ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 199 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3961 - 3980 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3961 | ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยความปลอดภัยของสารเคมี | สธ | 04/05/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการ
แห่งชาติว่าด้วยความปลอดภัยของสารเคมี ตามมติคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยความปลอดภัยของสารเคมี ครั้งที่ 1/2547 ดังนี้ เพิ่มเติมลำดับที่ (29) ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เนื่องจากมีหน้าที่รับผิดชอบ เกี่ยวกับงบประมาณในแผนแม่บทพัฒนาความปลอดภัยด้านเคมีวัตถุแห่งชาติ รวมทั้งเพิ่มเติมลำดับที่ (34) ศ.ดร.ภักดี โพธิศิริ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ และประสบการณ์ เกี่ยวกับงานพัฒนาความปลอดภัยด้านสารเคมี ทั้งในและต่างประเทศเป็นอย่างดี
|
||||||||||||||||||||||||
| 3962 | ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการร่วมลงทุนเพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขันของธุรกิจไทย | นร | 04/05/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอการปรับปรุงประธานกรรมการ
ในคณะกรรมการร่วมลงทุนเพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขันของธุรกิจไทย จาก "รองนายกรัฐมนตรี (นาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์)" เป็น "นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง" |
||||||||||||||||||||||||
| 3963 | รายงานความก้าวหน้าการปรับบทบาทและภารกิจของคลังจังหวัดในฐานะนักบริหารเศรษฐกิจการคลังจังหวัด (CHIEF FINANCAL OFFICER ; CFO) | นร | 04/05/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ. รายงานความก้าวหน้าการปรับบทบาทและภารกิจ
ของคลังจังหวัดในฐานะนักบริหารเศรษฐกิจการคลังจังหวัด (CHIEF FINANCUIAL OFFICER : CFO) โดยได้มีการ ประชุมร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2547 ซึ่งที่ประชุมมีมติให้กรมบัญชีกลางแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาร่วมกับสำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. รวม 2 คณะ ได้แก่ คณะทำงานกำหนดบทบาทภารกิจและวิธีการสรรหาบุคลากรให้ดำรงตำแหน่งนักบริหาร เศรษฐกิจการคลังจังหวัด (CFO) และคณะทำงานกำหนดหลักสูตรและฝึกอบรมบุคลากรที่จะเป็นนักบริหาร เศรษฐกิจการคลังจังหวัด ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ นอกจากนั้น สำนักงาน ก.พ.ร. ยังอยู่ระหว่างการ กำหนดโครงสร้างของราชการบริหารส่วนภูมิภาค เมื่อกระทรวงการคลังและสำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการใน เรื่องดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว สำนักงาน ก.พ. จะพิจารณาในเรื่องการปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งนักบริหาร เศรษฐกิจการคลังจังหวัดในลำดับต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 3964 | รายงานความคืบหน้าของการดำเนินงานโครงการกรุงเทพ ฯ เมืองแฟชั่น | อก | 27/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานความคืบหน้าของการดำเนินงาน
โครงการกรุงเทพ ฯ เมืองแฟชั่น หลังการจัดกิจกรรมเปิดตัวโครงการ ฯ เมื่อวันที่ 12-15 เมษายน 2547 ได้ เกิดกระแสการยอมรับและมีความตื่นตัวเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแฟชั่นในระดับที่น่าพอใจ ส่วนของงบประมาณ ที่สำนักงบประมาณได้อนุมัติเป็นจำนวนเงิน 824.64 ล้านบาท ในระยะเวลา 6 เดือน ปัจจุบันอยู่ระหว่าง การเร่งรัดดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณ รวมทั้งได้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะ กรรมการอำนวยการโครงการกรุงเทพ ฯ เมืองแฟชั่น เพื่อให้การบริหารโครงการ ฯ มีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลยิ่งขึ้น โดยมีกรรมการที่มาจากภาคเอกชนมากกว่ากรรมการที่มาจากภาคราชการ ซึ่งในส่วน ของคณะกรรมการ ฯ ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 4-3/2547 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2547 เกี่ยวกับการ บริหารจัดการโครงการกรุงเทพ ฯ เมืองแฟชั่น โดยแต่งตั้งประธานคณะทำงาน 11 โครงการย่อย โดย ให้คณะทำงานมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาทบทวนข้อกำหนดขอบเขตงาน (TOR) สรรหา ตลอดจนคัด เลือกผู้ที่มีความชำนาญเพื่อเป็นผู้ดำเนินงาน 11 โครงการย่อย เสนอคณะกรรมการ ฯ พิจารณา และกำกับ ดูแลติดตามการดำเนินงานของ 11 โครงการย่อย ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และแผนงานอย่าง มีประสิทธิภาพ และอนุมัติให้ว่าจ้างสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อ เป็นทีมที่ปรึกษาโครงการ ฯ ในภาพรวมภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานโครงการกรุงเทพ ฯ เมือง แฟชั่นเพื่อติดตามและประสานงานกับ 11 โครงการย่อย พร้อมทั้งดำเนินการต่าง ๆ ให้บรรลุเป้าหมายของ โครงการ ฯ
