ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 66 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 1301 - 1320 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1301 | การดำเนินการตามมติคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช | กษ | 04/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ รวม ๗ เรื่อง ได้แก่ (๑) การเปิดตลาดและการบริหารการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒ (๒) การเปิดตลาดและการบริหารการนำเข้าน้ำมันถั่วเหลือง มะพร้าว เนื้อมะพร้าวแห้ง และน้ำมันมะพร้าว ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒ (๓) การกำหนดมาตรการการนำเข้ารวมถึงอัตราอากร สำหรับกากถั่วเหลืองที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเพื่อมนุษย์บริโภค และเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ (๔) แนวทางการจัดการเมล็ดถั่วเหลืองนำเข้า (๕) การกำหนดชื่อสินค้ามะพร้าวและมะพร้าวฝอย น้ำมันมะพร้าว น้ำมันถั่วเหลืองและเมล็ดถั่วเหลืองให้เป็นไปตามบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๑๑๑) พ.ศ. ๒๕๓๙ (๖) หลักเกณฑ์การจัดสรรโควตาสินค้าเกษตรตามพันธกรณีความตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) สำหรับสินค้า ๓ รายการ คือ น้ำมันมะพร้าว เนื้อมะพร้าวแห้ง และมะพร้าวและมะพร้าวฝอย และ (๗) ยุทธศาสตร์ถั่วเหลืองและยุทธศาสตร์มะพร้าว ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ประธานกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเสนอ ๒. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ดังนี้ ๒.๑ ให้เปิดตลาดนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองภายใต้กรอบ WTO คราวละ ๓ ปี (ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒) ไม่จำกัดปริมาณ อัตราภาษีนำเข้าร้อยละ ๐ โดยมีการบริหารการนำเข้าปีต่อปี และให้เปิดตลาดนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองภายใต้กรอบการค้าอื่น ได้แก่ AFTA FTA และ ACMECS ให้เป็นไปตามข้อผูกพัน และให้มีการบริหารการนำเข้าเช่นเดียวกับกรอบ WTO โดยคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเป็นผู้กำหนดแนวทางและมาตรการบริหารการนำเข้า ๒.๒ ให้เปิดตลาดนำเข้าน้ำมันถั่วเหลือง มะพร้าว เนื้อมะพร้าวแห้ง และน้ำมันมะพร้าว คราวละ ๓ ปี (ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒) ภายใต้กรอบ WTO สำหรับกรอบการค้าอื่น ได้แก่ AFTA และ FTA ให้เป็นไปตามข้อผูกพัน และมีการบริหารการนำเข้าปีต่อปี โดยคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเป็นผู้กำหนดแนวทางและมาตรการบริหารการนำเข้า ๓. รับทราบการชี้แจงเพิ่มเติมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช และความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ในประเด็นคำว่า “เปิดตลาดเสรีนำเข้า...” ต้องเป็นการดำเนินมาตรการตามมติคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชทุกประการตามที่ได้ปรับแก้ไขเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๙ และประเด็นเพิ่มเติมที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเกี่ยวกับการลักลอบการนำเข้าสินค้ามะพร้าวและการดำเนินโครงการเกษตรแปลงใหญ่สินค้าเมล็ดถั่วเหลือง ๔. ให้คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกำกับ ติดตาม และบริหารการนำเข้าพืชน้ำมันและน้ำมันพืชดังกล่าวข้างต้นอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันและกวดขันจับกุมการลักลอบนำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศเพื่อนบ้านและการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในประเทศตามราคาที่กำหนด เพื่อไม่ให้เกษตรกรในประเทศได้รับผลกระทบจากการเปิดตลาดนำเข้าภายใต้กรอบความตกลงต่าง ๆ ๕. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดจัดทำแผนการผลิต เพาะปลูกเมล็ดถั่วเหลืองเพิ่มเติม โดยเฉพาะการดำเนินโครงการเกษตรแปลงใหญ่ที่สามารถผลิตเมล็ดถั่วเหลืองให้มีคุณภาพและปลอดจาก GMOs เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองจากต่างประเทศ ๖. ให้คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณากำหนดให้ผู้มีสิทธินำเข้ารับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองที่ผลิตได้ภายในประเทศทั้งหมด และควรพิจารณาเพิ่มเติมบทบาทของผู้นำเข้า นอกเหนือจากการรับซื้อผลผลิตให้มีส่วนร่วมในการยกระดับประสิทธิภาพการผลิตด้วย นอกจากนี้ ควรกำหนดแนวทางและมาตรการในการป้องกันปัญหาการลักลอบนำเข้า และปัญหาโรคและแมลงที่ติดมากับผลผลิตที่นำเข้า รวมทั้งควรเร่งวิจัยและพัฒนาพันธุ์ถั่วเหลืองและมะพร้าวเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1302 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2559 ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 | กค | 04/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ และวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ประกอบด้วย หนี้รัฐบาล หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ มียอดหนี้สาธารณะคงค้าง ๖,๐๑๓,๖๔๙.