ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 152 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 3021 - 3040 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3021 | โครงการจัดทำระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการบริหารข้อมูลข่าวสารทางการเงิน การคลัง และข้อมูลโรงพยาบาล ของกระทรวงสาธารณสุข | ทก | 30/03/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานผลการดำเนิน
โครงการจัดทำระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการบริหารข้อมูล ข่าวสารทางการเงิน การคลัง และข้อมูลโรงพยาบาล ของ กระทรวงสาธารณสุข โดยได้ประชุมหารือในเรื่องดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากผลการหารือได้ข้อสรุป ดังนี้ สำนักงานกำกับและบริหารโครงการ GFMIS ยืนยันว่า โครงการจัดทำระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการบริหารข้อ มูล ข่าวสารทางการเงิน การคลัง และข้อมูลโรงพยาบาล ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สามารถรองรับและเป็นประโยชน์ ต่อการดำเนินโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรคนั้น ในทางปฏิบัติมีหลายส่วนที่ซ้ำซ้อน กับระบบ Back Office ของโครงการ GFMIS แต่ในเบื้องต้น โครงการ GFMIS ยังไม่ดำเนินการในส่วนของหน่วยงาน ย่อย เช่น โรงพยาบาล ซึ่งมีแผนที่จะดำเนินการในระยะต่อไปภายหลังปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 อย่างไรก็ตาม หากกระทรวงสาธารณสุขเห็นว่าโครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ก็สามารถดำเนินการได้ เอง แต่ต้องประสานเงื่อนไขและเชื่อมโยงเพื่อให้การ Interface เข้ากับระบบ Back Office ของโครงการ GFMIS โดย อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน และใช้รหัสมาตรฐานต่าง ๆ ที่กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ และสำนักงานกำกับและ บริหารโครงการ GFMIS กำหนด
|
||||||||||||||||||||||||
3022 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ครั้งที่ 1/2547 | คค | 23/03/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานสรุปผลการประชุมคณะกรรมการจัดระบบ
การจราจรทางบก ครั้งที่ 1/2547 โดยที่ประชุมได้พิจารณาเกี่ยวกับแผนงานพัฒนาระบบขนส่งมวลชนระบบราง ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเห็นชอบโครงข่ายภาพรวมและกรอบแผนการดำเนินงาน และรับทราบ กรอบวงเงินลงทุน โดยให้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาแผนการระดมเงินทุนที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาระบบ ขนส่งมวลชนระบบรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณ เพื่อดำเนินการในระยะแรก รวมทั้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมดำเนินการเจรจาซื้อคืนสัมปทานการเดิน รถของบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTS) และบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (BMCL) ใน ราคาที่เหมาะสม กับเห็นชอบแผนงานพัฒนาระบบถนนและทางด่วน ประกอบด้วย โครงการระบบทางด่วน ของ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จำนวน 4 โครงการ แผนงานโครงการของกรมทางหลวง (ทล) จำนวน 15 โครง การ แผนงานของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) จำนวน 5 โครงการ และแผนงาน/โครงการของ กทม. จำนวน 7 แผนงาน/โครงการ ในส่วนของแผนงานพัฒนาระบบรถไฟ ที่ประชุมเห็นชอบโครงการก่อสร้างรถไฟเส้นทางคู่ใน เส้นทางชายฝั่งทะเลตะวันออก ตอนฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-ท่าเรือแหลมฉบัง โดยให้กระทรวงการคลังและสำนัก งบประมาณจัดหาแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม และให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พิจารณาเรื่องการใช้ Truck Terminal แทนการขยาย ICD แห่งที่ 2 สำหรับการดำเนินโครงการก่อสร้างเส้นทางลัดสู่ภาคใต้ (สมุทรสาคร- แหลมผักเบี้ย-ชะอำ) ที่ประชุมเห็นชอบแผนฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมพื้นที่โดยรอบโครงการ ฯ โดยมอบหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องรับไปดำเนินการตามแผนดังกล่าว และเห็นชอบแนวทางการออกแบบเพื่อจัดทำเอกสารประกวดราคาโครง การ ฯ และอนุมัติว่าจ้างกลุ่มมหาวิทยาลัย 4 สถาบันเดิม หรือกลุ่มมหาวิทยาลัยในประเทศ เพื่อทำการออกแบบ รายละเอียดโครงการ ฯ และให้กรมทางหลวงจัดจ้างที่ปรึกษาโครงการ ฯ เพื่อควบคุมผู้ออกแบบและช่วยในการ พิจารณาข้อเสนอของผู้เข้าประกวดราคา ทั้งนี้ในการออกแบบสำหรับถนนบนบกให้ทำแบบถึง Detailed Design ส่วนสะพานในทะเลให้ทำแบบถึง Definitive Design
|
||||||||||||||||||||||||
3023 | ยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม) และยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ด้านความมั่นคง) (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่'ชาติ) (วาระสำคัญของรัฐบาล) | นร | 16/03/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) เสนอยุทธ
ศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และด้านความมั่นคง) โดยอนุมัติ กรอบวงเงินงบประมาณเพื่อการดำเนินโครงการ/แผนงาน ภายใต้ยุทธศาสตร์ ฯ ดังนี้ ด้านพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคม วงเงินสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จำนวน 6,000 ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 3,000 ล้านบาท ด้านความมั่นคง วงเงินสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จำนวน 2,000 ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 1,000 ล้านบาท และให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีรองนายก รัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) เป็นประธาน รองนายกรัฐมนตรี (นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา) รัฐมนตรีว่า การกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็น กรรมการเพื่อพิจารณากลั่นกรอง และจัดลำดับความสำคัญของแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการตาม ยุทธศาสตร์ดังกล่าวที่เหมาะสม ไม่ซ้ำซ้อน และสมควรจะดำเนินการภายในกรอบวงเงินที่จัดสรร แล้วเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งโดยด่วน ทั้งนี้ ในการพิจารณากลั่นกรองโครงการ ฯ ให้คณะกรรมการคำนึง ถึงความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนของแผนงาน/โครงการ ในการแก้ไขปัญหา หรือการปรับปรุงพัฒนาที่ สามารถตอบสนอง และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว และเห็นผลเป็นรูป ธรรม แต่หากคณะกรรมการพิจารณาเห็นว่า มีแผนงาน/โครงการใดจำเป็นต้องดำเนินการเพิ่มเติมนอกเหนือ จากกรอบวงเงินดังกล่าว ก็ให้เสนอมาเพื่อพิจารณาด้วย นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า แผน งาน/โครงการที่เกี่ยวกับการขอเพิ่มอัตรากำลังหรือการจ้างบุคลากรเพิ่มเติม ซึ่งจะมีผลผูกพันและเป็นภาระงบ ประมาณในระยะยาว เช่น โครงการของกระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น ให้ถือเป็นหลักปฏิบัติ โดยกรณีส่วนราช การได้รับอนุมัติอัตรากำลังและงบประมาณไว้แล้ว ให้ดำเนินการต่อไปได้ หากส่วนราชการได้รับอนุมัติอัตรา กำลังไว้แล้วแต่ยังมิได้รับอนุมัติงบประมาณสำหรับเป็นเงินเดือน/ค่าจ้าง ให้ถือว่าคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติในครั้ง นี้ สำหรับกรณีการขออนุมัติอัตรากำลังนอกเหนือจากที่กล่าว ให้ส่วนราชการรอผลการพิจารณาการเกลี่ย อัตรากำลังของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ซึ่งพิจารณาเกลี่ยอัตรา กำลังจากการเกษียณอายุราชการและจากผู้ที่ออกจากราชการตามมาตรการเปลี่ยนแปลง พัฒนาและบริหาร กำลังคน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงคืนให้กับส่วนราชการที่จำเป็นจะต้องมีบุคลากรปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อน หากไม่เพียงพอก็ให้ส่วนราชการนั้น ๆ เสนอขออนุมัติเพิ่มเติมในภายหลัง และ อนุมัติในหลักการแผนงาน/โครงการของกระทรวงสาธารณสุข ในส่วนของการจัดหารถพยาบาลสำหรับการ ส่งต่อผู้ป่วย เนื่องจากเป็นเรื่องจำเป็นและเกี่ยวข้องกับการรักษาผู้เจ็บป่วยในพื้นที่ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
3024 | รายงานผลการดำเนินโครงการจำหน่ายสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัวและ 2 ตัว | กค | 09/03/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล รายงานผล
การดำเนินโครงการจำหน่ายสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว ซึ่งออกจำหน่ายตั้งแต่งวดประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2546 จนถึงงวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2546 รวม 7 งวด มียอดกำไรสุทธิรวม 2,047,599,988 บาท โดยการออกสลากในแต่ละงวด มีผู้ถูกรางวัลคิดเป็นอัตราร้อยละ 50-66 ของยอดจำหน่ายสลาก ซึ่ง ถือเป็นอัตราปกติ นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ประกอบด้วย ส่วนลดของตัวแทนจำหน่าย ร้อยละ 12 ค่า ใช้จ่ายในการดำเนินงาน ร้อยละ 7.5 และค่าภาษีการพนันร้อยละ 0.5
|
||||||||||||||||||||||||
3025 | รายงานผลการดำเนินโครงการจำหน่ายสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัวและ 2 ตัว | กค | 09/03/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล รายงานผล
การดำเนินโครงการจำหน่ายสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว ซึ่งออกจำหน่ายตั้งแต่งวดประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2546 จนถึงงวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2546 รวม 7 งวด มียอดกำไรสุทธิรวม 2,047,599,988 บาท โดยการออกสลากในแต่ละงวด มีผู้ถูกรางวัลคิดเป็นอัตราร้อยละ 50-66 ของยอดจำหน่ายสลาก ซึ่ง ถือเป็นอัตราปกติ นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ประกอบด้วย ส่วนลดของตัวแทนจำหน่าย ร้อยละ 12 ค่า ใช้จ่ายในการดำเนินงาน ร้อยละ 7.5 และค่าภาษีการพนันร้อยละ 0.5
