คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (นายจุลยุทธ  หิรัณยะวสิต) รักษา
ราชการแทนเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานสถิติการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีในรอบปี พ.ศ. 2545 และการ
ดำเนินโครงการแบบลดเอกสาร สรุปได้ว่า ในรอบปี พ.ศ. 2545 ได้มีการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีรวมทั้งหมด
51 ครั้ง มีเรื่องเสนอสู่การพิจารณารวม 2,544 เรื่อง แบ่งเป็นเรื่องในวาระเพื่อทราบ 2,187 เรื่อง  และเรื่อง
ในวาระเพื่อพิจารณา 357 เรื่อง  ไม่รวมถึงเรื่องในวาระประธานแจ้ง 250 เรื่อง  และเรื่องในวาระอื่น ๆ  70
เรื่อง สำหรับการพัฒนาระบบสารสนเทศการประชุมคณะรัฐมนตรี ได้ดำเนินการเป็น  2  โครงการ คือ  (1) 
โครงการวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศห้องประชุมคณะรัฐมนตรี  โดยการให้รัฐมนตรีเรียกดู  สืบค้นข้อมูล
เอกสารวาระการประชุมในแต่ละครั้งผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์   ซึ่งขณะนี้ถือได้ว่าโครงการได้ดำเนินการเต็ม
รูปแบบแล้ว  และในอนาคตจะได้เชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์ข้อมูลกลางของทำเนียบรัฐบาลต่อไปด้วย  และ  (2)
โครงการจัดระเบียบวาระการประชุมในรูปแบบลดเอกสาร  จากการดำเนินโครงการในระยะเวลา  1  ปีเศษ
โดยทดลองดำเนินการเฉพาะการลดเอกสารการประชุมในวาระเพื่อทราบ  สามารถลดปริมาณกระดาษ  ค่า
ใช้จ่าย  และระยะเวลาในการจัดเตรียมระเบียบวาระในแต่ละครั้งลงจากเดิมมาก   โดยการใช้กระดาษจากเดิม
ประมาณ 88,000 แผ่น  ลดลงเหลือ 40,500 แผ่น  ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ  จากเดิม  90,920  บาท  ลดลงเหลือ
51,620  บาท  และจากเวลาที่ใช้ประมาณ  20  ชั่วโมง  ลดลงเหลือ  8  ชั่วโมง   และหากดำเนินโครงการนี้
เต็มรูปแบบ โดยการลดเอกสารทั้งในวาระเพื่อทราบและพิจารณา  ก็จะมีผลทำให้วาระการประชุมมีเอกสาร
เหลืออยู่เพียงประมาณร้อยละ  30   และสามารถลดปริมาณกระดาษ   ค่าใช้จ่าย   และระยะเวลาในการจัด
เตรียมระเบียบวาระในแต่ละครั้งลงจากเดิมมากยิ่งขึ้น

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่  3  ที่มี
มติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอการปรับเปลี่ยนแหล่งงบประมาณในการดำเนินโครงการจัดตั้ง
ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยให้ใช้งบประมาณแผ่นดินเพียงอย่างเดียว  และให้
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณ รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ  (เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนแหล่งงบประมาณในการดำเนินโครงการ ฯ โดยใช้งบประมาณ
แผ่นดินเพียงแหล่งเดียว จะทำให้การดำเนินงานแต่ละกิจกรรมมีความชัดเจนสอดคล้องกัน   และเป็นการลด
ภาระด้านการกู้เงินจากต่างประเทศ โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามความจำเป็น เน้นให้ความสำคัญ
กับโครงการย่อยที่สามารถพัฒนาและถ่ายทอดไปสู่อุตสาหกรรมการผลิตเป็นลำดับต้น ต่อไป และให้มีการ
ประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่ดำเนินการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพของประเทศ  ภาค
เอกชน  และสถาบันการศึกษา  ในการกำหนดเป้าหมายและกระบวนการการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
จากระดับห้องปฏิบัติการจนถึงระดับอุตสาหกรรม  เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน และสามารถสนับสนุนซึ่งกัน
และกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ)  ไปพิจารณาดำเนินการด้วย นอกจากนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำราย
งานผลการประชุมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  12  กุมภาพันธ์  2545  ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน 
พร้อมทั้งรายละเอียดแผนงานโครงการ  แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ  และรับไปพิจารณาวางระบบ
การกำกับดูแล  และตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อ
ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไปด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กองบัญชาการทหารสูงสุดยุติการดำเนินโครงการของสหกรณ์การเกษตร
จอมทอง จำกัด โดยได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระหนี้ส่วนที่เหลือหลังจากโอนขายที่ดินให้สมาชิกสหกรณ์เกษตร
