คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดราย
งานผลการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำเดือนสิงหาคม 2547  ข้อมูล  ณ  วันที่ 17
สิงหาคม 2547 ประกอบด้วย การประชุมศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศตส.) เพื่อ
รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานของ ศตส.  ในด้านการป้องกันกลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับยา
เสพติด  การดำเนินงานด้านควบคุมตัวยา  การดำเนินงานด้านการดูแลผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด   รวมทั้งผล
การดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดตาม Roadmap ระยะที่ 3  ของ ศตส.กทม.  ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม
2546-13 สิงหาคม 2547  และสถานการณ์ยาเสพติดประเทศไทยเดือนกรกฎาคม 2547   และเห็นชอบ
ในเรื่องต่าง ๆ อาทิเช่น  เห็นชอบ Roadmap การต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ระยะที่ 4 ปี พ.ศ. 2548  และ
การดำเนินการปราบปรามการลักลอบค้ายาเสพติดและการก่ออาชญากรรมของชาวต่างชาติในไทย เป็น
ต้น สำหรับการดำเนินงานด้านอื่น ๆ ได้แก่ การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบซึ่งไม่สอดคล้องหรือเหมาะ
สมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอันเป็นอุปสรรคต่อการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การพิจารณา
จ่ายเงินสินบนเงินรางวัลคดียาเสพติด  ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547   และการจัดกิจกรรมด้านการป้องกันที่
สำคัญ ได้แก่  โครงการทำความดีเพื่อแผ่นดิน  และโครงการอบรมกระบวนการแก้ไขปัญหายาเสพติดตาม
แนวชายแดนอย่างยั่งยืน ระหว่างไทย-สปป.ลาว

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 8 (ฝ่ายกฎ
หมาย ฯ) ที่มีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี  ว่าด้วยการประกาศเรื่องในราชกิจจานุ
เบกษา พ.ศ. ....  ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณาเป็นเรื่องด่วน  โดยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รับความ
เห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เกี่ยวกับการปรับปรุงวิธี
การประกาศราชกิจจานุเบกษา  การกำหนดผู้มีอำนาจส่งเรื่องมาประกาศราชกิจจานุเบกษา  ความหมายของ
คำว่า "ราชกิจจานุเบกษา" ตามมาตรา 93 ของรัฐธรรมนูญ  และการกำหนดประเภทเรื่องเพื่อประกาศในราช
กิจจานุเบกษา รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมตามความเห็นของสำนักงานศาลปกครองกรณีที่กำหนดให้คำพิพากษาและ
คำสั่งของศาลปกครองลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ประเภท  ก  ควรแก้ไขเป็น  "คำพิพากษาศาลปกครอง
อันถึงที่สุดให้เพิกถอนกฎ"  และในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบ ให้นายกรัฐมนตรีผู้รักษาการ
เป็นผู้ตีความหรือวินิจฉัย  นอกจากนี้ ประเภทของราชกิจจานุเบกษา ควรกำหนดชื่อเรียกโดยย่อ เช่น ประเภท
ก ฉบับกฤษฎีกา  ประเภท ข ฉบับข่าว และทะเบียนฐานันดร  ประเภท  ค  ฉบับการค้า  และประเภท  ง  ฉบับ
งานและประกาศทั่วไป    และการกำหนดการจัดพิมพ์ราชกิจจานุเบกษาแต่ละประเภทให้มีขนาดที่เท่ากัน   ไป
พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินโครงการ
จัดงานชุมนุมลูกเสือภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 25 พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ฟื้นฟู
กิจการลูกเสือไทย โดยสร้างจิตสำนึกให้กับเยาวชนให้เป็นคนมีคุณธรรม มีความประพฤติชอบ มีระเบียบวินัย
มีความเป็นผู้นำ ตลอดจนรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการนำผลการประเมินโครงการจัดงานชุมนุมลูกเสือโลก ครั้ง
ที่ 20 พ.ศ. 2546 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการ
เรียนรู้   รวมทั้งการปรับปรุงรูปแบบและวิธีการจัดการโครงการชุมนุมลูกเสือภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก  ฯ  ไป
พิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเรื่อง การเตรียมการรองรับกระแสการเปลี่ยน
แปลงในยุคโลกาภิวัตน์ โดยมอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้  ด้านคน/ทรัพยากรมนุษย์  มอบให้รอง
