ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 191 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3801 - 3820 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3801 | แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และ 25 แม่น้ำสำคัญของประเทศ รวม 9 กลุ่มลุ่มน้ำ | นร | 28/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และการจัดการ 25 ลุ่มน้ำ สำคัญของประเทศ และแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และ 25 แม่น้ำสำคัญของประเทศ รวม 9 กลุ่มลุ่มน้ำ อาทิเช่น รัฐควรดำเนินการแบ่ง 25 แม่น้ำสำคัญเป็น 9 กลุ่มลุ่มน้ำ เพื่อให้สามารถดำเนิน การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำได้เป็นระบบทั้งลุ่มน้ำที่เกี่ยวเนื่องกัน และควรดำเนินการให้มียุทธศาสตร์การ จัดการลุ่มน้ำเพื่อตอบสนองความจำเป็นเพื่อการใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ โดยใช้กระบวนการรับฟังความคิดเห็น สาธารณะจากประชาชน ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อร่วมรับผิดชอบการรักษาความอุดมสมบูรณ์ ของลุ่มน้ำ รวมทั้งทบทวนกรอบการทำงานและการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกำหนด นโยบายและเป้าหมายที่ชัดเจนในเรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรดิน และทรัพยากรมนุษย์ ให้มีความสอดคล้องและสัมพันธ์กันเพื่อให้มีการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น และมอบให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการจัดทำข้อมูลตามประเด็นอภิ ปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ได้แก่ การกำหนดวิธีการและแสดงผลการศึกษาให้ทราบถึงต้นตอและ สาเหตุแห่งปัญหาน้ำของประเทศ การบริหารจัดการน้ำ การจัดทำระบบการโยกย้ายน้ำ (Water rid) และข้อ เสนอของสภาที่ปรึกษา ฯ ที่เห็นควรให้มีพระราชบัญญัติน้ำและจัดตั้งกระทรวงน้ำ และการปรับปรุงองค์กร บริหารจัดการน้ำในระดับต่าง ๆ แล้วเสนอคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ พิจารณาโดยด่วนต่อไป ทั้งนี้ คณะ รัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับความเห็น และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาและพัฒนาลุ่มน้ำของ ประเทศ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2547 เรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำ แบบบูรณาการเพื่อประโยชน์ในการผลิต การบริโภค และการป้องกันอุทกภัยต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 3802 | การปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี | นร | 28/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1.2 (ฝ่าย
ความมั่นคงและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ) ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการปรับปรุงโครงสร้าง พิกัดอัตราศุลกากรสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ดังนี้ ปรับลดอัตราอากรขาเข้าลง เพื่อให้เข้าสู่อัตรา อากรตามโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรที่กระทรวงการคลังกำหนดทันที จำนวน 29 รายการ ได้แก่ โพลิเอทิ ลีนที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมผลิตสายโทรศัพท์หรือสายไฟฟ้า ปิโตรเลียมเรซิน เป็นต้น ปรับลดอัตราอากรขา เข้าลงต่ำกว่าอัตราอากรตามโครงสร้างที่กระทรวงการคลังกำหนด จำนวน 2 รายการ ได้แก่ โพลิไวนิลแอล กอฮอล์และโพลิเตตราเมทิลีนอีเทอร์ไกลคอล เนื่องจากเป็นสินค้าที่ยังไม่มีการผลิตในประเทศ และทยอยปรับ ลดอัตราอากรขาเข้าลง เพื่อให้เข้าสู่อัตราอากรตามโครงสร้างที่กระทรวงการคลังกำหนด ในวันที่ 1 มกราคม 2548 จำนวน 3 รายการ ได้แก่ อะมิโนเรซินอื่น ๆ รวมถึงทยอยปรับลดอัตราอากรขาเข้าลงเพื่อให้เข้าสู่อัตรา อากรตามโครงสร้างที่กระทรวงการคลังกำหนด ในวันที่ 1 มกราคม 2550 จำนวน 83 รายการ ได้แก่ เม็ด พลาสติก หลอดและท่อต่าง ๆ และแผ่นฟิล์มชนิดต่าง ๆ เป็นต้น สำหรับสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับผู้บริโภคโดยตรง ให้เก็บไว้ใช้ประโยชน์สำหรับการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ มีจำนวน 9 ประเภทย่อย ได้แก่ อ่างอาบน้ำ และเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร เป็นต้น และเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและ การยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) และ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
| 3803 | การดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ ครั้งที่ 2/2547 | สบร | 28/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการนโยบายการบริหารและพัฒนาองค์
