ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 39 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 761 - 780 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
761 | การดำเนินโครงการตามแนวทางประชารัฐ (1 จังหวัด 1 แผนงาน/โครงการ) | มท | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสร้างจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบและความเป็นเจ้าของในการดำเนินนโยบาย/โครงการต่าง ๆ อันจะนำไปสู่การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศตามแนวทางประชารัฐอย่างยั่งยืน คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยกำกับติดตามให้ทุกจังหวัดพิจารณาจัดทำแผนงาน/โครงการตามแนวทางประชารัฐที่เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน อย่างน้อยจังหวัดละ ๑ แผนงาน/โครงการ เช่น โครงการฟื้นฟูและพัฒนาลำน้ำคูคลอง โครงการก่อสร้าง ปรับปรุงและซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ในชุมชน และดำเนินการให้บรรลุผลต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
762 | การขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน | นร52 | 02/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของกรอบแนวทางการดำเนินโครงการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกิจการพลังงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้แนวทางประชารัฐด้วยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน สร้างความมั่นคงทางพลังงาน รวมทั้งช่วยพัฒนาชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน และให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงกรอบแนวทางดังกล่าว โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เช่น การกำหนดให้มีโรงงานไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Power Produce : SPP) ขนาดไม่เกิน ๒๗ เมกะวัตต์ จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ แล้วนำเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. เห็นชอบการจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการบริหารโครงการพลังงานไฟฟ้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ทั้งนี้ ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้พิจารณากำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการอำนวยการดังกล่าวให้ชัดเจนและไม่เกิดปัญหาซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามกฎหมายที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
763 | ขอความเห็นชอบขยายกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 4 | ศธ | 02/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขยายระยะเวลาในการดำเนินโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน รุ่นที่ ๔ ออกไปอีก ๒ ปี จาก ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๓ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ และขอผูกพันงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น ๘๑.๘๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ. เช่น การขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณของส่วนราชการในปีต่อไปต้องดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ควรมีระบบการรายงาน การติดตามและประเมินผลที่ทันต่อสถานการณ์ และควรให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ ในลักษณะดังกล่าวนี้ต่อไปอีกในอนาคต เนื่องจากเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ในการกระจายโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนที่มีผลการเรียนดี มีความประพฤติดี จากครอบครัวที่มีรายได้น้อยทั่วประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในกรณีที่กระทรวงศึกษาธิการประสงค์จะดำเนินโครงการฯ รุ่นต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาทบทวนเงื่อนไข หลักเกณฑ์การรับทุนการศึกษาให้เหมาะสมและรัดกุมยิ่งขึ้น รวมทั้งให้จัดทำข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น (๑) ผลการดำเนินโครงการฯ ปัญหา อุปสรรคที่ผ่านมา และแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่เป็นรูปธรรม (๒) เหตุผล ความจำเป็น ในการดำเนินโครงการฯ รุ่นต่อไป และความเป็นไปได้ที่จะมีจำนวนนักเรียนทุนได้ตรงตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ (๓) การวางแผนและเตรียมกำลังคนให้พร้อมในสาขาวิชาต่าง ๆ ทั้งสาขาวิชาที่ขาดแคลนและสาขาวิชาที่สอดรับกับสภาวการณ์ของประเทศไทย เพื่อให้ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต รวมทั้งแนวทางการจัดสรรตำแหน่งงานรองรับทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนภายหลังจากการสำเร็จการศึกษา เป็นต้น และนำเสนอคณะรัฐมนตรีประกอบการพิจารณาอนุมัติโครงการฯ ด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ. เร่งรัดการดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง การจัดสรรทุนรัฐบาลให้แก่หน่วยงานของรัฐ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