๘๖ ล้านบาท และ ๕,๙๘๘,๓๘๖.๕๓ ล้านบาท ตามลำดับ ๒. ผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ โดยได้มีการปรับปรุงแผนฯ แล้ว ๓ ครั้ง มีวงเงินรวมในแผนฯ ๑,๕๔๕,๖๐๐.๐๔ ล้านบาท ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ กระทรวงการคลังและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๑,๓๔๓,๐๘๕.๒๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๙๐ ของแผนฯ ๓. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการลงทุนตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ของรัฐวิสาหกิจ คือ การกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการ โดยจากการติดตามผลการดำเนินโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๖ แห่ง พบว่า มีรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๓ แห่ง ที่มีการดำเนินโครงการล่าช้ากว่าแผนฯ ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย และการเคหะแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1303 | การขอรับจัดสรรงบเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการของมูลนิธิยุวทูตความดีในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี | กต | 04/01/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ในลักษณะของงบเงินอุดหนุน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานและโครงการต่าง ๆ ของมูลนิธิยุวทูตความดีในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้ถูกต้องครบถ้วนและสอดคล้องกับภารกิจเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานระยะ ๕ ปี ที่ครอบคลุมทั้งโครงการ/กิจกรรม และงบประมาณ ซึ่งสอดรับกับช่วงเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ รวมทั้งมีการติดตามผลความสำเร็จของการดำเนินงานเพื่อรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1304 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเกาะแตน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... | มท | 27/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเกาะแตน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มเติมมาตรการห้ามสร้างโรงงานอุตสาหกรรมในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้และในที่ดินประเภทที่โล่งเพื่อนันทนาการและการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมกรณีเอกชนเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย การกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเภท เมื่อมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละบริเวณแล้ว ควรจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมือง การกำหนดการใช้ประโยชนที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำ และแหล่งศิลปกรรม รวมทั้งตามที่ระบุในร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๔ ถึงมาตรการและวิธีการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของผังเมืองรวมฉบับนี้ว่า “(๑) กำหนดพื้นที่และสนับสนุนให้มีการอนุรักษ์และส่งเสริมชุมชนดั้งเดิม และชุมชนการท่องเที่ยวที่สำคัญ” “(๔) อนุรักษ์และสงวนรักษาพื้นที่สำคัญทางศาสนา วัฒนธรรม ประเพณีและพื้นที่ใช้ประโยชน์ร่วมอื่น ๆ” เมื่อพิจารณาจากข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละประเภทแล้ว ยังไม่ปรากฏถึงมาตรการและวิธีการ ในเนื้อหาของร่างกฎกระทรวงฯ ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ เห็นควรให้ผู้ที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุดโดยคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนและปริมาณการใช้น้ำในพื้นที่ การใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงาน และเห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามผังเมืองอย่างเข้มงวด เพื่อสงวนรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศให้มีคุณภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1305 | ผลการประชุมหารือร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ กรอ. ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 เมื่อวันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2559 | นร11 | 20/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมหารือร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน (เชียงราย น่าน พะเยา แพร่) เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญเกี่ยวกับ (๑) การเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยว สปป.ลาว จีน ผ่านเส้นทาง R3A (๒) การติดตามความคืบหน้าการพัฒนาด่านชายแดนสากลห้วยโก๋น อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน (๓) การยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าด่านบ้านฮวก อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร (๔) การขอให้สนับสนุนงบประมาณในการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ๒ (๕) การขอให้เร่งรัดโครงการขยายทางหลวงหมายเลข ๑๐๓ (อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่-อำเภองาว จังหวัดลำปาง) (๖) การดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และ (๗) การขอให้สนับสนุนโครงการก่อสร้างและปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตรจังหวัดแพร่ ๑.