ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 192 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3821 - 3840 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3821 | การปรับปรุงค่าตอบแทนผู้บริหาร และสมาชิกสภาเมืองพัทยา | มท | 07/12/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ (1) เห็นชอบตามที่คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) เสนอ
ผลการพิจารณาปรับปรุงค่าตอบแทนผู้บริหารและสมาชิกเมืองพัทยา โดยให้กำหนดอัตราค่าตอบแทนผู้ บริหารและสมาชิกสภาเมืองพัทยา เท่ากับอัตราค่าตอบแทนของผู้บริหาร และสมาชิกองค์การบริหารส่วน จังหวัด ซึ่งเป็นตำแหน่งลักษณะเดียวกัน รวมทั้งกำหนดให้ผู้บริหารเมืองพัทยาได้รับเงินเดือน เงินประจำ ตำแหน่ง และค่าตอบแทนพิเศษ เท่ากับเงินประจำตำแหน่งของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศ บาลและองค์การบริหารส่วนตำบล (2) อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินประจำตำแหน่ง เงินค่าเบี้ยประชุม และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานสภาเมืองพัทยา รองประธานสภาเมืองพัทยา สมาชิกสภาเมืองพัทยา เลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาเมืองพัทยา และ กรรมการหรืออนุกรรมการของสภาเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงิน เดือนเงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของนายกเมืองพัทยา รองนายกเมืองพัทยา เลขานุการนายกเมืองพัทยา ผู้ช่วยเลขานุการนายกเมืองพัทยา และประธานที่ปรึกษาหรือที่ปรึกษาของ นายกเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ กงช. มีข้อสังเกตว่า ควร ปรับปรุงองค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของ กงช. ตามพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. 2538 รับผิดชอบการพิจารณาค่าตอบแทนของบุคลากรภาครัฐทั้งระบบ เพื่อให้โครงสร้างค่าตอบ แทนมีความเหมาะสม และ (3) ให้สำนักงาน ก.พ. และกระทรวงมหาดไทย รับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณา ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 3822 | ขอปรับปรุงโครงการผลิตและพัฒนาบุคลากรระยะที่ 2 (2544-2548) ของสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล | ศธ | 07/12/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอการปรับปรุงโครงการผลิตและพัฒนา
บุคลากรระยะที่ 2 ของสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล โดยปรับเป็นทุนผลิตและพัฒนาบุคลากรระดับปริญญา โทและปริญญาเอกทั้งหลักสูตรปกติและหลักสูตรนานาชาติ และขยายเวลาโครงการ ฯ เป็น พ.ศ. 2547 - 2551 โดยปรับจำนวนทุนได้ตามความเหมาะสมและใช้วงเงินตามที่ได้รับอนุมัติไว้เดิมจำนวน 256,180,000 บาท ทั้งนี้ ให้รับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้มีการประเมินผลภาพรวมโครงการ ฯ เพื่อทราบถึงปัญหา/ อุปสรรคในการดำเนินงาน และประเมินผู้ที่ได้รับทุนว่า สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตรงตาม คุณวุฒิที่สำเร็จการศึกษาเพื่อสามารถนำผลการประเมินมาปรับปรุงโครงการให้สอดคล้องกับความต้องการ ของสถานศึกษา รวมทั้งจัดทำแผนบริหารจัดการทุนและเกณฑ์การคัดเลือกผู้มารับทุน โดยเฉพาะการจัด สรรทุนในระดับปริญญาเอกควรมีความสอดคล้องกับความจำเป็นของสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลและความ ต้องการกำลังคนของประเทศเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ภายใต้ระยะเวลาและวงเงินที่เหลืออยู่และทั้งสนับ สนุนการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 3823 | การปรับปรุงระบบราชการไทยครั้งใหม่ | นร | 07/12/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การพัฒนาระบบราชการของประเทศ
มีความคืบหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับโครงสร้างของส่วนราชการต่าง ๆ ให้มีความเหมาะสม สอดคล้อง กัน และเป็นไปตามหลักการของการจัดโครงสร้างตามภารกิจและความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น จึงขอให้รองนายก รัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปเตรียมการในเรื่องนี้ รวมทั้งร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยอาจตั้งคณะกรรม การหรือคณะทำงานขึ้นเพื่อดำเนินการศึกษา และให้มอบหมาย ก.พ.ร. รับไปพิจารณากำหนดกระบวนการ และขั้นตอนการปฏิบัติราชการให้สอดคล้องกันด้วย โดยให้ครอบคลุมถึงการแบ่งส่วนราชการของบางกระทรวง ที่อาจต้องปรับปรุงใหม่ให้มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับการปฏิบัติราชการมากยิ่งขึ้น เช่น กระทรวงการ ท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นต้น และให้พิจารณาปัญหาในภาพรวมของบุคลากรภาครัฐด้วยว่า ในระยะยาวสมควรจะดำเนินการอย่างไร ให้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีแนวโน้มว่า จำนวนข้าราชการในระดับสูงมีเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการแต่ง ตั้งข้าราชการขึ้นสู่ตำแหน่งประเภทเชี่ยวชาญเฉพาะ (ระดับ 10 ชช.) และประเภทวิชาชีพเฉพาะ (ระดับ 10 วช.) ในขณะที่ข้าราชการในระดับผู้ปฏิบัติอาจมีไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานในภาพรวมของหน่วย งาน |
