ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 62 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 1221 - 1240 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1221 | ขออนุมัติจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ 1 ปี 2559 | พม | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๙ จำนวน ๒๑ โครงการ รวม ๖,๑๒๙ หน่วย วงเงินลงทุนรวม ๔,๓๒๒.๑๙๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เริ่มดำเนินโครงการดังกล่าวได้เมื่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว ส่วนงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินโครงการในส่วนของเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ กคช. พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีนำมาใช้จ่ายเพื่อการนี้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กำกับดูแลให้ กคช. ดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๙ ให้เป็นไปตามเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เกิดประโยชน์และตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าในการดำเนินการและการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน รวมทั้งให้มีการประเมินผลการดำเนินการโครงการเป็นระยะเพื่อให้สามารถปรับปรุงการดำเนินโครงการให้เหมาะสมต่อไป ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย กคช. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดมาตรการด้านการตลาดในเชิงรุกเร่งดำเนินการในพื้นที่ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยสูง พร้อมบริหารจัดการต้นทุนโดยคำนึงถึงการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน รวมถึงกำกับติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด กรณีที่การดำเนินโครงการให้เป็นไปตามเป้าหมาย กคช. ควรพิจารณาทบทวนการดำเนินงานพร้อมประเมินผลกระทบต่อองค์กรเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสม และสำหรับโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่จะดำเนินการในอนาคต กคช. ควรพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ของการให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนเพื่อเป็นทางเลือกในการจัดหาแหล่งเงินลงทุนต่อไป รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาคุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมายและประสานความร่วมมือกับสถาบันการเงินเพื่อให้การดำเนินโครงการตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ให้ กคช. ควบคุมคุณภาพการผลิตที่อยู่อาศัยให้ได้มาตรฐานที่กำหนด โดยเฉพาะการคัดเลือกแรงงานฝีมือที่มีคุณภาพ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนบทบาทและขอบเขตการดำเนินงานของ กคช. ให้มีความชัดเจน เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินงานตามภารกิจของ กคช. และเพื่อให้ กคช. สามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยตามภารกิจหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1222 | โครงการเพื่อการพัฒนา ปี 2560 ของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนา ปี ๒๕๖๐ ของการประปาส่วนภูมิภาค จำนวน ๖ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๑,๓๑๔.๕๑๖ ล้านบาท เพื่อดำเนินการปรับปรุงระบบประปาทั้งระบบ โดยจะมีการก่อสร้างระบบน้ำดิบ (ปรับปรุงสระพักน้ำดิบและวางท่อส่งน้ำดิบเพิ่ม) ระบบผลิตน้ำประปา (โรงกรองน้ำ ระบบจ่ายสารเคมี ถังน้ำใส โรงสูบน้ำและหอถังสูง) และระบบจ่ายน้ำ (วางท่อส่งน้ำ ท่อจ่ายน้ำ และท่อบริการขนาดต่าง ๆ ) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ส่วนงบประมาณในการดำเนินโครงการที่ยังไม่มีแหล่งเงินงบประมาณรองรับ จำนวน ๑ โครงการ [โครงการปรับปรุงกิจการประปาภายหลังรับโอน (การประปาส่วนภูมิภาค สาขาเชียงคาน) วงเงินลงทุน ๕๘.๖๗๗ ล้านบาท] ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้การประปาส่วนภูมิภาคจัดทำรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่าย และแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อประกอบการพิจารณาขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามกำลังเงินของประเทศต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค) ดำเนินการตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ รวมทั้งรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรดำเนินการขอใช้น้ำต่อกรมชลประทานตามระเบียบและขั้นตอนของทางราชการหลังจากได้รับอนุมัติโครงการ ควรศึกษารูปแบบและแนวทางจัดหาแหล่งเงินทุนอื่นเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการต่าง ๆ เช่น การศึกษาแนวทางการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public - Private - Partnership : PPP) เป็นต้น และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าจากการลงทุนทางด้านการเงิน การควบคุมค่าใช้จ่ายในการผลิต การเพิ่มรายได้จากการให้บริการและการลดอัตราน้ำสูญเสียให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1223 | รายงานผลการดำเนินการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและขอขยายระยะเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณ พ.