ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 32 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 621 - 640 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
621 | รายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ที่จะเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ | ตช. | 12/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โครงการอาคารที่ทำการพร้อมอาคารสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่และอาคารที่พักอาศัยให้กับหน่วยงานต่าง
ๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จำนวน ๙ อาคาร
วงเงินทั้งสิ้น ๗,๖๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑,๕๓๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๖,๑๔๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๖๙ ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมโครงการ
โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้าง
สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ และกำหนดแบบรูปในรายการก่อสร้างอาคารที่ทำการและที่พักอาศัยรวมให้มีความเหมาะสมกับจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานและพักอาศัย
โดยมีราคาค่ากอสร้างต่อเนื้อที่ใช้สอยให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕
เมษายน ๒๕๕๙ คำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสม จำเป็น
ตามวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ในชั้นการดำเนินโครงการอาคารที่ทำการพร้อมอาคารสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่และอาคารที่พักอาศัยให้กับหน่วยงานต่าง
ๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จำนวน ๙
อาคาร ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง (เช่น พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม) อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
622 | รายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ที่จะเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โครงการวิทยาลัยแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลตำรวจ) | ตช. | 12/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โครงการอาคารวิทยาลัยแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลตำรวจ แขวงปทุมวัน
เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร วงเงินทั้งสิ้น ๓,๕๘๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท
เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๗๑๖,๘๐๐,๐๐๐
บาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๒,๘๖๗,๒๐๐,๐๐๐ บาท
ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมโครงการ
โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้าง สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ
และกำหนดรูปแบบในการก่อสร้างอาคารที่ทำการและที่พักอาศัยรวมให้มีความเหมาะสมกับจำนวนบุคลากรทางการแพทย์
โดยมีราคาค่าก่อสร้างต่อเนื้อที่ใช้สอยให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕
เมษายน ๒๕๕๙ คำนึงถึงความคุ้มคาและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ ตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสม
จำเป็นตามวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะของกระทรวงสาธารณสุขและความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
การผลิตแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรทางสาธารณสุข ควรตอบสนองความต้องการความขาดแคลน
กำลังคนด้านสุขภาพของประเทศ และควรคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณด้านบุคลากรที่จะเกี่ยวเนื่องกับโครงการวิทยาลัยแพทยศาสตร์โรงพยาบาลตำรวจ
ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งการพิจารณางบประมาณในรายละเอียด
ควรแสดงข้อมูลเป้าหมายและแผนการดำเนินงานหลังการก่อสร้างอาคารแล้วเสร็จ
โดยเฉพาะการผลิตบุคลากรที่จะเป็นการผลิตร่วมกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ที่เป็นรูปธรรม
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าและประสิทธิภาพในการดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
623 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 12/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงยุติธรรมนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวนทั้งสิ้น ๕ โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๗,๕๒๐.๓๕๑๖ ล้านบาท
เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑,๕๐๔.๐๗๐๓
ล้านบาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๖,๐๑๖.๒๘๑๓ ล้านบาท
ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ
โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด
การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสม จำเป็น ตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
624 | รายงานผลการดำเนินโครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิตฤดูการผลิตปี 2562/2563 | อก. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
โครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิตฤดูการผลิตปี
๒๕๖๒/๒๕๖๓ กรอบวงเงินช่วยเหลือ ประกอบด้วย (๑)
วงเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยที่ส่งอ้อยเข้าโรงงานทุกรายที่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย
พ.ศ. ๒๕๒๗ จำนวน ๖,๕๐๐ ล้านบาท และ (๒) วงเงินช่วยเหลือเฉพาะชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดเข้าโรงงานทุกตันอ้อย
จำนวน ๓,๕๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ได้จ่ายเงินช่วยเหลือเสร็จเรียบร้อยแล้ว ณ วันที่ ๓๐
กันยายน ๒๕๖๓ โดยมีชาวไร่อ้อยได้รับการช่วยเหลือรวมทั้งสิ้นจำนวน ๑๙๐,๑๐๔ ราย วงเงินที่จ่ายช่วยเหลือรวมทั้งสิ้นจำนวน
๙,๗๗๙.๔๘ ล้านบาท วงเงินคงเหลือจำนวน ๒๒๐.๕๒ ล้านบาท ๒.