||||||||||||||||||||||||
| 3824 | การปรับปรุงอัตราค่าสมาชิกบอกรับหนังสือราชกิจจานุเบกษา ประจำปี 2548 | นร | 30/11/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมาย ฯ) ที่มีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอการปรับปรุงอัตราค่าสมาชิกหนังสือ ราชกิจจานุเบกษา ประจำปี 2548 ดังนี้ หนังสือราชกิจจานุเบกษา ประเภท ข (ฉบับทะเบียนฐานนันดร) อัตคาค่าสมาชิกรับเอง 4,000 บาท รับทางไปรษณีย์ 4,300 บาท หนังสือราชกิจจานุเบกษา ประเภท ค (ฉบับทะเบียนการค้า) อัตราค่าสมาชิกรับเอง 40,000 บาท รับทางไปรษณีย์ 40,300 บาท และหนังสือ ราชกิจจานุเบกษา ประเภท ง (ฉบับประกาศทั่วไป) อัตราค่าสมาชิกรับเอง 17,000 บาท รับทางไปรษณีย์ 17,300 บาท ส่วนหนังสือราชกิจจานุเบกษา ประเภท ก (ฉบับกฤษฎีกา) ยังคงเป็นไปตามอัตราเดิมคือ อัตราค่าสมาชิกรับเอง 120 บาท รับทางไปรษณีย์ 300 บาท โดยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรับไป ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางในรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณค่าจัด พิมพ์หนังสือราชกิจจานุเบกษา และเงินรายได้อันเกิดจากการจำหน่ายหนังสือราชกิจจานุเบกษาต่อไป รวม ทั้งกำหนดขอบเขตและลักษณะของเรื่องที่จะนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ชัดเจน เพื่อป้องกันมิให้มี การเปลี่ยนแปลงเรื่องที่จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาแต่ละประเภทโดยขาดหลักเกณฑ์ที่แน่นอนซึ่งจะส่ง ผลกระทบต่อต้นทุนค่าจัดพิมพ์และราคาจำหน่าย และมอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา ปรับปรุงอัตราค่าสมาชิกหนังสือราชกิจจานุเบกษาในโอกาสต่อไปตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องนำเสนอ คณะรัฐมนตรี |
||||||||||||||||||||||||
| 3825 | การดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม | นร | 30/11/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมาย ระบบราชการและการประชาสัมพันธ์) ที่มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอการโอนอัตรา กำลังของกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 378 อัตรา ให้กรม สอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม โดยให้เลขาธิการ ก.พ. ร่วมกับสำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางรับ ไปดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2547 และให้เลขาธิการ ก.พ. กระทรวงยุติธรรม และสำนัก งานตำรวจแห่งชาติรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่า พระราชกฤษฎีกาโอนกิจ การบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 พ.ศ. 2545 ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ไม่ได้กำหนดให้โอนอำนาจหน้าที่ของ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปเป็นของกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรมทั้งหมดจึงยังมีอำนาจหน้าที่บางส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องดำเนินการอยู่ ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องดำเนินภารกิจที่ไม่ได้โอนไปตามความเหมาะสมต่อไป สำหรับบุคลากรของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ไม่ประสงค์จะโอนไปสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือกระทรวงยุติธรรมไม่รับโอน ให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดบุคลากรดังกล่าวลงในตำแหน่งเป็นอัตราว่างอยู่ในปัจจุบัน หากมีตำแหน่งว่าง ไม่เพยงพอ หรือมีปัญหาในเรื่องชั้นยศ อาจมีการเพิ่มอัตราตำแหน่งตามความเหมาะสม โดยให้เลขาธิการ ก.พ. เป็นผู้รับผิดชอบร่วมกับสำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางประสานการดำเนินการในเรื่องนี้ให้เรียบ ร้อยโดยเร็ว ส่วนทรัพย์สินที่จะต้องโอน โดยเฉพาะที่ทำการของกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังมีความจำเป็นต้องใช้สถานที่ดังกล่าวอยู่ จึง เห็นควรให้ชะลอการโอนสถานที่ทำการดังกล่าวไว้ก่อนจนกว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้มีการปรับปรุง โครงสร้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วเสร็จ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 3826 | ขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเทศบาลนครหาดใหญ่เร่งด่วน | มท | 30/11/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ
ไปถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 แผนงานพัฒนาเมือง โครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเทศบาลนครหาดใหญ่เร่ง ด่วน หน่วยดำเนินการเทศบาลนครหาดใหญ่ ประกอบด้วย รายการปรับปรุงบึงเก็บกักน้ำ (แก้มลิง) พื้นที่ คลองเตย จากวงเงิน 80,000,000 บาท ปรับลดเป็นเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2547 จำนวน 29,920,000 บาท และผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. 2548 จำนวน 50,080,000 บาท และรายการก่อสร้างคันกั้นน้ำคลองอู่ ตะเภาฝั่งซ้าย จากวงเงิน 157,000,000 บาท ปรับลดเป็นงบประมาณ ปี พ.ศ. 2547 จำนวน 99,814,000 บาท และผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. 2548 จำนวน 57,186,000 บาท โดยให้ตกลงในรายละเอียดการเบิก จ่ายงบประมาณกับสำนักงบประมาณต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 3827 | ยุทธศาสตร์แห่งชาติ "รวมพลังสร้างสุขภาพ เพื่อคนไทยแข็งแรง เมืองไทยแข็งแรง (เอกสารบันทึกเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อสั่งการแจกในที่ประชุม) (Aganda based) | สธ | 16/11/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.1 (ฝ่าย