นายกรัฐมนตรี (นายวันมูหะมัดนอร์  มะทา) เป็นผู้รับผิดชอบ  โดยพิจารณาประเด็นปัญหาต่าง ๆ  ทั้งหมดที่
เกี่ยวข้องกับคนหรือทรัพยากรมนุษย์ของประเทศในทุกมิติ  และกำหนดแนวทางการดำเนินการหรือการแก้ไข
ปัญหาอย่างเป็นระบบ ครบวงจร ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ด้านการเงินการคลัง มอบให้รองนายกรัฐมนตรี
(ร้อยเอก สุชาติ เชาว์วิศิษฐ) เป็นผู้รับผิดชอบ  โดยพิจารณาประเด็นปัญหาต่าง ๆ  ที่เกี่ยวข้องกับการเงินการ
คลัง  อันมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในทุกมิติ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เครื่องมือทางการเงิน
ต่าง ๆ  ในการพัฒนาป้องกันหรือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจการเงินของประเทศ  สำหรับด้านสารสนเทศและการ
สื่อสารและการพัฒนาองค์ความรู้ มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์  ฉายแสง) เป็นผู้รับผิดชอบ โดย
พิจารณาประเด็นปัญหาและแนวทางการดำเนินการพัฒนาเทคโนโลยีและการสื่อสารของประเทศ รวมถึงการ
หาแนวทางพัฒนาองค์ความรู้ใหม่  ๆ  เพื่อพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรบุคคลของประเทศ   ส่วนด้านสินค้า
บริการและงานบริการสนับสนุนต่าง ๆ (logistics) มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์  ลิปตพัลลภ) เป็น
ผู้รับผิดชอบ โดยพิจารณาประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแนวทางการปรับปรุงแก้ไข และยกระดับ
มาตรฐาน/คุณภาพของสินค้าและบริการในภาพรวมทั้งหมด   และการกำหนดแนวทางในการแข่งขันและการ
พัฒนาขีดความสามารถของประเทศทั้งในด้านอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และด้านการท่องเที่ยว  ทั้งนี้ ขอให้
ผู้รับผิดชอบในแต่ละด้านรับไปพิจารณาดำเนินการในรายละเอียด    โดยอาจกำหนดทีมงานและมอบหมายผู้
เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป   โดยควรมอบหมายให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาร่วมดำเนินการด้วย   และให้นำ
เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 1  ที่มี
มติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอการปรับปรุงวงเงินการบริหารหนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจภาย
ใต้แผนการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะ  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547  ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
และการประปานครหลวง   ที่ขอเพิ่มวงเงินในแผนการบริหารหนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจ  ประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2547  ในวงเงินรวม 34,752.90 ล้านบาท  โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้
เงิน วิธีการกู้เงิน  เงื่อนไข  และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน  ตลอดจนการค้ำประกันตามความเหมาะ
สมและจำเป็น

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่ผู้อำนวยการสำนักงานกำกับและบริหารโครงการ
GFMIS เสนอวงเงินค่าใช้จ่ายลงทุนโครงการเปลี่ยนระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐสู่ระบบอิเล็ก
ทรอนิกส์ (GFMIS) จำนวน  1,400  ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2548  งบกลางรายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของ
ประเทศ  (59,000 ล้านบาท)  และให้สำนักงบประมาณดำเนินการต่อไปได้  ทั้งนี้  ให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงบประมาณ เข้าไปร่วมดำเนินการกับธนาคาร
กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และสำนักงานกำกับและบริหารโครงการ  ฯ  ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
22 กรกฎาคม 2546 เรื่อง รายงานผลการประชุมคณะกรรมการปรับปรุงระบบการบริหารการคลังภาค
รัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง  รวมทั้ง
มีความถูกต้องเหมาะสมทางเทคนิคด้วย

        คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานผลการเดินทางตรวจราชการ
ของนายกรัฐมนตรี  ระหว่างวันที่ 13-14  สิงหาคม 2547 ณ จังหวัดสมุทรปราการ  ระยอง  และสระแก้ว ใน