๒ เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนงานให้สอดคล้องกับงบประมาณ และดำเนินการตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผนงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนงานให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับและเร่งรัดดำเนินการตามแผนงานให้แล้วเสร็จและเกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็วภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยแผนงานใดสามารถแบ่งเป็นระยะหรือจัดลำดับกิจกรรมในการดำเนินการได้ ให้เร่งดำเนินการในส่วนที่สามารถปฏิบัติได้ก่อน เพื่อให้เกิดประโยชน์และมีผลสัมฤทธิ์เป็นระยะ ๆ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ได้รับการจัดสรรงบประมาณทั้งหมด ๓. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้ ๓.๑ การเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยว ไทย ลาว จีน ผ่านเส้นทาง R3A ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปดำเนินการในส่วนที่สอดคล้องกับภารกิจของกระทรวงฯ สำหรับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางกายภาพ เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของพื้นที่รับผิดชอบจัดทำรายละเอียดโครงการ แบบรูปรายการ ประมาณการราคาค่าก่อสร้าง และรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๓.๒ การยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าด่านบ้านฮวก อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร กรณีการก่อสร้างและขยายถนน ให้กระทรวงคมนาคมจัดทำรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการราคาค่าก่อสร้าง พร้อมทั้งขออนุญาตใช้พื้นที่ให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนที่สอดคล้องกับเงื่อนเวลาต่อไป ๓.๓ การขอให้สนับสนุนงบประมาณในการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ๒ ให้นำการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ๒ ไปดำเนินการร่วมกับการจัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ฟู้ดวัลเล่ย์ เพื่อให้มีความสอดคล้องและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ๓.๔ การเร่งรัดขยายทางหลวงหมายเลข ๑๐๓ (อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่-อำเภองาว จังหวัดลำปาง) ให้กรมทางหลวงเร่งรัดดำเนินการออกแบบให้แล้วเสร็จและจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๓.๕ การขอให้สนับสนุนโครงการก่อสร้างและปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค และการเกษตรจังหวัดแพร่ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบรายละเอียดกับการดำเนินงานภายใต้แผนบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับเรื่องการยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าด่านบ้านฮวก อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1306 | การขออนุมัติใช้เงินงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการตามแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพิ่มเติม ปี 2559 | ทส | 20/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการให้ใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๔๙๙.๑๖๒๙ ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการตามแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพิ่มเติม ปี ๒๕๕๙ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนให้แก่เกษตรกร ของกรมทรัพยากรน้ำ จำนวน ๕๐ รายการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาเร่งด่วนให้แก่เกษตรกรให้แล้วเสร็จทันฤดูฝนในปี ๒๕๖๐ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์กับราษฎรที่ประสบความเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้งและอุทกภัย และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดจากการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1307 | รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการตามโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | มท | 20/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการตามโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ระหว่างวันที่ ๑ พฤศจิกายน-๒ ธันวาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ผลความคืบหน้าการดำเนินการ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้แก่จังหวัดโดยให้ที่ทำการปกครองจังหวัดเป็นหน่วยเบิกจ่ายให้แก่หมู่บ้าน ๆ ละ ๒๕๐,๐๐๐ บาท งบประมาณทั้งสิ้น ๑๘,๖๖๓,๗๕๐,๐๐๐ บาท และให้แก่กรมการปกครองสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการให้แก่ส่วนกลาง จังหวัด อำเภอ และหมู่บ้าน ใช้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการแล้ว งบประมาณทั้งสิ้น ๙๖,๒๕๐,๐๐๐ บาท ๒. กระทรวงมหาดไทยได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินงานตามโครงการให้เป็นไปตามนโยบาย