764 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีปัญหาในการดำเนินงานด้านกระบวนการยุติธรรมที่พบจากการดำเนินโครงการตรวจเยี่ยมสถานที่เสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน | สม | 02/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีปัญหาในการดำเนินงานด้านกระบวนการยุติธรรมที่พบจากการดำเนินโครงการตรวจเยี่ยมสถานที่เสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยข้อเสนอแนะในครั้งนี้มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับปัญหาความแออัดของเรือนจำ จำนวนบุคลากรราชทัณฑ์ที่ไม่เพียงพอ และปัญหาการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขของเรือนจำ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
765 | ของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2563 ของกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 02/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการ/กิจกรรมของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ของกระทรวงยุติธรรม โดยส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมได้กำหนดการดำเนินการโครงการ/กิจกรรม รวม ๒๓ โครงการ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกในการอำนวยความยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำเพื่อประโยชน์ต่อประชาชน ได้แก่ การลดภาระค่าใช้จ่ายและช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงความยุติธรรม การให้บริการความรู้และความเข้าใจด้านกฎหมาย การบริการงานยุติธรรมช่วงเทศกาลปีใหม่ และการบริการงานยุติธรรมผ่านระบบเทคโนโลยี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
766 | การบูรณาการข้อมูลร่วมกันของศูนย์บริการของภาครัฐในชุมชน | นร04 | 02/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า โดยที่ปัจจุบันรัฐบาลมีศูนย์บริการประชาชนในด้านต่าง ๆ กระจายอยู่ทั่วประเทศ เช่น ศูนย์ดำรงธรรม ของกระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่แก้ไขปัญหาและพัฒนาการทำการเกษตรในพื้นที่ต่าง ๆ ศูนย์ดิจิทัลชุมชน ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทำหน้าที่เป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างภาครัฐและประชาชน ดังนั้น เพื่อให้การบริการประชาชนของศูนย์บริการต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งก่อให้เกิดการสื่อสารแบบสองทางกับประชาชนทั้งในด้านการรับฟังข้อมูลความคิดเห็นและความต้องการของประชาชน และในด้านการเผยแพร่ข้อมูลและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับนโยบายการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางในการบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันและเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างศูนย์บริการต่าง ๆ ดังกล่าว เพื่อให้สามารถดำเนินการให้บริการประชาชนในเรื่องต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ ครบวงจร ตลอดจนสามารถให้บริการข้อมูลและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับนโยบาย/โครงการของรัฐบาลที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ทั่วถึง รวมถึงการรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริงเพื่อวิเคราะห์และดำเนินการแก้ไขปัญหาได้ตรงตามความต้องการของประชาชนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
767 | การส่งเสริมการปลูกพืชพลังงานเพื่อโรงไฟฟ้าชุมชน | นร04 | 02/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากบรรลุผล เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างรายได้ สร้างอาชีพ และลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าชุมชน โดยการให้เกษตรกรในพื้นที่ดังกล่าวปรับเปลี่ยนมาปลูกพืชพลังงานและนำวัสดุทางการเกษตรมาจำหน่ายเพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้แก่โรงไฟฟ้าชุมชน คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการส่งเสริมให้เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ที่จะมีการสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียงปรับเปลี่ยนแนวทางการเพาะปลูกมาปลูกพืชพลังงานเพื่อจำหน่ายให้แก่โรงไฟฟ้าให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความเหมาะสมของปริมาณของพืชพลังงานดังกล่าวให้สอดคล้องกับความต้องการของโรงไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่ รวมถึงเหมาะสมกับสภาพของดินในพื้นที่นั้น ๆ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