กรรมจอมทอง กรป.กลาง  จำกัด  แล้ว  และให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณชดใช้หนี้ส่วนที่เหลือให้กองทุน
สงเคราะห์เกษตรกรให้ครบถ้วน    และให้กองบัญชาการทหารสูงสุดส่งคืนที่ดินส่วนที่เหลือให้กรมธนารักษ์นำ
ที่ดินไปใช้ประโยชน์ในราชการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป   ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ   โดยให้กองบัญชาการ
ทหารสูงสุดเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชดใช้หนี้ส่วนที่เหลือให้กองทุน ฯ
ต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กันไปเบิกจ่าย
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดย
เห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินการ   สำหรับโครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ใช้จ่ายจากค่าใช้จ่ายสำรอง
เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2545 ได้ถึงสิ้นเดือนมีนาคม  2546  โดยมิให้มีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขสาระ
สำคัญของโครงการภายใต้แผนงาน National Program ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว  และในกรณีที่มีเงิน
เหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการต้องส่งคืนกรมบัญชีกลาง รวมทั้งเห็นชอบโครง
การและการขออนุมัติกันวงเงินสำหรับโครงการที่ขอใช้จ่ายจากค่าใช้จ่ายสำรอง  ฯ  ที่กันไปเบิกจ่ายในปี   พ.ศ. 
2546 รวม 5 โครงการ วงเงินรวม 7,804.73 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการปรับปรุงสุขอนามัยท่าเทียบเรือ
และสะพานปลา  โครงการจัดหาที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจ โครงการสนับสนุนกำลังคนเพื่อเร่งรัดการ
ดำเนินงานด้านยุติธรรม โครงการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดในระบบบังคับรักษา และการจัดสรรวงเงิน
เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการปฏิรูปการศึกษา

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ตามที่สำนักงานคณะกรรม
การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ โดยมอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อมรับไปพิจารณารายละเอียดของโครงการเร่งด่วน จำนวน 14 โครงการ  ของจังหวัดสงขลา พัทลุง และนคร
ศรีธรรมราช พร้อมทั้งให้วางระบบการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการและการสร้างตัวชี้วัดความสำเร็จ
ในการปฏิบัติงานควบคู่กันไปด้วย  และเห็นชอบกับขอบเขตการศึกษา  (TOR)  โครงการจัดทำแผนแม่บทการ
พัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา โดยมอบหมายให้ สศช. ไปดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 9-12 เดือน โดยแผน
แม่บทดังกล่าวต้องมีความชัดเจนว่า  ผลลัพธ์สุดท้าย  (bottom line)  ในการพัฒนาปรับปรุงแก้ไขปัญหาทะเล
สาบสงขลาจะเป็นไปอย่างไร ระดับใด เพื่อให้เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นที่ยอมรับและเกิดประโยชน์แก่ประชาชน
ส่วนรวมมากที่สุด   และให้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา  ภายใต้คณะกรรมการเพื่อการ
พัฒนาที่ยั่งยืนที่มีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) เป็นประธาน ผู้แทนส่วนราชการ นักวิชาการ
และประชาชน เป็นกรรมการ โดยมีปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเลขานุการ รวมทั้ง
อนุมัติค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ  ได้แก่  ค่าใช้จ่ายให้ สศช. ในการว่าจ้างที่
ปรึกษาเพื่อจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา 16 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ของสำนักงานเลขานุการโครงการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา  3.2  ล้านบาท และค่า
ใช้จ่ายในการดำเนินภารกิจของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ  ฯ  ในฐานะเลขานุการคณะกรรมพัฒนาลุ่มน้ำ
ทะเลสาบสงขลา และการกำกับดำเนินโครงการเร่งด่วน 6 ล้านบาท

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการใช้เงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราช
การ (กบข.) เพื่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยให้ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ในฐานะกรรมการ กบข.