หลักเกณฑ์ และวัตถุประสงค์ของโครงการ รวมถึงแจ้งผู้ตรวจราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยในการตรวจติดตามการดำเนินโครงการ และแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อขอความร่วมมือหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ และหัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในระดับจังหวัดทุกหน่วยที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ร่วมเป็นคณะทำงานติดตามผลการดำเนินงานตามโครงการของหมู่บ้าน ๓. ผลการดำเนินการ ข้อมูล ณ วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๙ ได้แก่ หมู่บ้านดำเนินการจัดการประชุมประชาคมเพื่อเสนอโครงการของหมู่บ้าน จำนวน ๗๔,๖๕๕ หมู่บ้าน โครงการที่ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบโดยคณะกรรมการบริหารงานอำเภอและหน่วยงานในพื้นที่ และผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว จำนวน ๘๒,๒๗๐ โครงการ และโครงการที่ได้รับความเห็นชอบจากกองจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ ๑-๑๘ (พิจารณาโครงการแล้ว ๔๔ จังหวัด จาก ๗๖ จังหวัด) จำนวน ๔๘,๘๖๓ โครงการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1308 | การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง ครั้งที่ 2 | กต | 20/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างเอกสารผลลัพธ์ จำนวน ๓ ฉบับ ที่จะมีการรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๙ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ได้แก่ ๑.๑.๑ ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๒ (Joint Press Communique of the Second Lancang-Mekong Cooperation Foreign Ministers’ Meeting) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองเพื่อสะท้อนการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และความคิดเห็นของที่ประชุมฯ ต่อการดำเนินการตามผลลัพธ์การประชุมผู้นำฯ ครั้งที่ ๑ ในการก่อตั้งกรอบและกลไกความร่วมมือที่ครอบคลุมใน ๕ สาขาที่สำคัญเป็นลำดับต้น ได้แก่ (๑) ความเชื่อมโยง (๒) ศักยภาพในการผลิต (๓) ความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดน (๔) ทรัพยากรน้ำ และ (๕) การเกษตรและการลดความยากจน รวมทั้งการดำเนินโครงการเร่งด่วนผ่านคณะทำงานรายสาขาอย่างสอดคล้องกับหลักการในภาพรวม ตลอดจนส่งเสริมเติมเต็มกลไกความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอื่น ๆ ที่มีอยู่แล้ว ๑.๑.๒ ร่างเอกสารหลักการในภาพรวมสำหรับการจัดตั้งคณะทำงานในสาขาที่สำคัญเป็นลำดับต้น (General Principles for the Establishment of the Joint Working Groups on the LMC Key Priority Areas) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การจัดตั้งคณะทำงานในสาขาต่าง ๆ เป็นไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกับผลการประชุมผู้นำฯ ครั้งที่ ๑ โดยระบุถึงองค์ประกอบคณะทำงาน ขอบเขตความร่วมมือ รูปแบบการประชุมโดยใช้ระบบประธานร่วม และการรายงานความคืบหน้าการดำเนินงาน เป็นต้น ๑.๑.๓ ร่างตารางติดตามความคืบหน้าของผลลัพธ์การประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๑ (Matrix of Follow-ups to the Outcomes of the Fist LMC Leaders’ Meeting) มีสาระสำคัญเป็นการระบุถึงพัฒนาการของการก่อตั้งกลไกกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง รวมทั้งความคืบหน้าและสถานะล่าสุดในการดำเนินการของคณะทำงานสาขาที่สำคัญเป็นลำดับต้น และโครงการเร่งด่วนที่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้นำฯ ครั้งที่ ๑ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๒ เป็นผู้ร่วมให้การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์ทั้ง ๓ ฉบับดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ทั้ง ๓ ฉบับดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1309 | ขอปรับเพิ่มเงินลงทุน (Cost Overrun) โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก ระยะที่ 2 (น้ำหมันและน้ำสาน) จังหวัดเลย | มท | 13/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินการปรับเพิ่มเงินลงทุน (Cost Overrun) สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาดเล็ก ระยะที่ ๒ (น้ำหมันและน้ำสาน) จังหวัดเลย ในวงเงินสัดส่วนเงินกู้ต่างประเทศเพิ่มขึ้น ๑,๐๑๑,๐๓๗.๙๙ ปอนด์สเตอร์ลิง (อยู่ภายใต้กรอบวงเงินกู้รวมเท่าเดิม คือ ๑๕,๐๑๙,๔๙๐ ปอนด์สเตอร์ลิง) และส่วนเงินบาทสมทบจากรายได้ กฟภ. เพิ่มขึ้น ๒๑๒,๔๗๘,๖๙๐.