ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 197 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3921 - 3940 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3921 | รายงานความคืบหน้าการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารงานขององค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) | คค | 29/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลความคืบหน้าการปรับปรุงประสิทธิภาพ
การบริหารงานขององค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) ดังนี้ นโยบายเพิ่มรายได้ ร.ส.พ. ได้ประมูลขายรถ ยนต์ที่ชำรุดใช้งานไม่ได้ รวม 2 ครั้ง จำนวน 369 คัน สามารถสร้างรายได้เป็นเงิน 51 ล้านบาท และเร่งปรับปรุง การบริการพร้อมกับการเพิ่มรายได้ โดยได้เจรจากับลูกค้าที่มีอยู่เดิมและลูกค้ารายใหม่ พร้อมทั้งปรับระบบการให้ บริการที่ต้องให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกรวดเร็วแก่หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจที่เป็นลูกค้าเดิม ของ ร.ส.พ. นโยบายลดค่าใช้จ่าย ได้แก่ การประนอมหนี้และการปรับโครงสร้างหนี้ โดยเจรจากับธนาคารกรุง ไทยจำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เจรจากับบริษัทเจ้าของรถยนต์เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในส่วนของ ค่าเช่ารถค้างจ่าย และสลับเวลาในการเข้าทำงานของพนักงาน เพื่อเป็นการประหยัดค่าล่วงเวลา และนโยบายปรับ ปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการ ด้านการรับส่ง สินค้า บัญชีและการเงิน และบริหารจัดการรถบรรทุก (Haulage Management) ทำการสำรวจรถที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อจัดทำแผนซ่อมบำรุง และปรับสภาพรถยนต์ให้ใช้งานได้ดี จัดตั้งศูนย์ควบคุมและตรวจเช็ครถทั่วประเทศ เพื่อ ควบคุมด้านเวลา ระยะทาง และการใช้รถให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด รวมทั้งปรับโครงสร้างองค์กร โดยได้ทำการ ทดลองใช้โครงสร้างใหม่ โดยปรับเปลี่ยนลักษณะการแบ่งสายงาน ซึ่งเดิมแบ่งโดย "หน้าที่" (Function) ของหน่วย งาน เปลี่ยนมาเป็นแบ่งตาม "เขตพื้นที่" (Regional) ทั้งนี้ จากผลการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารงานของ ร.ส.พ. ตามนโยบายดังกล่าว ปัจจุบัน ร.ส.พ. มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเป็นลำดับโดยผลประกอบการในช่วงเดือน มกราคม-มีนาคม 2547 ร.ส.พ. มีรายได้จากการดำเนินงานขนส่งสินค้า รวม 206.070 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5.39 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมรายได้อื่น ๆ |
|||||||||||||||||||||
| 3922 | การดำเนินงานประกันสังคมกรณีว่างงาน | รง | 29/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 (คกก.2)
ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอให้ดำเนินการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้ รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้วต่อไป โดยยืนยันหลักเกณฑ์และระยะเวลาจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานสำหรับผู้ลาออกจากงาน ให้ได้รับสิทธิ ประโยชน์ตามร่างกฎกระทรวง ฯ ที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้วไประยะหนึ่ง โดยให้สำนักงานประกัน สังคมหาทางเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารกองทุนโดยเฉพาะในเรื่องการลดค่าใช้จ่ายการบริหารกองทุนลง ให้มากที่สุด รวมทั้งปรับปรุงอัตราเงินสมทบกรณีว่างงานเพิ่มขึ้น โดยพระราชบัญญัติประกันสังคมได้กำหนด อัตราเงินสมทบไว้สูงสุดไม่เกิน 5% และพิจารณาลดอัตราและหรือระยะเวลาการจ่ายประโยชน์ทดแทนแก่ผู้ ลาออกจากงานโดยสมัครใจ โดยต้องนำเรื่องขอปรับปรุงร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้ รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน พ.ศ. .... เสนอคณะรัฐมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอีก ครั้งหนึ่ง โดยให้รับประเด็นอภิปรายของสำนักงบประมาณ และ คกก.2 ไปพิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับ ความเห็นของสำนักงบประมาณเห็นว่า การเพิ่มความคุ้มครองผู้ลาออกจากงานโดยสมัครใจเป็นภาระต่อเงิน งบประมาณที่รัฐบาลต้องสมทบสูงขึ้นทุกปี ควรมีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการจ่ายเงินสมทบกองทุนประกัน สังคม โดยให้ฝ่ายรัฐบาลจ่ายเงินสมทบให้ลดน้อยลงโดยเฉพาะการประกันสังคมในกรณีประสบอันตรายหรือ เจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย และคลอดบุตร รัฐบาลไม่ควรจะต้องจ่ายเงินสมทบเพราะมีความเข้มแข็งแล้ว ควรมุ่ง ความช่วยเหลือในกรณีสุดท้าย คือ กรณีว่างงาน และสิ่งที่ควรดำเนินการโดยเร่งด่วน คือ การแก้ไขกฎหมาย มิให้ระบุผู้ลาออกจากงานโดยสมัครใจถือเป็นกรณีว่างงาน ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติควรดำเนินการตามร่างกฎ กระทรวง ฯ ที่กระทรวงแรงงานเสนอไประยะหนึ่งก่อน เมื่อมีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการก็ขอแก้ไขกฎ หมายต่อไป ส่วน คกก.2 เห็นว่า การพิจารณาเรื่องนี้ควรคำนึงถึงสภาพสังคม นอกเหนือจากการพิจารณาถึง กองทุนแต่ละด้าน เนื่องจากเจตนารมณ์ของกฎหมายประกันสังคมต้องการให้มีเงินกองทุนเพียงก้อนเดียว ข้อ เสนอของกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นแนวทางที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขกฎ หมายเกี่ยวกับการจ่ายประโยชน์ทดแทน โดยไม่ให้ความคุ้มครองแก่ผู้ที่ลาออกโดยสมัครใจ และเห็นด้วยกับ การปรับปรุงอัตราเงินสมทบและการจ่ายเงินสมทบ อย่างไรก็ตาม ควรให้กฎกระทรวงฉบับนี้มีผลบังคับใช้ไป ระยะหนึ่งก่อนอาจจะประมาณ 1 ปี เนื่องจากคนตกงานที่จะมาขึ้นบัญชีอาจมีจำนวนไม่มากตามที่คาดหมาย ในเวลานี้ก็ได้ เพราะสามารถที่จะหางานทำได้ต่อเนื่อง |