ความรู้ เสนอการกำหนดหลักเกณฑ์ประโยชน์ตอบแทนอื่นของกรรมการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความ รู้ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานเฉพาะด้านในกรณีที่ทำงานเต็มเวลาตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบาย บริหารและพัฒนาองค์ความรู้ ครั้งที่ 2/2547 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2547 โดยสาระสำคัญของหลักเกณฑ์ การกำหนดประโยชน์ตอบแทนแก่กรรมการ มีดังนี้ ให้รัฐมนตรีผู้กำกับดูแลเป็นผู้มีอำนาจพิจารณากำหนดหลัก เกณฑ์และอัตราประโยชน์ตอบแทนอื่นของคณะกรรมการ ตามช่วงอัตราที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยให้คำนึงถึง วัตถุประสงค์ เป้าหมาย ตัวชี้วัด และผลผลิต ภารกิจหน้าที่และประสิทธิภาพในการควบคุมดูแลกิจการขององค์ การมหาชนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ความคุ้มค่าของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานกับขนาด และรายได้ขององค์ กร โดยกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรขององค์กรต้องไม่เกินร้อยละสามสิบของเงินอุดหนุนประจำปี รวมทั้ง ให้กำหนดกรอบอัตราประโยชน์ตอบแทนอื่นของกรรมการในลักษณะเหมาจ่ายรายเดือน ในอัตราเดือนละห้า หมื่นถึงหนึ่งแสนบาท และประธานกรรมการได้ไม่เกินหนึ่งเท่าของกรรมการ ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีที่กำกับดูแล เป็นผู้กำหนด และให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแลติดตามผลการดำเนินงานตามคำรับรองผลการปฏิบัติงานระหว่าง รัฐมนตรีกับประธานกรรมการ เพื่อนำมาใช้ประกอบในการปรับปรุงประโยชน์ตอบแทน ซึ่งอาจเป็นมาตรการ เชิงลบหรือเป็นมาตรการจูงใจกับคณะผู้บริหารองค์การมหาชน |
|||||||||||||||||||||
| 3804 | การปรับปรุงระบบการตรวจสอบคอนเทนเนอร์สินค้านำเข้าของกรมศุลกากร | นร | 28/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการปรับปรุงระบบการตรวจสอบคอน
เทรนเนอร์สินค้านำเข้าของกรมศุลกากร โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศบาง รายมีเจตนาแจ้งบัญชีสำแดงสิน้าขาเข้าที่ไม่ถูกต้อง และไม่ตรงกับชนิดสินค้าที่บรรจุมาจริงในตู้คอนเทน เนอร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องจักรหรือชิ้นส่วนอุปกรณ์ขนาดใหญ่ และได้ชำระภาษีอากรของสินค้าดัง กล่าวตามเอกสารที่แจ้งในลักษณะเหมาจ่าย โดยกรมศุลกากรได้ตรวจปล่อยสินค้าโดยมิได้ตรวจสอบ ความถูกต้องของสินค้าภายในตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้เกิดการลักลอบนำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์ และ สินค้าเถื่อนหลายชนิด จึงมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตรวจสอบและดำเนินการปรับปรุง แก้ไขวิธีการตรวจสอบสินค้าขาเข้าของกรมศุลการให้มีประสิทธิภาพและถูกต้อง |
|||||||||||||||||||||
| 3805 | การปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบอุตสาหกรรมในประเทศ | กค | 28/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ เห็นชอบแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างพิกัด
อัตราศุลกากร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบอุตสาหกรรมในประเทศ จำนวน 19 ประเภทย่อย ดังนี้ (1) น้ำผลไม้เข้มข้น จำนวน 6 ประเภทย่อย ได้แก่ น้ำผลไม้เข้มข้นจำพวกส้ม (ประเภท ย่อย 2009.11, 2009.19 และ 2009.39) น้ำเกรปฟรุ๊ต (ประเภทย่อย 2009.29) น้ำองุ่น (ประเภทย่อย 2009.69) และน้ำแอปเปิ้ล (ประเภทย่อย 2009.79) ปรับลดอัตราอากรข้าเข้าจากร้อยละ 30 ลงเหลือ ร้อยละ 10 (2) หินอ่อนหินแกรนิต จำนวน 8 ประเภทย่อย ได้แก่ หินก้อนดิบ จำนวน 5 ประเภทย่อย (ประเภทย่อย 2515.11, 2515.20, 2516.11, 2516.21 และ 2516.90) ปรับลดอัตราอากรขาเข้าจาก ร้อยละ 8.75 ลงเหลือร้อยละ 1 หินก้อนเหลี่ยมกึ่งสำเร็จรูป ขนาดด้านกว้าง ยาว และสูง ไม่น้อยกว่าด้านละ 50 เซนติเมตร จำนวน 3 ประเภทย่อย (ประเภทย่อย 2515.12, 2516.12 และ 2516.22) ปรับลดอัตรา อากรขาเข้าจากร้อยละ 20 ลงเหลือร้อยละ 1 สำหรับหินแผ่นกึ่งสำเร็จรูปชนิดที่มีผิวหน้าไม่ขัดมัน ซึ่งจัดอยู่ ในประเภทย่อย 2515.12, 2516.12 และ 2516.22 กำหนดอัตราอากรขาเข้าไว้ที่ร้อยละ 12.5 (3) โพลิอะ ไมด์ ตามประเภทย่อย 3908.10 ปรับลดอัตราอากรขาเข้าจากร้อยละ 20 ลงเหลือร้อยละ 5 (4) ผ้าไหม จำนวน 3 ประเภทย่อย (ประเภทย่อย 5007.10, 5007.20 และ 5007.90) กำหนดอัตราอากรขาเข้าไว้ที่ ร้อยละ 17.5 และ (6) แผ่นเหล็ก TMBP ตามประเภทย่อย 7209.18 กำหนดอัตราอากรขาเข้าไว้ที่อัตรา ร้อยละ 1 รวมทั้งเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและการยกเว้น อากรศุลกากร ตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ร่าง ประกาศ ฯ มีผลใช้บังคับได้ทันในวันที่ 1 มกราคม 2548 |
|||||||||||||||||||||
| 3806 | ขอความเห็นชอบข้อกำหนดด้านการขนส่งสินค้าอันตรายของประเทศไทย เล่มที่ 2 (Thai Provisions Volume 2 ; TP2) ว่าด้วยการขนส่งทางถนน | คค | 28/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (ฝ่าย