|
||||||||||||||||||||||||
3026 | สรุปผลการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาโครงการจัดการน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษจังหวัดสมุทรปราการ | ทส | 09/03/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปผลการ
ดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาโครงการจัดการน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ โดยได้แจ้งความ ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินคดีอาญา กิจ การร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี บริษัทปาล์มบีช ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด และบริษัทคลองด่านมารีน แอนฟิชเชอร์รี่ จำกัด ฐานร่วมกันฉ้อโกงการจัดซื้อที่ดินในโครงการจัดการน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ และให้ดำเนินคดีอาญา กิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี กรณีที่มีการถอนตัวของบริษัท นอร์ธเวสต์ วอเตอร์ อิน เตอร์เนชั่นแนล และได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองปราบปราม สำนักงานตำรวจ แห่งชาติ ให้ดำเนินคดีอาญา บริษัทปาล์มบีช ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด ในความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงาน ผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ และความผิดฐานใช้ เอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดดังกล่าว และดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่ของรัฐในฐานความผิดเป็น เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดและปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และได้ ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2546 โดยดำเนินการยื่นฟ้องคดีอาญา กิจการร่วม ค้าเอ็นวีพีเอสเคจี กับพวกในข้อหาฉ้อโกง ในส่วนของกลุ่มธนาคารผู้ค้ำประกัน ได้ดำเนินการฟ้องคดีแพ่งกับ กลุ่มธนาคารผู้ค้ำประกันต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้เรียกให้ชำระหนี้ตามหนังสือสัญญาค้ำประกัน และได้ขอให้ พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีแพ่งกับกิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจีเพื่อเรียกร้องเงินค่าจ้างและเงินอื่น ๆ ที่ได้จ่ายไปคืนมาตามมูลหนี้เรื่องลาภมิควรได้ นอกจากนี้ ได้มีการเพิกถอนโฉนดที่ดิน จำนวน 4 โฉนดทั้ง แปลง ประกอบด้วย โฉนดที่ดินเลขที่ 15024 โฉนดที่ดินเลขที่ 13150 โฉนดที่ดินเลขที่ 13817 และโฉนดที่ ดินเลขที่ 15528 ในการนี้ ได้ว่าจ้างที่ปรึกษากฎหมายเพื่อปฏิบัติงานสนับสนุนการตรวจสอบ และสอบสวน ข้อเท็จจริงต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับระเบียบและข้อกฎหมาย และว่าจ้างกลุ่มที่ปรึกษาเพื่อประเมินความเหมาะ สมของการดำเนินโครงการ ฯ เพื่อวิเคราะห์และจัดทำทางเลือกในการแก้ไขปัญหา รวมทั้งได้ให้สถาบันวิชา การศึกษาวิเคราะห์ทางสังคม และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินโครงการ ฯ กำหนดแล้วเสร็จ ภายในเดือนกันยายน 2547 ทั้งนี้ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้รับผิดชอบ ดูแล ติดตามการดำเนินการในคดีต่าง ๆ ตลอดจนให้คำปรึกษาแนะนำแก่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม และส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
3027 | ผลการประชุมรัฐมนตรี BIMST-EC ครั้งที่ 6 | กต | 10/02/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการประชุมรัฐมนตรี BIMST-EC
ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2547 ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีผลการประชุมที่สำคัญ ดังนี้ ที่ประชุมรัฐมนตรี ต่างประเทศรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ/การค้า BIMST-EC ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2547 ว่า จะมีเพียง ไทย อินเดีย พม่า และศรีลังกา ลงนามในกรอบความตกลงเขตการค้าเสรี BIMST-EC โดยเนปาล และภูฏาน ได้แสดงความพร้อมขอเข้าร่วมลงนามในกรอบความตกลง ฯ ร่วมกับ 4 ประเทศ ในที่ประชุมรัฐมนตรี ต่างประเทศ BIMST-EC เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2547 ทำให้สามารถจัดพิธีลงนามได้ในค่ำวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2547 โดยนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นสักขีการลงนามตามกำหนดการที่วางไว้ ในส่วนของการติดตามความคืบ หน้ารายสาขาความร่วมมือ ที่ประชุมเห็นชอบข้อเสนอของไทยที่ให้จัดลำดับความสำคัญและดำเนินการของโครง การภายใต้ 6 สาขาหลักของความร่วมมือที่กำหนดไว้ ซึ่งได้แก่ การค้าและการลงทุน เทคโนโลยี คมนาคม พลัง งานท่องเที่ยว และประมง