การนี้นายกรัฐมนตรีได้มีการสั่งการ  ข้อเสนอแนะ และรับข้อร้องเรียนของประชาชนในด้านต่างๆ ในส่วนของ
จังหวัดสมุทรปราการ  ได้แก่ สภาพทั่วไปของจังหวัด โครงสร้างถนนตามยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัด  โครงการ
ส่งเสริมการท่องเที่ยว อำเภอพระประแดง  การปลูกป่าชายเลนของจังหวัด  บ่อบำบัดน้ำเสีย  ปัญหาแรงงาน 
ต่างด้าว ปัญหาที่อยู่อาศัย  ข้อเสนอของผู้แทนประชาชน  จังหวัดระยอง ได้แก่ ภาพรวมของจังหวัด  โครงการ
ก่อสร้างเพิ่มมาตรฐานทางเป็น 4  ช่องจราจร เพื่อรองรับด้านอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว จำนวน 3 สาย
หลัก   โครงการพัฒนาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง  วิทยาเขตระยอง  โครงการ
ศึกษาความเหมาะสมออกแบบของที่ตั้ง   และวางแผนการพัฒนาพื้นที่เพื่อการลงทุนก่อสร้างศูนย์กลางโลจิส
ติกส์ โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อแก้ปัญหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร โครงการจัดตั้งตลาดกลางยางพารา
ภาคตะวันออก  จังหวัดระยอง  โครงการปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์บริเวณชายหาดแม่รำพึง   โครงการก่อสร้าง
ทางหลวงชนบท    และการศึกษาความเหมาะสมโครงข่ายถนนเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด/จังหวัด  
รวม 10 สาย ถนนเชื่อมอำเภอวังจันทร์กับอำเภอเขาชะเมา โครงการปรับปรุงเปลี่ยนท่อประปาในเขตอำเภอ  
เมืองระยอง  โครงการก่อสร้างสถานีอนามัยทดแทน  (บ้านหนองม่วง) โครงการก่อสร้างโรงพยาบาลชุมชน  
ขนาด  30 เตียง  กิ่งอำเภอนิคมพัฒนา และจังหวัดสระแก้ว ได้แก่ การขุดลอกคลองธรรมชาติและสระเก็บน้ำ 
จำนวน 81 แห่ง เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรและบรรเทาอุทกภัย การพัฒนาตลาด 
ชายแดนบ้านคลองลึก  (ตลาดโรงเกลือ)   ศึกษาการก่อสร้างถนน Logistics การก่อสร้างและขยายเส้นทาง
กบินทร์บุรี-สระแก้ว  การก่อสร้างและขยายเส้นทางสระแก้ว-กิ่งอำเภอวังสมบูรณ์ การผลิตลูกวัวเพื่อการส่ง 
ออก  และการผลิตแก๊สโซฮอร์  ทั้งนี้ ให้ผู้รับผิดชอบรับข้อสั่งการและคำแนะนำของนายกรัฐมนตรีไปดำเนิน
การต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าแผนแม่บทพัฒนาตลาดทุน
ไทย และแผนการดำเนินการที่ควรได้รับการผลักดันในช่วงปี พ.ศ. 2547-2548  โดยผลความคืบหน้าแผนแม่
บท  ฯ  ได้กำหนดมาตรการเชิงรุกเพื่อพัฒนาศักยภาพตลาดทุนไทย แยกเป็น 6 ด้าน ดังนี้ ด้านที่ 1. มุ่งสู่การ
เป็นตลาดทุนที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี  :  ได้จัดตั้งคณะกรรมการบรรษัทภิบาลแห่งชาติ เพื่อกำหนดมาตร
การส่งเสริมบรรษัทภิบาลในบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ และสถาบันตัวกลาง  ด้านที่ 2. เพิ่มปริมาณและคุณภาพ
ตราสารเพื่อการลงทุน : ได้จัดตั้งคณะกรรมการสรรหากิจการที่มีศักยภาพเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ใหม่  รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ระดมทุนขึ้นภายในตลาดหลักทรัพย์ ฯ  เพื่อเป็น
หน่วยงานรับผิดชอบการตลาดเชิงรุก  ด้านที่ 3. สร้างฐานผู้ลงทุนให้กว้างขวาง  เข้มแข็ง  และสมดุล  :  ได้จัด
Road Show ในต่างประเทศ  รวม 3 ครั้ง เพื่อส่งเสริมสถาบันต่างประเทศมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ฯ การ
ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ  เพื่อบรรจุความรู้เกี่ยวกับการออมและการลงทุนในหลักสูตรการศึกษา  การ
พัฒนามาตรฐานและความเชื่อมั่นในการลงทุนผ่านสถาบัน   และการสนับสนุนให้ลูกจ้างที่มีเงินออมในระบบ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพสามารถรักษาการออมระยะยาวไว้ได้ต่อเนื่องแม้เปลี่ยนงาน ด้านที่ 4. เสริมสร้างความ
เข้มแข็งของสถาบันตัวกลาง : ได้จัดทำแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินมีวัตถุประสงค์หลักที่ต้องการให้ระบบ
สถาบันการเงินมีเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขัน และมีองค์ประกอบของระบบการเงินที่สมดุลทั้ง
ในส่วนของสถาบันการเงิน   ตลาดตราสารหนี้   และตลาดตราสารทุน    ตลอดจนมีนโยบายที่จะเพิ่มจำนวน
บริษัทจัดการกองทุน  ด้านที่ 5. ปรับโครงสร้างระบบการกำกับดูแลและการพัฒนาตลาดทุน : คณะรัฐมนตรี