คมนาคม พลังงาน และเทคโนโลยีสารสนเทศ) ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอข้อกำหนดด้าน การขนส่งสินค้าอันตรายของประเทศ เล่มที่ 2 (Thai Provisions Volume 2 ; TP2) ว่าด้วยการขนส่งทางถนน โดยข้อกำหนด ฯ นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาหลักเกณฑ์และการบริหารจัดการเกี่ยวกับ มาตรฐานความปลอดภัยในกระบวนการขนส่งสินค้าอันตราย รวมทั้งสารเคมีอันตรายทางถนนเพื่อลดความ เสี่ยงของการเกิดอุบัติภัย และทำให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้กระทรวง คมนาคมรับความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ ตามแนว ทางของข้อกำหนด ฯ ควรมีหน่วยงานกลางมารับผิดชอบเพื่อให้เกิดการบูรณาการ ประกอบกับข้อกำหนด ฯ นี้ เป็นนโยบายหลักเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการในการขนส่งวัตถุอันตราย เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความ เห็นชอบแล้ว หากกฎหมาย ระเบียบ หรือแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานใดที่มีอยู่เดิมไม่สอดคล้องกับแนว ทางของกำหนด ฯ ควรเร่งให้มีการปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับแนวทางของข้อกำหนด ฯ และควรกำหนด ขอบเขตความรับผิดชอบของหน่วยงานแต่ละหน่วยที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอันตรายแต่ละประเภทให้ชัดเจน เพื่อ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอันตรายไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 3807 | การดำเนินการกรณีธรณีพิบัติในจังหวัดภาคใต้ | นร | 28/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับกรณีเหตุการณ์ธรณีพิบัติจากคลื่นใต้น้ำ (Tsunami) ที่จังหวัดภูเก็ต กระบี่
พังงา ตรัง สตูล และระนอง เป็นผลให้ประชาชนทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเสียชีวิตและบาด เจ็บ รวมทั้งทรัพย์สินและสภาพธรรมชาติได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก จำเป็นที่ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและ เอกชนต้องร่วมมือกันให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้เดือดร้อน และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว โดยเบื้องต้นให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐถือปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ รับทราบ รายงานแผนปฏิบัติการแก้ปัญหาธรณีพิบัติภาคใต้ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) สรุปตาม ข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม และให้ลดธงครึ่งเสา ใน วันที่ 28 - 30 ธันวาคม 2547 เพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว และขอความร่วมมือให้ศาสน สถานทุกแห่ง ทุกศาสนา ดำเนินกิจกรรมทางศาสนาและบำเพ็ญกุศลอุทิศแก่ผู้เสียชีวิต ตามความเชื่อและคติ ทางศาสนา เพื่อแสดงการไว้อาลัยตามความเหมาะสม ตลอดจนให้งดงานสังสรรค์รื่นเริงของทางราชการที่จะ จัดขึ้นในช่วงปีใหม่ เพื่อแสดงการไว้อาลัยผู้เสียชีวิตทั้งหมด
|
|||||||||||||||||||||
| 3808 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเรื่อง "แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และการจัดการ 25 ลุ่มน้ำสำคัญของประเทศ" และ เรื่อง"แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และ 25 แม่น้ำสำคัญของประเทศ รวม 9 กลุ่มลุ่มน้ำ" | นร | 28/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และการจัดการ 25 ลุ่มน้ำ สำคัญของประเทศ และแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ และ 25 แม่น้ำสำคัญของประเทศ รวม 9 กลุ่มลุ่มน้ำ อาทิเช่น รัฐควรดำเนินการแบ่ง 25 แม่น้ำสำคัญเป็น 9 กลุ่มลุ่มน้ำ เพื่อให้สามารถดำเนิน การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำได้เป็นระบบทั้งลุ่มน้ำที่เกี่ยวเนื่องกัน และควรดำเนินการให้มียุทธศาสตร์การ จัดการลุ่มน้ำเพื่อตอบสนองความจำเป็นเพื่อการใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ โดยใช้กระบวนการรับฟังความคิดเห็น สาธารณะจากประชาชน ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อร่วมรับผิดชอบการรักษาความอุดมสมบูรณ์ ของลุ่มน้ำ รวมทั้งทบทวนกรอบการทำงานและการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกำหนด นโยบายและเป้าหมายที่ชัดเจนในเรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรดิน และทรัพยากรมนุษย์ ให้มีความสอดคล้องและสัมพันธ์กันเพื่อให้มีการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น และมอบให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการจัดทำข้อมูลตามประเด็นอภิ ปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ได้แก่ การกำหนดวิธีการและแสดงผลการศึกษาให้ทราบถึงต้นตอและ สาเหตุแห่งปัญหาน้ำของประเทศ การบริหารจัดการน้ำ การจัดทำระบบการโยกย้ายน้ำ (Water rid) และข้อ เสนอของสภาที่ปรึกษา ฯ ที่เห็นควรให้มีพระราชบัญญัติน้ำและจัดตั้งกระทรวงน้ำ และการปรับปรุงองค์กร บริหารจัดการน้ำในระดับต่าง ๆ แล้วเสนอคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ พิจารณาโดยด่วนต่อไป ทั้งนี้ คณะ รัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับความเห็น และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาและพัฒนาลุ่มน้ำของ ประเทศ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2547 เรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำ แบบบูรณาการเพื่อประโยชน์ในการผลิต การบริโภค และการป้องกันอุทกภัยต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 3809 | โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ของประชาชน (โครงการประปาเอื้ออาทร) | มท | 28/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเกี่ยวกับโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ของประชาชน (โครงการประปาเอื้ออาทร) โดยเห็นควรมอบให้กระทรวงมหาดไทยรับประเด็นอภิปรายของ คณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่าการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ควรให้กระทรวงมหาดไทยรับไป พิจารณาตามแนวทางการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ ตามที่ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2547 เรื่อง ปัญหาสืบเนื่องจากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น (ประปาหมู่บ้าน) ที่ได้มอบหมาย ให้ประธาน ฯ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีรับเรื่อง การจัดทำระบบประปาหมู่บ้านไปจัดประชุมร่วมกับส่วน ราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการงบประมาณที่ได้รับเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลน น้ำอุปโภค บริโภคในหมู่บ้าน ในปี พ.ศ. 2547-2548 จำนวน 5,622.61 ล้านบาท ให้อยู่ภายใต้กรอบการ ดำเนินงานของโครงการที่เสนอ โดยในการจัดทำระบบประปาหมู่บ้าน ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพ ดำเนินการร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องปรับปรุงระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นสามารถซื้อบริการจากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐได้ รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติ ฯ สนับสนุนด้านวิชาการและเทคนิคขั้นสูงแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย นอกจากนี้ ให้กระทรวง มหาดไทยประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ จัดทำแผนการบำรุงรักษาและซ่อมแซมระบบ ประปารวมทั้งเครื่องมืออุปกรณ์ ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบ ดำเนินการอย่างชัดเจน ให้มีระบบติดตาม ประเมิน และรายงานผลการดำเนินโครงการเป็นระยะ ๆ อย่าง ต่อเนื่อง และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบเสนอแนะการปรับปรุงการดำเนินงาน ตาม โครงการร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ไปดำเนินการด้วย และให้สำนักงานคณะกรรมการการ กระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็น ควรกำหนดภารกิจการให้บริการน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ให้แก่ประชาชนที่จะถ่ายโอนให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นเป็นภารกิจที่จะต้องดำเนินการมากกว่าภารกิจที่สามารถเลือกดำเนินการได้ ไปพิจารณา ดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 3810 | การดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยเชิงบูรณาการ จังหวัดเชียงราย | นร | 28/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
19 ตุลาคม 2547 เรื่อง ขออนุมัติโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเขตเมืองเชียงราย และเรื่อง แผนงาน/โครงการ แก้ไขปัญหาอุทกภัยเชิงบูรณาการจังหวัดเชียงราย โดยงบประมาณสำหรับดำเนินการในปี พ.ศ. 2548 ประกอบ ด้วย งบประมาณสำหรับดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ จำนวน 27 แห่ง วงเงิน 473.00 ล้านบาท งบประมาณ ดำเนินการปรับปรุงอาคารและประตูระบายน้ำ 8 แห่ง วงเงิน 45.50 ล้านบาท และค่าศึกษา สำรวจ ออก แบบ วงเงิน 60.00 ล้านบาท โดยในส่วนของโครงการอ่างเก็บน้ำดอยงู ตำบลแม่เจดีย์ อำเภอเวียงป่าเป้า และ โครงการปรับปรุงอาคารและประตูระบายน้ำ รวม 8 แห่ง มอบหมายให้กรมชลประทาน เป็นผู้ดำเนินการและ ประสานในรายละเอียด และขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณต่อไป สำหรับโครงการก่อสร้าง อ่างเก็บน้ำที่เหลืออีก 26 แห่ง ซึ่งต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้กรมทรัพยากรน้ำขอตกลงใน รายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และดำเนินการต่อไป ส่วนโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำที่ต้องดำเนินการในปี งบประมาณ พ.ศ. 2549 อีก 20 แห่ง ให้กรมทรัพยากรน้ำดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2547 ต่อไป ส่วนค่าศึกษา สำรวจ ออกแบบอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงขอให้พิจารณาทบ ทวน และให้กรมชลประทาน และกรมทรัพยากรน้ำรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 3811 | รายชื่อกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีเห็นชอบคำตอบแล้ว กระทู้ถามที่ 027 ร. เรื่อง หน่วยปฏิบัติการเกษตรเคลื่อนที่ (Mobile Unit) | นร | 21/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 027 ร.