|
||||||||||||||||||||||||
| 3965 | ขอปรับปรุงแก้ไของค์ประกอบคณะกรรมการแห่งชาติในการค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานและเรือที่ประสบภัย | คค | 27/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการแห่ง
ชาติในการค้นหา และช่วยเหลืออากาศยาน และเรือที่ประสบภัย โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการชุดใหม่ มี ดังนี้ รองปลัดกระทรวงคมนาคม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง) เป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมการขน ส่งทางอากาศและอธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี เป็นรองประธานกรรมการ ผู้แทนกองบัญชาการ ทหารสูงสุด ผู้แทนกองทัพบก ผู้แทนกองทัพเรือ ผู้แทนกองทัพอากาศ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทน กระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ผู้แทน กรมอุตุนิยมวิทยา ผู้แทนกรมการปกครอง ผู้แทนกรมศุลกากร ผู้แทนกรมประมงผู้แทนสำนักฝนหลวงและการ บินเกษตร ผู้แทนสำนักงบประมาณ ผู้แทนการท่าเรือแห่งประเทศไทย ผู้แทนที่ทำการวิทยุเรือบริษัท กสท โทร คมนาคม จำกัด (มหาชน) ผู้แทนบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ผู้แทนบริษัท วิทยุการบินแห่ง ประเทศไทย จำกัด เป็นกรรมการ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานในการเดินอากาศ กรมการขนส่งอากาศ เป็น กรรมการและเลขานุการ หัวหน้าส่วนค้นหาและช่วยเหลือเรือประสบภัย กรมการขนส่งทางอากาศ ผู้แทนกอง นิติการ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม และผู้แทนกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี เป็นกรรมการและผู้ ช่วยเลขานุการ โดยให้คณะกรรมการดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่คงเดิม |
||||||||||||||||||||||||
| 3966 | การดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง บริเวณหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี | อก | 27/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่น
ละอองบริเวณหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี โดยได้ประสานงานกับจังหวัดสระบุรีเพื่อออกคำสั่งให้โรงโม่หิน จำนวน 11 โรง ที่มีผลการตรวจวัดฝุ่นละอองเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดหยุดการเดินเครื่องจักรและ ปรับปรุงประสิทธิภาพระบบกำจัดฝุ่นให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2547 เป็นต้นไป และได้จัดประชุมชี้แจงและทำความเข้าใจ กับผู้ประกอบการโรงโม่หินในพื้นที่หน้าพระลาน และใกล้เคียง จำนวน 62 ราย ดำเนินการปรับปรุงโรงโม่ หินตามมาตรการลดและขจัดฝุ่นจากโรงโม่หินที่กำหนดไว้ คือ ให้ระงับการเดินเครื่องจักรในส่วนที่ก่อให้เกิด ฝุ่นละอองและทำการปรับปรุงประสิทธิภาพระบบป้องกันกำจัดฝุ่นละอองในขบวนการผลิตทุกจุดที่กำเนิดฝุ่น ให้ระงับการใช้พื้นที่เก็บกองหินและถนนภายในโรงงานที่มีการสะสมตัวของฝุ่นละออง และทำความสะอาดพื้น ที่เก็บกองหินและถนนไม่ให้มีการสะสมตัวของฝุ่นละออง รวมทั้งจัดกำลังเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบโรงโม่หินทุก โรง และจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบและสืบสวนเฝ้าระวังการทำเหมืองผิดกฎหมายว่าด้วยแร่ในเขตตำบล หน้าพระลาน และบริเวณใกล้เคียงอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ |
||||||||||||||||||||||||
| 3967 | ผลการเดินทางตรวจราชการต่างจังหวัดของนายกรัฐมนตรี (ระหว่างวันที่ 18 - 24 เมษายน 2547) | นร | 27/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอผลการเดินทางไปตรวจราช
การของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18-24 เมษายน 2547 ณ จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และให้หน่วย งานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามข้อสั่งการและคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี อาทิเช่น การแก้ปัญหาอุทก ภัยพื้นที่ชุมชนจังหวัดสิงห์บุรี นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเห็นว่า หากได้มีการบริหาร จัดการน้ำต้นทุนเหนือ เขื่อนเจ้าพระยาได้อย่างเหมาะสมและเป็นระบบ อาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีพื้นที่ปิดล้อมชุมชนให้รอดพ้น จากภัยน้ำท่วมอีกต่อไป และควรดำเนินการเฉพาะพื้นที่ต่ำเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนการปรับปรุงโครงสร้าง พื้นฐาน (ถนน) ของจังหวัดสิงห์บุรี ควรปรับปรุงเพื่อรองรับการคมนาคม โดยให้จังหวัดประสานกับกระทรวง คมนาคม กรณีการฟื้นฟูธรรมชาติเขาค้อ ได้เตรียมจัดสรรงบประมาณในการฟื้นฟูธรรมชาติทั่วทั้งประเทศ โดยประมาณการไว้จำนวน 1 