การช่วยเหลือปัจจัยการผลิตเฉพาะชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดในฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓
ส่งผลให้สามารถลดพื้นที่การเผาอ้อยง ๑.๒ ล้านไร่
ปริมาณอ้อยไฟไหม้ลดลงคิดเป็นร้อยละ ๑๑.๔๖ เมื่อเทียบกับฤดูการผลิตปี ๒๕๖๑/๒๕๖๒
อยู่ที่ร้อยละ ๖๑.๑๑ โดยในฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ มีปริมาณอ้อยเข้าหีบรวมทั้งสิ้น
๗๔.๘๙ ล้านตัน ประกอบด้วย ปริมาณอ้อยสด ๓๗.๗๑ ล้านตัน และปริมาณอ้อยไฟไหม้ ๓๗.๑๘
ล้านตัน (หรือคิดเป็นร้อยละ ๕๐.๓๕ และ ๔๙.๖๕ ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมดตามลำดับ)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
625 | การขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะต้องมีการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป | มท. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
ของกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๑๒ โครงการ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณที่เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
และเห็นควรจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีคุณลักษณะเฉพาะ
ประมาณการหรือผลการสอบราคา รายละเอียดแบบรูปรายการ
ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด
การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ รวมทั้งจัดส่งรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ
ตามนัยมาตรา ๒๕ ของพระราชบัญญัติวิธีการงประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
626 | ขออนุมัติการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป | กษ. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๔ โครงการ ๗ รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น
๑๓,๗๔๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการและรายการดังกล่าว
โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ
ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด
การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ การมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
627 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 เรื่อง โครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ | อว. | 29/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ (เรื่อง
โครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้)
โดยให้นักเรียนในโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับทุนการศึกษาเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีในสถาบันอุดมศึกษา
ตามนัยพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้
รวมถึงการเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๑ เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการฯ ในรอบ ๑ ปี
เพื่อประกอบการพิจารณาปรับปรุงโครงการฯ ต่อไป
และให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาถึงความคุ้มค่าและศักยภาพในการให้ทุน
พิจารณาการให้ทุนอย่างเหมาะสม เป็นธรรม และคำนึงถึงความเท่าเทียมทางด้านการศึกษา
มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวงหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนทุนการศึกษาให้ชัดเจนครอบคลุมทุกภาคส่วน
รวมทั้งควรมีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการเป็นระยะ ๆ
เพื่อประกอบการพิจารณาการจัดสรรทุนในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานของมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง
และรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
628 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ครั้งที่ 5 ผ่านระบบการประชุมทางไกล | ดศ. | 29/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
ครั้งที่ ๕ (The 5th ASEAN Ministerial
Conference on Cybersecurity : AMCC)
ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๓
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ โดยมีเรื่องที่สำคัญ สรุปได้
ดังนี้ ๑.
แผนงานระดับภูมิภาคด้านบรรทัดฐานของรัฐในเรื่องความรับผิดชอบบนโลกไซเบอร์ (Regional Workplan for Norms Implementation)
โดยมาเลเซียและสิงคโปร์จะร่วมกันจัดทำร่างแผนงานระดับภูมิภาคด้านบรรทัดฐานของรัฐในเรื่องความรับผิดชอบบนโลกไซเบอร์
๑๑ ข้อ ที่อ้างอิงจาก UNGEE กับปัจจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินการให้สอดคล้องกับความสนใจของประเทศสมาชิกอาเซียนและเพื่อสามารถนำหลักการแปลงสู่การปฏิบัติได้จริง
โดยมาเลเซียจะนำร่างแผนงานระดับภูมิภาคด้านบรรทัดฐานของรัฐในเรื่องความรับผิดชอบบนโลกไซเบอร์หารือในการประชุมคณะกรรมการประสานงานอาเซียนด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
ครั้งที่ ๑ (The 1st ASEAN Cybersecurity Coordinating
Committee Meeting : ASEAN Cybet-CC) ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๓
และหารือถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินงานร่วมกับกลไกอาเซียนอื่น ๆ ต่อไป ๒.