เรื่อง หน่วยปฏิบัติการเกษตรเคลื่อนที่ (Mobile Unit) ของนายจำเจน จิตรธร สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดสุโขทัย และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า จากปัญหาและอุปสรรคที่ เกิดจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ อันเป็นผลจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ แผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 และพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 รัฐบาล มีโยบายหรือแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยในพื้นที่อำเภอที่ประชาชนใช้บริการด้านการเกษตร ประมง และปศุสัตว์มาก และคุ้มค่ากับการจัดตั้งสำนักงานให้บริการในระดับอำเภอ ก็ให้จัดให้มีสำนักงาน ปศุสัตว์อำเภอและสำนักงานประมงอำเภอ หมือนเช่นก่อนการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และให้กรม ปศุสัตว์จัดตั้งหน่วยงานในระดับอำเภอขึ้น โดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปอยู่รับผิดชอบอำเภอในทุกจังหวัด ก่อนที่จะมีการปรับปรุงโครงสร้างแล้วเสร็จ และให้ข้าราชการกรมประมงที่ปฏิบัติงานในหน่วยปฏิบัติการ เคลื่อนที่ (Mobile Unit) แบบบูรณาการกลับต้นสังกัดเดิมตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 เพื่อให้การปฏิบัติ งานของสำนักงานประมงจังหวัดมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง ในส่วนของกรมปศุสัตว์ได้ขอคืนอัตรากำลังจาก หน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่ ฯ และอยู่ระหว่างดำเนินการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติและรับผิดชอบงาน ในระดับอำเภอในทุกจังหวัด สำหรับกรมพัฒนาที่ดินได้กำหนดให้หน่วยงานต่าง ๆ มีการทำงานร่วมกันใน ลักษณะการประสานงานแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจัดตั้งหน่วยงานปฏิบัติการทาง การเกษตร (Management Unit : MU) เป็นการทดแทนหน่วยงานในระดับอำเภอ เพื่อแก้ไขปัญหาการให้ บริการแก่เกษตรกรจากการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ในส่วนของกรมส่งเสริมการเกษตร มีกลไกหลักในการทำงานเพื่อให้การบริการเกษตรกรในพื้นที่ ได้แก่ ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยี การเกษตรประจำตำบลเป็นศูนย์กลางในการทำงานแบบบูรณาการทำงานของหน่วยงานในสังกัดกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ กับหน่วยงาน/องค์กรอื่น รวมทั้งภาคประชาชน นอกจากนี้ กรมวิชาการเกษตรได้รับ นโยบายให้เร่งดำเนินการจดทะเบียนเกษตรกร เพื่อรองรับแหล่งผลิตพืชผักผลไม้ตามโครงการความปลอด ภัยอาหารด้านพืช และให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการเกษตรเคลื่อนที่ ฯ กลับไปปฏิบัติงานที่ต้นสังกัดเดิมตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ 2547 แล้ว |
|||||||||||||||||||||
| 3812 | จัดสรรงบประมาณค่าสาธารณูปโภคที่ไม่สอดคล้องกับรายจ่ายจริง | ศธ | 21/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.1 (ฝ่าย
การศึกษา และการสาธารณสุข) ที่มีมติเกี่ยวกับแนวทางการจัดสรรงบประมาณค่าสาธารณูปโภคของสถาบัน อุดมศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยอนุมัติให้มหาวิทยาลัย/สถาบันอุดมศึกษา ได้รับการจัดสรรงบ ประมาณค่าสาธารณูปโภคโดยรวม ในอัตราร้อยละ 75 ของค่าสาธารณูปโภคที่จ่ายจริงประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 โดยผ่อนผันให้ไม่ต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 เรื่อง การปรับปรุงแนวทางและมาตรการเกี่ยวกับการชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระ ให้แก่รัฐวิสาหกิจโดยไม่ต้องลดค่าใช้จ่ายลงร้อยละ 5 และให้ถือว่าเป็นวงเงินงบประมาณสูงสุดที่มหาวิทยาลัย/ สถาบันอุดมศึกษาควรจะได้รับจัดสรร หากมีการใช้จ่ายค่าสาธารณูปโภคเกินกว่าจำนวนดังกล่าวให้เป็นภาระ ที่มหาวิทยาลัย/สถาบันอุดมศึกษาจะต้องรับผิดชอบในการชำระค่าสาธารณูปโภคด้วยเงินรายได้ให้แล้วเสร็จ ภายในปีงบประมาณนั้น ๆ อย่างเคร่งครัด โดยไม่ให้มีหนี้ค้างชำระ และควรจัดกลุ่มมหาวิทยาลัย/สถาบัน อุดมศึกษา โดยให้คำนึงถึงความเหมาะสมและขีดความสามารถของแต่ละหน่วยงานที่จะร่วมรับภาระค่าใช้จ่าย ดังกล่าว มาประกอบการพิจารณาในขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณค่าสาธารณูปโภคด้วย รวมทั้งอนุมัติให้ มหาวิทยาลัย/สถาบันอุดมศึกษาได้รับการจัดสรรงบประมาณค่าสาธารณูปโภคโดยรวม ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 2,097,160,000 บาท เพิ่มจากที่ได้จัดสรรงบประมาณในปี พ.ศ. 2548 เป็นจำนวน 193,660,000 บาท หรือร้อยละ 10.17 โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรให้แต่ละมหาวิทยา ลัย โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและขีดความสามารถของแต่ละหน่วยงานที่จะร่วมรับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าว หากมีภาระที่ทำให้ค่าใช้จ่ายตามวงเงินดังกล่าวเปลี่ยนไป ให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมเพื่อ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระในการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในเรื่องดังกล่าวอีก และอนุมัติในหลักการให้จัดสรร งบประมาณเพิ่มเติม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหนี้ค่าสาธารณูปโภคที่ค้างชำระของมหาวิทยาลัย/สถาบันอุดมศึกษา ก่อนปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 โดยให้กระทรวงศึกษาธิการรวบรวมข้อมูลให้มีความชัดเจน และขอทำความ ตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 3813 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมการจัดการป่าต้นน้ำและลุ่มน้ำของประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน | นร | 21/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่ายการ
เกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมการ จัดการป่าต้นน้ำและลุ่มน้ำของประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดให้มีระบบการ บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นให้ประชาชน ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีส่วนร่วมและรับผิดชอบ การแก้ปัญหาการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โดยใช้ยุทธศาสตร์ "คนอยู่กับป่า" การเร่งจัด สรรที่ดินทำกินให้แก่ประชาชนที่ไร้ที่ทำกินในสถานที่และจำนวนที่เหมาะสมโดยให้เอกสารที่ให้สิทธิครอบครอง เพื่อทำกินเท่านั้น การพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มขึ้นให้เหมาะสมกับการใช้น้ำในสภาพปัจจุบัน และกำหนดมาตรการ การลดการสูญเสียน้ำในกระบวนการใช้น้ำทั้งในภาคการเกษตร การอุปโภคบริโภค การอุตสาหกรรม และการ เพิ่มประสิทธิภาพของระบบการจัดการน้ำให้มากที่สุด เป็นต้น รวมทั้งรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ และส่วน ราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา และรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการ กลั่นกรอง ฯ เกี่ยวกับการปรับปรุงและกำหนดยุทธศาสตร์ และมาตรการดำเนินการ โดยจัดให้มีการบริหารจัด การแบบบูรณาการร่วมกันและมีหน่วยงานรับผิดชอบและระบบการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน และให้ รับประเด็นการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมจัดการลุ่มน้ำของประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนว่า จะปรับปรุง โครงสร้างองค์กรและวิธีดำเนินการที่ใช้ในปัจจุบันอย่างใด เพื่อให้ภาคเอกชนและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับ กับภาครัฐมากขึ้น และกำหนดเป้าหมายการรักษาป่าต้นน้ำและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับเจ้าหน้าที่และ ประชาชนเห็นถึงประโยชน์ของป่าและตระหนักในความสำคัญที่จะร่วมกันปลูกป่าและช่วยดูแลรักษาป่าอย่างแท้ จริง และเนื่องจากในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... มาตรา 18 ของวุฒิสภา คณะกรรมาธิ การร่วมได้ขอปรับปรุงจากร่างของสภาผู้แทนราษฎร โดยมีมติให้ตัดข้อความเกี่ยวกับการจัดตั้งป่าชุมชนในเขต อนุรักษ์ออก เนื่องจากเกรงว่าผู้ที่อยู่ในเขตอนุรักษ์จะเข้าใจว่า เมื่อตั้งป่าชุมชนแล้วต่อไปจะสามารถตัดไม้ได้ตาม ประสงค์ จะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ซึ่งข้อเท็จจริงโดยเฉพาะในภาคเหนือมีประชาชนอยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ อยู่ก่อนแล้ว และไม่สามารถจะโยกย้ายให้ออกจากบริเวณดังกล่าวได้อย่างถาวรกลับมีผลเสียต่อการดูแลรักษา ป่าอนุรักษ์นั้นให้ประสบผลสำเร็จได้ จึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ จัดเจ้าหน้าที่ไปชี้แจงต่อคณะกรรมา ธิการร่วมได้ทราบเหตุผลของการกำหนดร่างมาตรการดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับป่าเขตอนุรักษ์ว่า จะกระทำได้ เฉพาะกรณีเป็นชุมชนดั้งเดิม และมีพฤติกรรมที่แสดงถึงวัฒนธรรมแห่งการอยู่อาศัยที่เกื้อกูลต่อการดูแลรักษา ที่ขอกำหนดเป็นป่าชุมชนอย่างต่อเนื่องมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีก่อนวันที่ขอจัดตั้งซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักให้คน สามารถอยู่กับป่า และมีส่วนร่วมปลูกและช่วยดูแลรักษาป่าให้เป็นป่าที่ยั่งยืนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 3814 | ขออนุมัติแต่งตั้งรองประธานคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ | สธ | 21/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจ
หน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||
| 3815 | นโยบาย "หนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งความสามารถพิเศษ" | นร | 21/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่ง