768 | รายงานการดำเนินโครงการเหมืองแร่โพแทชและเกลือหินของบริษัท ไทยคาลิ จำกัด | อก | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการดำเนินโครงการเหมืองแร่โพแทชและเกลือหินของบริษัท ไทยคาลิ จำกัด โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้อนุญาตประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินชนิดแร่โพแทชและเกลือหินแก่บริษัท ไทยคาลิ จำกัด โดยผ่านขั้นตอนที่ ๑ คือ การดำเนินการคำขอประทานบัตรในพื้นที่ และขั้นตอนที่ ๒ คือ การพิจารณาอนุญาตประทานบัตรของกระทรวงอุตสาหกรรมเรียบร้อยแล้ว ส่วนขั้นตอนที่ ๓ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย คือ การตรวจเปิดการประกอบการก่อนการเปิดการทำเหมืองและการผลิตจริงอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ได้มีคำสั่งที่ ๑๐๘/๒๕๖๒ เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานการตรวจสอบการทำเหมืองใต้ดินแบบมีส่วนร่วมประทานบัตรเลขที่ ๒๘๘๓๑/๑๖๑๓๗ ของบริษัท ไทยคาลิ จำกัด และเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๒ คณะทำงานฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ ณ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เพื่อประกอบการขออนุญาตเปิดการทำเหมืองใต้ดินชนิดแร่โพแทชและเกลือหินของบริษัทฯ พบว่า ผู้ถือประทานบัตรได้ดำเนินการตามเงื่อนไขแนบท้ายประทานบัตร รวมถึงมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ต้องดำเนินการก่อนเปิดการทำเหมืองครบถ้วนแล้ว พร้อมทั้งได้ก่อสร้างโรงแต่งแร่เป็นไปตามแผนผังโครงการทำเหมืองแร่ จัดเตรียมเครื่องจักร อุปกรณ์ และบุคลากรพร้อมที่จะทำเหมืองแล้ว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญในการสนับสนุนการใช้กองทุนสุขภาพ เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวังป้องกันและส่งเสริมสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานบริษัทฯ ดำเนินการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้บุคลากรและชุมชนในพื้นที่ให้เข้าใจกระบวนการและเทคโนโลยีการทำเหมืองแร่โพแทช เพื่อให้ชุมชนรู้และเข้าใจผลสัมฤทธิ์ที่ได้รับจากโครงการ รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพก่อนการเปิดการทำเหมืองและผลิตจริง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบและข้อร้องเรียนภายหลังเปิดการทำเหมืองและผลิตแร่ นอกจากนี้ ให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ หน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในพื้นที่ร่วมดำเนินการกำกับ ดูแล และติดตามการทำเหมืองแร่โพแทชเป็นระยะ เพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมให้เกิดความน่าเชื่อถือและไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลและควบคุมการดำเนินโครงการเหมืองแร่โพแทชและเกลือหิน รวมทั้งการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้อง เกิดประโยชน์สูงสุด และไม่เกิดผลกระทบต่อชุมชน ประชาชน และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
769 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) | กค | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๕ (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) สำหรับงานในฝั่ง สปป.ลาว ในรูปแบบเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนทั้งจำนวน วงเงินรวม ๑,๓๘๐,๐๖๗,๐๐๐ บาท และอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินเป็นรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ รวมระยะเวลา ๕ ปี รวมวงเงินที่จะขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณทั้งสิ้นเท่ากับ ๖๙๐,๐๓๓,๕๐๐ บาท รวมทั้งมอบหมาย สพพ. ดำเนินการกู้เงิน จำนวน ๖๙๐,๐๓๓,๕๐๐ บาท ตามรูปแบบและเงื่อนไขที่กำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยในกรณีที่ สปป.ลาว ผิดนัดชำระหนี้ ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. พิจารณาใช้เงินสะสมของหน่วยงานในการชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนแหล่งเงินกู้เป็นลำดับแรกก่อน รวมทั้งให้เร่งบรรจุวงเงินกู้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และขอจัดสรรงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงควรเร่งประสานกับ สปป.ลาว ในการจัดทำแผนปฏิบัติการในการดำเนินโครงการดังกล่าว โดยให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการและเปิดใช้งานได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี ๒๕๖๖ ต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย สพพ. ดำเนินการติดตามสภาวะเศรษฐกิจและประเมินความเสี่ยงด้านความสามารถในการชำระหนี้ของ สปป.ลาว อย่างใกล้ชิด และรายงานให้คณะกรรมการบริหาร สพพ. ทราบเป็นระยะ ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
770 | โครงการของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี 2563 ของกระทรวงพลังงาน | พน | 24/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. การปรับลดราคาน้ำมัน ๑.๑ กระทรวงพลังงานดำเนินการให้มีการลดราคาขายปลีกน้ำมันบี ๑๐ และ อี ๒๐ ลง ๑ บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๒ ถึง ๑๐ มกราคม ๒๕๖๓ ๑.๒ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ตรึงราคาน้ำมันตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๒ ถึง ๒ มกราคม ๒๕๖๓ เพื่อลดค่าใช้จ่ายระหว่างการเดินทางช่วงปีใหม่ ๒. การตรึงราคาค่าไฟฟ้า กระทรวงพลังงานดำเนินการให้มีการคงอัตราค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บเดือนมกราคม ถึง เมษายน ๒๕๖๓ จำนวน -๑๑.๖๐ สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ ๓.๖๔ บาทต่อหน่วยอีก ๔ เดือน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