แสนล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า แต่ทั้งนี้ต้องอาศัยภาคเอกชนและ ประชาชนร่วมกันดำเนินการ โดยภาครัฐจะอำนวยความสะดวกและจัดหาทุนให้ และรัฐบาลอาจจัดสรรที่ดิน ให้เกษตรกรโดยออกเป็นเอกสารสิทธิให้คนละ 30 ไร่ แต่มีเงื่อนไขว่าทุกคนต้องปลูกป่าเป็นไม้ยืนต้นและมีไม้ ล้มลุกผสมควบคู่กัน และกรณีการแก้ปัญหาภัยแล้งในจังหวัดขอนแก่นซึ่งมีพื้นที่ขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่ภัยแล้ง จำนวน 1.9 ล้านไร่ ในพื้นที่อำเภอแวงน้อย แวงใหญ่ ชนบท มัญจาคีรี บ้านฝาง กิ่งอำเภอโนนศิลา และกิ่งอำเภอโคกโพธิ์ไชย นั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้จังหวัดสำรวจแหล่งน้ำ เช่น อ่างเก็บน้ำ คลอง ฯลฯ เพื่อวางแผนการต่อท่อน้ำผิวดินมาใช้ซึ่งอาจประสานขอความร่วมมือมหาวิทยา ลัยในจังหวัดทำการศึกษาแนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำผิวดินโดยยกตัวอย่างหน่วยทหารพัฒนามีเครื่องมือขุด เจาะผิวดินในระดับ 15 เมตร ซึ่งจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือควรสำรวจปริมาณน้ำผิวดินว่ามีเพียงพอ หรือไม่ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 3968 | การช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยชุมชนสวนพลูพัฒนา | มท | 27/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยชุมชนสวนพลูพัฒนา เขตสาทร กรุงเทพ
มหานคร เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2547 ทำให้บ้านเรือนและสถานที่ราชการ (ที่พักข้าราชการตำรวจ) ได้รับ ความเสียหายประมาณ 1,000 หลังคาเรือน คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ประมาณ 5,000 คน โดยให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ (การเคหะแห่งชาติ) กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องร่วมกันกำหนดรูปแบบ การปรับปรุงพัฒนาที่ดินแปลงที่เกิดเหตุอัคคีภัยดังกล่าว เพื่อก่อสร้างที่อยู่อาศัย ให้ผู้ประสบภัยที่อยู่อาศัย เดิมสามารถอาศัยอยู่ได้ในระยะยาว โดยควรพิจารณาดำเนินการในแนวทางเดียวกับโครงการบ้านมั่นคง หรือโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่รัฐดำเนินการอยู่แล้ว และให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาให้ความช่วยเหลือ แก่ผู้ประสบอัคคีภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 โดยด่วนต่อไป และหากมีความจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือใด ๆ เพิ่มเติมนอก เหนือจากระเบียบ ฯ ดังกล่าว ก็ให้ประสานกับกระทรวงการคลังต่อไป ทั้งนี้ ในการช่วยเหลือ ให้กระทรวง มหาดไทย กระทรวงการคลัง และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประสบอัคคีภัย ในครั้งนี้ให้ชัดเจนถูกต้องครบถ้วนก่อน เพื่อป้องกันมิให้มีการกล่าวอ้างสวมสิทธิโดยผู้ไม่ได้ประสบอัคคีภัย แล้วดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้ตรงตามข้อเท็จจริงต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 3969 | ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 27/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่
(ฝ่ายกฎหมายฯ) มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยสาระสำคัญของ ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ เป็นการปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับคุณสมบัติและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (คณะกรรมการ ก.ล.ต.) เพิ่มเติมบทบัญญัติเพื่อส่งเสริมบรรษัทภิบาลของ บริษัทที่มีการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นการทั่วไป บริษัทที่มีหุ้นเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทที่มีหลักทรัพย์ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ ปรับปรุงและเพิ่มเติมบทกำหนดโทษและการเปรียบเทียบ ความผิด รวมทั้งปรับปรุงบทพิสูจน์ความรับผิดของบุคคลธรรมดา เมื่อผู้กระทำผิดมีฐานะเป็นนิติบุคคลให้มีความ เหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และกำหนดบทเฉพาะกาลเพื่อให้กรรมการ ก.ล.ต. ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งที่ ยังไม่พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวก่อนที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับอยู่ในตำแหน่งเพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่าครบวาระ ทั้งนี้ ให้รับประเด็นอภิปรายของ คกก.7 ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงาน สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยสาระสำคัญของประเด็นอภิปราย มีดังนี้ แก้ไขบทบัญญัติ เกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ก.ล.ต. โดยกำหนดให้บุคคลอื่นที่มี คุณสมบัติที่เหมาะสมเป็นประธานกรรมการ ก.ล.