ได้เห็นชอบในหลักการในการแก้ไขพระราชบัญญัติหลักทรัพย์   ฯ    ในส่วนที่เกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้าง
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยน
แปลงไปแล้ว  และด้านที่ 6. เพิ่มประสิทธิภาพของระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อลดต้นทุนการทำธุรกรรม : ได้
มีการพัฒนาระบบปฏิบัติการซื้อขายเพื่อให้ตลาดตราสารต่าง ๆ  สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรร่วมกัน
ทั้งด้าน Front-office  และ Back-office  และมีการศึกษาความเป็นไปได้ของการพัฒนาระบบการชำระราคา
และส่งมอบไปสู่ระบบ Straight  through  processing  (STP) พร้อมทั้งมีการพัฒนาศูนย์รวมข้อมูลการลงทุน
(Investment Portal) เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านข้อมูล  ข่าวสาร  และบทวิเคราะห์จากหน่วยงานต่าง ๆ  สำหรับ
แผนการดำเนินการที่ควรได้รับการผลักดันในช่วงปี พ.ศ 2547-พ.ศ. 2548 ได้แก่ การจัดตั้งตลาดสัญญาซื้อ
ขายล่วงหน้า การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโครงสร้างพื้นฐานในตลาดทุน  การออกและปรับปรุงกฎหมาย
ที่เกี่ยวข้อง การสร้างฐานผู้ลงทุนให้กว้างขวาง เข้มแข็งและสมดุล และการพัฒนาตลาดตราสารหนี้

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า  ตามที่ได้เกิดปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัด
ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนล่าง  นั้น  ขอให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้
กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เร่งรัดดำเนินการให้ความช่วยเหลือ
เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของราษฎรในพื้นที่ต่าง  ๆ   อย่างเร่งด่วนและ
ทั่วถึง  และให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลจังหวัดในพื้นที่น้ำท่วมติดตามและดูแลการดำเนินการแก้ไขปัญหา
ในภาพรวมด้วย    กับให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักกำหนดแนวทางแก้ไข
ปัญหาในภาพรวมอย่างเป็นระบบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้ดำเนินการตามมติคณะคณะรัฐมนตรีเมื่อ
วันที่  16  กรกฎาคม  เรื่อง  แผนฟื้นคืนธรรมชาติ  ทั้งนี้  อาจพิจารณาการแก้ไขปัญหาของแต่ละลุ่มน้ำในราย
ละเอียดตามความจำเป็นเร่งด่วนเป็นลำดับไป    และเนื่องจากการกำหนดโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของกรม
ทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  และกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ยังไม่เหมาะสม  สอดคล้อง  และมีความชัดเจนเท่าที่ควร  จึงขอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับ
ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว และดำเนินการต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรายงานผลการประชุมคณะกรรม
การกำหนดนโยบายของกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้  (กอ.สสส.จชต.)  ครั้งที่ 10/
2547  วันที่  26  กรกฎาคม  2547   โดยที่ประชุมได้มีมติรับทราบผลการติดตามการดำเนินงานตามนโยบาย
เสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้และยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจสังคม
และด้านความมั่นคง  รวมทั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ ข้อเสนอเกี่ยวกับแผนงานโครงการที่
เสนอใหม่   ที่ประชุมเห็นชอบให้ชะลอการพิจารณาอนุมัติแผนงาน/โครงการที่เสนอใหม่ไว้ก่อนโดยเน้นการเร่ง
รัดการดำเนินงานตามที่ได้รับอนุมัติไปแล้ว พร้อมการประเมินผลสัมฤทธิ์เป็นหลัก กันงบประมาณด้านความมั่น
คงไว้เตรียมรองรับความจำเป็นเร่งด่วนให้กับหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่   และให้กับโครงการเกี่ยวกับการส่งเสริม
ศาสนาบางโครงการที่มีความสำคัญ และจะต้องเริ่มดำเนินการภายในปี พ.ศ. 2547   กับเห็นชอบการแบ่งมอบ
ความรับผิดชอบใหม่ของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ใน 4 กลุ่มงาน และให้มีหน่วยงานหลักสนับสนุนการ
ดำเนินงานของแต่ละกลุ่ม  ส่วนการปรับปรุงจัดทำ  Code of Conduct และ Rule of Engagement  นั้น ให้ เสธ.