โดยไม่จำเป็นต้องมีหลายโครงการแต่ต้องเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อสร้างแรง ผลักดันให้ BIMST-EC เป็นกลุ่มความร่วมมือที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือและพิจารณาในเรื่อง การ จัดตั้ง Technical Support Facility (TSF) การอำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักธุรกิจ BIMST-EC หลัก เกณฑ์ในการรับสมาชิกใหม่ของ BIMST-EC รวมทั้งหลักเกณฑ์ในการตัดสินใจเพื่อให้การดำเนินงานในกรอบ BIMST-EC มีความคืบหน้าเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ ร่วม กันต้องมีประเทศสมาชิกอย่างน้อย 3 ประเทศ รวมไปถึงให้การจัดการประชุมระดับผู้เชี่ยวชาญต้องมีอย่างน้อย 4 ประเทศ อย่างไรก็ตาม ในการตัดสินใจประเด็นนโยบายจะต้องยึดหลักการตัดสินใจโดยฉันทามติจากประเทศ สมาชิกทุกประเทศ ส่วนความร่วมมือของภาคเอกชนที่ประชุมได้มีมติให้เชิญตัวแทนสภาหอการค้า BIMST-EC เข้าร่วมประชุมรัฐมนตรี BIMST-EC ในอนาคต เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นโดยตรงระหว่างผู้นำภาคเอก ชน และรัฐมนตรี BIMST-EC สำหรับการเตรียมการจัดประชุมผู้นำ BIMST-EC ที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อเสนอ ของไทยที่จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำ BIMST-EC ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 30-31 กรกฎาคม 2547 ที่กรุง เทพ ฯ และรับทราบร่างปฏิญญาผู้นำ BIMST-EC ที่อาจจะมีการปรับเพิ่มให้เข้ากับสถานการณ์ในช่วงการ ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสและรัฐมนตรีก่อนการประชุมผู้นำ รวมทั้งที่ประชุมเสนอให้เจ้าหน้าที่อาวุโสศึกษาเพิ่ม เติมเกี่ยวกับความถี่ของการจัดการประชุมผู้นำ การหมุนเวียนประธาน BIMST-EC ตลอดจนชื่อที่จะใช้แทน BIMST-ECเนื่องจากมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น 2 ประเทศ |
||||||||||||||||||||||||
3028 | การปรับราคาโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนกระบี่ เครื่องที่ 1 | พน | 03/02/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
ปรับราคาโครงการไฟฟ้าพลังความร้อนกระบี่ เครื่องที่ 1 รวมระบบสายส่งจาก 10,574.540 ล้านบาท เป็น 13,897.664 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายของโครงการที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นภาระผูกพันที่เกิดขึ้นจากผลของอัตรา แลกเปลี่ยน โดยให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินงานที่ผ่านมามีความล่าช้าทำให้มีค่าใช้จ่ายบุคลากรเพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมีสาเหตุ จากการขาดการประสานงานและติดตามผลการดำเนินงานระหว่าง กฟผ. กับบริษัทผู้รับจ้าง รวมทั้งความ ชัดเจนของสัญญา ดังนั้น การดำเนินโครงการในระยะต่อไป เห็นควรให้ กฟผ. เตรียมความพร้อมในการ บริหารจัดการโครงการให้ชัดเจนก่อนการเริ่มดำเนินโครงการ และให้จัดทำนโยบายการควบคุมค่าใช้จ่ายใน กรณีที่มีการชะลอโครงการออกไปเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อ กฟผ. และต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในอนาคต ไปดำเนิน การด้วย |
||||||||||||||||||||||||
3029 | มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาวิกฤติสถานการณ์ไข้หวัดนกระบาดในไก่ ของกระทรวงแรงงาน | รง | 27/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ รับทราบการดำเนินโครงการแก้ไขวิกฤติสถานการณ์ไข้หวัดนกระบาดในไก่ ของ
กระทรวงแรงงาน โดยดำเนินการสำรวจพื้นที่ กลุ่มเป้าหมาย วิเคราะห์ และจัดลำดับความเร่งด่วน และประมาณ การค่าใช้จ่าย ดังนี้ วิเคราะห์พื้นที่ผู้ประสบภัย วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่จำแนกตามประเภทกิจการ สร้าง เครื่องมือแบบสอบถามในการจัดเก็บข้อมูลจำแนกตามกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง ครอบคลุมทั้งสภาพปัญหา และความต้องได้รับความช่วยเหลือ วิเคราะห์สร้างโมเดลจำลองกลางเพื่อกำหนดทางเลือก และต้นทุนค่าใช้จ่ายใน การให้ความช่วยเหลือหลังการจำแนกกลุ่มเป้าหมายทั้งระบบ และดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทันที และติดตามประเมินผล โดยค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ที่หน่วยงานในสังกัดได้รับการจัดสรรไว้แล้ว ทั้งนี้ในกรณีที่สถานการณ์ดังกล่าวยังไม่ยุติ ให้กระทรวงแรงงาน ข้อตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ เพื่อเบิกจ่ายจากเงินงบกลางเพิ่มเติมเท่าที่จ่ายจริงต่อไป และให้ ประสานกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนระหว่างกัน ในการให้ความ ช่วยเหลือแก่ผู้ประสบปัญหาด้วย |
||||||||||||||||||||||||
3030 | สรุปผลการติดตามประเมินผลค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ | นร | 27/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติราย
งานสรุปผลการติดตามประเมินผลค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สรุปได้ดังนี้ ตามที่คณะกรรมการกลั่น กรองโครงการเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้คัดเลือกโครงการที่กระทรวงหรือหน่วยงานต่าง ๆ นำเสนอ ตาม แผนงาน National Program แผนงานด้านชุมชน และ แผนงานอื่น ๆ โดย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2546 คณะ รัฐมนตรีได้อนุมัติงบกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน 70 โครงการ 1 แผนงาน เป็นวงเงินทั้งสิ้น 57,995.85 ล้านบาท จำแนกเป็น แผนงาน National Program จำนวน 31 โครงการ วงเงินที่อนุมัติ 18,410.23 ล้านบาท แผนงาน ด้านชุมชน จำนวน 11,048 โครงการ วงเงินที่อนุมัติ 5,468.38 ล้านบาท และแผนงานอื่น ๆ จำนวน 39 โครงการวงเงินที่อนุมัติ 34,117.24 ล้านบาท โดยในแผนงานอื่น ๆ มี 3 รายการ วงเงิน 17,057.32 ล้าน บาท คือ โครงการค่าใช้จ่ายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (5,473.46 ล้านบาท) โครงการค่าใช้จ่ายสำหรับ ปฏิรูปการศึกษา (6,583.86 ล้านบาท) และโครงการค่าใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (5,000 ล้านบาท) ได้ถูกโอนไปเพื่อใช้ในกิจกรรมอื่น ๆ นอกเหนือจากวัตถุประสงค์เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจเดิม ทำให้เหลืองบ ประมาณตามวัตถุประสงค์เดิม จำนวน 40,938.53 ล้านบาท ทั้งนี้ การดำเนินโครงการโดยรวมยังไม่แล้วเสร็จ สมบูรณ์ทำให้ผลของค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไม่สามารถตอบสนองต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เต็ม ศักยภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้น ควรมีการกำหนดนโยบาย แนวทางการดำเนินงาน กลไกการดำเนิน งาน และกฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ที่ชัดเจนและเกิดความคล่องตัว เพื่อให้การดำเนินงานสามารถตอบสนอง ต่อนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีผลต่อเนื่องระยะยาวในการเพิ่มศักยภาพของคน รวมทั้งการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ |
||||||||||||||||||||||||
3031 | โครงการจัดการผืนป่าตะวันตกเชิงระบบนิเวศ | ทส | 24/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานการดำเนิน
โครงการจัดการผืนป่าตะวันตกเชิงระบบนิเวศ โดยมีกิจกรรมหลักของโครงการ ฯ ระยะที่ 1 (1 ธันวาคม 2542 - 31 มีนาคม 2547) ประกอบด้วย (1) กิจกรรมด้านวิชาการ เป็นการประเมินสถานภาพทางนิเวศ วิทยาอย่างรวดเร็ว (Rapid Ecology Assessment, REA ) แบ่งออกเป็นการประเมินสถานภาพทางนิเวศวิทยา อย่างรวดเร็วด้านสัตว์ป่า การประเมินสถานภาพทางนิเวศวิทยาอย่างรวดเร็วด้านพืช การประเมินศักยภาพ ด้านนันทนาการและการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็วในผืนป่าตะวันตก และการสำรวจข้อมูลด้านเศรษฐกิจสังคม อย่างรวดเร็วในผืนป่าตะวันตกและแนวกันชน (2) กิจกรรมด้านการฝึกอบรม เป็นการดำเนินการเพื่อมุ่งมี วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพและเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรที่ปฏิบัติงานในผืนป่าตะวันตก และผู้มีส่วน เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตก โดยรูปแบบของการดำเนินการประกอบด้วย การฝึกอบรมตามหลัก สูตรต่าง ๆ รวมทั้งการฝึกการปฏิบัติการในภาคสนามและการศึกษาดูงานด้านการจัดการพื้นที่อนุรักษ์ทั้ง ในและต่างประเทศ (3) กิจกรรมด้านข้อมูลและระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ มีวัตถุประสงค์ เพื่อจัดทำข้อมูล ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (Geographic Information System : GIS) ในพื้นที่ผืนป่าตะวันตกควบคู่ไป กับการพัฒนาสมรรถนะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และระดับในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เพื่อ ให้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี GIS ในการจัดการผืนป่าตะวันตกและการอนุรักษ์ความหลาก หลายทางชีวภาพ ตลอดจนให้บริการและสนับสนุนข้อมูล GIS เพื่อการวางแผนและการจัดการผืนป่าตะวัน ตก และ (4) กิจกรรมด้านเครือข่ายชุมชนและส่งเสริมการมีส่วนร่วม มีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างรูปธรรมของ การมีส่วนร่วมโดยจัดตั้งคณะกรรมการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตก (กอต.) มีการดำเนินกิจกรรม คือ การจัดการ ประชุมคณะกรรมการ การจัดการฝึกอบรม ศึกษาดูงาน และร่วมกันทำกิจกรรมนำร่องในพื้นที่แต่ละจังหวัด ในการนี้ ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตกขึ้นที่สำนักบริหารจัดการในพื้นที่ป่าอนุ รักษ์ที่อยู่รอบผืนป่าตะวันตก เพื่อทำหน้าที่ในการวางแผนจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในผืนป่าตะวันตก โดยใน ชั้นแรกโครงการ ฯ เน้นการเพิ่มขีดความสามารถให้ศูนย์ประสานงาน ฯ เป็นศูนย์ข้อมูลและระบบสารสน เทศภูมิศาสตร์ รวมทั้งการขยายเครือข่ายและสร้างแนวร่วมเพื่อการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตกต่อไป สำหรับ การขยายผลโครงการ ฯ ในระยะที่ 2 (1 เมษายน 2547 - 31 มีนาคม 2551) ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายที่ จะขยายผลการดำเนินโครงการต่อไปที่กลุ่มอื่น ๆ เช่น กลุ่มป่าเขาใหญ่ ฯ และกลุ่มป่าแก่งกระจาน