การศึกษาและการสาธารณสุข) ที่มีมติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ อนุมัติในหลักการ กรอบแนวคิด และแนวทางการดำเนินงานยุทธศาสตร์แห่งชาติ "รวมพลังสร้างสุขภาพ เพื่อคนไทยแข็งแรง เมืองไทยแข็งแรง" และกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นควรกำหนด ตัวชี้วัดประเมินผลสำเร็จของระดับความสุขของประชากรในแต่ละภูมิภาค และควรมีการบูรณาการแผนงาน งบ ประมาณ และสร้างความชัดเจนในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เป็นต้นไป พร้อมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะของส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องไปประกอบการปรับปรุงยุทธ ศาสตร์ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ และอนุมัติหลักการให้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารยุทธ ศาสตร์เมืองไทยแข็งแรง โดยให้มีศูนย์อำนวยการบริหารยุทธศาสตร์เมืองไทยแข็งแรง เป็นหน่วยงานรองรับ การทำงานของคณะกรรมการบริหาร ฯ และปรับเพิ่มองค์ประกอบของคณะกรรมการบริหาร ฯ โดยมีผู้แทน จากภาคเอกชนและประชาชนมีส่วนร่วม สำหรับงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบ ประมาณ โดยเมื่อมีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหาร ฯ แล้ว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามยุทธศาสตร์ ฯ จัดทำ แผนงานและโครงการเสนอคณะกรรมการบริหาร ฯ ดังกล่าวเร่งพิจารณา หากแผนงานหรือโครงการใดเป็น งานในภารกิจของหน่วยงานใดอยู่แล้ว ก็ให้พิจารณาใช้งบประมาณของส่วนราชการนั้น ๆ ดำเนินการ กรณี เป็นงานที่ต้องมีการร่วมกันปฏิบัติหลายหน่วยงานหรือเป็นงานโครงการใหม่ที่ไม่ได้ของบประมาณปกติไว้ ให้ รวบรวมแผนงานและโครงการเป็นกลุ่มประเภทเดียวกัน (Package) แล้วเสนอของบประมาณสนับสนุนจาก กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (ส.ส.ส.) ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ดังกล่าว ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก โดยมีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์เป็นผู้ช่วย กระทรวงซึ่งมีเครือข่ายกว้างขวางครอบคลุมภารกิจและพื้นที่ทั่วประเทศ เช่น กระทรวง มหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยสนับสนุน และให้หน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบภารกิจโดยตรง เช่น กระทรวงวัฒนธรรม ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประสานแผนงานโครงการและกำหนดขั้นตอน ทางปฏิบัติต่อไปด้วย นอกจากนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) หารือร่วมกับกระทรวงการ คลัง และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเร่งรัดการพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางและความเป็นไปได้ในการนำเงินภาษี ตามกฎหมายว่าด้วยสุราและกฎหมายว่าด้วยยาสูบ ในส่วนที่ไม่ได้นำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดินมาใช้ประโยชน์ การสร้างเสริมและแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และให้รายงาน ผลให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 3828 | การปรับปรุงระบบการออกเอกสารสิทธิในที่ดิน | มท | 16/11/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานการออกเอกสารสิทธิในที่ดินของรัฐ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดหลัก เกณฑ์ วิธีการ และแนวทางปฏิบัติในการออกเอกสารสิทธิในที่ดินของรัฐ โดยมีคณะกรรมการกำกับดูแลเอก สารสิทธิในที่ดินของรัฐ การจัดทำหลักฐานแผนที่ การจำลองและการเขียนรูปแผนที่ การลงรูปแผนที่ในระวาง แผนที่ และการจัดเก็บหลักฐานแผนที่ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อ ไปได้ และให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่นทีเกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการในส่วน ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ การจัดทำแผนที่เพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินการรังวัด (มาตราส่วน 1: 4,000) นั้น ให้เร่ง รัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณค่าใช้จ่ายตามความ จำเป็น และเพื่อให้การรังวัดเพื่อออกเอกสารสิทธิในที่ดินดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว สมควรจัด แบ่งพื้นที่ดำเนินการ และกำหนดผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนและให้ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน และ สมควรให้มีการจ้างแรงงานในท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการจ้างงานซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้แก่ราษฎรในท้องถิ่น