชาการเหตุการณ์ และ (๖) การกำหนดแนวทางรับมือสาธารณภัยในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยของประเทศไทยเป็นไปตามมาตรฐานสากล สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การพิจารณาปรับปรุงเพิ่มศักยภาพการจัดการภาวะฉุกเฉิน ยกระดับความร่วมมือกับต่างประเทศ ตลอดจนสนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน การให้ความสำคัญในการพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมทั้งการจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์พิเศษในการกู้ภัยที่ได้มาตรฐานสากล เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้จัดทำฐานข้อมูล (Big Data) เกี่ยวกับการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในมิติต่าง ๆ ให้ครบถ้วน เช่น ข้อมูลผู้เชี่ยวชาญเฉพาะในด้านต่าง ๆ ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เครื่องมืออุปกรณ์การกู้ภัยของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และภาคเอกชน การเตรียมความพร้อม แนวทาง ขั้นตอนการดำเนินการให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติขึ้น เป็นต้น ๒.๒ ให้กำหนดแนวทางการบูรณาการระบบการสื่อสารในภาวะฉุกเฉินของส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องให้สามารถสื่อสารร่วมกันเป็นระบบกลุ่ม เช่น กลุ่มให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ (รถกู้ภัย รถพยาบาล) กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการจราจร เป็นต้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารการปฏิบัติงานร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ๒.๓ ให้นำผลการถอดบทเรียนกรณีการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เผยแพร่ให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน ประชาชนทราบ รวมทั้งให้ดำเนินการถอดบทเรียนการดำเนินการบริหารจัดการกรณีภัยพิบัติพายุปาบึก เพื่อนำผลการถอดบทเรียนดังกล่าวไปเป็นต้นแบบในการเตรียมความพร้อมหรือดำเนินการเพื่อรับมือเหตุภัยพิบัติอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการสำรวจเครื่องมือหรืออุปกรณ์สำหรับการกู้ภัยที่มีอยู่ให้ครบถ้วนและให้มีความพร้อมในการใช้งานได้ เมื่อมีภัยพิบัติเกิดขึ้น ทั้งนี้ หากไม่ครบถ้วน เพียงพอ ให้พิจารณาดำเนินการจัดหาเครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการกู้ภัยเพิ่มเติมให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1034 | ผลการประชุมผู้นำเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 12 | กต | 15/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๑๒ (12th Asia-Europe Meeting Summit : ASEM 12) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๘-๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม โดยมีนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุม และมอบหมายหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องดำเนินการตามผลการประชุม เพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุม ASEM 12 เต็มคณะ วาระที่ ๑ หัวข้อ “Building the future together : Promoting inclusive growth and sustainable connectivity” ที่ประชุมสนับสนุนการค้าเสรีที่เปิดกว้าง เป็นธรรม สนับสนุนการปรับปรุงองค์การการค้าโลกให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ รวมถึงได้เน้นย้ำการส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างเอเชียและยุโรปในทุกด้านเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งฝ่ายไทยได้มีข้อเสนอ ๓ ประเด็น เพื่อเน้นความเป็นหุ้นส่วนของเอเชียและยุโรป ได้แก่ (๑) ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับสูงว่าด้วยความยั่งยืนทางทะเลเพื่อต่อยอดจากความก้าวหน้าการปฏิรูปภาคประมงของไทยไปสู่การแสดงบทบาทนำในเวทีระหว่างประเทศ (๒) สร้างความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม และ (๓) ไทยจะเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างยุโรปกับเอเชียในฐานะที่ไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปี ๒๕๖๒ และวาระที่ ๒ หัวข้อ “Reinforcing the multilateral system : Advancing the ASEM partnership on global challenges” ที่ประชุมสนับสนุนระบบพหุภาคีนิยมที่ยึดกฎกติกาและบรรทัดฐานระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาความท้าทายต่าง ๆ ๒. ผลการประชุมผู้นำสหภาพยุโรป-อาเซียน ที่ประชุมได้สนับสนุนความร่วมมือระหว่างกันในมิติต่าง ๆ เช่น การพัฒนาที่ยั่งยืนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การก่อการร้ายและการเตรียมความพร้อมสู่อนาคตเพื่อรับมือกับพัฒนาการและภัยคุกคามต่าง ๆ รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคที่สำคัญ เช่น สถานการณ์ในรัฐยะไข่ เป็นต้น ๓. การหารือทวิภาคีกับผู้นำประเทศสมาชิก ASEM รวม ๘ ประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ และเบลเยียม เป็นต้น โดยฝ่ายไทยได้เน้นย้ำถึงการส่งเสริมความสัมพันธ์โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจผ่านการรื้อฟื้นการเจรจาการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป และการสนับสนุนการปลดใบเหลือง (Illegal Unreported and Unregulated Fishing : IUU) ให้กับไทย (ไทยได้รับการปลดใบเหลืองจากสหภาพยุโรปแล้วเมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๒) และเชิญชวนให้เข้ามาลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1035 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การถ่ายโอนภารกิจการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้านการควบคุมมลพิษของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 08/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การถ่ายโอนภารกิจการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้านการควบคุมมลพิษ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สรุปผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ รวม ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านบุคลากร ควรให้สถาบันการศึกษาที่มีหลักสูตรเกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อมสนับสนุนความรู้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ โดยอาจพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมให้สอดคล้องกับภารกิจที่ถ่ายโอนให้แก่ อปท. และนำผลงานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อมมาพัฒนาให้แก่ อปท. (๒) ด้านงบประมาณ อปท. จะต้องทบทวนความพร้อมในการดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับการถ่ายโอนไป และให้ความสำคัญกับภารกิจด้านการควบคุมมลพิษในเขตพื้นที่ของตน (๓) ด้านกฎหมาย ได้มีการปรับปรุงพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ กำหนดให้ อปท. มีบทบาทในการจัดการปัญหาด้านมลพิษมากขึ้นเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานที่ได้รับการถ่ายโอนตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. และแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. ซึ่งอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา สำหรับการถ่ายโอนภารกิจตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ สามารถดำเนินการโดยการมอบอำนาจ โดยให้หน่วยงานของกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นที่ปรึกษา และรายได้ที่เกิดขึ้นจากภารกิจที่ถ่ายโอนควรให้ตกอยู่กับท้องถิ่นที่ได้รับการถ่ายโอน ซึ่งอยู่ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และ (๔) ด้านอื่น ๆ เช่น การกำหนดอัตรากำลังของ อปท. ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งการกำหนดอัตรากำลังต้องสอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับและภารกิจหน้าที่ของ อปท. นั้น ๆ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1036 | รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. 2560 | ทส | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกอบด้วย (๑) ปัจจัยขับเคลื่อน (Drivers) ทิศทางการพัฒนา นโยบาย และแผนยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ (๒) ภาวะกดดัน (Pressures) : สถานการณ์การใช้ประโยชน์พื้นที่ชายฝั่งและทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (๓) สถานภาพทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (States) (๔) สถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่ง (๕) สถานการณ์ด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งในระดับจังหวัด (๖) การวิเคราะห์สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ (๗) การตอบสนอง (Responses) ต่อสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และ (๘) ข้อเสนอแนะการปรับปรุงกระบวนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1037 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. .... | กค | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อให้ครอบคลุมการรับประกันความเสี่ยงทางการเมืองแก่ผู้ลงทุนในกรณีที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ไม่ได้สนับสนุนการให้สินเชื่อ และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการรับประกันความเสี่ยงในการให้สินเชื่อของธนาคารของผู้ลงทุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เช่น ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าในการรับประกันภัยตามกฎกระทรวง และรวมถึงการรับประกันภัยต่อจากบริษัทประกันภัยหรือองค์กรอื่น จะเป็นการรับประกันภัยในกรอบของการรับประกันความเสี่ยงเกี่ยวกับการให้สินเชื่อของธนาคารของผู้ลงทุน เพื่อให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๓๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมืองที่รัดกุมและมีความชัดเจนในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องพื้นที่และประเทศปลายทางที่มีการประเมินความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกัน moral hazard ซึ่งอาจสร้างความเสียหายแก่ ธสน. ได้ในอนาคต และประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้ความเข้าใจให้กับผู้ที่มีส่วนได้เสีย ได้แก่ ผู้ลงทุนธนาคารของผู้ลงทุน และประชาชนทั่วไปอย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1038 | ขออนุมัติการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) | กษ | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณ รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๓ โครงการ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ (๑) โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (๒) โครงการปรับปรุงคลองยม-น่าน และ (๓) โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ (ระยะที่ ๑) โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่เห็นควรเร่งเตรียมความพร้อมทั้งด้านการจัดหาที่ดิน และการขอใช้พื้นที่ เพื่อให้สามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้ และควรจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการและรายการ โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการและรายการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1039 | การเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | วท | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการพัฒนาโรงงานต้นแบบไบโอรีไฟเนอรี (Biorefinery) ในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก : เมืองนวัตกรรมชีวภาพ (BIOPOLIS) ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และ (๒) โครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน ๓ GeV และห้องปฏิบัติการ ของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) โดยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง [ซึ่งรวมถึงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) และ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวปฏิบัติในการเสนอเรื่องและขออนุมัติดำเนินโครงการลงทุนขององค์การมหาชนที่มีวงเงินลงทุนสูงเกินกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท)] อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น ควรเตรียมความพร้อมด้านอื่น ๆ เพื่อรองรับนวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูงควบคู่กันไป โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ส่วนโครงการวิจัยและนวัตกรรมขนาดใหญ่เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เป้าหมาย (Spearhead) แผนงานบูรณาการวิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1040 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ตช | 02/01/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่และการแบ่งส่วนราชการภายใน ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค ๑-๙ และแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่และการแบ่งส่วนราชการภายใน ในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณเกี่ยวกับ (๑) การเพิ่มหน่วยงานระดับกองกำกับการเพื่อรับผิดชอบเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี สืบสวนสอบสวนปฏิบัติงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ ควรดำเนินการไปพร้อมกับการพัฒนาสมรรถนะของบุคลากรและเทคโนโลยี รวมถึงพัฒนาระบบการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถรับมือกับรูปแบบการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนและมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น (๒) การดำเนินการของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง ต้องเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลด้านความมั่นคงของหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมของประเทศ (๓) การปรับเกลี่ยกำลังพลเพื่อรองรับการแบ่งส่วนราชการดังกล่าว ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมสอดคล้องกับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น โดยกรณีของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอาจใช้วิธีการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน โดยเน้นการฝึกอบรมกำลังพลให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเพื่อรองรับปริมาณงานในความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น และ (๔) หากการเพิ่มส่วนงานดังกล่าวทำให้มีภาระงบประมาณเพิ่มขึ้นในอนาคต ทั้งในส่วนของค่าใช้จ่ายบุคลากรและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ควรปรับแผนปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง การดำเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการที่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณหรือภาระทางการคลังในอนาคต พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามนัยมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