ทบ.  พิจารณากรอบการใช้กำลังและอาวุธในสนามตามกฎในพื้นที่ ตามความเหมาะสม   นอกจากนี้  ที่ประชุม
เห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการยกระดับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของกลไกระดับตำบลให้เป็นแหล่งพบปะ
ประจำลักษณะศูนย์ประสานการบูรณาการรองรับการบริหารการปกครองส่วนท้องถิ่น      โดยให้กรมการปก
ครองประสานกับประชาชนในพื้นที่ให้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในการจัดตั้งคณะกรรมการตำบลเป็น
ศูนย์ประสานบูรณาการ  การปกครองท้องถิ่น  สำหรับการปรับแบ่งพื้นที่การ รปภ. ที่ประชุมเห็นชอบมอบให้
กอ.สสส.จชต. หารือกับ ทภ.4 สน.  เพื่อกำหนดรายละเอียดในการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบและรายละเอียดในทาง
ปฏิบัติต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมติที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนให้ความ
ช่วยเหลือพัฒนาเศรษฐกิจแก่ประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อวันที่  2  กรกฎาคม  2547 ที่เห็นชอบให้แบ่งงานก่อสร้าง
ตามโครงการปรับปรุงและลาดยางผิวจราจรเส้นทางสายตราด/เกาะกง-สะแรอัมเปิล  เป็น  2  ระยะ โดยระยะ
ที่ 1 ค่างาน (civil work) 504.9 ล้านบาท  ให้เบิกจ่ายจากสัญญาเงินกู้โครงการปรับปรุงและลาดยางผิวจราจร
เส้นทางสายตราด/เกาะกง-สะแรอัมเปิล  ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2546 (สัญญาเงินกู้เลขที่ NECF/C-001) และ
ให้เพิ่มวงเงินกู้สำหรับสัญญาเงินกู้โครงการปรับปรุงและลาดยางผิวจราจรเส้นทางสายตราด/เกาะกง-สะแรอัม
เปิล ลงวันที่  9  กรกฎาคม  2546  อีกจำนวน  300  ล้านบาท  รวมเป็นเงินกู้ทั้งสิ้น 867.8 ล้านบาท ทั้งนี้ ให้
สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณในวงเงินที่เพิ่มนี้ ตามระยะเวลาการก่อสร้าง

         คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) 
ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย  พระพุทธศักราช  2456  โดยมีสาระสำคัญคือ
กำหนดให้เจ้าของเรือใด ๆ    ที่สามารถบรรทุกคนโดยสารได้จัดให้มีประกันภัยสำหรับผู้โดยสารและให้ยื่น
สัญญาประกันภัยและกรมธรรม์ประกันภัยเป็นเอกสารหลักฐานประกอบในการขอรับใบอนุญาตใช้เรือ และ
กำหนดจำนวนเงินความคุ้มครองผู้โดยสารตามกรมธรรม์ประกันภัยให้เพิ่มสูงขึ้น   และให้ส่งสำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ ที่เห็นว่า  คำว่า  "คนโดยสาร" 
และ "ผู้โดยสาร"  ในร่างกฎกระทรวง ข้อ 2 และข้อ 3 หากมีความหมายเช่นเดียวกันควรใช้คำเดียวกัน  เพื่อ
ไม่ให้เกิดปัญหาการตีความ   และร่างข้อ  3  ควรแก้ไขคำว่า  "ผู้เอาประกัน"  เป็น  "ผู้เอาประกันภัย"   และ 
"จำนวนเงินที่ได้เอาประกันภัย" เป็น "จำนวนเงินเอาประกันภัย" ไปประกอบการพิจารณาด้วย  แล้วดำเนิน
การต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าการปรับปรุงเพื่อยก
ระดับระบบการศุลกากรของประเทศให้เป็นที่ยอมรับและเป็นมาตรฐานสากล  รวมถึงโครงการตรวจติด
ตามตู้สินค้าที่ส่งออกและนำเข้าระหว่างท่าเรือแหลมฉบังกับเมือง Seattle โดยสรุปคือ 