ศ. 2559 | ดศ | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๑ กิจกรรมที่ ๑ การขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานที่เบิกจ่ายงบประมาณแทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ดำเนินการขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านให้กับหมู่บ้านนำร่อง จำนวน ๙๙ หมู่บ้าน และเปิดให้บริการแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๑.๒ กิจกรรมที่ ๒ การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางในการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนนำรายละเอียดของกิจกรรมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. เห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมขยายระยะเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ วงเงิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย กิจกรรมที่ ๑ การขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ วงเงิน ๑๓,๐๐๐ ล้านบาท และกิจกรรมที่ ๒ การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) วงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมติดตามและประเมินผลการดำเนินงานและรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการของโครงการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๓. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณปี ๒๕๖๐ วงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท จากกิจกรรมที่ ๑ การขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ มาสมทบในกิจกรรมที่ ๒ การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) โดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด ๔. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณในการนำวงเงินเหลือจ่ายจากการดำเนินงานกิจกรรมที่ ๑ การขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ ไปดำเนินโครงการเพิ่มเติมในการสนับสนุนภารกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และเป็นไปตามแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ ในกรณีที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจะนำวงเงินเหลือจ่ายไปใช้สำหรับดำเนินการบำรุงและดูแลรักษาโครงข่ายที่สร้างขึ้น ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) และสำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมในการจัดสรรเงินเหลือจ่ายดังกล่าว เพื่อป้องกันความซ้ำซ้อนในการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวกับการใช้เงินงบประมาณจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะของสำนักงาน กสทช. โดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1224 | ผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (สายสีชมพู) | คค | 09/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture : BSR JV) ได้ยื่นเอกสารข้อเสนอซองที่ ๓ (ข้อเสนออื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการให้บริการและการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) ว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ และได้มีการนำข้อเสนอดังกล่าวมากำหนดไว้เป็นเอกสารแนบท้ายสัญญาหมายเลข ๑๑ ของร่างสัญญาร่วมลงทุนของทั้งสองโครงการ ซึ่งข้อ ๓๘ ของร่างสัญญาร่วมลงทุนให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาและมีผลผูกพันเช่นเดียวกับสัญญา แต่เนื่องจากข้อเสนอซองที่ ๓ ดังกล่าว ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนและอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการในอนาคต ดังนั้น ในชั้นนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจึงเห็นว่าไม่ควรนำข้อเสนอดังกล่าวมากำหนดไว้เป็นเอกสารแนบท้ายของร่างสัญญาร่วมลงทุน ไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1225 | ผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (สายสีเหลือง) | คค | 09/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture : BSR JV) ได้ยื่นเอกสารข้อเสนอซองที่ ๓ (ข้อเสนออื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการให้บริการและการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) ว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ และได้มีการนำข้อเสนอดังกล่าวมากำหนดไว้เป็นเอกสารแนบท้ายสัญญาหมายเลข ๑๑ ของร่างสัญญาร่วมลงทุนของทั้งสองโครงการ ซึ่งข้อ ๓๘ ของร่างสัญญาร่วมลงทุนให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาและมีผลผูกพันเช่นเดียวกับสัญญา แต่เนื่องจากข้อเสนอซองที่ ๓ ดังกล่าว ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนและอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการในอนาคต ดังนั้น ในชั้นนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจึงเห็นว่าไม่ควรนำข้อเสนอดังกล่าวมากำหนดไว้เป็นเอกสารแนบท้ายของร่างสัญญาร่วมลงทุน ไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1226 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวไปปลูกพืชที่หลากหลาย ฤดูนาปรัง ปี 2560 และโครงการปลูกพืชปุ๋ยสด ปี 2559/60 | กษ | 09/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวไปปลูกพืชที่หลากหลาย ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๐ ของกรมส่งเสริมการเกษตร จากระยะเวลาสิ้นสุดเดือนเมษายน ๒๕๖๐ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ ๒. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการปลูกพืชปุ๋ยสด ปี ๒๕๕๙/๖๐ ของกรมพัฒนาที่ดิน จากระยะเวลาสิ้นสุดเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมีการปรับเปลี่ยนการปลูกพืชอย่างต่อเนื่องในทุกฤดูการผลิต และกำกับดูแลให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมีการลดพื้นที่เพาะปลูกอย่างแท้จริง และส่งเสริมการปลูกพืชทดแทน รวมทั้งการดำเนินโครงการควรให้อยู่ภายในกรอบวงเงินงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้เดิม โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน ตลอดจนเร่งรัดดำเนินโครงการและเบิกจ่ายเงินให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินโครงการให้คณะรัฐมนตรีรับทราบตามขั้นตอนต่อไป และจัดทำแผนเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามที่ขอขยายระยะเวลาเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายของโครงการและเกิดประโยชน์แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1227 | ขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2557 และขอดำเนินงานโครงการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลเพิ่มเติม | ดศ | 09/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานภายใต้โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๒. เห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับการขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี กรณีมีหนี้ผูกพันและกรณีไม่มีหนี้ผูกพันของโครงการภายใต้โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล วงเงิน ๓,๗๕๕,๖๔๓,๒๐๐ บาท ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๓. เห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการโครงการภายใต้โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลเพิ่มเติม จำนวน ๖ โครงการ วงเงินรวม ๒๑๘,๔๙๙,๖๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมทำความตกลงกับสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๔. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้ครบถ้วนชัดเจน และเร่งรัดการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ รวมทั้งควรเร่งรัดดำเนินโครงการที่อยู่ระหว่างการจัดทำข้อกำหนดขอบเขตของงานและกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และรายงานการติดตามประเมินผลและผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลให้คณะรัฐมนตรีทราบ สำหรับการดำเนินโครงการภายใต้โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลเพิ่มเติม จำนวน ๖ โครงการ วงเงิน ๒๑๘,๔๙๙,๖๐๐ บาท ให้นำไปบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนารายยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลมีความสอดคล้องและครอบคลุมในทุกมิติ และสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาได้อย่างมีเอกภาพและเกิดความยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกำกับติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด ให้สามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมนำเงินเหลือจ่ายจากการจัดสรรให้แก่โครงการเพิ่มเติม จำนวน ๖ โครงการ วงเงิน ๑๓,๖๕๘,๙๗๗ บาท และเงินเหลือจ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการเพิ่มเติมดังกล่าวส่งคืนกระทรวงการคลังเพื่อเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1228 | สรุปผลการดำเนินการตามโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | มท | 02/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการตามโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙-๓๑ มกราคม ๒๕๖๐ มีหมู่บ้านเสนอโครงการ จำนวน ๘๒,๓๓๖ โครงการ เป็นเงิน ๑๘,๖๖๐,๔๑๗,๔๙๘ บาท และหมู่บ้านเบิกจ่ายงบประมาณ จำนวน ๘๒,๓๑๘ โครงการ เป็นเงิน ๑๘,๖๔๘,๗๑๒,๕๙๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๙๘ หมู่บ้านไม่สามารถดำเนินการโครงการได้ ๑๘ โครงการ เป็นเงิน ๓,๔๕๒,๐๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๐๒ ๒. การติดตามการดำเนินโครงการ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองได้มีการติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจะดำเนินการเข้าตรวจสอบการดำเนินงานโครงการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ๓. การประเมินผลโครงการ จากการดำเนินการโดยวิธีการสุ่มประเมินหมู่บ้าน จำนวน ๖๐๐ หมู่บ้าน ๖,๐๐๐ คน ผลการประเมินพบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจเป็นอย่างมากต่อโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านฯ คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๒๐ ๔. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ได้แก่ (๑) ควรมีการจัดสรรงบประมาณในลักษณะเช่นเดียวกับโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านฯ ให้แก่หมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง (๒) การสนับสนุนงบประมาณควรเป็นไปตามขนาดของหมู่บ้าน เช่น ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ (๓) ควรกำหนดระยะเวลาการดำเนินการตามโครงการให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ประชาชนในพื้นที่สามารถวางแผนการดำเนินการตามโครงการได้เอง โดยไม่ต้องจ้างผู้รับจ้างดำเนินการแทน (๔) ควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนงบประมาณลักษณะเช่นเดียวกันที่กำหนดให้หมู่บ้านเป็นผู้ดำเนินการเอง และ (๕) ควรให้หมู่บ้านดำเนินโครงการให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนอย่างเปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยไม่ต้องกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการดำเนินโครงการตามแบบราชการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1229 | รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ งานจ้างก่อสร้างระบบส่งน้ำและอาคารประกอบสัญญาที่ 1 โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุตรดิตถ์ | กษ | 02/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการใหม่ที่มีวงเงินรวม ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ที่กรมชลประทานได้ดำเนินการประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) แล้วได้ผลการประกวดราคาต่ำกว่าวงเงินงบประมาณและต่ำกว่าราคากลางที่กำหนด รวมทั้งได้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากสำนักงบประมาณแล้ว (รายการระบบส่งน้ำและอาคารประกอบ สัญญาที่ ๑ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุตรดิตถ์ กำหนดราคากลางเป็นเงิน ๒,๑๑๑,๘๗๓,๔๖๒.๕๖ บาท ได้ผลการประกวดราคา ๑,๐๒๘,๓๘๒,๙๙๘.๕๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ติดตามดูแลการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์โดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1230 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560 | ดศ | 25/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ สรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมายอวกาศ ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนากฎหมายให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การบริหารและยุทธศาสตร์อวกาศแห่งชาติ และเห็นชอบให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.) จัดตั้งคณะทำงาน ซึ่งสทอภ. ได้ดำเนินการแล้ว ๒. รับทราบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ เกี่ยวกับแนวทางการบริหารกิจการดาวเทียมสื่อสารของประเทศ ๓. รับทราบความคืบหน้าโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มีนาคม ๒๕๖๐) อนุมัติการดำเนินโครงการแล้ว ๔. เห็นชอบในหลักการของร่างยุทธศาสตร์อวกาศแห่งชาติ ปี ๒๕๖๐-๒๕๗๙ และให้คณะอนุกรรมการปรับปรุงแนวทางการพัฒนากิจการอวกาศของประเทศไทยปรับปรุงเนื้อหาให้สอดคล้องกับข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ เช่น ปรับแก้วิสัยทัศน์ของยุทธศาสตร์ ควรเพิ่มยุทธศาสตร์การสื่อสาร และควรคำนึงถึงการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับภารกิจต่าง ๆ เป็นต้น ๕. เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการดาวเทียมสื่อสารภาครัฐภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ และเห็นควรให้คณะอนุกรรมการดาวเทียมสื่อสารภาครัฐเพื่อความมั่นคงเชิญหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมดำเนินการจัดทำรายละเอียดของโครงการให้มีความสมบูรณ์ เพื่อให้คณะกรรมการฯ พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ขอให้ผ่านหลักเกณฑ์การจัดทำโครงการที่มีงบประมาณสูงของภาครัฐ โดยการจัดทำโครงการจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และให้เสนอผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการมาพร้อมกันในการประชุมครั้งต่อไป ๖. รับทราบความคืบหน้าผลการดำเนินงานของคณะทำงานพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการการดำเนินงานกิจการดาวเทียมสื่อสาร ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และมีข้อเสนอแนะให้คณะทำงานสอบถามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการการดำเนินงานกิจการดาวเทียมสื่อสารต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1231 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติการลงนามในเอกสารโครงการ Scaling up the Implementation of the Sustainable Development Strategy for the Seas of East Asia และบันทึกความตกลงการขยายการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทะเลเอเชียตะวันออกในประเทศไทย | ทส | 25/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบเอกสารโครงการ Scaling up the Implementation of the Sustainable Development Strategy for the Seas of East Asia และอนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินโครงการ Scaling up the Implementation of the Sustainable Development Strategy for the Seas of East Asia in Thailand (2015-2019) โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในเอกสารโครงการฯ ๑.๒ เห็นชอบบันทึกความตกลงการขยายการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทะเลเอเชียตะวันออกในประเทศไทย และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในบันทึกความตกลงฯ ร่วมกับหุ้นส่วนเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมทางทะเลในเอเชียตะวันออก (Partnerships in Environmental Management for the Seas of East Asia : PEMSEA) ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ในการลงนามบันทึกความตกลงฯ ให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนาม ๑.๔ ในกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องปรับปรุงถ้อยคำหรือสาระสำคัญของบันทึกความตกลงฯ ที่คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติหรือเห็นชอบไปแล้ว หากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้สามารถดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ อาทิ การพิจารณาเพิ่มเติมชื่อกรมเจ้าท่าไว้ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบร่วม การจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม หากมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพิ่มเติมจากการดำเนินการดังกล่าว และกำหนดเวลาของการดำเนินโครงการฯ ที่ไม่เป็นปัจจุบัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1232 | ขอความเห็นชอบโครงการศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคต (Futurium) | วท | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการการดำเนินโครงการศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคต (Futurium) ในวงเงิน ๒,๐๗๖,๓๗๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ๑.๒ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคต (Futurium) (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔) โดยให้มีผลเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีผลใช้บังคับแล้ว ประกอบด้วย (๑) การก่อสร้างศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคต (Futurium) วงเงิน ๒,๐๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี วงเงิน ๑,๕๖๓,๖๓๐,๐๐๐ บาท และเงินนอกงบประมาณสมทบ วงเงิน ๔๗๖,๓๗๐,๐๐๐ บาท และ (๒) ค่าควบคุมงานก่อสร้างศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคต (Futurium) วงเงิน ๓๖,๓๗๐,๐๐๐ บาท ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๑.๓ สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อดำเนินโครงการศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคต (Futurium) จำนวน ๒ รายการดังกล่าว กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รองรับไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาความเหมาะสมของวงเงิน และจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับส่วนที่เหลือให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเร่งรัดดำเนินการและถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความประหยัด การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและประชาชน รวมถึงประโยชน์สูงสุดที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงความเหมาะสมของราคากับสำนักงบประมาณ ตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต่อไป ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับรูปแบบการลงทุนและการดำเนินงานที่มีภาคเอกชนเข้าร่วม โดยเฉพาะด้านการออกแบบสาระและการจัดนิทรรศการ กิจกรรม และสิ่งดึงดูดอื่น อาทิ ร้านอาหาร และร้านของที่ระลึก เพื่อส่งเสริมการเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต (Living Museum) และมีพลวัต (Dynamic) โดยควรเร่งรัดดำเนินการให้เกิดความชัดเจนทั้งด้านการแสวงหาพันธมิตรเข้าร่วมบริหารจัดการดังกล่าว และด้านแผนการตลาด เพื่อให้โครงการฯ สามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายได้อย่างเป็นรูปธรรมบนหลักการความคุ้มค่าของการลงทุนและการมีส่วนร่วมจากภาคเอกชนที่มีมุมมองและมีความเป็นมืออาชีพที่แท้จริง รวมทั้งควรจัดทำแผนยกระดับการบริหารจัดการจัตุรัสวิทยาศาสตร์ ณ อาคารจัตุรัสจามจุรี เพิ่มเติม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1233 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการบ้านประชารัฐและโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ | กค | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐและโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ซึ่งผลการดำเนินโครงการฯ พบว่าทั้ง ๒ โครงการมียอดการอนุมัติสินเชื่อต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากมีข้อจำกัดในทางปฏิบัติ ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและสภาพความเป็นจริง กระทรวงการคลังเห็นควรปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ ดังนี้ ๑.