ต. แทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เนื่องจากเป็นผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมืองในฝ่ายบริหารอันอาจมีข้อครหาเรื่องความเป็นกลาง และการแทรกแซงตลาดหลักทรัพย์ ที่เป็นการดำเนินธุรกรรมทางการเงินที่ต้องมีความเป็นอิสระจากทางการเมือง ส่วนคำว่า "บรรษัทภิบาล" ที่ได้ กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติ ฯ เป็นคำใหม่ ยังไม่มีการใช้ในกฎหมายใดมาก่อนและยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับ ความหมายและความถูกต้องของหลักภาษาไทย สมควรมอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณา ว่าจะใช้ถ้อยคำใดให้เหมาะสม เช่น อาจใช้คำว่า "การบริหารกิจการที่ดีของบริษัท" มาใช้แทนคำดังกล่าว นอกจากนี้ โดยที่รัฐบาลไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 ซึ่งมีความจำเป็นจะ ต้องพิจารณาปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับอนุสัญญาดังกล่าวก่อนมีการให้สัตยาบัน ดังนั้น การ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัตินี้ในส่วนที่ว่าด้วยบรรษัทภิบาล จึงควรพิจารณาหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และข้อกำหนด ของอนุสัญญาดังกล่าวในส่วนที่ว่าด้วยภาคเอกชน (Private Sector) มาพิจารณาประกอบด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 3970 | การแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำเสื่อมโทรม | นร | 20/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สภาพภูมิทัศน์ของบึงสีไฟซึ่งเป็นแหล่งเก็บ
กักน้ำสำคัญของจังหวัดพิจิตรเสื่อมโทรมและถูกราษฎรบุกรุกพื้นที่ จึงสมควรดำเนินการปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ รอบบึงดังกล่าวให้สวยงามเป็นธรรมชาติเพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งใช้เป็นเส้นทางระบายน้ำจากแม่น้ำน่าน และเป็นแหล่งเก็บกักน้ำตามธรรมชาติ เพื่อไว้ใช้ประโยชน์ต่อไป จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบรับเรื่องนี้ไปพิจารณาดำเนินการ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง |
||||||||||||||||||||||||
| 3971 | ขอปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการประสานงานกับองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติและการเกษตรต่างประเทศ | กษ | 20/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอการปรับปรุงองค์ประกอบ
คณะกรรมการประสานงานกับองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติและการเกษตรต่างประเทศ โดยมีอำนาจหน้าที่คงเดิม |
||||||||||||||||||||||||
| 3972 | ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยศุลกากรให้สอดคล้องกับความตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า 1994 และสภาวการณ์ปัจจุบัน) | กค | 20/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7)
(ฝ่ายกฎหมาย) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาโดยสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ ฉบับนี้เป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยศุลกากร เนื่องจากบทบัญญัติมาตรา 11 ทวิ และมาตรา 12 แห่ง พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 5 และ 6 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2543 ได้บัญญัติให้อธิบดีกรมศุลกากรกำหนดราคาศุลกากรในกรณีที่พิจารณาเห็นว่า ราคาสำแดงของของที่นำเข้ามีราคาต่ำอย่างปรากฏชัด หรือไม่น่าจะเป็นมูลค่าอันแท้จริง หรือในกรณีที่ไม่ ตกลงในเรื่องราคาศุลกากรสำหรับของอย่างใด ๆ และให้อำนาจอธิบดีกรมศุลกากรมีอำนาจรับของนั้นไว้ เป็นค่าภาษีหรือจะซื้อของนั้นไว้หรืออธิบดีและเจ้าของต่างตั้งอนุญาโตตุลาการมีจำนวนเท่ากันเป็นบทบัญญัติ ที่ขัดแย้งกับความตกลงในการนำมาตรา 7 ของความตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า 1994 มา ถือปฏิบัติรวมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติอื่น ๆ เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ทั้งนี้ ให้รับ ประเด็นอภิปรายของ คกก.7 ที่เห็นว่า ตามร่างมาตรา 6 กำหนดให้การกระทำที่บัญญัติไว้ในมาตรา 27วรรค หนึ่งและร่างมาตรา 9 กำหนดให้การกระทำตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 99 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ศุลกากร พ.