|||||||||||||||||||||
| 3923 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ งบกลาง ปี พ.ศ. 2547 เพื่อเป็นค่าจัดทำโครงการพัฒนาตามมาตรการผังเมืองในพื้นที่เฉพาะและจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ที่ดินสองฟากถนนเลียบทางรถไฟเชียงใหม่ - ลำพูน (ระยะที่ 2) (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | มท | 29/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ
งบกลาง ปี พ.ศ. 2547 จำนวน 249,367,000 บาท เพื่อเป็นค่าจัดทำโครงการพัฒนาตามมาตรการผังเมือง ในพื้นที่เฉพาะและจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ที่ดินสองฟากถนนเลียบทางรถไฟเชียงใหม่-ลำพูน (ระยะที่ 2) ประกอบด้วย การปรับปรุงถนนเดิมบางสายทาง ปรับปรุงทางร่วมทางแยกพร้อมระบบสาธารณูปโภค และ การจัดภูมิทัศน์ จำนวนเงิน 100,000,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่ง ให้เกิดความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นในส่วนของเครื่องกั้นรถยนต์อัตโนมัติจุดตัดข้ามทางรถไฟ ระบบระบายน้ำตามแนว สายทาง โครงการพัฒนาตามมาตรการผังเมืองถนนสายดอยติ-ลำพูน-แยกเมืองง่า (ฝั่งตะวันตก) รวมทั้ง ศึกษาความเหมาะสมระบบป้องกันน้ำท่วมบริเวณชุมชนสองฟากถนน จำนวนเงิน 149,367,000 บาท ทั้งนี้ สำนักงบประมาณเห็นว่า วงเงินที่เสนอขอรับการสนับสนุนนั้นเป็นวงเงินจำนวนที่สูงมาก และงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น คง เหลือจำนวนจำกัด และยังมีภารกิจในด้านอื่น ๆ ที่จำเป็นเร่งด่วนรอการจัดสรรอีกเป็นจำนวนมาก จึงไม่ สามารถจัดสรรงบประมาณเพื่อการดำเนินโครงการดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม โครงการที่เสนอสามารถแยก ดำเนินการตามลำดับความจำเป็นเร่งด่วนได้ จึงเห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองจัดทำรายละเอียดค่า ใช้จ่ายและพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ที่ได้รับไปดำเนินการในส่วนที่จำเป็นเร่งด่วนในโอกาสแรกก่อน ส่วนที่เหลือให้ เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ตามความจำเป็นและความเหมาะสมในการ ดำเนินงานต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 3924 | ผลการพิจารณาและบูรณาการแผนโครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ งบกลาง ปีงบประมาณ 2547 โครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในส่วนของจังหวัดเชียงราย (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | กษ | 29/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับเรื่อง ผลการพิจารณาและบูรณาการแผนโครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบ
ประมาณ งบกลาง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 โครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในส่วนของจังหวัดเชียง ราย ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า กรมชลประทานโดยโครงการชลประทานเชียงรายได้ร่วมประชุม คณะทำงานการแก้ไขปัญหาอุทกภัยกรณีเร่งด่วนลุ่มน้ำลาวและลุ่มน้ำกรณ์เพื่อบูรณาการแผนงานโครงการป้อง กันน้ำท่วมในเขตพื้นที่เศรษฐกิจชุมชน ณ จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2546 โดยที่ประชุมได้กำหนด มาตรการไว้ 2 มาตรการคือ มาตรการไม่ใช้สิ่งก่อสร้าง เป็นมาตรการด้านการจัดการน้ำ และมาตรการใช้สิ่งก่อ สร้าง เพื่อพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำ ประเภทอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก รวมทั้งพัฒนาแหล่งน้ำ ประเภทฝายน้ำล้น และได้กำหนดเป็นแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย แบ่งออกเป็น 3 ระยะ งบ ประมาณรวมทั้งสิ้น 4,326.68 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ระยะเร่งด่วน จำนวน 31 โครงการ วงเงิน 420.10 ล้าน บาท ระยะสั้น จำนวน 23 โครงการ วงเงิน 649.77 ล้านบาท และระยะยาว จำนวน 158 โครงการ วงเงิน 3,256.81 ล้านบาท ซึ่งตามแผนงานทั้ง 3 ระยะ มีงานที่กรมชลประทานเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ งบกลางในปี พ.ศ. 2547 อยู่จำนวน 4 โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 170.119 ล้านบาท คือ โครงการปรับปรุง ฝายเชียงราย โครงการผันน้ำแม่กรณ์-แม่กก โครงการอ่างเก็บน้ำดอยงู และโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สรวย นั้น คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า ในส่วนของแผนงาน/โครงการ ตามยุทธศาสตร์จังหวัดเชียงรายทั้ง 4 โครง การ โดยมอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาทบทวนความจำเป็น เหมาะสมในภาพรวมร่วมกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง โดยให้นำผลการพิจารณาและบูรณา การแผนโครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณงบกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 โครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ ไขปัญหาอุทกภัยในส่วนของจังหวัดเชียงรายให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในครั้งนี้ รวมทั้งความเห็นของกระทรวง การคลัง มารวมพิจารณาด้วย ดังนี้ มาตรการไม่ใช้สิ่งก่อสร้างซึ่งเป็นมาตรการในการบริหารจัดการน้ำ เช่น การตรวจสอบและสำรวจพื้นที่ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุและแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหา การปลูกต้นไม้บริเวณ ต้นน้ำ การติดตั้งระบบเตือนภัย โดยกำหนดเป็นยุทธศาสตร์และแผนงานหลักในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยตาม สภาพพื้นที่ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาวที่ช่วยทำให้ไม่เกิดปัญหาเดิมซ้ำอีก ส่วนมาตรการ ใช้สิ่งก่อสร้าง เป็นมาตรการป้องกันและบรรเทาภัยจากน้ำมีแนวทางแก้ไขในการที่จะพัฒนาและปรับปรุงแหล่ง เก็บกักน้ำประเภทอ่างเก็บน้ำ และฝายน้ำล้น เพื่อเก็บกักน้ำและชะลอการไหลของน้ำ เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะ หน้าที่มีความจำเป็นเร่งด่วน รวมไปถึงการจัดทำแผนงาน/โครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยโดยแบ่งแผนงานออก เป็น 3 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว เป็นการจัดลำดับความสำคัญตามความจำเป็นเร่ง ด่วนและให้เหมาะสมกับเงินงบประมาณที่ได้รับในแต่ละปี สำหรับโครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยทั้ง 4 โครงการ เป็นโครงการที่ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอุทกภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย การแก้ไขจึงต้องมีการวางแผนทั้งระบบแบบบูรณาการทั้งในระยะเร่งด่วน และระยะยาว โดย จัดลำดับความสำคัญตามความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน และการขอจัดตั้งงบ ประมาณ นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวเป็นภารกิจหลักของกรมชลประทาน และเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ต้อง ใช้เงินงบประมาณค่อนข้างสูง โดยมีระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547-2549 การใช้เงินงบประมาณงบ กลาง ปี พ.ศ. 2547 กรมชลประทานอาจไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ เนื่องจากมีระยะเวลา ที่เหลือในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ประมาณ 3 เดือนเศษเท่านั้น จึงเห็นควรให้กรมชลประทานขอจัดตั้งงบ ประมาณรายจ่ายในปีต่อไปในแผนงานปกติตามความจำเป็นเร่งด่วนของแต่ละโครงการต่อไป ประกอบกับการ จัดทำแผนบูรณาการของกรมชลประทาน ยังไม่มีความชัดเจนในการศึกษาความต้องการของประชาชนในพื้นที่ การศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และความเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะสามารถดำเนินงานให้ เป็นระบบทั้งในเรื่องแผนงานและระยะเวลาดำเนินการ ดังนั้น เพื่อให้ผลประโยชน์ที่จะเกิดจากโครงการเป็นไป ตามวัตถุประสงค์ที่คาดหมายไว้ เห็นควรให้กรมชลประทานทบทวนแผนบูรณาการในแต่ละโครงการดังกล่าว ให้มีความสมบูรณ์และชัดเจนยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||||||||
| 3925 | การใช้ปุ๋ยชีวภาพ | นร | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้กระทรวง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่งดำเนินการจัดตั้งโรงงานต้นแบบผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมีและปุ๋ยชีวภาพ ให้ทั่วถึงทุกจังหวัด และให้ขยายผลโดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับสหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกรท้องถิ่น โดยให้ประสานการดำเนินการร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนิน การรณรงค์ส่งเสริมและแนะนำให้เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการปรับปรุงดินด้วยอินทรีย์ วัตถุ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างจริงจังเพื่อการพัฒนาคุณภาพดิน ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีและสาร เคมี เนื่องจากการใช้ปุ๋ยเคมีมากจะเกิดผลเสียต่อสภาพดินและสภาพแวดล้อมโดยรวมในระยะยาว ประกอบกับ ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นตามลำดับซึ่งจะส่งผลกระทบให้ปุ๋ยเคมีมีราคาสูงตามไปด้วย ดังนั้น ใน การเร่งการผลิตและรณรงค์การใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยชีวภาพให้แพร่หลาย จึงเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้อง ดำเนินการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง จึงขอมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นเจ้าภาพ รับผิดชอบเรื่องนี้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยให้กำกับติดตามการ ดำเนินการอย่างใกล้ชิดต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ถือว่า เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติที่สำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||
| 3926 | การจัดการตลาดลำไย ปี 2547 (โครงการการจัดการตลาดลำไย ปี 2547) | กษ | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอมติคณะกรรมการนโยบายและ
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ครั้งที่ 5/2547 เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2547 ที่เห็นชอบแนวทาง การจัดการตลาดลำไย ปี 2547 โดยใช้เงินทุนหมุนเวียน 4,303 ล้านบาท โดยให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินของรัฐ โดย คชก. จะชดเชยอัตราดอกเบี้ยตามหลักเกณฑ์เดิมที่เคย ปฏิบัติมา กับอนุมัติเงินจ่ายขาดจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อการ ส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศและต่างประเทศ โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณไปพิจารณา ดำเนินการด้วย ดังนี้ ควรปรับปรุงวิธีการจัดเก็บลำไยอบแห้งให้คงคุณภาพตามเกรดที่จัดเก็บเพื่อมิให้เกิด ผลขาดทุนจากลำไยเสื่อมสภาพดังเช่นปีที่ผ่านมา และควรติดตามผลการเปลี่ยนแปลงของราคาลำไยจาก การดำเนินงาน และประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับจากการดำเนินงานตามโครงการดังกล่าว โดยให้ราย งานผลต่อคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตด้วยว่า การแก้ไขปัญหาลำไยล้นตลาดหรือมีราคาต่ำ เท่าที่ผ่านมามีหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยงานเข้าไปรับ ผิดชอบดำเนินการ แต่ผลการดำเนินการในภาพรวม มักไม่ค่อยประสบความสำเร็จและเกิดผลดีเท่าที่ควร ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติไว้แล้วเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2546 เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะ รัฐมนตรี (การปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานในโครงการเกี่ยวกับการรักษาระดับราคาสินค้า เกษตร) และวันที่ 14 ตุลาคม 2546 เรื่อง การแก้ไขปัญหาลำไย และการปฏิบัติงานขององค์การตลาด เพื่อเกษตรกรและองค์การคลังสินค้า โดยมอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับดูแลและติดตามตรวจ สอบการดำเนินงานขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกรอย่างใกล้ชิด หากเห็นควรแก้ไขปรับปรุงการดำเนิน การ หรือหากเห็นว่าหน่วยงานดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการให้เกิดประโยชน์กับเกษตรกรอีกต่อไป ให้ พิจารณายุบเลิกได้ จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พาณิชย์ ซึ่งเป็นเจ้าสังกัดตามลำดับ พิจารณาดำเนินการตามความจำเป็นเหมาะสมในการยุบเลิกหน่วย งานดังกล่าวให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 3927 | รายงานผลการสำรวจความต้องการของประชาชนด้านการประกอบอาชีพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ครั้งที่ 2) | กษ | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายเนวิน ชิดชอบ)
ประธานคณะทำงานของนายกรัฐมนตรีในการพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส ยะลา และปัตตานี) รายงานผลการสำรวจความต้องการของประชาชนด้านการประกอบอาชีพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (นรา ธิวาส ยะลา ปัตตานี และในบางอำเภอของจังหวัดสงขลา) ครั้งที่ 2 ซึ่งจากผลการสำรวจครัวเรือนที่สำรวจ แล้ว 230,553 ครัวเรือน แยกเป็น จังหวัดนราธิวาส 80,429 ครัวเรือน จังหวัดปัตตานี 68,087 ครัวเรือน จังหวัดยะลา 48,570 ครัวเรือน และจังหวัดสงขลา 33,467 ครัวเรือน พบว่า ร้อยละ 0.42 ต้องการรถแม็คโคร สำหรับขุดบ่อ/ขยายแหล่งน้ำ สร้างปะการังเทียม และต้องการให้เกิดความสงบและปลอดภัยในพื้นที่ ร้อยละ 7.87 ต้องการให้แก้ปัญหาหนี้สิน เงินทุนประกอบอาชีพ และพักชำระหนี้/ลดดอกเบี้ยธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร้อยละ 0.51 ต้องการระบบไฟฟ้า ร้อยละ 73.54 ต้องการระบบชลประทาน การพัฒนาอาชีพประมง ปศุสัตว์ การปรับปรุงและบำรุงรักษาดิน การสนับสนุนพันธุ์พืช การฝึกอบรมและสนับ สนุนปัจจัยการผลิตพืช การตั้งสหกรณ์ในหมู่บ้าน ที่ทำกิน/ที่อยู่ การประกันราคายางและปาล์มน้ำมัน ร้อยละ 0.003 ต้องการให้สร้างท่าเทียบเรือ ร้อยละ 0.40 ต้องการระบบโทรศัพท์ ร้อยละ 0.15 ต้องการให้ปรับปรุง และสร้างสนามกีฬา สนับสนุนการกีฬา ตลอดจนจัดแข่งขันกีฬา ร้อยละ 0.08 ต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ท ร้อยละ 0.14 ต้องการน้ำมันดีเซลราคาถูก ร้อยละ 1.37 ต้องการเงินทุนซ่อมแซมและต่อเติม บ้านที่อยู่อาศัย เงินช่วยเหลือคนชรา และคนพิการ ร้อยละ 1.39 ต้องการเครื่องอุปโภคบริโภค โรงสีข้าว การ จัดหาตลาดรองรับผลผลิต การประกันราคาผลผลิต และลดค่าครองชีพ ร้อยละ 0.83 ต้องการตั้งกลุ่มแม่ บ้านศูนย์พัฒนาเด็กและเยาวชน สร้างถนนสำหรับขนส่งผลผลิต OTOP สร้างหอกระจายข่าวและศาลาอเนก ประสงค์ ร้อยละ 5.65 ต้องการให้เพิ่มค่าจ้างรายวันขั้นต่ำ สร้างงานในท้องที่ จักรเย็บผ้าและอุปกรณ์เย็บผ้า การฝึกอบรมวิชาชีพต่าง ๆ ร้อยละ 0.04 ต้องการให้สร้างมัสยิดและเมรุ ตลอดจนฝึกอบรมด้านวัฒนธรรมและ สังคม ร้อยละ 6.27 ต้องการรถจักรยาน ทุนการศึกษา รถรับส่งนักเรียน วัสดุอุปกรณ์การเรียน การสร้าง โรงเรียน การอบรมภาษาอังกฤษ และห้องสมุด ร้อยละ 0.08 ต้องการให้เพิ่มค่าตอบแทนอาสาสมัคร และ สวัสดิการการรักษาโรค ร้อยละ 0.02 ต้องการเข้าร่วมโครงการพระราชดำริ ร้อยละ 0.91 ต้องการท่อระบาย น้ำระบบน้ำประปา การปรับปรุงและบำรุงน้ำ แก้ปัญหาน้ำเสีย ยกร่องและขยายแหล่งน้ำ และสร้างสะพานข้าม แม่น้ำลำคลอง และร้อยละ 0.32 ต้องการให้ตั้งโรงงานในท้องที่เพื่อสร้างงานในท้องถิ่น และประกันราคาอ้อย |
|||||||||||||||||||||
| 3928 | การปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกำหนดนโยบาย กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) | ยธ | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติเสนอขอปรับปรุงองค์
ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกำหนดนโยบาย กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดน ภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) ดังนี้ องค์ประกอบของคณะกรรมการกำหนดนโยบาย กอ.สสส.จชต. ประกอบด้วย ผู้ แทนส่วนราชการ หน่วยงานเอกชน องค์กรประชาชนหรือผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ประธานคณะกรรมการ ฯ เห็นสมควร เป็นกรรมการ เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บัญชาการตำรวจ แห่งชาติ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ อธิบดีกรมการปกครอง เลขาธิการ ป.ป.ส. ผู้แทนจุฬาราชมนตรี และประธาน กรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม ส่วนอำนาจหน้าที่ ให้คณะกรรมการ กำหนดนโยบาย กอ.สสส.จชต. มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดยุทธศาสตร์ แนวทางการดำเนินการ มาตรการ ปฏิบัติในการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งกำกับดูแล ประสานการปฏิบัติ และติดตามตรวจ สอบการดำเนินการของทุกหน่วยงานให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล บูรณาการแผนงาน โครงการ และงบ ประมาณพร้อมทั้งมอบหมายให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนำไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่ให้สัมฤทธิ์ผลตามเป้าหมาย ที่กำหนดตลอดจนแสวงหาความร่วมมือจากภาคเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคประชาชน ในการมีส่วนร่วม และสนับสนุนช่วยเหลือที่เกี่ยวกับการส่งเสริมสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ |
|||||||||||||||||||||
| 3929 | รายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาผลกระทบเรื่องฝุ่นละอองที่เกิดจากการทำเหมืองหินและโรงโม่หิน | อก | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
รายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาผลกระทบเรื่องฝุ่นละอองที่เกิดจากการทำเหมืองหินและโรงโม่หิน ตั้งแต่วัน ที่ 21 เมษายน 2547 จนถึงปัจจุบัน โดยผลความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี จากการตรวจสอบและกำกับดูแลโรงโม่หินที่ถูกสั่งให้หยุดการผลิตเพื่อปรับปรุงสภาพเครื่องจักรและ บริเวณสถานประกอบการ จำนวน 28 โรง มีโรงโม่หินที่ปรับปรุงสภาพเครื่องจักรและบริเวณสถานประกอบกิจ การแล้วจำนวนทั้งสิ้น 26 โรง และได้อนุญาตให้เปิดดำเนินการตามปกติแล้ว ส่วนการตรวจสอบการทำเหมืองแร่ เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างที่มีประทานบัตรถูกต้องในเขตพื้นที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และอำเภอพระพุทธบาท ได้ สั่งการให้ผู้ประกอบการหยุดการทำเหมือง เนื่องจากใช้คนห้อยโหนในการเจาะระเบิดหิน จำนวน 7 แปลง 13 ราย และให้ผู้ประกอบการที่ยังมีการดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่ครบ ถ้วน เช่น การทำบ่อดักตะกอน การปรับปรุงสภาพเส้นทางขนส่งหิน การตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม ให้ดำเนิน การให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน จำนวน 19 แปลง จำนวน 23 ราย ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการกำลังดำเนินการปรับ ปรุงแก้ไขตามที่ได้สั่งการ สำหรับการตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองในบรรยากาศในระหว่างวันที่ 11 - 12 มิถุนายน 2547 ทุกจุดที่ตรวจวัดอยู่มีปริมาณฝุ่นลดลง นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบโรงโม่หินและเหมืองหินทั่วประเทศ ใน พื้นที่ 28 จังหวัด มีโรงโม่หินที่ตรวจสอบ จำนวน 212 โรง ผลการตรวจสอบ ได้สั่งระงับการผลิตเพื่อปรับปรุง และเครื่องจักรบริเวณสถานประกอบการ จำนวน 46 โรง พร้อมทั้งได้สั่งการให้มีการปรับปรุงแก้ไขสภาพสถาน ประกอบการ จำนวน 162 โรง และผลการตรวจสอบประทานบัตรเหมืองหินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้างในพื้น ที่ 25 จังหวัด จำนวนประทานบัตรที่ตรวจสอบ จำนวน 167 (180) แปลง (ราย) ผลการตรวจสอบ ได้สั่งการให้ หยุดการทำเหมืองเนื่องจากมีการห้อยโหนเจาะหิน จำนวน 20 (28) แปลง (ราย) สั่งการให้ปรับปรุงและดำเนิน การตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม จำนวน 112 (119) แปลง (ราย) และสั่งการให้มาขอ หยุดการทำเหมืองเนื่องจากขาดอายุหนังสืออนุญาตตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จำนวน 14 แปลง |
|||||||||||||||||||||
| 3930 | การจัดการตลาดลำไย ปี 2547 (โครงการการจัดการตลาดลำไย ปี 2547) | กษ | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอมติคณะกรรมการนโยบายและ
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ครั้งที่ 5/2547 เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2547 ที่เห็นชอบแนวทาง การจัดการตลาดลำไย ปี 2547 โดยใช้เงินทุนหมุนเวียน 4,303 ล้านบาท โดยให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินของรัฐ โดย ชคก. จะชดเชยอัตราดอกเบี้ยตามหลักเกณฑ์เดิมที่เคย ปฏิบัติมา กับอนุมัติเงินจ่ายขาดจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อการ ส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศและต่างประเทศ โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณไปพิจารณา ดำเนินการด้วย ดังนี้ ควรปรับปรุงวิธีการจัดเก็บลำไยอบแห้งให้คงคุณภาพตามเกรดที่จัดเก็บเพื่อมิให้เกิด ผลขาดทุนจากลำไยเสื่อมสภาพดังเช่นปีที่ผ่านมา และควรติดตามผลการเปลี่ยนแปลงของราคาลำไยจาก การดำเนินงาน และประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับจากการดำเนินงานตามโครงการดังกล่าว โดยให้ราย งานผลต่อคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตด้วยว่า การแก้ไขปัญหาลำไยล้นตลาด หรือมีราคาต่ำ เท่าที่ผ่านมามีหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยงานเข้าไปรับ ผิดชอบดำเนินการ แต่ผลการดำเนินการในภาพรวม มักไม่ค่อยประสบความสำเร็จและเกิดผลดีเท่าที่ควร ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติไว้แล้วเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2546 เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะ รัฐมนตรี (การปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานในโครงการเกี่ยวกับการรักษาระดับราคาสินค้า