๑ โครงการบ้านประชารัฐ ๑.๑.๑ ขอยกเลิกการกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ จากที่กำหนดว่า “ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อน” เป็น “ปัจจุบันไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย” ๑.๑.๒ ขอแก้ไขเงื่อนไขของมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) กรณีการกู้เพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อไม่เกิน ๑.๕ ล้านบาทต่อหน่วย จากที่กำหนดให้รวมราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างด้วย เป็น ไม่ต้องนำราคาประเมินที่ดินมารวมพิจารณาด้วย ๑.๒ โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ๑.๒.๑ โครงการเช่าระยะสั้น (Rental) ขอแก้ไข จาก “เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อนและมีรายได้ไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน ในวันที่ยื่นจองสิทธิ” เป็น “เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีรายได้ไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน ในวันที่ยื่นจองสิทธิ” ๑.๒.๒ โครงการเช่าระยะยาว (Leasehold) จาก “เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อน” เป็น “เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนที่ปัจจุบันไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย” ๒. ให้กระทรวงการคลังและสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่เข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐและโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐเร่งประชาสัมพันธ์โครงการให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขใหม่ที่ผ่อนปรนขึ้นเพื่อดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการมากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1234 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2557 โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2557/58 | พณ | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต ๒๕๕๗/๕๘ จำนวน ๑๓๔.๙๓ ล้านบาท เพื่อสมทบเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ ต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอเป็นกรณีเฉพาะราย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมการค้าภายในเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และควรให้ความสำคัญกับการประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินโครงการฯ ที่ผ่านมาอย่างเป็นระบบและชัดเจน และรายงานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวและคณะรัฐมนตรีรับทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1235 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง นโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับดาวเทียมและแนวทางการจัดหาดาวเทียมสื่อสารภาครัฐของคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื่อสารมวลชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | ดศ | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื่อสารมวลชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง นโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับดาวเทียม และแนวทางการจัดหาดาวเทียมสื่อสารภาครัฐ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ดังนี้
๑. คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายการบริหารกิจการดาวเทียมสื่อสารในระยะยาว ภายหลังจากสัญญาสัมปทานสิ้นผลลง โดยเห็นควรเปิดตลาดให้มีการแข่งขันแบบมีข้อตกลงกับรัฐบาล (Market with Undertaking/Deed of Agreement) โดยใช้ระบบใบอนุญาต (licensing) เป็นรายระบบดาวเทียมสื่อสาร ๒. นโยบายการบริหารกิจการดาวเทียมสื่อสารในช่วงเปลี่ยนผ่าน (๑) กรณีดาวเทียมไทยคม ๔, ๕ และ ๖ และเอกสารข่ายงานอื่น ๆ ภายหลังสัญญาสัมปทานสิ้นผลลงและดาวเทียมยังมีอายุการใช้งานเหลืออยู่ เห็นควรให้คัดเลือกเอกชนเพื่อใช้สิทธิและหน้าที่การรักษาวงโคจร รวมถึงการประกอบการกิจการดาวเทียมสื่อสารที่ใช้สิทธิในวงโคจรดังกล่าวตามระบบใบอนุญาตแบบมีเงื่อนไข และ (๒) สำหรับดาวเทียมดวงต่อ ๆ ไปที่อาจจัดส่งขึ้นก่อนสัญญาสิ้นผลลง ยังคงมีความผูกพันที่จะต้องดำเนินการตามเงื่อนไขของสัญญาสัมปทานฯ ให้ครบถ้วน อีกทั้งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการประชุมแก้ไขร่างยุทธศาสตร์อวกาศแห่งชาติ ปี ๒๕๖๐-๒๕๗๙ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ได้จัดทำโครงสร้าง ภารกิจ และอำนาจหน้าที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์อวกาศแห่งชาติ และตั้งคณะทำงานเพื่อยกร่างพระราชบัญญัติกิจการอวกาศแห่งชาติ รวมถึงรายละเอียดแนวทางการจัดตั้งองค์การอวกาศ ตลอดจนได้ว่าจ้างคณะผู้วิจัยจากสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อศึกษาวิเคราะห์เหตุผลและความจำเป็นในการยกร่างกฎหมายอวกาศและกิจการดาวเทียมตามบริบทของประเทศไทย