๐๓ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลการลงทุนของ กฟภ. โดยเฉพาะการลงทุนโครงการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้ง กฟภ. ควรจัดเตรียมโครงการอย่างรอบคอบและจัดทำระบบติดตามการดำเนินโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ เพื่อลดความเสี่ยงในการปรับเพิ่มขึ้นของต้นทุนโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1310 | การแลกเปลี่ยนหนังสือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์และเลขาธิการอาเซียนสำหรับโครงการ Annual DiplomaticTraining for Diplomats from ASEAN Member States and ASEAN Secretariat Officers 2016 - 2019 | กต | 13/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับแก้ร่างหนังสือของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์และร่างหนังสือของเลขาธิการอาเซียน สำหรับโครงการ Annual Diplomatic Training for Diplomats from ASEAN Member States and ASEAN Secretariat Officers 2016-2019 ซึ่งบรูไนดารุสซาลามและเนเธอร์แลนด์ได้เสนอปรับแก้ร่างหนังสือฯ ทั้ง ๒ ฉบับ โดยเป็นการปรับถ้อยคำและไวยากรณ์เพื่อให้มีความถูกต้องและชัดเจนมากขึ้น และไม่กระทบสาระสำคัญของร่างหนังสือและไม่กระทบต่อผลประโยชน์ของไทย นอกจากนี้ ร่างหนังสือของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ยังได้ตัดข้อ ๕ (เดิม) ที่ระบุว่า ข้อตกลงของโครงการฯ จะสิ้นสุดลงหากไม่มีการดำเนินโครงการฯ ภายใน ๔ ปี นับจากปีที่ลงนาม ซึ่งการปรับแก้นี้ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินโครงการฯ หลังจากที่มีการลงนามแล้วด้วย ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์และเลขาธิการอาเซียนได้แลกเปลี่ยนหนังสือระหว่างกันสำหรับโครงการฯ แล้วเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ ในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน-สหภาพยุโรป ครั้งที่ ๒๑ ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1311 | โครงการก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. 3275 เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร | กค | 13/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. ๓๒๗๕ โฉนดเลขที่ ๓๓๔๖ แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้ปรัชญาแห่ง “ศาสตร์พระราชา” และความร่วมมือในรูปแบบประชารัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโครงการก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานครตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมถึงระมัดระวังไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ด้วย ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เพื่อความรอบคอบและประสิทธิภาพของการใช้ที่ราชพัสดุซึ่งเป็นทรัพย์สินของรัฐในการดำเนินโครงการ เห็นควรปฏิบัติตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจกรณีการร่วมลงทุนกับเอกชนในโครงการซึ่งมีมูลค่าตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ที่ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ และเห็นควรศึกษาวิเคราะห์โครงการและจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานที่แสดงแหล่งทุนที่เหมาะสม แผนการจัดหาและบริหารรายได้ที่ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1312 | ร่างแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) | สธ | 07/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติร่างแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) เร่งการเสริมสร้างสุขภาพคนไทยเชิงรุก (๒) สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในระบบบริการสุขภาพ (๓) พัฒนาและสร้างกลไกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกำลังคนด้านสุขภาพ และ (๔) พัฒนาและสร้างความเข้มแข็งในการอภิบาลระบบสุขภาพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ อาทิ ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเพื่อการดังกล่าวจะต้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณและรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุมร่างแผนฯ โดยคำนึงถึงขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้พิจารณาดำเนินการภายในวงเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว การพิจารณาเพิ่มตัวชี้วัดและเพิ่มเติมรายละเอียดตัวชี้วัดบางประการของยุทธศาสตร์ที่ ๔ การให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมโยงการดำเนินงานกับกลไกการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพระดับพื้นที่ เพื่อให้เกิดการดำเนินงานที่เป็นเอกภาพและสอดคล้องกับบริบทการพัฒนาในแต่ละพื้นที่ และการนำสาระสำคัญของธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาประกอบในขั้นตอนการจัดทำแผนรองรับการปฏิบัติงาน ตามร่างแผนฯ ต่อไป และความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขควรพิจารณาปรับปรุงร่างแผนฯ ให้ครอบคลุมแผน/ยุทธศาสตร์ด้านอื่น ๆ ที่กระทรวงสาธารณสุขเคยเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบมาแล้ว และที่จะเสนอเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินโครงการภายใต้แผน/ยุทธศาสตร์นั้น ๆ รวมทั้งการจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในการดำเนินการไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขคำนึงถึงความคุ้มค่าและการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายและเกิดประโยชน์สูงสุดด้วย ๓. เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้แผนฯ ดังกล่าวเป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงานการพัฒนาด้านสุขภาพของประเทศตามห้วงระยะเวลาของแผนฯ และให้กระทรวงสาธารณสุขขอความร่วมมือภาคีเครือข่ายด้านสาธารณสุขในการดำเนินการต่อไป ๔. เมื่อแผนยุทธศาสตร์ชาติประกาศใช้แล้ว ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับปรุงแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๕. ในการจัดทำแผนหรือยุทธศาสตร์ของกระทรวงสาธารณสุขในโอกาสต่อไป ให้กระทรวงสาธารณสุขนำแผนหรือยุทธศาสตร์ของหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีการดำเนินโครงการในลักษณะที่คล้ายคลึงกันมาประกอบการพิจารณาด้วย เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการและลดภาระงบประมาณต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1313 | การติดตามการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน ปีงบประมาณ 2560 | ตผ | 07/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบเรื่อง การติดตามการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการที่รัฐบาลให้ความสำคัญและมีการใช้งบประมาณที่สูง เช่น โครงการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล การสนับสนุนเรื่องไทยแลนด์ ๔.๐ การฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับฐานรากตามแนวทางประชารัฐ เป็นต้น ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางในการกำกับดูแลการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินในความรับผิดชอบให้ถูกต้อง โปร่งใส และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1314 | การสนับสนุนเงินสำหรับกองทุนเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งอาเซียน ครั้งที่ 2 | ดท | 07/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทย โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมสนับสนุนงบประมาณสำหรับกองทุนเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งอาเซียน (ASEAN ICT Fund) ครั้งที่ ๒ จำนวน ๕ แสนดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งจ่ายเป็นระยะ ๕ ปี ปีละ ๑ แสนดอลลาร์สหรัฐ เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ควรมีการติดตามผลการดำเนินงานและประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการของ ASEAN ICT Fund ในรอบที่ ๑ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการกองทุนและการพิจารณาโครงการที่จะดำเนินการในระยะต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรมีการประเมินและเผยแพร่ผลการดำเนินงานของแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ASEAN ICT Masterplan) โครงการต่าง ๆ ที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก ASEAN ICT Fund เป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1315 | ขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2523 ในกรณีจังหวัดอุตรดิตถ์ขอใช้พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าน้ำปาด เพื่อก่อสร้างตลาด การค้าชายแดน ณ ช่องภูดู่ ท้องที่จังหวัดอุตรดิตถ์ | ทส | 07/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๒๓ (เรื่อง การเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย โดยให้จังหวัดอุตรดิตถ์ใช้พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าน้ำปาด เพื่อก่อสร้างตลาดการค้าชายแดน ณ ช่องภูดู่ และปรับปรุงถนนสายบ้านม่วงเจ็ดต้น-ด่านภูดู่ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดจำนวนพื้นที่ที่ต้องการขอผ่อนผันเท่าที่จำเป็นให้ชัดเจน ส่วนพื้นที่ที่เหลือให้กำหนดเป็นพื้นที่ป่าและมีการปลูกป่าทดแทนต่อไป และพิจารณาหาแนวทาง มาตรการในการป้องกันการละเมิดกฎหมายการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ของหน่วยงานรัฐก่อนได้รับอนุญาตในอนาคตที่เหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ ในการดำเนินการโครงการต่อไปนั้น ควรจะดำเนินการให้ถูกต้องเหมาะสม โดยให้ดำเนินการตามเงื่อนไขและขั้นตอนที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และยึดหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้มีโอกาสเสนอความเห็นและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการดำเนินโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้) พิจารณาดำเนินการ ๒.๑ เร่งรัดการตรวจสอบการเข้าใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทั้งหมดที่ยังมิได้ขออนุมัติการเข้าใช้พื้นที่ให้ครบถ้วนทุกกรณีในภาพรวมของทั้งประเทศ และประสานกับส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดังกล่าวเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนและเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.๒ ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และขั้นตอนปฏิบัติที่เกี่ยวข้องในการขออนุมัติใช้พื้นที่ป่าไม้ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้มีความคล่องตัว สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น ๒.