นอก จากนี้ ให้ทุกหน่วยงานที่จะดำเนินในเรื่องนี้ เสนอเรื่องให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) ใน ฐานะประธานกรรมการฝ่ายจัดหาที่ดินของรัฐด้านอุปทาน (supply side) ให้ประชาชนทำกิน เป็นผู้พิจารณา ให้ความเห็นชอบก่อนทุกครั้งก่อนดำเนินการต่อไป สำหรับกรณีที่ราษฎรได้บุกรุกหรือไม่มีเอกสารสิทธิการ ถือครองที่ดิน แต่ได้อาศัยที่ดินนั้นประกอบอาชีพโดยสุจริตมาเป็นเวลานานแล้ว สมควรผ่อนผันให้ราษฎรดัง กล่าวอยู่ในพื้นที่ไปก่อน จนกว่าการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของรัฐที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจ ยุทธ) ดำเนินการอยู่จะแล้วเสร็จ แต่หากเป็นกรณีการบุกรุกใหม่หรือเป็นการบุกรุกของนายทุนเพื่อแสวงหา ประโยชน์มิชอบก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||
| 3829 | การประชุมรัฐมนตรี Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy (ACMECS) อย่างไม่เป็นทางการ | กต | 16/11/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการประชุมรัฐมนตรี Ayeyawady
-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy (ACMECS) อย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งประเทศไทยได้ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระหว่างวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2547 ที่จังหวัดกระบี่ ผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พม่า และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีผลการประชุมสรุป ได้ดังนี้ ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินกิจกรรมในประเทศสมาชิกภายใต้กรอบ ACMECS ซึ่งในส่วน ของไทยได้แจ้งที่ประชุมทราบถึงการดำเนินการของไทยในโครงการต่าง ๆ กับประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้สาขา ความร่วมมือทั้ง 5 สาขา อาทิ การอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน ไทยขยายการให้สิทธิพิเศษทาง ภาษีศุลกากร AISP สำหรับสินค้าเกษตร 9 รายการกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้านการคมนาคมขนส่งได้มีความ ร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพัฒนาเส้นทางคมนาคมในประเทศเพื่อนบ้าน และความร่วมมือเพื่อปรับเปลี่ยนกฎระเบียบในการอำนวยความสะดวดเพื่อสนับสนุนการไปมาหาสู่ระดับประชา ชน และด้านการท่องเที่ยว ได้มีความร่วมมือเพื่อส่งเสริมกิจกรรมของประเทศในกลุ่ม ACMECS ภายใต้แนวคิด Five Countries One Destination และศึกษาความเป็นไปได้ของระบบการตรวจลงตราร่วมกันระหว่างประเทศ ACMECS (ACMECS Single Visa) เป็นต้น ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติให้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อประสานงานในสาขา ความร่วมมือทั้ง 5 สาขา และได้มอบหมายประเทศสมาชิกแต่ละประเทศทำหน้าที่เป็นประเทศผู้ประสานงาน (Coordinating Country) สำหรับแต่ละสาขา โดยในส่วนของไทยจะเป็นผู้ประสานงานในสาขาการอำนวยความ สะดวกการค้าและการลงทุน พร้อมทั้งได้เรียกร้องให้ภาคเอกชนมีบทบาทในกิจกรรมความร่วมมือในทุกสาขา และภายหลังจากการประชุมรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการดังกล่าว รัฐมนตรี ACMECS ได้ประชุมร่วมกับผู้แทน จากประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ได้แก่ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ รวมทั้งธนาคาร เพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย ซึ่งผลการประชุมประเทศที่เข้าร่วมการประชุมต่างยืนยันจะเข้าร่วมมีบทบาทในฐานะ หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาและแสดงความชื่นชมกับบทบาทของไทยที่พยายามผลักดันการพัฒนาของภูมิภาคอย่าง จริงจัง ในการนี้ ญี่ปุ่นได้แจ้งยืนยันการร่วมโครงการกับไทยและลาวในการศึกษาโครงการปรับปรุงสนามบิน สะหวันนะเขต ในขณะที่ฝรั่งเศสแสดงความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนด้านการเงินต่อโครงการความร่วมมือใน กรอบ ACMECS พร้อมกันนี้ ที่ประชุมรับทราบว่า ไทยและเยอรมนีจะลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความ ร่วมมือเพื่อการพัมนาร่วมกันกับประเทศที่สาม และได้เชิญชวนให้ประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาอื่น ๆ เข้ามามี บทบาทในกิจกรรม ACMECS ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 3830 | การพิสูจน์ความผิดโดยใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ | นร | 09/11/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการพิสูจน์ความผิดโดยใช้หลักฐานทาง