771 | แผนงาน/โครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ (ปีพุทธศักราช 2563) ให้แก่ประชาชน | กห | 17/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนงาน/โครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ (ปีพุทธศักราช ๒๕๖๓) ให้แก่ประชาชน ภายใต้การดำเนินโครงการ “เติมความสุข ให้คนไทย จากใจทหาร” ระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๒-๖ มกราคม ๒๕๖๓ โดยแบ่งเป็น ๓ กลุ่มงานหลัก ได้แก่ งานสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน งานการช่วยเหลือประชาชน และงานให้บริการและอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
772 | การลงนามในร่างความตกลงสำหรับดำเนินโครงการภายใต้กองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง | ทส | 17/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงสำหรับดำเนินโครงการภายใต้กองทุนพิเศษกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง จัดทำขึ้นระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณโครงการที่ได้รับอนุมัติจากฝ่ายจีนให้เกิดประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมสำหรับความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดโครงการที่ได้รับสนับสนุนงบประมาณ จำนวน ๑ โครงการ คือ โครงการสาธิตการบรรเทาความยากจน โดยภาคการป่าไม้ในประเทศ (Demonstration on Forestry Poverty Alleviation in Thailand) จำนวน ๒,๔๓๐,๐๐๐ หยวน (RMB) โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มอบหมายให้กรมป่าไม้รับผิดชอบในการวางแผนและดำเนินโครงการฯ รวมทั้งบริหารงบประมาณโครงการฯ โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำหน้าที่กำกับ ดูแล ตรวจสอบความก้าวหน้า ประสิทธิภาพของการดำเนินโครงการและการใช้งบประมาณให้เป็นไปตามข้อกำหนด ๑.๒ อนุมัติให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
773 | ขออนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง ระหว่างสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย | นร14 | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ระหว่างสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการกองทุนพิเศษล้านช้าง-แม่โขง ในโครงการวิจัยร่วมเพื่อการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดนด้านอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำสาย-น้ำรวก ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นผู้เสนอโครงการฯ และสาธารณรัฐประชาชนจีนได้อนุมัติและจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการฯ จำนวน ๒,๔๕๐,๐๐๐ หยวน โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นผู้ดำเนินโครงการ ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน รวมทั้งทำให้มีระบบการติดตามและประเมินผล และรายงานผลการดำเนินโครงการฯ ต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเพื่อทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
774 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2562 | กค | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินลดภาระการผ่อนดาวน์ที่ได้รับจากมาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๖๒) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและอนุมัติงบประมาณ ดังนี้ ๒.๑ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ และปีต่อ ๆ ไป เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ ในส่วนเพิ่มเติม จำนวน ๒,๖๖๗.๓๕ ล้านบาท ๒.๒ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ และปีต่อ ๆ ไป เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ จำนวน ๒๖,๔๕๘.๘๙ ล้านบาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติม และให้กระทรวงการคลังแจ้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับลดกรอบวงเงินดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ทันต่อสถานการณ์ มีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ ทั้งในส่วนของข้อมูลด้านการลงทะเบียนเกษตรกร จำนวนเกษตรกร ปริมาณผลผลิตต่อไร่ จำนวนพื้นที่เพาะปลูก รวมถึงการจัดทำประมาณการต้นทุนทางการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ถูกต้องอย่างเหมาะสม ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่ทางราชการและเกษตรกรจะได้รับจากการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน สำหรับใช้ประกอบการกำหนดนโยบายของภาครัฐที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป นอกจากนี้ เห็นควรให้ ธ.ก.ส. ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามความเหมาะสมและความจำเป็น และดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