ศ. 2469 ให้ถือเป็นความผิดโดยมิพักต้องคำนึงว่า ผู้กระทำมีเจตนาหรือกระทำโดยประมาทเลิน เล่อหรือไม่นั้น เห็นว่า บทบัญญัติดังกล่าวตรงกับกฎหมายปัจจุบันในมาตรา 16 จึงไม่มีความจำเป็นต้องตัด ข้อความดังกล่าวแล้วนำมาบัญญัติไว้ในมาตรา 27 และมาตรา 99 แต่อย่างใด และเห็นควรให้คงมาตรา 16 ไว้เช่นเดิม และเนื่องจากกฎหมายศุลกากรเป็นกฎหมายพิเศษ ดังนั้นบทบัญญัติดังกล่าวจึงเป็นข้อยกเว้นของ หลักการกฎหมายทั่วไป ซึ่งบัญญัติในทำนองนี้ได้มีบัญญัติในกฎหมายอื่น ๆ บ้างแล้ว เช่น กฎหมายว่าด้วย การคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งหากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีการศึกษารวบรวมกฎหมายต่าง ๆ ที่ มีบทบัญญัติทำนองนี้ไว้ ก็จะเป็นข้อมูลในเชิงวิชาการด้านกฎหมายอย่างยิ่ง และข้อสังเกตของสำนักเลขา ธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับในชั้นการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ควรให้ดำเนินการทำนอง เดียวกับร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการกำหนดระเบียบพิธีการ ศุลกากรการรายงานเรือเข้า ออก รายงานอากาศยานเข้า การขอคืนอากร และปรับปรุงอัตราโทษ ซึ่ง คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (17 กุมภาพันธ์ 2547) อนุมัติตามมติ คกก.7 ที่เห็นควรอนุมัติหลักการและให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับประเด็นอภิปรายของ คกก.7 เกี่ยวกับการ แก้ไขกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ซึ่งกระทรวงการคลังได้เสนอมาเพื่อดำเนินการแล้วหลายฉบับหลายเรื่อง ซึ่ง บางฉบับอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณา และในการพิจารณาควรคำนึงถึงขั้นตอนและระยะเวลาการประกาศ ใช้บังคับเป็นกฎหมายด้วยเพื่อให้กฎหมายที่ประกาศใช้ก่อนและหลังมีความสอดคล้องกัน กรณีร่างกฎหมาย อยู่ในขั้นตอนและมีเนื้อหาที่สามารถรวมกันเป็นฉบับเดียวได้ ก็สมควรรวมเป็นฉบับเดียวหากพิจารณาแล้ว เห็นว่าเหมาะสม ไปพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำ เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 3973 | ขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณสมทบโครงการเงินกู้จากต่างประเทศ | ศธ | 20/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอขอผ่อนผันขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบ
ประมาณปี พ.ศ. 2545 หมวดรายจ่ายอื่น งบประมาณสมทบโครงการเงินกู้จากต่างประเทศ จำนวนเงิน ทั้งสิ้น 175,655,139 บาท สำหรับโครงการพัฒนาการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระยะที่ 1 ของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ ที่เกี่ยวข้อง จำนวนเงิน 58,820,380 บาท และโครงการพัฒนาคุณภาพการมัธยมศึกษาตอนปลาย ระยะที่ 1 ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพัทลุง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ จัดประชุม สัมมนา และจัดซื้ออุปกรณ์การศึกษาตามเงื่อนไขธนาคารโลก จำนวนเงิน 114,012,269 บาท รวมทั้ง ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง และค่าครุภัณฑ์ประกอบห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และห้อง ปฏิบัติการทางภาษา จำนวนเงิน 2,822,490 บาท เป็นกรณีพิเศษถึง 30 กันยายน 2547 |
||||||||||||||||||||||||
| 3974 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2547 | ทส | 07/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติการประชุมคณะ
กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2547 เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2547 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับ รองเรียบร้อยแล้ว ดังนี้ (1) เรื่องที่ประธาน ฯ แจ้งต่อที่ประชุม ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่ง ชาติ ครั้งที่ 7/2546 และครั้งที่ 1/2547 คำสั่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง แต่งตั้งอนุ กรรมการเพื่อพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างของกรมควบคุมมลพิษ และความก้าวหน้าในการดำเนิน งานการจัดการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยชุมชนจังหวัดขอนแก่น (2) เรื่องรายงานการประชุม ฯ ครั้งที่ 1/2547 ได้แก่ การรับรองรายงานการประชุม ฯ ครั้งที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2547 โดยให้ปรับแก้ไขข้อความในวาระที่ 3.1 หน้า 7 8 และ 10 เป็น "ให้ใช้ พันธุ์ไม้ท้องถิ่นดั้งเดิม" และตัดคำว่า "ร่วมด้วย" ออก รวมทั้งเพิ่มข้อความหน้า 14 วาระที่ 4.3 บรร ทัดที่ 2 เป็น "กรรมการและเลขานุการ ฯ มอบหมายให้อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ..." ตามความเห็น ของคณะกรรมการ ฯ (3) เรื่องสืบเนื่องเพื่อพิจารณา ได้แก่ การปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการผู้ ชำนาญการ/คณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพิ่มเติม และการขอผ่อน ผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อกิจการเหมืองแร่ กรณี บริษัท ปูนซีเมนต์ นครหลวง จำกัด (มหาชน) อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี (4) เรื่องเพื่อพิจารณา ได้แก่ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการขยายท่าเรือน้ำลึก ภูเก็ต การขอเปลี่ยนแปลงการใช้เชื้อเพลิงและรายละเอียดโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนกระบี่ การปรับปรุงมาตรฐานฝุ่นละอองและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ในเรื่องค่าเฉลี่ย 1 