|
||||||||||||||||||||||||
3032 | โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน "โครงการ Sea Food Bank" | กษ | 24/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอโครงการ Sea Food Bank
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดที่ทำกินให้แก่ประชาชนในการแก้ปัญหาความยากจนและสร้างฐานการผลิตอาหารทะเลทด แทนการจับจากธรรมชาติ และเป็นการสร้างระบบการผลิตอาหารให้มีความปลอดภัย ตามมาตรฐานสากลโดยไม่ มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้ สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายให้เบิกจ่ายอย่างประหยัดเท่า ที่จำเป็น โดยให้ขอตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของส่วนราชการและหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดให้ชัดเจนว่า การดำเนินการตาม โครงการ ฯ นี้ เป็นการให้ "ใบอนุญาต" ใช้พื้นที่เพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแก่ประชาชนเพื่อการแปลงเป็นทุน และ ต้องกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขต่าง ๆ ที่ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติให้ครบถ้วน ชัดเจน เช่น ผู้ได้รับใบอนุญาตจะ นำไปจำหน่ายจ่ายโอนไม่ได้ เว้นแต่เป็นการตกทอดทางมรดก เป็นต้น หากผู้ได้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ดังกล่าว ก็ให้ยึดใบอนุญาตคืนได้ ส่วนการพิจารณากำหนดพื้นที่เป้าหมาย และการพิจารณาจัดสรรพื้นที่เพื่อออก ใบอนุญาต ควรดำเนินการในรูปของคณะกรรมการซึ่งมีผู้แทนของส่วนราชการทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรอบคอบ ถูกต้อง รวมทั้งให้กันพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ พื้นที่ที่ควร อนุรักษ์ ตลอดจนพื้นที่ที่จะต้องนำไปใช้เพื่อการอื่น ๆ เช่น การสร้างท่าเรือ สะพาน การท่องเที่ยว เป็นต้น ออกไป ก่อนด้วย ซึ่งการกำหนดพื้นที่ของโครงการนอกเหนือจากพื้นที่การอนุญาตเดิม ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม (สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) พิจารณาความเหมาะสมถูกต้องก่อน ด้วย โดยให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการนี้ด้วย สำหรับการนำระบบ Contract Farming มาใช้กับ ประชาชนกลุ่มเป้าหมายให้ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ประชาชนจะเข้าร่วมดำเนินการหรือไม่ก็ได้ กับให้กระทรวงเกษตร และสหกรณ์เร่งดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำแผนที่ฐาน (Base Map) แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน นอกจาก นี้ การดำเนินโครงการ ฯ นี้ให้องค์การสะพานปลา ทำหน้าที่บริหารจัดการโครงการ พร้อมทั้งให้ปรับปรุงประสิทธิ ภาพการบริหารจัดการขององค์การสะพานปลา เพื่อนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อมี ความพร้อมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
3033 | โครงการพัฒนาป่าชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน | ทส | 24/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับโครงการพัฒนาป่าชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน ตามที่กระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยเห็นว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินโครงการจดทะเบียนเพื่อแก้ ปัญหาสังคมและความยากจนเชิงบูรณาการ และอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ตามที่ได้รับแจ้งจากผู้ ลงทะเบียน ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินโครงการพัฒนาป่าชุมชน ฯ ที่เสนอมานี้ มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกับ การดำเนินโครงการจดทะเบียนเพื่อแก้ปัญหาสังคม ฯ จึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชะลอการดำเนินโครงการพัฒนาป่าชุมชน ฯ ไว้ เพื่อรอผลการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จก่อน และ นำผลการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวไปประกอบการพิจารณา หากเห็นว่า มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินโครง การพัฒนาป่าชุมชน ฯ ประการใด ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
3034 | รายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (โครงการบ้านเอื้ออาทร) | พม | 20/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานผลการ
ดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดทำโครงการบ้านเอื้ออาทรสำหรับข้าราชการและลูกจ้างประจำ ของส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐ และการจัดหาพื้นที่เหมาะสมในการดำเนินโครงการในเขตกรุงเทพมหา นครและปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้ การเคหะแห่งชาติได้ยกร่างแนวทางการจัดทำ โครงการ ฯ และได้ประสานความร่วมมือกับกองทัพอากาศ กองทัพเรือ กองทัพบก และสำนักงานตำรวจแห่ง ชาติ โดยได้มีการทำบันทึกข้อตกลงแล้ว 3 หน่วยงาน คือ กองทัพอากาศ กองทัพเรือ และกองทัพบก รวมทั้งได้ ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ กรมธนารักษ์ กรมการศาสนา กรมชลประทาน การรถไฟแห่งประเทศ ไทย การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย การท่าเรือแห่งประเทศไทย และสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหา กษัตริย์ เพื่อขอความร่วมมือในการจัดเตรียมที่ดินสำหรับจัดทำโครงการ ฯ โดยในเบื้องต้นสำนักงานทรัพย์สิน ส่วนพระมหากษัตริย์ได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาที่ดินสำหรับจัดทำโครงการบ้านเอื้ออาทรเป็นการ เฉพาะ และกรมธนารักษ์จะจัดทำบันทึกข้อตกลงกับการเคหะ ฯ ในการพิจารณาที่ดินราชพัสดุสำหรับจัดทำ โครงการ ฯ ส่วนหน่วยงานอื่น ๆ อยู่ระหว่างการพิจารณาความเป็นไปได้และความเหมาะสมของที่ดิน
|
||||||||||||||||||||||||
3035 | ขอสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการโครงการหนึ่งอำเภอ หนึ่งโรงเรียนในฝัน | ศธ | 20/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนิน
โครงการหนึ่งอำเภอ หนึ่งโรงเรียนในฝัน (Lab School Project) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ได้ในกรอบวงเงิน รวมไม่เกิน 1,975,110,600 บาท และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการ คลังไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งคณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมดังนี้ การดำเนินโครงการ ฯ ดังกล่าว ต้องมุ่ง เน้นที่จะปรับปรุง พัฒนา และยกระดับคุณภาพบุคลากรทางการศึกษา และการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้เด็ก และเยาวชนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพมาตรฐานมากกว่าการพัฒนาปรับปรุงทางด้านสิ่งก่อสร้าง เครื่องมือและ อุปกรณ์ ส่วนวงเงินค่าใช้จ่ายของโครงการ ฯ ตามที่ได้รับอนุมัติในหลักการ ให้เบิกจ่ายเท่าที่เป็นจริง ตามความ จำเป็นและเหมาะสม โดยให้ยึดหลักการประหยัดและความคุ้มค่า เช่น การจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ และเครื่อง Server ควรประสานและหารือกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารด้วย นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิ การควรเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่โครงการ ฯ ให้แพร่หลาย และเป็นที่เข้าใจให้ถูกต้องตรงกันอย่าง ทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้ภาคเอกชนที่มีศักยภาพได้เข้ามามีส่วนร่วมในการให้การสนับสนุนในด้านต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยอาจขอความร่วมมือหน่วยงานด้านสื่อต่าง ๆ ของรัฐ เช่น องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย และกรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
3036 | การดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ขององค์การเภสัชกรรม (มีการปรับแก้ไขมติฯ) | สธ | 20/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 ที่มีมติเกี่ยว
กับการดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ขององค์การเภสัชกรรมตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้กระทรวงสาธารณสุข (องค์การเภสัชกรรม) ดำเนินการก่อสร้างโรงงานดังกล่าว ตามระเบียบขององค์การ เภสัชกรรม ตามที่คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมได้พิจารณารายละเอียดของแผนการดำเนินการดังกล่าวแล้ว เห็นว่า การก่อสร้างโรงงานผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ไม่เข้าข่ายการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey) ตามคำนิยาม ในคู่มือการพิจารณาโครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จของกระทรวงการคลังที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี แล้ว เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2546 เนื่องจากการดำเนินโครงการก่อสร้างไม่ได้เป็นการจ้างบริษัทดำเนินการ ออกแบบสำรวจตั้งแต่ต้นจนกระทั่งการก่อสร้างจนแล้วเสร็จเพียงบริษัทเดียว รวมทั้งเงินทุนที่ใช้ในการดำเนินการ ก่อสร้างเป็นเงินขององค์การเภสัชกรรมเอง ไม่ใช่เงินทุนที่จัดหาโดยบริษัทผู้รับเหมา ดังนั้น องค์การเภสัชกรรมจึง สามารถที่จะดำเนินโครงการดังกล่าวโดยระเบียบขององค์การเภสัชกรรมเอง
|
||||||||||||||||||||||||
3037 | โครงการระบบเคเบิลใต้น้ำใยแก้ว SEA-ME-WE 4 ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) | ทก | 20/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3)
ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอการดำเนินโครงการระบบเคเบิลใต้ น้ำใยแก้ว SEA-ME-WE 4 ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) โดยให้ประสานกับกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณาเห็นชอบในการจัดทำข้อมูลรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม (IEE) เนื่องจากโครงการระบบเคเบิลใต้น้ำใยแก้ว SEA-ME-WE 4 เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ ต่อการพัฒนารวมทั้งส่งเสริมความมั่นคงของเครือข่ายระบบสื่อสัญญาณระหว่างประเทศไทยให้มีศักยภาพทัด เทียมกับประเทศอื่น และเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันทางธุรกิจโทรคมนาคม แต่อย่างไรก็ ตามต้องคำนึงถึงผลกระทบในเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยควรหลีกเลี่ยงการวางระบบเคเบิลใต้น้ำใยแก้วไม่ให้กระทบ ต่อป่าชายเลนและแนวปะการังด้วย ตามข้อสังเกตของที่ประชุม คกก.3 แล้วจึงดำเนินการในรายละเอียดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
3038 | ขออนุมัติยกเลิกสัญญาเงินกู้จากธนาคารยุโรปเพื่อการลงทุนของ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด | คค | 13/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด
(บวท.) ยกเลิกสัญญาเงินกู้จากธนาคารยุโรปเพื่อการลงทุน (European Investment Bank : EIB) ในวงเงิน 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และให้ใช้แหล่งเงินกู้ภายในประเทศ วงเงิน 898.16 ล้านบาท แทนการกู้เงินจากธนาคาร ยุโรปเพื่อการลงทุน ทั้งนี้ ให้ บวท. รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังไปพิจารณาดำเนินการเรื่องการพิจารณา เงื่อนไขการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้ภายในประเทศอย่างรอบคอบ เพื่อให้ บวท. ได้รับต้นทุนการกู้เงินที่ต่ำและเป็น ผลดีต่อการดำเนินโครงการลงทุน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมากที่สุด |
||||||||||||||||||||||||
3039 | โครงการบัวแก้วสัญจร | กต | 13/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการดำเนินการตามโครงการ
บัวแก้วสัญจร ซึ่งวัตถุประสงค์ของโครงการ ฯ เป็นการให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับภารกิจของกระทรวงการต่าง ประเทศ คำแนะนำในการเดินทาง การทำงาน และการดำเนินชีวิตในต่างประเทศ ตลอดจนการให้บริการ หนังสือเดินทางโดยตรงแก่ประชาชน นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 ถึงปัจจุบัน ได้มีการจัดโครงการบัวแก้วสัญจรไป แล้ว 6 ครั้ง ได้แก่ ที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดหนองคาย จังหวัดสงขลา (อำเภอสะเดา) จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดพะเยา (บ้านฮวก กิ่งอำเภอภูซาง) และจังหวัดเลย (อำเภอท่าลี่) ซึ่งผลจากการดำเนินโครงการ ทำ ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับทราบข้อมูล ข้อเท็จจริง ความต้องการ และปัญหาจากประชาชนผู้ที่รับผล จากการดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ความต้องการในการเปิดจุดผ่านแดน ข้อขัดข้องใน ด้านการส่งสินค้าข้ามแดน และในเรื่องการเชื่อมต่อทางคมนาคม เป็นต้น สำหรับในปี พ.ศ. 2547 จะดำเนิน โครงการบัวแก้วสัญจรอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนที่ประชาชนมีปฏิสัมพันธ์กับประเทศ เพื่อนบ้านค่อนข้างมาก โดยจะพัฒนารูปแบบเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของประชาชนและปรับปรุงการ บริการประชาชนเพื่อให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วมากที่สุด อาทิ เป้าหมายที่จะให้ประชาชนได้รับหนังสือเดิน ทางในทันที นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมเพื่อให้บริการแก่ประชาชนในต่างจังหวัด เช่น หนังสือเดินทางสัญจร การจัดเจ้าหน้าที่ไปบรรยายในต่างจังหวัดในเรื่องของอาเซียน และองค์การระหว่างประเทศ เป็นระยะ ๆ ซึ่ง เป็นการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับประชาชนในการดำเนินการของรัฐบาลด้านการต่างประเทศที่มี ส่วนช่วยสร้างความกินดีอยู่ดีให้แก่ประชาชนด้วย |
||||||||||||||||||||||||
3040 | โครงการเพิ่มมูลค่าพลังน้ำชลประทานเป็นไฟฟ้า | พน | 13/01/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานผลการดำเนินโครงการเพิ่มมูลค่าพลังน้ำ
ชลประทานเป็นไฟฟ้า สรุปได้ว่า ตามที่กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางการพัฒนาและแปรแผนสู่ปฏิบัติ เรื่อง ยุทธศาสตร์ ไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กท้ายเขื่อนชลประทานที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว นั้น ในการนี้ กระทรวงพลังงาน กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันกำหนดแนวทางการพัฒนาโครงการเพิ่มมูลค่าพลังน้ำ ชลประทานเป็นไฟฟ้า รวม 594 แห่ง เสร็จแล้ว โดยมีเป้าหมายให้เริ่มการก่อสร้างในปี พ.ศ. 2547 จำนวน 33 แห่ง |
.....