            (1) แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติศุลกากร
            (2) แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมปรึกษาหารือด้านศุลกากรเพื่อให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมเสนอ
                  ความคิดเห็น
            (3) แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมศึกษาแนวทางการพิจารณาราคารถยนต์นำเข้าสำเร็จรูป
            (4) ปรับปรุงระบบงานศุลกากรเกี่ยวกับสินค้านำเข้าเร่งด่วน
            (5) ดำเนินการวิเคราะห์ผลดี-ผลเสียโครงการนำร่องการตรวจติดตามสินค้าที่ส่งออกและ
                  นำเข้าระหว่างท่าเรือแหลมฉบังกับเมืองซีแอตเติ้ล

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานงบการเงินและรายงานประจำ
ปี พ.ศ. 2545 ขององค์การสะพานปลา  โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  องค์การสะพานปลามีรายได้ทั้งสิ้น
312.621  ล้านบาท  มีรายจ่ายทั้งสิ้น 301.069 ล้านบาท  คิดเป็นกำไรสุทธิ 11.552 ล้านบาท  ในส่วนของ
การดำเนินงานขององค์การสะพานปลาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  ได้แก่  งานให้บริการสถานที่สำหรับขน
ถ่ายและจำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำ งานสินเชื่อการประมง งานส่งเสริมการประมง และแผนปฏิบัติงานที่จะดำเนิน
การต่อไปในปีงบประมาณ  พ.ศ. 2546   ได้แก่   การปรับปรุงสุขอนามัยสะพานปลา และท่าเทียบเรือประมง
ต่าง ๆ การปรับปรุงโครงสร้างการบริหาร และการจัดตั้งร้านค้าสัตว์น้ำปลอดภัยจากสารพิษ

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1355 ร.
เรื่อ  ปัญหาการใช้สารเคมีในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ของนายเปรมศักดิ์  เพียยุระ  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
จังหวัดขอนแก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป  โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า  กระทรวง
สาธารณสุขมีการควบคุมและตรวจสอบการนำสารเคมีมาใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางโดยมีพระราช
บัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2535 เป็นกฎหมายหลัก  และมีกฎกระทรวง  ประกาศกระทรวงสาธารณสุข  และ
ข้อกำหนดอื่น  ๆ  ออกตามความพระราชบัญญัตินี้  โดยเครื่องสำอางที่ต้องกำกับ ดูแล  ได้แก่  เครื่องสำอาง
ประเภทควบคุมพิเศษ  เช่น ยาสีฟัน ยาบ้วนปาก ผลิตภัณฑ์ดัดผม ฯลฯ เครื่องสำอางประเภทควบคุม  ซึ่งมี 2
ลักษณะ คือ เป็นเครื่องสำอางควบคุม เช่น ผ้าอนามัยชนิดแผ่นและชนิดสอด แป้งฝุ่นโรยตัว ฯลฯ และกำหนด
สารควบคุม เช่น สารป้องกันแสงแดด สารขจัดรังแค ฯลฯ  และเครื่องสำอางประเภททั่วไป เช่น แชมพูสระผม
ครีมนวดผม  ฯลฯ  ทั้งนี้  คณะกรรมการอาหารและยาได้เน้นการตรวจติดตามกำกับ  ดูแล  ผลิตภัณฑ์เครื่อง
สำอางที่วางจำหน่ายในตลาด     รวมทั้งได้เร่งพัฒนามาตรฐานการผลิตและออกหนังสือรับรองให้กับสถาน
บริการที่ผลิตเครื่องสำอางที่ผ่านการประเมิน Good Manu facturing Practice  ตลอดจนได้เร่งให้ความรู้และ
ประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อและนำเครื่องสำอางไปใช้อย่างปลอดภัย   นอกจากนี้   ยังได้ติด
ตามข้อมูลรายงานอาการข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์จากการใช้เครื่องสำอางและติดตามข้อมูลใหม่  ๆ  เกี่ยว
กับความปลอดภัยของสารต่าง  ๆ   ที่ใช้ในเครื่องสำอางในต่างประเทศ  เช่น  สหภาพยุโรป  สหรัฐอเมริกา
แคนาดา  เมื่อพบข้อมูลทางวิชาการใหม่ ๆ ที่จะนำมาปรับปรุงกฎระเบียบเดิมให้ดียิ่งขึ้น กลุ่มควบคุมเครื่อง
สำอางจะนำเรื่องเสนอคณะอนุกรรมการมาตรฐาน  และทะเบียนเครื่องสำอาง     และคณะกรรมการเครื่อง
สำอางเพื่อดำเนินการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

          คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเรื่อง การปรับปรุงบูรณะซ่อมแซมวัดเก่าแก่ใน
จังหวัดราชบุรี  ซึ่งหลังคาอุโบสถมีสภาพทรุดโทรมและรั่ว ทำให้ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในซึ่งมีความสวย
งามและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สมควรจะอนุรักษ์ไว้ชำรุดเสียหาย จึงขอให้กระทรวงวัฒนธรรมตรวจสอบ
ข้อเท็จจริงในรายละเอียด  และดำเนินการบูรณะซ่อมแซมพระอุโบสถและภาพจิตรกรรมฝาผนังดังกล่าวให้มี
สภาพดีดังเดิมให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการปรับปรุงถนนรัชดาภิเษกช่วงโค้งหน้าศาล
อาญากรุงเทพ ซึ่งมักเกิดอุบัติเหตุรุนแรงบ่อยครั้ง จึงขอให้กระทรวงคมนาคมและกรุงเทพมหานครร่วมกันตรวจ
สอบสภาพพื้นผิวและแนวถนนในช่วงดังกล่าวว่า  เป็นไปตามหลักวิศวกรรมจราจรหรือไม่เพียงใด  เพื่อปรับปรุง
แก้ไขให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่
มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร.  เสนอการปรับปรุงขั้นตอนการแบ่งส่วนราชการภายในกรม  ดังนี้  ให้กรม
/กระทรวงเจ้าของเรื่องจัดตั้งคณะทำงานแบ่งส่วนราชการ และนำเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการระดับกระทรวงเพื่อ
พิจารณา ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเป็นประธาน ต่อจากนั้น ให้กระทรวงส่งร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ
ให้ ก.พ.ร. พิจารณาให้ความเห็นชอบ กับให้ อ.ก.พ.ร. เกี่ยวกับการทบทวนและปรับปรุงโครงสร้างส่วนราชการ ฯ
พิจารณาบทบาท ภารกิจ  อำนาจหน้าที่ของส่วนราชการนั้น ๆ  มิให้ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่เดิม  หรือมีภาร
กิจที่ไม่ควรทำ  และกรณีที่มีปัญหาข้อกฎหมาย  อ.ก.พ.ร.  เกี่ยวกับการตีความและวินิจฉัยปัญหากฎหมายในการ
บริหารราชการแผ่นดินจะร่วมพิจารณา  แล้วแจ้งผลการพิจารณาให้กระทรวงทราบ   และหาก  ก.พ.ร.  เห็นชอบ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงส่งร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วส่งร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีทราบ    แล้วให้
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับประเด็นอภิปรายไปพิจารณาและปรับปรุงแก้ไข แล้ว
แจ้งส่วนราชการต่าง ๆ ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ การปรับปรุงขั้นตอนการแบ่งส่วนราชการภายในกรมที่ ก.พ.ร.