เกษตร) และวันที่ 14 ตุลาคม 2546 เรื่อง การแก้ไขปัญหาลำไย และการปฏิบัติงานขององค์การตลาด เพื่อเกษตรกรและองค์การคลังสินค้า โดยมอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับดูแลและติดตามตรวจ สอบการดำเนินงานขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกรอย่างใกล้ชิด หากเห็นควรแก้ไขปรับปรุงการดำเนิน การ หรือหากเห็นว่าหน่วยงานดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการให้เกิดประโยชน์กับเกษตรกรอีกต่อไป ให้ พิจารณายุบเลิกได้ จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พาณิชย์ ซึ่งเป็นเจ้าสังกัดตามลำดับ พิจารณาดำเนินการตามความจำเป็นเหมาะสมในการยุบเลิกหน่วย งานดังกล่าวให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 3931 | การพัฒนาตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) | นร | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบตามมติของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของกองอำนวยการเสริม
สร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2547 ที่อนุมัติโครงการของหน่วย งานภาครัฐที่ผ่านการยืนยันจากประชาคม 3 จังหวัด โดยเป็นโครงการทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่น คง จำนวน 70 โครงการ วงเงินงบประมาณรวม 5,083.13 ล้านบาท และอนุมัติโครงการตามยุทธศาสตร์การ พัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ตามข้อเสนอของประชาคม 3 จังหวัด จำนวน 94 โครงการ วงเงิน 1,346.80 ล้านบาท รวมทั้งอนุมัติเป็นหลักการให้คณะกรรมการนโยบายของ กอ.สสส.จชต. เป็นผู้พิจารณาอนุมัติการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมหรืองบประมาณสำหรับโครงการ ของหน่วยงานภาครัฐ และที่เสนอจากประชาคม 3 จังหวัด ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง โดยให้ อยู่ภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และให้บรรลุตามวัตถุประสงค์เดิม และให้โครงการของ หน่วยงานภาครัฐ และที่เสนอจากประชาคม 3 จังหวัดชายแดนดังกล่าว กรณีเป็นโครงการที่มีระยะเวลาดำเนิน การต่อเนื่อง 2 ปี (ปี พ.ศ. 2547-พ.ศ.2548) ที่มีสัญญาจ้างเหมากับผู้รับจ้างตามนัยมาตรา 23 ของพระราช บัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณได้ และกรณีเป็น โครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 แต่ไม่สามารถทำสัญญาก่อหนี้ผูกพัน หรือเบิกจ่ายงบประมาณได้ทันภายในปีงบประมาณนั้น ให้กันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีงบประมาณจนถึงเดือน มีนาคม 2548 ได้ เป็นกรณีพิเศษ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการด้วยว่า ในการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การ พัฒนาภาคใต้ในโครงการต่าง ๆ การแก้ไขปัญหาควรมีลักษณะเชิงรุกสอดคล้องตามสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบัน การบริหารจัดการในเรื่องของงบประมาณให้มีความยืดหยุ่นสูง รวมไปถึงการจัดทำโครงการที่จะต้องสามารถ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพข้อเท็จจริง โดยเฉพาะโครงการที่จะดำเนินการในปี พ.ศ. 2548 อย่างไรก็ ตามโครงการต่างๆ ที่จะดำเนินการมีข้อเสนอจากกลุ่มผู้นำชุมชนและเครือข่ายประชาชนว่าบางโครงการยังไม่ สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการต่าง ๆ จึงต้อง พิจารณาทบทวน และดำเนินการให้เกิดความชัดเจนและเหมาะสมด้วย นอกจากนี้ โดยที่อาจมีบางเรื่องที่มี หน่วยงานเกี่ยวข้องหลายหน่วยงานและแยกการดำเนินการออกเป็นหลายโครงการซึ่งในภาพรวมทำให้ได้รับ การจัดสรรงบประมาณเพื่อการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวไปเป็นจำนวนมากจนอาจเกินจำเป็น จึงให้สำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ กอ.สสส.จชต. ร่วมกันตรวจสอบและพิจารณา ดำเนินการให้เกิดความเหมาะสมเท่าที่จำเป็นด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 3932 | รายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง บริเวณหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี | มท | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่น
ละอองบริเวณหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี โดยในส่วนของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ดำเนิน การเฝ้าระวังมิให้มีการทำเหมืองผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 และจัดทำโครงการแก้ไข ปัญหาฝุ่นละอองบริเวณหน้าพระลานบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษของกระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่วนผลการปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองของจังหวัดสระบุรี ได้ดำเนิน การตรวจสอบดำเนินคดีเกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสั่งการโรงงานโม่ บด และย่อย หินระงับการเดินเครื่องจักรในส่วนที่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง และทำการปรับปรุงระบบป้องกันกำจัดฝุ่นละออง ในกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพเป็นเวลา 60 วัน จนถึงวันที่ 17 พฤษภาคม 2547 ได้สั่งให้โรงงาน ระงับการเดินเครื่องจักรแล้ว จำนวน 31 แห่ง และได้สั่งการให้โรงงานโม่ บด และย่อยหิน แก้ไขปรับปรุง ระบบ โดยเสนอแผนการจัดการฝุ่นละออง การจัดทำลานล้างล้อรถยนต์ การทำความสะอาดเครื่องจักร การทำแนวคันดินปลูกต้นไม้ ติดตั้งมาตรวัดปริมาณการใช้น้ำ ระงับปรับปรุงการใช้ถนนภายในโรงงาน ซึ่ง นับแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2547 