การสร้างความเข้มแข็งของภูมิภาคผ่านการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ (Strengthening Regional Cyber Resilience through Critical
Information Infrastructure Protection) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้นำเสนอผลการดำเนินโครงการ
ASEAN Critical Information Infrastructure Protection ของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน
เพื่อให้สามารถกำหนดกลยุทธ์ในการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์
และมีข้อเสนอแนะให้ประเทศสมาชิกอาเซียนระดับความร่วมมือเพื่อหาแนวทางและกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์และพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ผ่านข้อริเริ่มที่มีอยู่แล้วในกรอบอาเซียน
เช่น การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างศูนย์อาเซียน-สิงคโปร์ ว่าด้วยความเป็นเลิศด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
(ASEAN-Singapore Cybersecurity Centre of Excellence
: ASCCE) เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรไซเบอร์ของอาเซียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เป็นต้น ๓.
การดำเนินงานความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
โดยที่ประชุมหารือระหว่างรัฐมนตรีอาเซียนด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และประเทศคู่เจรจาอาเซียนได้ให้ความสำคัญในหลักการ
“4p” ในการดำเนินงานความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
ประกอบด้วย (๑) “principle” ความมุ่งมั่นในการดำเนินการตามบรรทัดฐานของรัฐในเรื่องความรับผิดชอบบนโลกไซเบอร์
(๒) “practice” การแปลงนโยบายหรือหลักการสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
(๓) “process” กระบวนการดำเนินงานในการขับเคลื่อนการปฏิบัติตามบรรทัดฐานของรัฐในเรื่องความรับผิดชอบบนโลกไซเบอร์ผ่านการเสริมสร้างความร่วมมือทั้งในระดับพหุภาคีและระดับภูมิภาค
และ (๔) “people partnership and pandemic” การเสริมสร้างความเข้มแข็งของหุ้นส่วนความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาหรือองค์กรภายนอกอาเซียนเพื่อรับมือกับโลกไซเบอร์ที่มีความท้าทายเกิดขึ้นใหม่ในปัจจุบัน
รวมถึงช่วงสถานการณ์โควิด-๑๙ อย่างมีองค์รวม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
629 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 ให้แก่ประชาชน | ดศ. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินแผนงาน/โครงการที่สามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้แก่ประชาชนได้ในมิติต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
630 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 ให้แก่ประชาชน | พณ. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้แก่ประชาชน โดยมีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ (๑) พาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน “New
Year Grand Sale 2021” (๒) มหกรรมธงฟ้าต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๔ (๓)
ขยายเวลาการให้บริการประชาชนนอกเวลาทำการ (๔) ลดค่าธรรมเนียมและขั้นตอนเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า
(๕) มอบส่วนลดให้ผู้ประกอบการและประชาชน (๖) งานแสดงและจำหน่ายสินค้า และ (๗)
กิจกรรมส่งเสริมความรู้ในการประกอบธุรกิจ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
631 | การดำเนินโครงการของกระทรวงวัฒนธรรม “ส่งสุขวิถีใหม่ สืบสานวิถีไทย ปลอดภัยสร้างสรรค์” เพื่อมอบเป็นของขวัญ พ.ศ. 2564 ให้แก่ประชาชน | วธ. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการของกระทรวงวัฒนธรรม
“ส่งสุขวิถีใหม่ สืบสานวิถีไทย ปลอดภัยสร้างสรรค์” เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ.