775 | มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2562/63 (คู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว) | พณ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรายงานว่า ณ วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ วงเงินที่รัฐบาลสามารถรับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดำเนินการ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้ประกาศกำหนดไว้ ตามมาตรา ๒๘ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ยังเหลือเพียงพอต่อการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ ของกระทรวงพาณิชย์ ๒. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๒.๑ รับทราบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ (คู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว) ได้แก่ (๑) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก กรณีค่าฝากเก็บและค่ารักษาคุณภาพข้าวเปลือก วงเงิน ๑,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท (๒) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโดยสถาบันเกษตรกร วงเงิน ๕๖๒.๕๐ ล้านบาท และ (๓) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก วงเงิน ๕๑๐ ล้านบาท เพื่อดูดซับปริมาณข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก เป้าหมาย ๖.๕ ล้านตันข้าวเปลือก วงเงิน ๒,๕๗๒.๕ ล้านบาท จากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ๒.๒ เห็นชอบการอนุมัติจัดสรรวงเงินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก (เพิ่มเติม) โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ขอจัดสรรวงเงินจากงบประมาณ ปี ๒๕๖๔ และปีถัด ๆ ไป วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๓๗๐.๗๒ ล้านบาท จำแนกเป็นค่าชดเชยดอกเบี้ย ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน ของ ธ.ก.ส. (ปัจจุบันร้อยละ ๑.๔ ต่อปี) บวก ๑ เท่ากับ ๒.๔๐ ต่อปี ซี่งเป็นอัตราที่กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และ ธ.ก.ส. ทำความตกลงในการชดเชยต้นทุนเงินให้ ธ.ก.ส. และกระทรวงการคลังได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบแล้ว เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ และค่าบริหารโครงการฯ ในอัตราร้อยละ ๒ ต่อปี ระยะเวลา ๖ เดือน รวมวงเงิน ๓๔๐.๐๐ ล้านบาท และค่าใช้จ่ายกรณีที่มีการระบาย ได้แก่ ค่าขนย้ายข้าวเปลือก ต้นทุนเงินค่าขนย้ายข้าว และส่วนต่างภาระขาดทุนจากการระบายข้าว วงเงิน ๑,๐๓๐.๗๒ ล้านบาท ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์ ธ.ก.ส. และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการบริหารจัดการการผลิต การระบาย และการค้าข้าว ให้มีประสิทธิภาพอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ รวมถึงจัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐาน เพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้องและทันต่อสถานการณ์ ทั้งในส่วนของข้อมูลด้านการลงทะเบียนเกษตรกร จำนวนเกษตรกร ปริมาณผลผลิตต่อไร่ จำนวนพื้นที่เพาะปลูก ปริมาณการเก็บกักข้าว ให้มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามและการประเมินผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะได้รับจากการดำเนินโครงการ เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน สำหรับใช้ประกอบการกำหนดนโยบายของภาครัฐที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป นอกจากนี้ ควรมีการประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ ก่อนดำเนินโครงการ อาทิ เรื่องค่าใช้จ่ายในการฝากเก็บรักษาข้าวเปลือกของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในกรณีที่ไม่มียุ้งฉางของตนเอง การเก็บรักษาข้าวเปลือกหลักประกันตลอดระยะเวลาโครงการฯ และวิธีการเก็บรักษาข้าวเปลือกของสถาบันเกษตรกร เพื่อให้โครงการ เกิดผลในทางปฏิบัติและบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนของที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
776 | โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมาตรการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2562/63 | พณ | 11/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรายงานว่า ณ วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ วงเงินที่รัฐบาลสามารถรับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดำเนินการ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้ประกาศกำหนดไว้ ตามมาตรา ๒๘ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ยังเหลือเพียงพอต่อการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมาตรการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๒/๖๓ ของกระทรวงพาณิชย์ ๒. รับทราบและอนุมัติตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๒.๑ อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๒/๖๓ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๙๒๓,๓๓๒,๓๓๒.๘๐ บาท ๒.๒ อนุมัติมาตรการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๒/๖๓ ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี ๒๕๖๒/๖๓ วงเงิน ๔๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒.๓ รับทราบมาตรการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๒/๖๓ ประกอบด้วยการบริหารจัดการการนำเข้า การดูแลความเป็นธรรมในการซื้อขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ การดูแลความสมดุลการเพิ่มช่องทางการจำหน่าย และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เก็บสต็อกผลผลิต ๒.๔ เห็นชอบเพิ่มผู้แทนกรมศุลกากรเป็นกรรมการในองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น กระทรวงพาณิชย์ควรร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และกระทรวงมหาดไทย เพื่อติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด ทั้งการตรวจสอบการรับสิทธิ การสำรวจพื้นที่และผลผลิตที่เข้าร่วมโครงการที่จะต้องมีความรัดกุมและตรวจสอบได้ก่อนจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างรายได้ เพื่อให้การดำเนินโครงการมีความน่าเชื่อถือ เกษตรกรได้รับการช่วยเหลือคุ้มค่างบประมาณ และอยู่ภายใต้กรอบพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบการลักลอบการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้ปริมาณการลักลอบนำเข้าส่งผลกระทบต่อราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