๓ กำกับให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับภารกิจในความรับผิดชอบอย่างเคร่งครัดเพื่อให้การดูแลและบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งป่าไม้ทุกประเภทให้เป็นไปอย่างยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ของรัฐบาล เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดเข้าใช้ประโยชน์ภายในพื้นที่ป่าไม้ทุกประเภทก่อนได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1316 | การดำเนินการขับเคลื่อนดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม | ดท | 07/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ผลการประชุมคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในการประชุม ครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ซึ่งเห็นชอบในหลักการต่อ (ร่าง) แผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนารายยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และผลการดำเนินการ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ๑.๒ แนวทางการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยมอบหมายให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านโครงข่ายโทรคมนาคมเป็นผู้ดำเนินการ ในลักษณะการเบิกจ่ายงบประมาณแทนกัน ตามที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ ทรัพย์สินที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการของหน่วยงานที่รับผิดชอบจากการเบิกจ่ายเงินงบประมาณแทนกัน ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง ๑.๓ ให้ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการกิจกรรมการขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการกิจกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) ๑.๔ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุม ๒๔,๗๐๐ หมู่บ้าน โดยใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติดำเนินการในหมู่บ้านที่เหลือเพิ่มเติมอีก จำนวน ๑๕,๗๓๒ หมู่บ้าน โดยใช้งบประมาณโครงการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (USO) ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและที่กำหนดไว้ใน (ร่าง) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๙ ฉบับลงประชามติ มาตรา ๕๖ ที่กำหนดให้ “โครงสร้างหรือโครงข่ายขั้นพื้นฐานของกิจการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของรัฐอันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน หรือเพื่อความมั่นคงของรัฐ รัฐจะกระทำด้วยประการใดให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชน หรือทำให้รัฐเป็นเจ้าของน้อยกว่าร้อยละห้าสิบเอ็ดมิได้” ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ๒.๑ กำกับดูแลและดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน โปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนอย่างเคร่งครัด เช่น การนำเสนอโครงการฯ ต่อคณะกรรมการทีโอทีและคณะกรรมการ กสท. การดำเนินการตามขั้นตอนของการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) (ถ้ามี) เป็นต้น ทั้งนี้ ให้โครงการสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๙ ๒.๒ จัดทำแผนการบริหารจัดการทรัพย์สินหรือโครงข่ายทั้งในระหว่างการดำเนินโครงการและภายหลังการดำเนินโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนการดูแล บำรุงรักษา และซ่อมแซมอุปกรณ์โครงข่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.๓ ประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการฯ ภายหลังจากการติดตั้งแล้วเสร็จ โดยเฉพาะในเรื่องของความสามารถในการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในแต่ละพื้นที่เป้าหมาย เพื่อให้การดำเนินการเกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริงตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ และเกิดความคุ้มค่ากับงบประมาณที่ใช้ไปในการดำเนินโครงการฯ ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ อาทิ ควรจัดทำแผนการดำเนินงานเป็นรายหมู่บ้านให้ชัดเจนเพื่อให้การดำเนินโครงการเกิดประโยชน์ คุ้มค่า และไม่ซ้ำซ้อนในพื้นที่ดำเนินการ ควรเร่งดำเนินการแก้ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการ ควรมีการบริหารความเสี่ยงเพื่อรองรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในระยะต่อไปควรจะดำเนินการในทุกมิติ โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากร ระบบ กฎระเบียบ และสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง การมอบหมายผู้ดำเนินการควรพิจารณากำหนดกลไกในการดูแลความทั่วถึงของการบริการและติดตามผลการดำเนินงานในการเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการ มีการรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบและสร้างการรับรู้ถึงประโยชน์ของการดำเนินโครงการที่ประชาชนจะได้รับในโอกาสแรก นอกจากนี้ ควรต้องจัดเตรียมโครงสร้างการบริหารจัดการทั้งในด้านการกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามเป้าหมายและการตรวจรับผลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ ควรกำหนดแนวทางการบริหารจัดการการให้บริการที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการให้บริการและไม่ส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณแผ่นดินในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ในส่วนความเห็นบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นวิธีการปฏิบัติ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับไปพิจารณาหารือกับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1317 | โครงการจัดหารถจักรยานยนต์งานสายตรวจ ขนาด 250 ซีซี พร้อมอุปกรณ์ (ทดแทน) จำนวน 15,015 คัน | ตช | 07/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการจัดหารถจักรยานยนต์งานสายตรวจ ขนาด ๒๕๐ ซีซี พร้อมอุปกรณ์ จำนวน ๑๕,๐๑๕ คัน วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒,๒๒๙,๙๖๗,๗๔๐ บาท ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1318 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการกระชับความร่วมมือ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565 | คค | 07/12/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการกระชับความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ มีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันความร่วมมือที่จะดำเนินโครงการรถไฟเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา และนครราชสีมา-หนองคาย โดยจะพยายามเริ่มการก่อสร้างโครงการรถไฟเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ในต้นปี ๒๕๖๐ และจะเตรียมรายละเอียดของงานสำหรับโครงการรถไฟเส้นทางนครราชสีมา-หนองคาย อย่างต่อเนื่องในลำดับต่อไป ทั้งนี้ จะมีการลงนามร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ในวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เพื่อให้การดำเนินโครงการรถไฟช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา เป็นไปตามแผนดำเนินงานที่กำหนดไว้ในผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๑๖ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน-๒ ธันวาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพมหานคร เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1319 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง พ.ศ. .... | มท | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลองครักษ์ ตำบลบางระกำ ตำบลบางเจ้าฉ่า ตำบลหนองแม่ไก่ ตำบลโคกพุทรา ตำบลรำมะสัก ตำบลทางพระ ตำบลคำหยาด ตำบลยางซ้าย ตำบลอ่างแก้ว ตำบลอินทประมูล ตำบลบางพลับ ตำบลสามง่าม ตำบลบ่อแร่ และตำบลโพธิ์รังนก อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรมีการตรวจสอบรายละเอียดแผนที่ท้ายกฎกระทรวงฯ โดยในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินควรกำหนดแนวเขตปฏิรูปที่ดิน พร้อมทั้งสัญลักษณ์สีแสดงการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไว้ในร่างกฎกระทรวงฯ และให้โบราณสถานทุกแห่งที่ตั้งอยู่ในเขตที่กำหนดตามร่างกฎกระทรวงฯ เป็นพื้นที่ดินเพื่อส่งเสริมเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมไทย นอกจากนี้ เห็นควรให้เพิ่มประเภทและขนาดโรงงานในร่างกฎกระทรวงฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ และแหล่งศิลปกรรม และการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเภท เมื่อมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละบริเวณแล้ว ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการแก้ไขปรับปรุงของแต่ละเมือง ตลอดจนการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงาน ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ นอกจากนี้ เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับ ดูแล และอนุมัติการใช้ประโยชนที่ดินอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและป้องกันผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1320 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยโสธร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยโสธร พ.ศ. 2555) | มท | 29/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยโสธร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยโสธร พ.ศ. ๒๕๕๕) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรมไม่ควรที่จะให้มีโรงงานอุตสาหกรรม หรือหากมีก็ควรเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กที่ให้บริการแก่ชุมชนใกล้เคียง รวมทั้งการบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงาน นอกจากนี้ การใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ ตลอจนให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ในที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรมและที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม เพื่อรักษาพื้นที่ที่เป็นแหล่งผลิตอาหารที่มีคุณค่าของประเทศ และให้มีการประเมินผลผังเมืองรวมจังหวัดยโสธรอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มีการปรับปรุงผังเมืองได้อย่างเหมาะสมทันการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....