๒๕๖๔ ให้แก่ประชาชน ประกอบด้วย ๓ กิจกรรมหลัก ได้แก่ (๑)
กิจกรรมทางศาสนาเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล (๒) กิจกรรมเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ทางศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์
และ (๓) กิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรม ส่งความสุขแบบไทย ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
632 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 ให้แก่ประชาชน | นร. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้แก่ประชาชน
โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้ร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจ จำนวน ๓ ราย
ในการจัดทำโครงการดังกล่าว ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี
(สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) เสนอ ดังนี้ ๑. บริษัท ช้อปปี้
(ประเทศไทย) จำกัด มอบส่วนลดราคาสินค้า ๑๕% ของราคาสินค้าทุกประเภทจาก Shopee Mall อาทิ สินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภค
สำหรับยอดซื้อสินค้าในราคาปกติ ราคา ๓๐๐ บาทขึ้นไป
โดยไม่สามารถใช้ร่วมกับ Code ส่วนลดประเภทเดียวกันได้
แต่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดประเภทอื่น ๆ ได้ เช่น ส่งสินค้าฟรีโดยไม่คิดค่าขนส่ง ระยะเวลา วันที่ ๑-๓๑ มกราคม ๒๕๖๔ ๒. บริษัท ลาซาด้า
จำกัด มอบส่วนลดราคาสินค้า ๑๐% ของราคาสินค้า พร้อมแจกโค้ด (คูปอง) ส่วนลดมากกว่า
๑๐,๐๐๐ โค้ด ในกรณีซื้อสินค้าขั้นต่ำ ๗๙๙ บาท สามารถใช้คูปองส่วนลดได้ ๘๐ บาท
กรณีซื้อสินค้าขั้นต่ำ ๒๙๙ บาท สามารถใช้คูปองส่วนลดได้ ๓๐ บาท
ได้ทุกประเภทสินค้าในลาซาด้า และมีส่วนลด ๑๐%
สำหรับซื้อขั้นต่ำ ๕๐๐ บาท ใช้ได้กับสินค้าใน LazMall เท่านั้น
(กรณีที่ร้านค้าในลาซาด้ามีส่วนลดอยู่แล้ว
ส่วนลดนี้สามารถนำมาลดได้อีก) ระยะเวลา วันที่ ๑-๕ มกราคม ๒๕๖๔ ๓. สมาคมผู้ประกอบการบริการซ่อมรถยนต์ ระหว่างวันที่ ๒๒
ธันวาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๔ กรณีรถยนต์ชำรุดบกพร่องหรือเสียในช่วงเวลาดังกล่าว
ประชาชนสามารถติดต่อสมาคมฯ เพื่อให้มาตรวจเช็คอาการในเบื้องต้นนอกสถานที่
โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
633 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 ให้แก่ประชาชน | นร.02 | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการและกิจกรรมสำคัญที่กำหนดดำเนินการในห้วงเดือนธันวาคม
๒๕๖๓-มกราคม ๒๕๖๔ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้แก่ประชาชน จำนวน ๓
กิจกรรม ได้แก่ (๑) ศูนย์ข้อมูลต้นทางของประเทศ
ในการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับมาตรการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) (๒)
การประชาสัมพันธ์แผนงานโครงการสำคัญภาครัฐที่จะมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน และ
(๓) กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ตามวิถี New Normal ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี
(กรมประชาสัมพันธ์) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
634 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์และเป้าหมายการดำเนินการปรับปรุงท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวเกาะล้าน เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี | มท. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทย (เมืองพัทยา) เปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์และเป้าหมายการดำเนินการปรับปรุงท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวเกาะล้าน
เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จาก “ท่าเทียบเรือคอนกรีตเสริมเหล็ก
พร้อมทางขึ้น-ลงเรือ บริเวณท่าเทียบเรือหน้าบ้าน เกาะล้าน” เป็น
“การติดตั้งท่าเทียบเรือลอยน้ำสำเร็จรูป จำนวน ๓ แห่ง บนพื้นที่เกาะล้าน
เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ได้แก่ (๑)
ก่อสร้างท่าเทียบเรือโดยสารปรับระดับบริเวณท่าเทียบเรือหน้าบ้าน (๒)
ปรับปรุงสะพานศูนย์แพทย์ชุมชนบ้านเกาะล้าน และ (๓) ปรับปรุงท่าเทียบเรือปรับระดับหาดแสม
ในภายวงเงิน ๑๒๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งสำนักงบประมาณได้เห็นชอบความเหมาะสมของราคาแล้ว
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย (เมืองพัทยา)
รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์และเป้าหมายการดำเนินการปรับปรุงท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวเกาะล้านควรพิจารณาดำเนินการเฉพาะในส่วนที่มีความจำเป็นเร่งด่วน
เพื่อรองรับความต้องการเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย
และคำนึงถึงความคุ้มค่าของงบประมาณและภาระงบประมาณในระยะยาวเป็นสำคัญ และควรพิจารณาเร่งรัดจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของการปรับปรุงท่าเทียบเรือหน้าบ้านเพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินโครงการก่อนเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
การดำเนินแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ของเมืองพัทยาในคราวต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลเมืองพัทยาให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ
และการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) ที่ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการพิจารณาความจำเป็น
เหมาะสม คุ้มค่า ตลอดจนตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามโครงการนั้น ๆ
อย่างละเอียดรอบคอบ ให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติก่อน อย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
635 | รายงานผลการติดตามและการประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism : JCM) | ทส. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการติดตามและการประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง
ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism : JCM)
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยมีผลความก้าวหน้าการดำเนินการ
ณ วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ (ครั้งที่ ๕) สรุปได้ ดังนี้ ๑.
การสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นในการพัฒนาโครงการต้นแบบ กระทรวงสิ่งแวดล้อม
ประเทศญี่ปุ่น ได้ให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงการต้นแบบ JCM
จำนวน ๓๓ โครงการ มูลค่ามากกว่า ๒ พันล้านบาท
และก่อให้เกิดการลงทุนมากกว่า ๗ พันล้านบาท โดยผู้รับทุนเป็นบริษัทเอกชนไทย จำนวน
๒๘ บริษัท โดยโครงการที่ได้รับคัดเลือกเป็นโครงการประเภทการผลิตพลังงานหมุนเวียน
จำนวน ๑๔ โครงการ และโครงการประเภทการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน ๑๙
โครงการ ๒.
สถานภาพการดำเนินโครงการ โครงการต้นแบบ JCM ปัจจุบันโครงการต้นแบบ
JCM จำนวน ๓๓ โครงการ ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว จำนวน ๘
โครงการ มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดได้เท่ากับ ๔๙,๘๕๙
ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
และมีโครงการที่ได้รับการรับรองคาร์บอนเครดิตแล้ว จำนวน ๕ โครงการ
มีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองเท่ากับ ๔,๐๓๒ ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
636 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร.01 | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน
ประจำเดือนกันยายน ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
การจัดฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
ข้อมูล ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ อปท. ทุกแห่ง ได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติฯ
ครบถ้วน จำนวน ๗,๕๕๐ แห่ง และบันทึกรายชื่อผู้สมัครในระบบรายงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Report)
ของกรมการปกครองแล้ว ๔๔๘,๙๒๖ คน โดยมีผู้ผ่านการอบรมแล้ว จำนวน ๑๙๔,๕๖๐
คน ๒.
การจัดกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในโอกาสวันสำคัญของชาติไทย
เมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๓ เนื่องในวันมหิดล จังหวัดต่าง ๆ ได้จัดกิจกรรมพัฒนาโรงพยาบาล/สถานพยาบาลภายในพื้นที่จังหวัด
เช่น การทำความสะอาด ปรับปรุงภูมิทัศน์ อาคารสถานที่ของโรงพยาบาลและกิจกรรมสาธารณประโยชน์
เป็นต้น ๓.
การติดตามผลการดำเนินการที่สำคัญของศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน เช่น ความคืบหน้าการดำเนินการโครงการฟาร์มตัวอย่างต้านภัยโควิด-๑๙
ความคืบหน้าการดำเนินโครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โคก หนอง นา
แห่งน้ำใจและความหวัง และความคืบหน้าการพัฒนาคลองเปรมประชากร
การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ไม่ทิ้งขยะลงคลองเปรมประชากร เป็นต้น ๔.