777 | ขอผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2530 วันที่ 23 กรกฎาคม 2534 วันที่ 22 สิงหาคม 2543 และวันที่ 17 ตุลาคม 2543 ที่ห้ามมิให้อนุญาตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลน ในทุกกรณี เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ (เกาะพระทอง จังหวัดพังงา) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ ที่ห้ามมิให้อนุญาตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลนในทุกกรณี เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ (เกาะพระทอง จังหวัดพังงา) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลให้ กฟภ. ดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งการจัดสรรงบประมาณให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนไม่น้อยกว่า ๒๐ เท่า ของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์ตามระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม กรณีการดำเนินโครงการใด ๆ ของหน่วยงานรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. ๒๕๕๖ ด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินโครงการฯ รวมถึงติดตามคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และ (๒) กำหนดมาตรการแนวทางในการกำหนดกิจกรรมในพื้นที่ชุมชนและการใช้ประโยชน์ให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ การจัดทำผังการใช้ประโยชน์ที่ดินบนเกาะ โดยคำนึงถึงขีดความสามารถในการรองรับของพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว เป็นต้น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
778 | การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติ | นร11 | 03/12/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการกำหนดหน่วยงานเจ้าภาพและภารกิจในการขับเคลื่อนประเด็นแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ หน่วยงานเจ้าภาพขับเคลื่อนเป้าหมายระดับประเด็นของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และหน่วยงานเจ้าภาพขับเคลื่อนเป้าหมายระดับแผนย่อยของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และมอบหมายให้หน่วยงานเจ้าภาพประสานและบูรณาการการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ๑.๒ เห็นชอบแนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓ ในส่วนของแผนปฏิบัติการด้าน... และมอบหมายสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากำกับการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว เพื่อให้เกิดการถ่ายระดับของแผนทั้งสามระดับอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งเห็นชอบให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนเร่งรัดดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติราชการ แผนวิสาหกิจ และแผนปฏิบัติการ ตามลำดับ และขอความร่วมมือให้หน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติราชการ โดยให้ใช้ชื่อตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้เกิดการถ่ายทอดเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งนำเข้าแผนในระบบการติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (Electronic Monitoring and Evaluation System of National Strategy and Country Reform : eMENSCR) ๑.๓ เห็นชอบให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานของรัฐในการจัดทำโครงการสำคัญ นำไปสู่การก่อให้เกิดการสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติให้บรรลุผลตามเป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่วางไว้ได้อย่างเป็นรูปธรรม และใช้เป็นคำของบประมาณประจำปี ๒๕๖๔ ต่อไป ๑.๔ มอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการ (๑) นำเข้าข้อมูลผลการดำเนินโครงการ/การดำเนินงานในความรับผิดชอบในระบบ eMENSCR ให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๒ และ (๒) นำเข้าข้อมูลสถิติ สถานการณ์ หรือข้อมูลอื่นใดในระบบ eMENSCR สำหรับการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ให้เกิดการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายเดียวกันอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป รวมทั้งเชื่อมโยงระบบข้อมูลสารสนเทศในความรับผิดชอบ โดยเฉพาะระบบข้อมูลสารสนเทศด้านงบประมาณของสำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางเข้ากับระบบ eMENSCR นอกจากนี้ ให้หน่วยงานที่อยู่ระหว่างหรือจะดำเนินการพัฒนาระบบการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลใช้ระบบ eMENSCR ในการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล ก่อนที่จะมีการพัฒนาระบบ ๑.