เสนอให้นำร่างกฎกระทรวงที่คณะกรรมการระดับกระทรวงพิจารณา  แล้วเสนอ ก.พ.ร. ในฐานะหน่วยงานกลาง
ผู้ทำหน้าที่พิจารณาภารกิจของส่วนราชการมิให้ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่เดิม   หรือมีภารกิจที่ไม่ควรทำ  เห็น
ควรให้สำนักงาน ก.พ.ร.  ปฏิบัติหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการระดับกระทรวงดังกล่าว    และควร
กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการในการพิจารณาเรื่องนี้ให้ชัดเจน และให้ ก.พ.ร. กำหนดกรอบโครงสร้าง
และแนวทางการจัดส่วนราชการประเภทต่าง  ๆ  ให้กระทรวงสามารถนำไปพิจารณาเพื่อกำหนดการบริหารจัด
การ  การบริหารงานบุคคลให้มีความเชื่อมโยง   และเป็นไปในแนวทางที่จะสามารถผลักดันยุทธศาสตร์โดยรวม
ของประเทศให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาดำเนินการของ
กระทรวงต่อไป   อย่างไรก็ตาม  ขั้นตอนการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการภายในกรม  โดยนำร่างกฎกระทรวง
เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบแทนการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา นั้น การปรับปรุงบางกรณีเป็นเรื่องที่มีความ
สำคัญหรือเป็นเรื่องเชิงนโยบาย  ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหรือคณะกรรมการของกระทรวงอาจไม่สามารถหาข้อยุติ
ได้หรือเป็นกรณีการจัดให้มีหน่วยงานที่มีลักษณะพิเศษ     ตลอดจนกรณีที่หน่วยงานผู้ปฏิบัติมีความเห็นไม่สอด
คล้องกัน  กรณีต่าง ๆ  ดังกล่าวนี้ควรกำหนดให้นำร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรี
พิจารณาได้    และเพื่อให้การพิจารณาร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของ ก.พ.ร. เป็นไปตามวัตถุประสงค์และ
เจตนารมณ์ในเรื่องนี้  ควรจะได้ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของ อ.ก.พ.ร. แบ่งส่วนราชการขึ้นเฉพาะ
และเห็นควรให้ ก.พ.ร. มีอำนาจหน้าที่พิจารณาครอบคลุมถึงองค์กรหรือหน่วยงานอื่นของรัฐรูปแบบใหม่ ๆ  ได้
ด้วย และอนุมัติเป็นหลักการให้รัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการที่ ก.พ.ร. เห็นชอบแล้วให้สำนักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. 2522

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาผล
กระทบเรื่องฝุ่นละอองที่เกิดจากการทำเหมืองหิน และโรงโม่หิน ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2547 จนถึงปัจจุบัน
โดยผลการตรวจสอบโรงโม่หิน จำนวน 297 โรง  ในพื้นที่ 46  จังหวัด ได้มีการสั่งระงับการผลิตเพื่อปรับปรุง
และเครื่องจักรบริเวณสถานประกอบการ จำนวน 35 โรง สั่งการให้มีการปรับปรุงแก้ไขสภาพสถานประกอบ
การ จำนวน  195  โรง  รวมทั้งผลการตรวจสอบประทานบัตรเหมืองหินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้าง  ซึ่งมี
จำนวนประทานบัตรที่ตรวจสอบ จำนวน 247 (256) แปลง (ราย)  ในพื้นที่  42  จังหวัด  ได้สั่งการให้หยุด
การทำเหมือง   เนื่องจากมีการห้อยโหนเจาะหิน  จำนวน  24 (28)   แปลง (ราย)   สั่งการให้ปรับปรุงและ
ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม จำนวน 133 (137)  แปลง (ราย)  และสั่ง
การให้มาขอหยุดการทำเหมืองเนื่องจากขาดอายุหนังสืออนุญาตตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง   จำนวน   18 
แปลงสำหรับความคืบหน้าการแก้ไขฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน   อำเภอเฉลิมพระเกียรติ   จังหวัด
สระบุรี  โดยผลความคืบหน้าการตรวจสอบ  และกำกับดูแลโรงโม่หินที่ถูกสั่งให้หยุดการผลิต   เพื่อปรับปรุง
สภาพเครื่องจักรและบริเวณสถานประกอบการ จำนวนทั้งสิ้น 28 โรง พบว่า  มีเพียงโรงโม่หินอีก  2  โรง  ที่
ไม่ผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดและไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการ  ส่วนการติดตาม
ตรวจสอบการจัดการมลพิษจากโรงโม่หิน มีโรงโม่หิน  3  โรง ที่มีปริมาณฝุ่นเกินมาตรฐานในบางจุดที่ตรวจ
วัด และได้สั่งการให้โรงโม่หินทั้ง 3 โรง ระงับการเดินเครื่องจักรในส่วนที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนและดำเนิน
การปรับปรุงประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 15 วัน และในส่วนของผู้ประกอบ
การที่ถูกสั่งการให้หยุดการทำเหมือง เนื่องจากใช้คนห้อยโหนเจาะระเบิด นั้น ได้มีการจัดประชุมผู้ประกอบ
การเพื่อชี้แจงและซักซ้อมความเข้าใจในการทำแผนการจัดการหน้าเหมือง      หากผู้ประกอบการรายใดได้
เสนอแผนที่มีความเหมาะสมทางวิศวกรรมและเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ   ก็จะพิจารณาอนุญาตให้เปิดดำเนิน
การได้ต่อไป