ข้อมูลจำนวนจิตอาสาและกิจกรรมจิตอาสา ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ มีจิตอาสาลงทะเบียน
รวม ๖,๗๐๙,๐๔๙ คน และมีการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา จำนวน ๕๒,๐๔๕ ครั้ง
กิจกรรมจิตอาสาภัยพิบัติ จำนวน ๖๕๖ ครั้ง
และการบรรยายขยายผลให้ความรู้เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์กับประเทศไทย จำนวน ๑,๐๐๑
ครั้ง มีผู้เข้ารับฟังการบรรยาย ๖๓๔,๗๑๑ คน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
637 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 30/2563 | นร.11 | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๓
ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
และพิจารณาความเหมาะสมของการปรับปรุงรายละเอียดของแผนงานหรือโครงการ รวมถึงรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
ราย ๓ เดือน รอบที่ ๒ (ระหว่างวันที่ ๑ สิงหาคม ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๓) ๒. ให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น หน่วยงานเจ้าของโครงการควรเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความรับรู้
ความเข้าใจ ให้ถูกต้องครบถ้วน ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามประเมินผล
และรายงานผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้การดำเนินโครงการมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า
โปร่งใส และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการหรือหารือในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
638 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 ให้แก่ประชาชน | นร. | 01/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกส่วนราชการ
รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐเร่งพิจารณาแผนงาน/โครงการในความรับผิดชอบที่สมควรจะดำเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้แก่ประชาชนดังเช่นทุกปีที่ผ่านมา
และให้นำเสนอแผนงาน/โครงการดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อพิจารณาความเหมาะสมและสอดคล้องในภาพรวม
โดยแผนงาน/โครงการดังกล่าวจะต้องสามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติต่อไปได้ทันในช่วงเวลาปีใหม่ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
639 | การออกพันธบัตรเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) | กค. | 01/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน)
(สพพ.) ดำเนินการกู้ยืมเงินโดยการออกพันธบัตรเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของ สพพ.
วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท สำหรับการดำเนินโครงการก่อสร้างถนนจากเมืองหงสา-บ้านเชียงแมน
(เมืองจอมเพชร แขวงหลวงพระบาง) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จำนวน ๑,๕๔๙.๒๑ ล้านบาท อายุสัญญา ๕ ปี
(ครบกำหนดอายุสัญญา ๒๕ เมษายน ๒๕๖๕ ปัจจุบันอายุสัญญาเงินกู้คงเหลือประมาณ ๒ ปี)
อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ ๒.๙๐ ต่อปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) ให้ สพพ. จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
และหาก สพพ. มีเงินสะสมเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการอื่น
เห็นควรให้นำเงินสะสมดังกล่าวมาชำระหนี้เงินกู้ เพื่อลดภาระงบประมาณและดอกเบี้ยเป็นลำดับแรก
และ (๒) ให้ สพพ.
ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา
และคำนึงถึงความคุ้มค่า ความสามารถในการชำระหนี้ การกระจายภาระหนี้
รวมถึงเสถียรภาพ และความยั่งยืนทางการเงินของ สพพ. เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
640 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 9 และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ 4 | กค. | 01/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(Small and Medium Enterprises : SMEs) ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ ๙ (โครงการ PGS ระยะที่ ๙)
และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ
Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๔ (โครงการ Micro
Entrepreneurs ระยะที่ ๔) พร้อมทั้งอนุมัติงบประมาณวงเงินรวมไม่เกิน
๒๔,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับการดำเนินโครงการ PGS ระยะที่ ๙
และอนุมัติงบประมาณวงเงินรวมไม่เกิน ๕,๗๕๐ ล้านบาท สำหรับการดำเนินโครงการ Micro
Entrepreneurs ระยะที่ ๔ (รวม ๒ โครงการ
ขออนุมัติงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น ๒๙,๗๕๐ ล้านบาท) จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง
(บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น
การจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบเพื่อควบคุมสัดส่วนของภาระค้ำประกันที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
(Non-Performing Guarantee : NPG) โดยพิจารณาสัดส่วนการชดเชยภาระค้ำประกันและอัตราค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อที่เหมาะสม
และจัดทำประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดอย่างถูกต้องครบถ้วนและเป็นรูปธรรม
และการรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ
เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวบรรลุผลสัมฤทธิ์และมีความคุ้มค่าอย่างแท้จริง
รวมทั้งการสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนเร่งรัดดำเนินมาตรการให้ทันต่อสถานการณ์อย่างรอบคอบ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป สำหรับภาระงบประมาณของโครงการฯ ให้กระทรวงการคลัง
(บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม) ดำเนินตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง (บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม)
หารือร่วมกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการฯ
เพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันไม่ให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Guarantee : NPG)
เพิ่มขึ้นในระบบ และหากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินโครงการในระยะต่อไปอีก ให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมประเมินผลการดำเนินโครงการ
(ผลการค้ำประกันสินเชื่อ) ในช่วงที่ผ่านมา
รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย
|