วิทยาศาสตร์ เนื่องจากปัจจุบันวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้าและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ใน การพิสูจน์การกระทำความผิด ซึ่งศาลก็ยอมรับเป็นพยานหลักฐานได้ และในหลายกรณีทำให้ผู้ต้องหาจำนน ต่อหลักฐานและยอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควรได้รับการศึกษาอบรมให้มีความรู้ในด้านนี้เพื่อนำมา ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใสมากขึ้น จึงขอให้รองนายกรัฐมนตรี (ศาสตราจารย์ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) พิจารณาร่วมกับผู้เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงแนวทางการศึกษาอบรมของข้าราชการตำรวจ และระบบการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เหมาะสม และสอดคล้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ เป็นสากลต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 3831 | โครงการปรับปรุงสุขอนามัยท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต | กษ | 09/11/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอโครง การปรับปรุงสุขอนามัยท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงมาตรฐานสุขอนามัยของท่า เทียบเรือประมงให้สอดคล้องกับเงื่อนไขของสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งจะช่วยรักษาตลาดส่งออกสินค้าสัตว์น้ำและ ผลิตภัณฑ์ประมงของไทยในตลาดโลก รวมทั้งสนับสนุนภาคการผลิตและบริการตลอดจนสร้างรายได้และการ จ้างงาน ภายในวงเงิน 300,018,400 บาท เพื่อดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จากงบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการ พัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณในเรื่องการ จัดหาระบบคอมพิวเตอร์ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2547 เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทาง ปฏิบัติการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 3832 | การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 | นร | 09/11/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นเสนอ เกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เพื่อลดผลกระทบจากการปรับลดและแปรญัตติเพิ่มของคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 โดยแบ่งเป็น การจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 110,610.70 ล้านบาท ตั้งงบประมาณไว้ที่กรมส่งเสริม การปกครองส่วนท้องถิ่น 95,873.23 ล้านบาท จัดสรรเป็นเงินอุดหนุนทั่วไป 47,252.32 ล้านบาท |
||||||||||||||||||||||||
| 3833 | มาตรการรับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการที่ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการใหม่ | ศธ | 09/11/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมาย ฯ) ที่มีมติเกี่ยวกับมาตรการรับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการที่ได้รับผลกระทบจากการปรับ ปรุงโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการใหม่ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยเห็นชอบให้ขยายเวลามาตร การรับเงินประจำตำแหน่งในช่วงปรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรมใหม่ตามมติคณะรัฐมนตรี (17 กันยา ยน 2545) ออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2548 ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ. ประสานกับส่วนราชการที่มีปัญหากรณีข้าราชการที่ยังไม่ได้รับบรรจุให้ดำรงตำแหน่งที่มีเงินประจำ ตำแหน่ง เพื่อจัดทำแผนและกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการดำเนินการแต่งตั้งให้แก่ข้าราชการที่ได้รับผลกระทบ จากการปรับโครงสร้างให้ชัดเจนเช่น ในกรณีที่มีตำแหน่งในส่วนราชการนั้นว่าง ให้แต่งตั้งผู้ที่ได้รับผล กระทบเป็นอันดับแรก หรือในกรณีที่มีตำแหน่งว่างในกระทรวงเดียวกัน ขอให้พิจารณาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมด้วย รวมไปถึงตำแหน่งที่สามารถพิจารณากำหนดให้เป็นตำแหน่งทางวิชาการหรือ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะที่มีเงินประจำตำแหน่ง เช่น ตำแหน่งวิศวกร สถาปนิก หรือตำแหน่งอื่น ๆ ให้พิจารณา กำหนดตำแหน่งนั้นให้เป็นตำแหน่งเฉพาะตัวต่อไป เพื่อให้มีสิทธิรับเงินประจำตำแหน่ง หากพ้นวันที่ 13 มีนาคม 2548 ที่ขยายเวลาไปแล้วยังไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เสร็จสิ้นได้ ให้สำนักงาน ก.พ. รายงานข้อเท็จจริง เหตุผล ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการที่ไม่อาจดำเนินการได้เป็นรายตำแหน่ง ตลอดจนแนวทางแก้ไขปัญหาต่อคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนและคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 3834 | ห้องน้ำสาธารณะ | มท | 09/11/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแผนและแนวทางการดำเนินการเกี่ยว
กับห้องน้ำสาธารณะ ประกอบด้วย แผนระยะแรก คือ การปรับปรุงห้องน้ำสาธารณะที่มีอยู่แล้วในสถานที่ ต่าง ๆและให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประสานขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น บริษัท ฯ ห้างร้านเอกชน วัดวาอารามที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ดูแลรักษาความสะอาดห้องน้ำ และมีสิ่ง อำนวยความสะดวกใช้งานได้ตลอดเวลา และมีความปลอดภัย ในส่วนของค่าใช้จ่ายให้ใช้งบประมาณของแต่ ละองค์กร ระยะเวลาดำเนินการ 6 เดือน และแผนระยะกลาง คือ การก่อสร้างห้องน้ำสาธารณะขึ้นใหม่ใน บริเวณแหล่งท่องเที่ยว ระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยประสานการดำเนินการใน ส่วนของห้องน้ำสาธารณะในบริเวณที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาด้วย