ปี การกำหนด มาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากสถานประกอบการหลอมและต้มทองคำ การมอบ อำนาจให้สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้ดำเนินการแทนคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในคดี หมายเลขดำที่ 2006/2545 ศาลปกครองกลาง และ (ร่าง) ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณจังหวัด กระบี่ และจังหวัดพังงา (5) เรื่องเพื่อทราบ ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรี เรื่อง บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ขอต่ออายุ หนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าพระพุทธบาทและป่าพุแค เพื่อทำ เหมืองแร่หินปูน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ ตามประทานบัตรที่ 27314/14518 และ 27315/ 14517 ท้องที่จังหวัดสระบุรี และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่ง แวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการบ้านเอื้ออาทรประชา นิเวศน์
|
||||||||||||||||||||||||
| 3975 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (การปรับปรุงซ่อมแซมสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ) | กต | 07/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงการ
ต่างประเทศดำเนินการปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบเงิน อุดหนุนที่ได้รับ เพื่อชำระค่าออกแบบการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ในส่วน ที่เป็นพันธกรณีของรัฐบาลไทย จำนวน 74,164 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,929,500 บาท โดย งบประมาณค่าซ่อมแซมอาคารสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ หากสหประชาชาติกำหนดแผนการดำเนิน งานและภาระการเงินที่ชัดเจนให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวตามอัตราส่วนที่สหประชาชาติเรียกเก็บ |
||||||||||||||||||||||||
| 3976 | การกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินสำหรับรัฐวิสาหกิจ | รง | 07/04/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอการกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับ
การเงินสำหรับรัฐวิสาหกิจ ในเรื่องเกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าจ้าง สวัสดิการ และประโยชน์อื่นของนายจ้าง หรือลูกจ้างอันเกี่ยวกับการจ้างหรือการทำงานที่สามารถคำนวณเป็นเงินได้ โดยเรื่องค่าจ้างยังคงสงวนไว้ให้เป็น อำนาจของคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์และคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาให้ความเห็นชอบ กรณีที่ รัฐวิสาหกิจจะมีการปรับปรุงสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับค่าจ้าง ตามมาตรา 13 วรรคสาม มาตรา 28 และมาตรา 32 ยกเว้นการกำหนดอัตราค่าจ้างแรกบรรจุ และการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ-ขั้นสูงของลูกจ้างทุกตำแหน่ง ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งสามารถดำเนินการได้เองเมื่อคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจนั้นเห็นชอบด้วย ส่วนเรื่องสวัสดิ การ ให้กำหนดเป็นขอบเขตสภาพการจ้าง ตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 ที่ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งสามารถดำเนินการได้เอง เมื่อคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจนั้นเห็นชอบแล้ว ยกเว้นเรื่องค่ารักษาพยาบาลยังคงสงวนไว้ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์และคณะ รัฐมนตรี และเรื่องประโยชน์อื่นของนายจ้าง หรือลูกจ้างอันเกี่ยวกับการจ้าง หรือการทำงานที่สามารถคำนวณ เป็นเงินได้ ให้กำหนดเป็นขอบเขตสภาพการจ้าง ตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจ สัมพันธ์ พ.ศ. 2543 ที่ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งสามารถดำเนินการได้เองเมื่อคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจนั้นเห็น ชอบแล้ว โดยเรื่องสวัสดิการและเรื่องประโยชน์อื่นของนายจ้าง หรือลูกจ้าง ฯ ให้ปรับปรุงได้เท่าที่รัฐวิสาหกิจ แต่ละแห่งมีสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินอยู่เดิม โดยคำนึงถึงสถานะการเงิน ผลการดำเนินงานของกิจการ และการจัดหารายได้เพิ่มขึ้นให้ครอบคลุมรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย หรือสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุม รายจ่ายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะกำหนดเป็นเงื่อนไขให้คงสัดส่วนของรายจ่ายด้านบุคลากรต่อรายได้ให้คงอยู่ใน อัตราเดิม
|
||||||||||||||||||||||||
| 3977 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2545 (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) | ปง | 30/03/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.)
รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงาน ปปง. ประจำปี พ.ศ. 2545 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2545 - 31 ธันวาคม 2545 และเห็นชอบให้เสนอรายงานผลการปฏิบัติงานต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป สำหรับผลการปฏิบัติงานของสำนักงาน ปปง. ในรอบปี พ.ศ. 2545 มีดังนี้ (1) งานด้านการป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน ประกอบด้วย งานนโยบาย กฎและระเบียบต่าง ๆ การสอบสวน และดำเนิน คดี การดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินที่มีคำสั่งยึดหรืออายัด การเก็บรักษาทรัพย์สินตามที่คณะกรรมการธุร กรรมได้มีคำสั่งยึดหรืออายัด การตรวจสอบและวิเคราะห์การรับรายงานธุรกรรมจากสถาบันการเงิน (2) งานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย การปรับปรุงระบบรายงานธุรกรรมโดยใช้แบบสื่ออิเลคทรอ นิกส์ การพัฒนาระบบสารสนเทศต้นแบบเพื่อวิเคราะห์รายงานธุรกรรม จัดทำแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสน เทศ 5 ปี และจัดทำระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการและบริหารข้อมูล (3) งานด้านให้ความรู้และประสาน ความร่วมมือ ประกอบด้วย โครงการจัดอบรมสัมมนาข้าราชการ ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การเผย แพร่ประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปได้รับทราบถึงนโยบาย แนวทาง การปฏิบัติงานและผลการดำเนินงานในรอบปี พ.ศ. 2545 การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับระบบงานป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน และวิเคราะห์สภาพปัญหาในการปฏิบัติงานการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลการ ดำเนินงาน และเสริมสร้างความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รวมทั้งการส่งเสริมและ ประสานความร่วมมือ สนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น (4) ด้านต่างประเทศ ได้ดำเนินภารกิจ ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยประสานงานความร่วมมือกับกลุ่มประเทศทั้งในระดับภูมิ ภาคและระดับนานาชาติ เพื่อดำเนินกิจกรรมด้านต่าง ๆ และ (5) งานด้านการบริหารและสนับสนุนการ ดำเนินการอื่น ๆ ประกอบด้วย งานบริหารทั่วไป งานบริหารงานงบประมาณ งานประชุม งานห้องสมุด และงานมูลนิธิป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน |
||||||||||||||||||||||||
| 3978 | การขยายระยะทางวิ่งของสนามบินสงขลา | กห | 30/03/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอผลการพิจารณาเกี่ยวกับการขยายทางวิ่งของ
สนามบินจังหวัดสงขลา ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า เนื่องจากการขยายทางวิ่งของสนามบินดังกล่าวต้องใช้ งบประมาณค่าใช้จ่ายจำนวนสูงมาก อาจไม่คุ้มค่าแก่การลงทุน จึงขอให้พิจารณาดำเนินการเฉพาะการปรับปรุง สภาพทั่ว ๆ ไปของสนามบิน เพื่อให้เกิดความสะดวกปลอดภัยในการใช้สนามบินเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เช่น การ ย้ายเสาอากาศวิทยุของสำนักงานตำรวจภูธรภาค 9 เป็นต้น สำหรับผลการพิจารณาการขยายทางวิ่งของสนาม บินจังหวัดสงขลาซึ่งมีข้อจำกัดในการใช้งานเนื่องจากบริเวณหัวทางวิ่ง 13 มีเสาอากาศวิทยุของสำนักงานตำรวจ ภูธรภาค 9 และบริเวณหัวทางวิ่ง 31 มีภูเขาสำโรงและภูเขาเก้าเส้ง กีดขวางอากาศยานในการขึ้น และร่อนลง จึงจำเป็นต้องขยายระยะทางวิ่งของสนามบินจากเดิม 1,510 เป็น 1,800 เมตร โดยการจัดซื้อหรือเวนคืนที่ดิน บริเวณด้านทิศใต้ของสนามบินซึ่งเป็นแหล่งชุมชน ถนน และโรงพยาบาลประสาท รวมทั้งปรับระดับความสูงของ ภูเขาสำโรงและภูเขาเก้าเส้งให้ลดลง ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามกฎการบินขององค์การบินพลเรือนระหว่าง ประเทศ (ICAO : International Civil Aviation Organization) ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับการขึ้น-ลง ของเครื่องบินพาณิชย์ขนาดเล็ก เครื่องบินโบอิ้ง 737-200 และเครื่องบิน LEARJET ของกองทัพอากาศ เครื่อง บิน KING AIR 200 ของกองทัพบก เครื่องบินใบพัด ATR เครื่องบินฟอกเกอร์ของบริษัทบางกอกแอร์เวย์ และ เครื่องบิน F-27 MK 400 ของกองทัพเรือ โดยได้ประมาณการความต้องการงบประมาณเพื่อการดำเนินการดัง กล่าวเป็นเงิน 603,180,000 บาท |