ตลอดจนศึกษาพันธกรณีระหว่างประเทศด้านกฎหมายอวกาศ และศึกษาแนวทางในการยกร่างกฎหมายอวกาศเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ๔. แนวทางการจัดหาดาวเทียมสื่อสารภาครัฐนั้น เนื่องจากภาครัฐมีการใช้งานระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมในปริมาณไม่มากนัก จึงไม่คุ้มค่าหากภาครัฐมีดาวเทียมเป็นของตนเอง รวมทั้งปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐเช่าใช้ระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมจากบริษัทเอกชนกับการสร้างร่วมมือในการดำเนินโครงการดาวเทียมระหว่างภาครัฐกับเอกชน (Public Private Partnership : PPP) ซึ่งใช้งบประมาณที่ต่ำกว่า ทำให้สามารถประหยัดเงินงบประมาณได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1236 | ขออนุมัติลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงกิจการเทศบาลและผังเมืองแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร | กษ | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงกิจการเทศบาลและผังเมืองแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างและสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการอบรมและความร่วมมือด้านวิชาการและวิทยาศาสตร์ในสาขาการเกษตร โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติต่อความร่วมมือในสาขาอื่น ๆ ซึ่งอาจมีการพิจารณาในอนาคต โดยมีขอบเขตการบังคับใช้ในการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการดำเนินโครงการพัฒนาด้านการเกษตรร่วมกัน ทั้งนี้ มีกำหนดลงนามในระหว่างการเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จากการดำเนินการดังกล่าว เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรก ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป และหลังจากที่ได้มีการลงนามในบันทึกเข้าใจฯ แล้ว ควรมีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น เพื่อให้เกิดการบูรณาการในการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานในรายละเอียดที่ทั้งสองประเทศจะให้ความร่วมมือกันต่อไป รวมทั้งควรมีการรายงานความก้าวหน้าความร่วมมือของทั้งสองประเทศให้กับคณะรัฐมนตรีได้รับทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหากรณีประเทศต่าง ๆ ที่ประเทศไทยได้จัดทำความร่วมมือด้านการเกษตรด้วยได้ผลิตสินค้าเกษตรชนิดเดียวกับของประเทศไทยออกมาแข่งขันทางการค้า ทำให้เกิดผลกระทบทั้งทางด้านการตลาดและราคาสินค้า
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1237 | รายงานความก้าวหน้าโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรและอุปกรณ์การตลาดเพื่อลดต้นทุนสมาชิก ระยะขยายผล ปี พ.ศ. 2559 - 2562 | กษ | 11/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรและอุปกรณ์การตลาดเพื่อลดต้นทุนสมาชิก ระยะขยายผล ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ดำเนินการจัดประชุมเพื่อหารือแนวทางการดำเนินโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรและอุปกรณ์การตลาดเพื่อลดต้นทุนสมาชิก เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ประชุมได้มีมติมอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์จัดทำแผนปฏิบัติงานโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรและอุปกรณ์การตลาดเพื่อลดต้นทุนสมาชิก ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ ประกอบด้วย การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย กำหนดประเภทเครื่องจักรกลทางการเกษตรและอุปกรณ์การตลาด เงื่อนไขในการดำเนินโครงการและแผนปฏิบัติงาน โดยขอให้เพิ่มเติมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ครอบคลุมการดำเนินงานตามกิจกรรมทั้งหมด ๑.๒ ผลการดำเนินงานการให้บริการโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรและอุปกรณ์การตลาดเพื่อลดต้นทุนสมาชิก ฤดูกาลเก็บเกี่ยว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ สหกรณ์ผู้ปลูกข้าวได้ให้บริการรถเกี่ยวนวดข้าวแก่สมาชิกและเกษตรกรทั่วไป จำนวน ๑,๘๕๗ ราย พื้นที่ ๒๑,๐๕๙ ไร่ และสหกรณ์ผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ให้บริการเครื่องสีข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน ๕,๑๘๒ ราย ปริมาณ ๒๓,๑๖๖ ตัน ๒. ให้ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานและความคืบหน้าของมาตรการด้านการเกษตรต่าง ๆ ที่สำคัญ รวมทั้งที่รายงานในคราวนี้ โดยแสดงให้เห็นถึงผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมของแต่ละโครงการ/กิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1238 | ผลการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2559/60 และขอขยายระยะเวลาการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว | พณ | 11/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบความคืบหน้าผลการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวช่วงผลผลิตออกสู่ตลาด จำนวน ๔ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ (๒) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ (๓) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ และ (๔) โครงการจัดหาตลาดนัดข้าวเปลือก โดย ณ เดือนมีนาคม ๒๕๖๐ สามารถดึงอุปทานออกจากตลาด ประมาณ ๖,๖๙๓,๗๐๔.