และมอบ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ติดตามดูแลการดำเนินการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 3835 | แผนงานพัฒนาระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลและบริการภาครัฐเพื่อการนำเข้า การส่งออก และโลจิสติกส์ | นร | 09/11/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติเสนอเป้าหมายและยุทธศาสตร์การยกระดับโลจิสติกส์ไทยเพื่อพัฒนาสู่ระบบที่มีประสิทธิ ภาพ และได้มาตรฐานสากล และให้ส่วนราชการต่าง ๆ รับไปจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานต่าง ๆ (roadmap) ที่เกี่ยวข้องตามเป้าหมายและยุทธศาสตร์ ฯ โดยให้มีข้อมูลรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับลำดับกิจ กรรม ระยะเวลาการดำเนินงาน งบประมาณค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในแต่ละปี รวมตลอดถึงการแก้ไขปรับปรุงกฎ ระเบียบ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ ภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติบูรณาการข้อมูลดังกล่าวให้เป็นระบบ ชัดเจน โดยให้นำความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยว ข้อง อาทิ ไปประกอบการดำเนินการด้วย แล้วนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน ของประเทศพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของข้อมูลการแก้ไขปรับปรุงกฎ ระเบียบ และข้อกฎหมาย ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวบรวมข้อมูลทั้งหมด ให้คณะอนุกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันเพื่อการพัฒนาประเทศ (นาย สุวรรณ วลัยเสถียร) ประธานอนุกรรมการ ฯ รับไปพิจารณาดำเนินการ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ต่อไป และเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอแผนงานพัฒนา ระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลและบริการภาครัฐ เพื่อการนำเข้า การส่งออกและโลจิสติกส์ โดยให้ชะลอ เรื่องนี้ไว้ก่อน เพื่อรอผลการพิจารณาปรับปรุงกฎ ระเบียบ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องของสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อนำมาทบทวนและปรับปรุงการดำเนินการในเรื่องดัง กล่าวให้สอดคล้องเหมาะสม แล้วนำเสนคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
| 3836 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือด้านการเกษตรกับประเทศเพื่อนบ้าน | กษ | 09/11/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานความคืบหน้าการดำเนินงาน
ภายใต้ความร่วมมือด้านการเกษตรกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความคืบหน้าการดำเนินโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการศูนย์พัฒนาและบริการด้านการเกษตร สปป.ลาว ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537-ปัจจุบัน ยังมีการทำแผนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง, โครงการปรับปรุงศูนย์วิจัยการเกษตรแห่งชาติ สปป.ลาว ระยะ เวลาดำเนินการคาดว่าจะเริ่มระยะที่ 2 ในปี พ.ศ. 2548 ได้มีการจัดตั้งคณะ Project steening committee สอง ฝ่าย เพื่อทำหน้าที่พิจารณาแผนงานโครงการในระยะต่อไป, โครงการทดลองการผลิตวัตถุดิบในส่วนของวัตถุ ดิบอาหารสัตว์ (ถั่วเหลือง) ระยะเวลาดำเนินการ ระยะที่ 2 พ.ศ. 2547-2549 ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาจัด ทำแผนงานดำเนินการปี พ.ศ. 2548, โครงการความร่วมมือทางเทคนิคในการควบคุมโรคระบาดสัตว์ในไทย และประเทศเพื่อนบ้าน (ไทย มาเลเซีย พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม) ระยะเวลาดำเนินการ ปี พ.ศ. 2544 -2549 ได้จัดการฝึกอบรม ดูงาน และประชุมเชิงปฏิบัติการให้เจ้าหน้าที่จากลาวและประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ ในด้านการวินิจฉัยโรคสัตว์ การควบคุมโรค การผลิตวัคซีน และการพัฒนาด่านกักกันสัตว์ และโครงการปรับ ปรุงระบบการผลิตพืชเศรษฐกิจ (ถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และละหุ่ง) และการวางแผนการใช้ที่ดิน ระยะ เวลาดำเนินการปี พ.ศ. 2547-2550 เป็นโครงการถายใต้แผนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและแผนปฏิบัติการ ไทย-กัมพูชา โดยในปี พ.ศ. 2547-2548 ดำเนินกิจกรรมนำร่องในลักษณะทดสอบสาธิต ส่วนปี พ.ศ. 2549 -2550 เป็นการขยายผลในลักษณะการพัฒนาที่จะสนับสนุนให้ภาคเอกชนทั้ง 2 ฝ่ายมาร่วมดำเนินการ เป็น ต้น
|
||||||||||||||||||||||||
| 3837 | สรุปผลการปฏิบัติงานที่สำคัญของกระทรวงกลาโหม (ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2547 ถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2547) | กห | 09/11/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการปฏิบัติงานที่สำคัญตามนโยบาย