รับเรื่องนี้ไปประสานและหารือกับคณะกรรมการ กบข. ต่อไป  เนื่องจากปัจจุบันกองทุน ฯ มีเงินสะสมที่เรียกเก็บ
จากสมาชิก  เงินสะสมสมทบจากรัฐบาล  ตลอดจนผลกำไรจากการบริหารอยู่เป็นจำนวนมาก  หากนำมาลงทุน
ในการดำเนินโครงการของรัฐบาล  ก็จะเป็นประโยชน์แก่ทางราชการ   ทำให้โครงการต่าง  ๆ  แล้วเสร็จได้อย่าง
รวดเร็ว รวมทั้งจะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีมอบให้รองนายกรัฐมนตรี  (นายกร  ทัพพะรังสี)
เป็นผู้รับผิดชอบรับเรื่องการดำเนินโครงการปิดถนนคนเดินที่ถนนสีลมไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาด
ไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ควรจะดำเนินการโครงการถนนคนเดินที่ถนนสีลมต่อไปอย่างไร  หรือไม่   และใน
เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลควรจะจัดถนนใดให้เป็นถนนคนเดินเพิ่มเติมหรือไม่เพราะยังมีถนนสาย
อื่นที่อาจมีความพร้อมและเหมาะสมด้วย   และในภาพรวมทั่วประเทศควรจะดำเนินการกิจกรรมดังกล่าวใน
จังหวัดใด หรือไม่ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (คกก.5) 
ที่มีมติสนับสนุนข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตามโครงการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ใน
การแก้ไขปัญหาในการประกอบธุรกิจอันเนื่องมาจากกฎหมายเกี่ยวกับการนำเข้าหรือส่งออกซึ่งสินค้า ในวง
เงิน  4  ล้านบาท   โดยให้จัดสรรจากค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนงานการพัฒนาขีดความ
สามารถ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบกรอบวงเงิน 1,000 ล้านบาทไว้แล้ว  ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของ
คกก.5  (เกี่ยวกับการดำเนินโครงการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการแก้ไขปัญหา ฯ ควรมีการทำความ
เข้าใจให้ชัดเจนว่าโครงการดังกล่าวมีขอบเขตที่กว้างขวางกว่าระบบการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDI) ที่
กรมศุลกากรใช้อยู่ในปัจจุบันซึ่งยังมีข้อจำกัดในขอบเขตการดำเนินงานทั้งในด้านความหมาย  (Technically
Obsolete) และด้านการปฏิบัติ  ส่วนข้อเสนอของโครงการศึกษาครั้งนี้  ควรมีเป้าหมายในการยกระดับการ
ให้บริการแก่ธุรกิจเอกชนของหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ  เพื่อลดขั้นตอนระยะเวลาและค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุน
การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชน)  ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป     และเพื่อให้การใช้
จ่ายเงินสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนงานการพัฒนาขีดความสามารถดังกล่าวเป็นไปด้วยความรอบ
คอบเห็นควรมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำกรอบแผน
การใช้เงินดังกล่าวเสนอในการประชุมครั้งต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้แต่งตั้งคณะกรรมการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่แห่งชาติ
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  เป็นประธานกรรมการ   ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ   โดย
ให้เพิ่มปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  และปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็น
กรรมการอีก  2  ตำแหน่ง  และให้ดำเนินการต่อไปได้  ทั้งนี้  ให้คณะกรรมการดังกล่าวดำเนินการให้เกิดความ
เชื่อมโยงกับเรื่อง การจัดการเรียนการสอนแก่นักศึกษาและผู้ประกอบการ  (Entreperneurs)  ซึ่งคณะรัฐมนตรี
ได้มีมติเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2545   มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ  (ทบวงมหาวิทยาลัย)  รับไปพิจารณา
กำหนดหลักสูตรและแนวทางในการดำเนินโครงการจัดการศึกษาอบรมร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสาร และกระทรวงอุตสาหกรรม  โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง
ชาติ เป็นฝ่ายเลขานุการด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National E-