ถึงวันที่ 17 พฤษภาคม 2547 ได้สั่งให้โรงงานแก้ไขปรับปรุงแล้ว รวม 27 แห่ง นอกจากนี้ ยังได้จัดทำแผนฟื้นฟูเหมืองหินรกร้างบริเวณหน้าพระลาน เพื่อนำไปประกอบการจัดทำ แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ จะดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2547 และดำเนินการ ตรวจสอบ ควบคุมการใช้วัตถุระเบิดในกิจการโม่ บด และย่อยหิน ของสถานประกอบการ โดยได้มีการแต่ง ตั้งคณะกรรมการควบคุมดูแลการใช้วัตถุระเบิด และให้นายทะเบียนท้องที่ตรวจสอบ ควบคุมปริมาณการ ใช้ การขนย้าย การเก็บรักษา ให้เป็นไปตามที่ทางราชการอนุญาตโดยเคร่งครัดทั้งต้นทางและปลายทาง (กรณีขนย้าย) ให้ถูกต้องตรงกัน และกำชับให้อำเภอท้องที่ ตรวจสอบ ควบคุมให้มีการระเบิดหินของ เหมืองหินต่าง ๆ ให้ตรงตามเวลาที่กำหนด (ในแต่ละวัน) เพื่อไม่ให้ราษฎรเดือดร้อน พร้อมกับได้กำหนด ให้อำเภอท้องที่จัดทำแผนการตรวจสอบการใช้วัตถุระเบิดสำหรับกิจการโรงโม่ บด และย่อยหิน ให้เป็นที่ ชัดเจน และสามารถตรวจสอบได้ และมีการตั้งด่านตรวจสภาพยานพาหนะและการขนส่งมิให้มีการทำ วัสดุร่วงหล่นและเกิดฝุ่นละอองบนพื้นถนน |
|||||||||||||||||||||
| 3933 | รายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม วงรอบ มีนาคม ถึง เมษายน 2547 | กห | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม
วงรอบ มีนาคม ถึง เมษายน 2547 ในส่วนของผลการดำเนินงานการทูตทางทหาร การจัดระเบียบชายแดน การเตรียมความพร้อมรบ การปรับปรุงโครงสร้างกองทัพ และการปฏิบัติการทางทหารที่มิใช่สงคราม |
|||||||||||||||||||||
| 3934 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้และวงเงินบาทสมทบโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการพัฒนา ฝีมือแรงงาน | รง | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอการเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้และวงเงินบาท
สมทบโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการพัฒนาฝีมือแรงงาน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2539 จากกรอบวงเงินกู้ 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นกรอบวงเงินกู้ 66.494 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกรอบวงเงินบาท สมทบ 73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นกรอบวงเงินบาทสมทบ 53.236 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอนุมัติตามความเห็น ของสำนักงบประมาณที่ให้กระทรวงแรงงานเบิกจ่ายเงินงบประมาณ จำนวน 1,184,909.45 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 47,396,378 บาท (ใช้อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 40 บาท) เพื่อชำระ หนี้ตามสัญญา โดยให้มีการเพิ่ม-ลดอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันชำระ ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงานปรับแผนการปฏิบัติ งานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 โดยปรับลดกิจกรรม/โครงการที่มีความจำเป็น ในลำดับต่ำหรือหมดความจำเป็น โดยชะลอ ปรับลดเป้าหมาย หรือยกเลิกการดำเนินงานเพื่อนำงบประมาณดัง กล่าวมาใช้จ่ายในการนี้เป็นลำดับแรก และหากดำเนินการปรับแผนแล้วยังมีงบประมาณไม่เพียงพอก็ให้กระทรวง แรงงานเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณในส่วนที่ยังขาดอยู่ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 3935 | 1.1 กระทู้ถามที่ 874 ร. เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของประเทศไทย 1.2 กระทู้ถามที่ 1017 ร. เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาการเมืองการปกครองท้องถิ่น 1.3 กระทู้ถามที่ 1334 ร. เรื่อง ลานกีฬาหมู่บ้าน 1.4 กระทู้ถามที่ 1339 ร. เรื่อง การแยกเก็บและกำจัดขยะเปียก ขยะแห้งเพื่อแก้ปัญหาโรคระบาดและกลิ่นเหม็นรบกวนประชาชน | สผ | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอคำตอบกระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทน
ราษฎร รวม 4 เรื่อง ได้แก่ คำตอบกระทู้ถามที่ 874 ร. เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นของประเทศไทย คำตอบกระทู้ถามที่ 1017 ร. เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาการเมืองการปกครองท้องถิ่น คำตอบกระทู้ถามที่ 1334 ร. เรื่อง ลานกีฬาหมู่บ้าน และคำตอบกระทู้ถามที่ 1339 ร. เรื่อง การแยกเก็บและ กำจัดขยะเปียก ขยะแห้งเพื่อแก้ปัญหาโรคระบาดและกลิ่นเหม็นรบกวนประชาชน และให้ประกาศในราชกิจจา นุเบกษาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 3936 | กระทู้ถามนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีเห็นชอบคำตอบแล้ว จำนวน 4 เรื่อง 2.1 กระทู้ถามที่ 1096 ร. เรื่อง การส่งเสริมการท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร 2.2 กระทู้ถามที่ 1239 ร. เรื่อง การเพาะพันธุ์กล้าไม้ยางพารา 2.3 กระทู้ถามที่ 1313 ร. เรื่อง การปรับปรุงถนนสายสุพรรณบุรี - สิงห์บุรี - บ้านหมี่ - โคกสำโรง - ม่วงค่อม - ลำนารายณ์ - ลำสนธิ - เทพสถิต - บ้านเพชร - หนองบัวโคก - โนนไทย - นครราชสีมา 2.4 กระทู้ถามที่ 1320 ร. เรื่อง ปัญหารถแท็กซี่ที่ไม่มีผู้โดยสาร | สผ | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามของสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎร รวม 4 เรื่อง ได้แก่ คำตอบกระทู้ถามที่ 1096 ร. เรื่อง การส่งเสริมการท่องเที่ยวในกรุง เทพมหานคร คำตอบกระทู้ถามที่ 1239 ร. เรื่อง การเพาะพันธุ์กล้าไม้ยางพารา คำตอบกระทู้ถามที่ 1313 ร. เรื่อง การปรับปรุงถนนสายสุพรรณบุรี-สิงห์บุรี-บ้านหมี่-โคกสำโรง-ม่วงค่อม-ลำนารายณ์-ลำสนธิ-เทพ สถิต-บ้านเพชร-หนองบัวโคก-โนนไทย-นครราชสีมา และคำตอบกระทู้ถามที่ 1320 ร. เรื่อง ปัญหารถแท็กซี่ ที่ไม่มีผู้โดยสาร และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 3937 | ร่างพระราชบัญญัติหอพัก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติหอพัก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่ประธานกรรมการการ
กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ เพื่อแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ 2507 เพื่อ กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ในการจัดการหอพักในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น โดยที่พระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. 2507 ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน บทบัญญัติหลายส่วนล้าสมัยและไม่สอด คล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น เมื่อจะแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติในประเด็นตามที่ เสนอมานี้ สมควรจะได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติทั้งฉบับเสียในคราวเดียวกัน จึงมอบให้กระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับร่างพระราชบัญญัติหอพัก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาดำเนินการ โดย รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วย ดังนี้ คำนิยาม "หอพัก" ตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันไม่ ชัดเจนและมีปัญหาในทางปฏิบัติมาก สมควรพิจารณาปรับปรุงให้เกิดความชัดเจนและสอดคล้องกับสภาพสังคม ในปัจจุบันด้วย ทั้งนี้ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้น ตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่ แถลงไว้ต่อรัฐสภา จึงสมควรต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน
|
|||||||||||||||||||||
| 3938 | รายงานผลการตรวจราชการ (จังหวัดอุบลราชธานี) | มท | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดอุบล
ราชธานีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2547 ซึ่งการตรวจราชการดังกล่าวได้มี การประชุมเน้นย้ำนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยในเรื่อง การบริหารจังหวัดแบบบูรณาการ เพื่อการพัฒนา เศรษฐกิจชายแดนประเทศไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว การแก้ไขปัญหาสังคม และความยากจนเชิงบูรณาการ การแก้ไขปัญหายาเสพติด และมาตรการประหยัดพลังงาน ให้แก่ผู้ว่าราชการ จังหวัดและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี อำนาจเจริญ และ มุกดาหาร พร้อมกับปฏิบัติภารกิจตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวและรับทราบปัญหาความ ต้องการของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งต้องการจะให้ยกฐานะกิ่งอำเภอนาตาลขึ้นเป็นอำเภอเพื่อรองรับการ ค้าตามแนวชายแดน และการปรับปรุงสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ให้มีความพร้อมที่จะสนับสนุนการพัฒนา ทางเศรษฐกิจในอนาคต |
|||||||||||||||||||||
| 3939 | การแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่า | นร | 08/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่าใน
เขตพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำไร่เลื่อนลอยและทำสวนส้ม ซึ่งการบุกรุกทำลายป่าน่าจะมีนาย ทุนเข้าไปดำเนินการหรือส่งเสริมสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายประมวล รุจนเสรี) ซึ่งได้รับ มอบหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2547 ให้เป็นผู้รับผิดชอบในการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ อำเภออมก๋อย อย่างเป็นระบบ เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาและการดำเนินการกับนายทุนและตัวการ หรือผู้สนับสนุนอย่างจริงจังและเฉียบขาด โดยให้เชิญกระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) กระทรวงการ คลัง (กรมสรรพากร) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงาน อื่นที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย โดยควรพิจารณาถึงการขยายความผิดมูลฐานตามกฎหมายป้องกันและปราบปราม การฟอกเงินให้ครอบคลุมถึงความผิดทางด้านสิ่งแวดล้อมด้วย อนึ่ง ในชั้นนี้อาจใช้มาตรการตรวจสอบทางด้าน ภาษีของกรมสรรพากรเข้าไปดำเนินการกับนายทุนและตัวการที่อยู่เบื้องหลังก่อน |
|||||||||||||||||||||
| 3940 | การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมาธิการ/คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน | กต | 08/06/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมา
ธิการ/คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีปลัดกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทน เป็นรองประธาน ฯ ทุกคณะ ดังนี้ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย/กัมพูชา (ฝ่ายไทย) ให้มีปลัดกระทรวง การต่างประเทศ หรือผู้แทน เป็นรองประธาน ฯ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-ลาว (ฝ่ายไทย) ให้ปรับ ปรุงจากปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นรองประธาน ฯ เป็นปลัดกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทน เป็น รองประธาน ฯ และคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-พม่า (ฝ่ายไทย) ให้มีปลัดกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ แทน เป็นรองประธาน ฯ |
|||||||||||||||||||||
.....