ความมั่นคงและพัฒนาประเทศในรอบสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม-4 พฤศจิกายน 2547 สรุปได้ดังนี้ ด้าน การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงภายใน จากการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 ที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส และมีการจับกุมผู้ร่วมชุมนุม จำนวน 1,291 คน โดยกองทัพภาคที่ 4 (ส่วนหน้า)/หน่วยเฉพาะกิจทักษิณ ได้คัดแยกดำเนินการปล่อยตัวผู้ไม่เกี่ยวข้องแล้ว คงเหลือผู้ต้องดำเนินคดี จำนวน 58 คน สำหรับการก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้มีทั้งสิ้น 54 ครั้งเป็นการลอบยิงมากที่สุด เจ้าหน้า ที่สามารถจับกุมคนร้ายที่ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ 2 คน ด้านการช่วยเหลือประชาชน กระทรวงกลาโหมได้จัด ส่งรถบรรทุกน้ำ เครื่องสูบน้ำ ให้บริการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้งทั่วประเทศ และได้นำผ้าห่มกัน หนาว รวมทั้งยารักษาโรค เครื่องอุปโภคบริโภคแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว ในจังหวัดเชียงใหม่ แม่ ฮ่องสอน และเพชรบูรณ์ นอกจากนี้ ได้วางระบบการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายในทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ เพื่อช่วย เหลือเรือประมงในน่านน้ำไทยได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในส่วนของกองทัพภาคที่ 4 (ส่วนหน้า) ได้ดำเนินการก่อ สร้างธนาคารข้าวสารพระราชทาน เพื่อช่วยเหลือประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงที่รอผลผลิต ประจำปี จำนวน 30 หมู่บ้าน ด้านการพัฒนาประเทศ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้ดำเนินการปรับปรุง ซ่อมแซมเส้นทางคมนาคม จัดหาน้ำดื่มน้ำใช้ และพัฒนาแหล่งน้ำ การซ่อมแซมสร้างอาคาร และปรับปรุง ลานจอดรถ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับราษฎรในจังหวัดต่าง ๆ รวม 45 โครงการ นอกจากนี้ ได้ ดำเนินการตามนโยบายเสริมสร้างสันติสุข และยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกี่ยวกับการ พัฒนาคุณภาพชีวิต พัฒนาชุมชน และสาธารณูปโภค จำนวน 197 โครงการ ด้านการแก้ไขปัญหายาเสพ ติด ศูนย์วิวัฒน์พลเมืองกองทัพบก จำนวน 7 ศูนย์ ได้ดำเนินการบำบัดฟื้นฟูเยาวชนที่ติดยาเสพติด จำนวน 2,300 คน ซึ่งจบการฝึกอบรมฟื้นฟูแล้ว จำนวน 1,595 คน จำหน่ายตามกรณีต่าง ๆ จำนวน 204 คน ด้าน การวิจัยพัฒนาทางทหารจากการแข่งขันประหยัดเชื้อเพลิงระดับนานาชาติ ครั้งที่ 24 ที่เมืองโทจิกิ ประเทศ ญี่ปุ่น ทีมนักศึกษาจากโรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ ช่างกลกรมการขนส่งทหารบกจากประเทศไทยสามารถ ทำสถิติได้ที่ 1 ของประเภทรถประดิษฐ์ระดับวิทยาลัยเทคนิค และมหาวิทยาลัย |
||||||||||||||||||||||||
| 3838 | การจัดระบบโลจิสติกส์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย | นร | 09/11/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติเสนอเป้าหมายและยุทธศาสตร์การยกระดับโลจิสติกส์ไทยเพื่อพัฒนาสู่ระบบที่มีประสิทธิ ภาพ และได้มาตรฐานสากล และให้ส่วนราชการต่าง ๆ รับไปจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานต่าง ๆ (roadmap) ที่เกี่ยวข้องตามเป้าหมายและยุทธศาสตร์ ฯ โดยให้มีข้อมูลรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับลำดับกิจ กรรม ระยะเวลาการดำเนินงาน งบประมาณค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในแต่ละปี รวมตลอดถึงการแก้ไขปรับปรุงกฎ ระเบียบ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ ภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติบูรณาการข้อมูลดังกล่าวให้เป็นระบบ ชัดเจน โดยให้นำความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยว ข้อง อาทิ ไปประกอบการดำเนินการด้วย แล้วนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน ของประเทศพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของข้อมูลการแก้ไขปรับปรุงกฎ ระเบียบ และข้อกฎหมาย ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวบรวมข้อมูลทั้งหมด ให้คณะอนุกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันเพื่อการพัฒนาประเทศ (นาย สุวรรณ วลัยเสถียร) ประธานอนุกรรมการ ฯ รับไปพิจารณาดำเนินการ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ต่อไป และเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอแผนงานพัฒนา ระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลและบริการภาครัฐ เพื่อการนำเข้า การส่งออกและโลจิสติกส์ โดยให้ชะลอ เรื่องนี้ไว้ก่อน เพื่อรอผลการพิจารณาปรับปรุงกฎ ระเบียบ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องของสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อนำมาทบทวนและปรับปรุงการดำเนินการในเรื่องดัง กล่าวให้สอดคล้องเหมาะสม แล้วนำเสนคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
| 3839 | ข้อสรุปอัตราเหมาจ่ายรายหัวสำหรับการสร้างหลักประกัน สุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ 2548-2549 | สธ | 02/11/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยว
กับอัตราเหมาจ่ายรายหัวสำหรับการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548-2549 โดยเห็นว่า การปรับอัตราเหมาจ่ายดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จาก 1,308.54 บาท ต่อประชา กร เป็น 1,396.30 บาท ต่อประชากร และปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เป็น 1,510.50 บาท ต่อประชากร พร้อมทั้งหักเงินเดือนบุคลากรในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่ร้อยละ 79 ตามข้อสรุปจาก การประชุมปรึกษาหารือระหว่างนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณ สุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามผลการศึกษาวิจัยที่ได้ปรับต้นทุนภาระงานเป็นปีปัจจุบัน เพื่อให้สามารถ สะท้อนภาระค่าใช้จ่ายที่แท้จริง จึงสมควรสนับสนุนเพื่อให้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าดำเนินไปได้ อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยงบประมาณสำหรับการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 หากคำนวณโดยใช้อัตราเหมาจ่าย 1,396.30 บาท ต่อประชากร และหักเงินเดือนบุคลากรใน สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ร้อยละ 79 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติควรได้รับ จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม จำนวน 4,993.332 ล้านบาท ทั้งนี้ สำนักงาน ฯ ควรเร่งประสานกับหน่วย งานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามข้อสรุปจากการประชุมปรึกษาหารือดังกล่าวเช่น การปรับปรุงประสิทธิ ภาพของระบบ โดยจัดสรรงบประมาณตามผลงาน การศึกษากรณีการร่วมจ่ายของประชาชน การพัฒนา ข้อเสนอเกี่ยวกับการจัดทำระบบประกันสุขภาพ เพื่อเสริมบริการที่อยู่นอกเหนือสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐาน ศึกษาการนำภาษีเหล้า บุหรี่และสินค้าอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพมาใช้เพื่อการสร้างสุขภาพถ้วนหน้า เป็นต้น ในการนี้ สำนักงบประมาณมีข้อสังเกตในองค์ประกอบอัตราเหมาจ่ายรายหัวที่คำนวณค่าบริการ รักษาพยาบาลผู้ป่วยใน โดยใช้อัตราการใช้บริการที่ร้อยละ 100 ไม่น่าจะสอดคล้องกับข้อเท็จจริง เพราะผู้ มีสิทธิจำนวนหนึ่งไม่ประสงค์จะใช้สิทธิเมื่อเจ็บป่วย ดังนั้น สำนักงาน ฯ ควรสำรวจข้อมูลของปัจจัยที่มีผล ต่อการคำนวณอัตราเหมาจ่ายให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นในโอกาสต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 3840 | โครงการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมรายได้ให้แก่ราษฎรพื้นที่เลี้ยงกุ้งในเขตน้ำจืด โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ | กษ | 26/10/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติดังนี้ เห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาอาชีพและ ส่งเสริมรายได้ให้แก่ราษฎรพื้นที่เลี้ยงกุ้งในเขตน้ำจืดโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระ ราชดำริ และอนุมัติงบกลาง ปี พ.ศ. 2548 ตามโครงการ ฯ ในวงเงิน 335,723,392 บาท ตามที่กระทรวง เกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับงบประมาณดำเนินการในปีต่อไป ให้ขอตั้งงบประมาณประจำปีต่อไป และ เห็นชอบให้หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณ (งบปกติ) ภายใต้โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจาก พระราชดำริในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 สามารถดำเนินงานตามแผนงานเดิมภายในวงเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2548 ที่ได้รับ โดยเน้นในเขตพื้นที่อื่นนอกเหนือจากเขตพื้นที่เลี้ยงกุ้งในเขตน้ำจืด ทั้งนี้ ให้กระทรวง เกษตรและสหกรณ์รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ที่ให้มีการบูรณาการกิจกรรมระหว่าง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการวัตถุดิบ การแปรรูป และการตลาดของสินค้าที่เกษตรกรเพาะปลูก อย่างต่อเนื่อง และในระยะเริ่มต้นให้รีบดำเนินการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะคุณภาพ ของดินที่ต้องปรับความอุดมสมบูรณ์ให้เหมาะสมกับชนิดของพืช เพื่อประโยชน์ของเกษตรกร และส่งเสริมให้ เกษตรกรมีความมั่นคงในอาชีพใหม่อย่างยั่งยืน กับเห็นชอบให้หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณ (งบปกติ) ภาย ใต้โครงการ ฯ สามารถดำเนินงานตามแผนงานเดิมภายในวงเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2548 ที่ได้รับโดยเน้น ในเขตพื้นที่อื่นนอกเหนือจากเขตพื้นที่เลี้ยงกุ้งในเขตน้ำจืดได้ อาทิ การดำเนินการปรับปรุงพื้นที่นาร้าง เป็น ต้น โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์บูรณาการงบประมาณดังกล่าวร่วมกับงบประมาณที่จะใช้ตามโครง การนี้ เท่าที่จะดำเนินการได้เพื่อให้สามารถใช้งบประมาณอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ ให้นำโครงการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมรายได้ของผู้เลี้ยงกุ้งในเขตน้ำจืด มาผนวกไว้ในแผนแม่บทการพัฒนา อาชีพและส่งเสริมรายได้โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเป็นกรอบติด ตามประเมินผลในภาพรวมได้อย่างชัดเจน ไปดำเนินการด้วย และอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุ รนต์ ฉายแสง) เสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับวงเงินจำนวน 335,723,392 บาท ที่จะให้ดำเนินโครงการ ฯ เป็นงบ ประมาณรวมที่จะใช้ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2549 |
||||||||||||||||||||||||
.....