||||||||||||||||||||||||
| 3979 | รายงานผลการดำเนินงานเกี่ยวกับการประกันภัยอุบัติเหตุเอื้ออาทร | พณ | 30/03/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินงานของโครงการการประกัน
ภัยอุบัติเหตุเอื้ออาทร โดยนับจากวันเปิดโครงการเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2546 ถึงวันที่ 10 มีนาคม 2547 มีผู้ ทำประกันภัยจำนวน 432,620 ราย มีการแจ้งจำนวนผู้เสียชีวิตจำนวน 177 ราย ซึ่งโครงการได้จ่ายค่าทดแทน ให้ทายาทของผู้เอาประกันภัยแล้วจำนวน 137 ราย และอยู่ระหว่างการรอเอกสารจากทายาทของผู้เอาประกัน ภัยจำนวน 31 ราย ส่วนที่เหลือ 9 ราย ไม่เข้าข่ายได้รับความคุ้มครองเนื่องจากเสียชีวิตก่อนที่ความคุ้มครองจะ เริ่มมีผลบังคับในการนี้โครงการได้เพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้เอาประกันภัยซึ่งจากเดิมให้ความคุ้มครองเฉพาะการเสีย ชีวิตจากอุบัติเหตุ และการทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงจากอุบัติเหตุ ในจำนวนเงินเอาประกัน 300,000 บาท เบี้ย ประกันภัย 365 บาท โดยได้จัดให้มีการขายความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับค่าปลงศพจากการเจ็บป่วยสำหรับ ผู้เอาประกันภัยที่ต้องการจะได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติมจากความคุ้มครองหลัก ในวงเงิน 10,000 บาท เบี้ย ประกันภัย 135 บาท สำหรับประชาชนทั่วไป รวมไปถึงข้าราชการหรือลูกจ้าง (ยกเว้นทหารและตำรวจ) ที่อยู่ ในเขตจังหวัดสตูล ยะลา นราธิวาส และปัตตานี ได้มีการขยายความคุ้มครองเพิ่มเติมเป็นพิเศษโดยให้ได้รับความ คุ้มครองหากเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงจากอุบัติเหตุอันเนื่องมาจากสงคราม (ไม่ว่าจะมีการประกาศ หรือไม่ก็ตาม) การรุกราน หรือการกระทำของศัตรูต่างชาติ สงครามกลางเมือง การปฏิวัติ การกบฏ การก่อ ความวุ่นวายถึงขนาดลุกฮือต่อต้านรัฐบาล การจลาจล การนัดหยุดงาน และการก่อการร้าย ซึ่งการขยาย ความคุ้มครองดังกล่าวจะเพิ่มให้ทั้งสำหรับผู้เอาประกันภัยที่มีการซื้อประกันภัยไว้แล้ว หรือที่จะซื้อประกันภัยใน อนาคตด้วย นอกจากนี้ ยังได้มีการปรับปรุงรอบการนำส่งข้อมูลของการรับประกันภัยจากเดิมเดือนละ 2 ครั้ง เป็นเดือนละ 3 ครั้ง ส่งผลให้การเริ่มต้นความคุ้มครองเร็วขึ้นภายหลังจากที่ผู้เอาประกันภัยขอเอาประกันภัยซึ่ง จะช่วยลดปัญหาการที่ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตก่อนกรมธรรม์ประกันภัยมีผลคุ้มครอง |
||||||||||||||||||||||||
| 3980 | ร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ตช | 30/03/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายนิกร จำนง) เสนอ
ว่า ปัจจุบันได้เกิดอุบัติเหตุทางจราจรซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก สมควรเร่งรัดการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการป้อง กันอุบัติเหตุในเรื่องต่าง ๆ เช่น การขับรถในขณะที่มีอาการมึนเมา การตัดแต้มในกรณีฝ่าฝืนกฎหมายจราจร เป็น ต้น และปรับปรุงบทกำหนดโทษให้เหมาะสมกับฐานความผิดให้สามารถประกาศใช้บังคับได้โดยเร็ว อันจะมีผลทำ ให้สามารถลดจำนวนอุบัติเหตุในการคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญได้ทางหนึ่ง โดยให้กระทรวง คมนาคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการโดยด่วน และ อนุมัติหลักการตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมี สาระสำคัญเป็นการกำหนดให้รถที่จะใช้บรรทุกคน สัตว์ หรือสิ่งของ ชนิดหรือประเภทใด ในลักษณะใด ให้เป็น ไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา รวมกับร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2546 และอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นฉบับเดียวกัน แล้วส่ง ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
.....