ชาติ (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) เสนอแนวทางการดำเนินนโยบาย "หนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งความสามารถพิเศษ" ที่ได้ มีการปรับปรุงทั้งในส่วนของเนื้อหาสาระแนวทางการดำเนินงานและแผนงบประมาณให้สอดคล้องกับสถาน การณ์และช่วงเวลาที่เป็นจริง โดยให้คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติรับไปหารือในราย ละเอียดกับนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง และให้ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) เข้าร่วมดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว โดยให้ รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการ สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่าย ให้คณะกรรม การกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ พิจารณาบูรณา การร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างประหยัดมีประสิทธิภาพ และเกิด ประโยชน์สูงสุดก่อน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนแผนการดำเนินงานและกิจกรรมที่ดำเนิน การอยู่ในปัจจุบันที่มีลำดับความสำคัญต่ำ ซึ่งควรจะชะลอหรือยกเลิกการดำเนินงาน และนำงบประมาณที่ ปรับแผนได้ดังกล่าวมาสนับสนุนนโยบาย "หนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งความสามารถพิเศษ" ในลำดับแรกก่อน และ หากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนนโยบายดังกล่าว ก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยว ข้องจัดทำรายละเอียดแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งขอรับการสนับสนุนงบ ประมาณตามขั้นตอนและความจำเป็นในแต่ละปีงบประมาณต่อไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องใช้งบประมาณเพื่อการจัดเตรียมข้อมูลและการดำเนินการใด ๆ ในเบื้อง ต้น ให้คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการเฉพาะส่วนนี้ไปได้ |
|||||||||||||||||||||
| 3816 | การขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ | กค | 21/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอการขยายระยะเวลาการให้สิทธิ
ประโยชน์ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยระยะเวลาในการให้สิทธิประโยชน์ ในปี 2548 ยกเว้นภาษีอากร และลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ในลักษณะเช่นเดียวกับการให้สิทธิประโยชน์ในปีที่ ผ่านมา ปี 2549 ยกเว้นเฉพาะภาษีที่เกิดจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ส่วนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรม และภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์อันเนื่องมาจากการปรับโครงสร้างหนี้ ให้จัดเก็บในอัตราปกติ และปี 2550 จัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในอัตรา ปกติ และอนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎา กร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการ จำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียก เก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน และกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด (ฉบับที่ 5) จำนวน 2 ฉบับ และร่าง ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎ หมายที่ดินและกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณีการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย (ฉบับที่ 3) จำนวน 2 ฉบับ รวม 6 ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้ว ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังเร่งประชาสัมพันธ์การขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ ดังกล่าวให้ผู้เกี่ยวข้องทราบทั่วกัน เพื่อให้การปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้วเสร็จโดยเร็ว อันจะส่งผลดีต่อระบบ เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
| 3817 | ขออนุมัติลงนามใน Host Government Agreement ของการจัดประชุมคณะที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ วิชาการและเทคโนโลยี สมัยที่ 10 และการประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยการเข้าถึงและการแบ่งปันผลประโยชน์ ครั้งที่ 3 | ทส | 21/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อมเสนอร่าง Host Government Agreement ของการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ วิชาการและเทคโนโลยี สมัยที่ 10 และการประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจ ว่าด้วยการเข้าถึงและการแบ่งปันผล ประโยชน์ ครั้งที่ 3 โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ลงนามใน Host Government Agreement ดังกล่าว และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ให้โดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อความของร่างความตกลง Host Government Agreement ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนดำเนินการลงนาม ด้วย โดยเห็นควรให้ตัดข้อความเกี่ยวกับการให้เอกสิทธิและความคุ้มกันในข้อ 27 ออกทั้งหมด และตัดข้อความ "The privileges and immunities and" ในข้อ 28 ออก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการคัดเลือกภายในประเทศ (locally recruited personnel) จะไม่มีสิทธิได้รับเอกสิทธิและความคุ้มกันในการประชุมฯ ตามอนุสัญญาว่าด้วย เอกสิทธิและความคุ้มกันของสหประชาชาติ ค.ศ. 1946 และผู้ที่จะได้รับเอกสิทธิและความคุ้มกันในการประชุม มีเพียงบุคคลที่ระบุไว้ในข้อ 24 ของร่างความตกลง ฯ เท่านั้น |
|||||||||||||||||||||
| 3818 | รายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม วงรอบกันยายน ถึง ตุลาคม 2547 | กห | 14/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม
ตามแนวนโยบายเบญจวิถี รองรับนโยบายความมั่นคงแห่งรัฐของรัฐบาล ในวงรอบกันยายน ถึงตุลาคม 2547 โดยสังเขปดังนี้ การทูตทางทหาร ผู้นำทางทหารจากประเทศสหราชอาณาจักร สาธารณรัฐเกาหลี ราชอาณา จักรฮัชไมต์จอร์แดน และเอกอัครราชทูตสหพันธรัฐรัสเซีย/ไทย เข้าเยี่ยมคำนับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลา โหม เพื่อหารือในเรื่องความร่วมมือด้านความมั่นคง และกระชับความสัมพันธ์ รวมถึงคณะฑูตทหารไทย/ต่าง ประเทศเข้าอำลาและรับโอวาท ก่อนเดินทางไปปฏิบัติราชการ เป็นต้น การจัดระเบียบชายแดน กองทัพบก ได้ดำเนินการในการสกัดกั้นผู้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จำนวน 587 ครั้ง จำนวนผู้ถูกจับกุม 5,926 คน แยก เป็น พม่า 2,158 คน กัมพูชา 3,562 คน และลาว 216 คน และจับกุมผู้กระทำผิดข้อหาโจรกรรมรถยนต์/รถ จักรยานยนต์ข้ามแดน จำนวน 15 ครั้ง ผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติศุลกากร จำนวน 22 ครั้ง และผู้กระทำผิด พระราชบัญญัติป่าไม้ จำนวน 28 ครั้ง เป็นต้น การเตรียมความพร้อมรบ กองบัญชาการทหารสูงสุด จัดผู้แทน เหล่าทัพ เดินทางไปเยี่ยมชม และรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างสนามฝึก อุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึก และ ดำเนินการฝึกการปฏิบัติการรบในพื้นที่สิ่งปลูกสร้าง (MOUT) ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา และเครือรัฐออสเตร เลีย เป็นต้น การปรับปรุงโครงสร้างกองทัพ กองทัพเรือ อยู่ระหว่างจัดทำกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ เพื่อปรับกระบวนการจ้างงานภาครัฐ ในส่วนของลูกจ้างของส่วนราชการให้เกิดความเหมาะสมในการใช้กำลัง คนภาครัฐ และให้การปฏิบัติราชการมีความคล่องตัวเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ส่วนกองทัพอากาศ ได้เตรียมความพร้อมของกำลังรบหลักทั้งในส่วนของอากาศยานและอาวุธยุทโธปกรณ์ตามโครงสร้างกำลังรบ ที่กำหนด และเตรียมกำลังตามแผนยุทธการ กองทัพอากาศ 441 เป็นต้น และการปฏิบัติการทหารที่มิใช่สง คราม กองทัพเรือ จัดเรือและอากาศยานทำการลาดตระเวน ตรวจสอบการลักลอบทำลายทรัพยากรธรรม ชาติในทะเล และตามเกาะต่าง ๆ และจัดชุดเฝ้าตรวจป้องกันการลักลอบและทำลายปะการังตลอด 24 ชั่วโมง ทำการสำรวจสภาพน้ำทะเลและปะการังเพื่อวิเคราะห์ที่มาของตะกอนที่เป็นสาเหตุทำให้ปะการังเสียหายและ การเจริญเติบโตของปะการัง เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||
| 3819 | การส่งเสริมและพัฒนาการลงทุนกิจการเหมืองแร่ในประเทศ | อก | 14/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอว่า ตามที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐาน
และการเหมืองแร่รายงานผลการอนุญาตสิทธิสำรวจและทำเหมืองแร่ ในช่วงรัฐบาลรอบ 4 ปี จำนวน 256 แปลง ซึ่งมีคำขอที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 480 แปลง นั้น เพื่อให้การ อนุญาตประทานบัตรทำเหมืองแร่ดังกล่าวเป็นไปอย่างรวดเร็ว อันส่งผลให้สามารถขยายศักยภาพทางด้าน การพัฒนาและขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมในเวทีการค้าโลกภายใต้ระบบการค้าเสรีได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเพิ่มรายได้ประชาชาติและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในท้องถิ่นให้ ดียิ่งขึ้น กระทรวงอุตสาหกรรมจะได้ประสานกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงกระบวนการพิจารณา ประทานบัตร และเรื่องอื่น ๆ ในทำนองเดียวกันที่อยู่ในความรับผิดชอบ โดยการกำหนดและลดขั้นตอน การพิจารณาอนุญาตหรืออนุมัติให้ชัดเจนและมีเท่าที่จำเป็น รวมทั้งมีกำหนดเวลาที่เป็นมาตรฐานในการ พิจารณาแต่ละขั้นตอนที่ชัดเจนเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการประกอบกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ของประชาชน และเพื่อให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2547 ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 3820 | การยืนยันสถานภาพของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) | นร | 14/12/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอผลการหารือเกี่ยวกับการให้คงสถานภาพ
ของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศเป็นองค์การมหาชน ระหว่างรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครือ งาม) กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ประธานคณะที่ปรึกษาพิเศษ (องคมนตรี นายธานินทร์ กรัยวิเชียร) ประธาน อ.ก.พ.ร. ซึ่งผลการหารือได้มีมติเห็นชอบร่วมกันให้คงสถานภาพของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่าง ประเทศเป็นองค์การมหาชน และเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ ตอบแทนอื่นของผู้อำนวยการองค์การมหาชน และหลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทน อื่นของประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการ ขององค์การมหาชน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2547 โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน 2547 ซึ่งเป็นวันที่คณะรัฐมนตรี มีมติ ทั้งนี้ ให้นำหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนดังกล่าวไปใช้กับศูนย์ส่งเสริม ศิลปาชีพระหว่างประเทศ |
|||||||||||||||||||||
.....