๗๕ ตัน จากเป้าหมาย ๑๓.๕๐ ล้านตัน หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๙.๕๘ สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรแล้ว ๒,๔๗๐,๓๕๗ ราย มูลค่า ๒๑,๙๙๖.๗๓ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ตามที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เสนอ จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ยกเว้นภาคใต้สิ้นสุดวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ เห็นควรให้ ธ.ก.ส. จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามผลการโอนเงินให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เกิดขึ้นจริง โดยขอให้ ธ.ก.ส. ตรวจสอบความถูกต้อง ความซ้ำซ้อนของเกษตรกร ก่อนการขอรับการจัดสรรงบประมาณ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการรวบรวมข้อมูลและนำส่งให้ ธ.ก.ส. ใช้ประกอบการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและไม่เป็นภาระกับงบประมาณแผ่นดิน และในระยะต่อไปกระทรวงพาณิชย์ควรวิเคราะห์ข้อมูลผลการดำเนินงานในเชิงลึกให้ชัดเจนมากขึ้นในรายงานผลการดำเนินงานว่า ส่วนต่างราคาข้าวที่สูงกว่าตลาดทั่วไปนั้นจะส่งผลให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากราคาข้าวที่สูงขึ้นมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ควรต้องเข้มงวดในการตรวจสอบข้อมูลให้มีความถูกต้องและไม่ซ้ำซ้อนในการช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อให้การใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และควรเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่ขอขยายออกไปเพื่อให้เกษตรกรมีเงินทุนในการประกอบอาชีพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1239 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2559 (ครั้งที่ 10) | พน | 11/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ (ครั้งที่ ๑๐) เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๙ รวม ๒ เรื่อง ได้แก่ การทบทวนนโยบายการกำหนดอัตราค่าบริการก๊าซธรรมชาติ และแนวทางการบริหารจัดการกิจการก๊าซธรรมชาติและก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas : LNG) เพื่อความมั่นคง ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้แนวทางการบริหารจัดการกิจการก๊าซธรรมชาติ และ LNG เพื่อความมั่นคง หน่วยงานเจ้าของโครงการ ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะขั้นตอนการเสนอโครงการลงทุน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. เห็นชอบการซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลวระยะยาว (LNG SPA) ระหว่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กับบริษัท PETRONAS LNG LTD. ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานกำกับให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1240 | รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินการโครงการในวาระแห่งชาติด้านวัคซีน ภายใต้นโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | สธ | 11/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินการโครงการในวาระแห่งชาติด้านวัคซีน ภายใต้นโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) จำนวน ๑๐ โครงการ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการที่เป็นไปตามเป้าหมาย และตัวชี้วัดตามแผนที่กำหนด จำนวน ๕ โครงการ ได้แก่ โครงการจัดเตรียมคลังเก็บวัคซีนมาตรฐานของภูมิภาค โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดไร้เซลล์ โครงการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านวัคซีนโดยหน่วยงานกลางแห่งชาติด้านวัคซีน โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านวัคซีนอย่างเป็นระบบ และโครงการวิจัยพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออกสู่ระดับอุตสาหกรรมในประเทศ ๒. โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ มีความก้าวหน้าแต่ช้ากว่าแผน จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการจัดตั้งเครือข่ายศูนย์ทรัพยากรชีวภาพทางการแพทย์เพื่องานวิจัยพัฒนาด้านวัคซีน และโครงการวิจัยพัฒนาวัคซีนไข้สมองอักเสบจีอีชนิดเชื้อเป็นโดยใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม ๓. โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ด้วยงบประมาณของหน่วยงานผู้รับผิดชอบ จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการเตรียมความพร้อมโรงงานผลิตวัคซีนระดับกึ่งอุตสาหกรรมมาตรฐาน GMP และโครงการผลิตวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรนและการผลิตวัคซีนผสมคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และตับอักเสบ ๔. ชะลอการดำเนินโครงการ และเลื่อนกำหนดการดำเนินงาน ๑ โครงการ คือ โครงการขยายกำลังการผลิตวัคซีนป้องกันวัณโรคเพื่อรองรับการจำหน่าย UNICEF
|
.....