๕ เห็นชอบการปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และมอบหมายคณะกรรมการปฏิรูปประเทศดำเนินการตามขั้นตอนและกรอบระยะเวลาของกฎหมาย ทั้งนี้ ในการรับฟังความคิดเห็นของภาคส่วนต่าง ๆ ให้ดำเนินการร่วมกัน เพื่อประสิทธิภาพในการดำเนินการ การประหยัดเวลาและงบประมาณต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เช่น ควรให้ทบทวนความคุ้มค่าของผลสัมฤทธิ์ที่ได้ตามแผนระดับที่ ๓ และควรให้คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง เป็นผู้กำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนและบูรณาการการปฏิรูปประเทศด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
779 | ขอความเห็นชอบการลงทุน และกู้ยืมเงินในโครงการจัดตั้งฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง | กษ | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ยืมเงิน จำนวน ๕๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท จากกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ สำหรับลงทุนในการจัดตั้งฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง (Thai-Denmark Smart Dairy Farm) ๑.๒ อนุมัติงบลงทุนประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ เพิ่มเติม (เพิ่มเติมจากแผนงบลงทุนปกติประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) สำหรับการจัดตั้งฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง (Thai-Denmark Smart Dairy Farm) ของ อ.ส.ค. จำนวนเงิน ๕๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท เป็นงบลงทุนระยะยาว ๙ ปี เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๖๓-๒๕๗๑ โดยมีวงเงินดำเนินการและเบิกจ่ายในปีงบประมาณ ๒๕๖๓ จำนวนเงิน ๓๗,๙๑๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ อ.ส.ค. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การเร่งรัดการดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ การกำหนดนโยบายของการจัดตั้งฟาร์มโคนมสาธิตให้มีความชัดเจน และกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อใช้ในการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินโครงการฯ การกำหนดมาตรการการดำเนินงาน และการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยง เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินในอนาคต การบริหารจัดการและควบคุมการดำเนินงานด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้และการกระจายภาระการชำระหนี้อย่างเหมาะสม รวมทั้งดำเนินการก่อหนี้และบริหารหนี้ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด และการดำเนินการตามข้อกำหนดของกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
780 | โครงการโรงเรียนประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้ | ศธ | 26/11/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการดำเนินโครงการโรงเรียนประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และ ๔ อำเภอของจังหวัดสงขลา (อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย) โดยปรับให้โรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในพื้นที่ของแต่ละอำเภอ อำเภอละ ๑ แห่ง เป็นโรงเรียนประจำพักนอน จำนวน ๖๕ หลัง เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนที่ยากจน นักเรียนที่ถูกทอดทิ้ง ไม่มีผู้อุปการะ และนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เข้ารับบริการทางการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึงอันจะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและยกระดับคุณภาพการศึกษาในพื้นที่เป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาในพื้นที่ต่อไป โดยมีกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๖ จำนวน ๓,๔๑๖.๕๔ บาท ได้แก่ หมวดงบดำเนินงาน งบลงทุน และงบอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการโรงเรียนประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศใช้บังคับแล้ว ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ ให้ สพฐ. ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยให้จัดทำรายละเอียดประมาณการค่าใช้จ่ายเพื่อประกอบการพิจารณาของสำนักงบประมาณให้เหมาะสม สอดคล้องกับจำนวนนักเรียนที่มีอยู่จริง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์เป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น กระทรวงศึกษาธิการควรพิจารณาทบทวนแผนการลงทุนตามความเหมาะสมจำเป็นโดยอาจใช้แนวทางเลือกอื่นบนฐานการใช้ทรัพยากรร่วมกันในพื้นที่กับโรงเรียนราชประชานุเคราะห์หรือโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ หรือใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกับโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการและรายงานผลต่อนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทราบเป็นระยะ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
.....