Learning Center) และอนุมัติให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่ทบวงมหาวิทยาลัยเสนอ  ทั้งนี้ ให้รับความเห็นและ
ข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ   รวมทั้งข้อสังเกต
ของคณะรัฐมนตรี (เกี่ยวกับพื้นที่ที่ใช้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ฯ  ซึ่งใช้พื้นที่บริเวณชั้น 2-3-4  ของอาคารกิตติ
ขจร (โรงเรียนเตรียมทหารเดิมในปัจจุบัน) โดยบริเวณด้านล่างของอาคารได้จัดเป็นร้านค้าประเภทต่าง  ๆ
จำนวนมาก  ทบวงมหาวิทยาลัยควรติดตาม ดูแลมิให้ภาคเอกชนได้ใช้พื้นที่ในทางที่ไม่เหมาะสมสำหรับเป็น
แหล่งการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน  นอกจากนี้  ควรให้ภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมให้มากขึ้น เช่น การ
เป็นกรรมการในคณะกรรมการดำเนินโครงการใช้ประโยชน์จากสถานที่โรงเรียนเตรียมทหาร) ไปพิจารณา 
ประกอบการดำเนินการด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีประสานกับสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อ
ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.)  เพื่อเร่งรัดและติดตามการดำเนินโครงการพัฒนาและ
รณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ให้บรรลุผลโดยเร็ว เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการพังทลายของดิน
และปัญหาน้ำท่วม ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้าน
วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครั้งที่ 9 ระหว่างวันที่ 24-25 สิงหาคม 2545  ณ เมือง Acapulco ประเทศ
เม็กซิโก โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีเอเปคที่รับผิดชอบงานด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด
ย่อม (SMEs) ผู้แทนประเทศสมาชิกเอเปค จำนวน  21  ประเทศ  รวมทั้งประเทศไทยซึ่งมีรัฐมนตรีช่วยว่าการ
กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหัวหน้าคณะ โดยหัวข้อหลักของการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ได้แก่  "การกระจายประ
โยชน์จากความร่วมมือแก่ SMEs"  ซึ่งมีประเด็นสำคัญ 3 ประการ  คือ  สิ่งแวดล้อมทางด้านนโยบายที่เกื้อหนุน
ต่อการพัฒนา  SMEs  การพัฒนาที่ยั่งยืน  และการเสริมสร้างร่วมมือในระดับภูมิภาค  ส่วนการเจรจาระดับทวิ
ภาคี ได้มีการหารือเกี่ยวกับการบรรจุเรื่องการระดมทุนสำหรับ SMEs การจัดตั้ง Venture Capital เข้าเป็นส่วน
หนึ่งในการประชุม APEC SMEs ในปี พ.ศ. 2546  การขอให้สหรัฐ ฯ พิจารณาต่อโครงการ SIAM  ซึ่งเป็นโครง
การจับคู่ธุรกิจทางอินเตอร์เน็ต  การทบทวนมาตรการคุ้มครองลิขสิทธิ์ทางปัญญา  รวมทั้งการเพิ่มโควต้านำเข้า
น้ำตาลจากไทยและให้มี Policy Dialogue ด้าน SMEs ระหว่างผู้บริหารระดับสูงของไทยกับสหรัฐ ฯ  นอกจากนี้ 
ได้หารือเรื่องการส่งเสริม แก้ไขปัญหาอุปสรรคด้านการค้าและการลงทุน ความตกลงเรื่องภาษีซ้อน  และการนำ
เข้าข้าวและสินค้าอาหารจากไทยโดยตรงของชิลี และเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือและประสานงานกัน
เพื่อผลักดันให้ฝ่ายสหรัฐ ฯ   เปิดตลาดนำเข้าน้ำตาลทรายให้มากยิ่งขึ้น  ตลอดจนติดตามการขอขยายความช่วย
เหลือ USAID ในการดำเนินโครงการ SIAM  และการจัดตั้ง Policy Dialogue ด้าน SMEs  ประเทศไทยจะเป็นเจ้า
ภาพจัดประชุม APEC SMEs ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 5-8 สิงหาคม 2546

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย (กรมการพัฒนาชุมชน) รายงานผลการดำเนิน
งานโครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (กข.คจ.)  ในช่วงระยะเวลาเดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2545  งวดที่
2/2545  ซึ่งประกอบด้วย ผลการดำเนินงานโครงการ กข.คจ. ระยะที่ 1 ปี พ.ศ. 2536 - 2540  และระยะที่ 2 
ปี พ.ศ. 2541 - 2544  โดยผลการดำเนินงานในช่วงระยะที่ 2 สามารถดำเนินการสนับสนุน 17,626 หมู่บ้าน
เป้าหมาย 1,718,085 ครัวเรือน มีครัวเรือนยืมเงินทุนไปแล้ว  814,832  ครัวเรือน  หรือร้อยละ  47.43  โดย
ประเภทอาชีพที่ยืมไปลงทุน  ได้แก่  ด้านการเกษตร  ค้าขาย  อุตสาหกรรมในครัวเรือน   ด้านช่าง   และอาชีพ
อื่น  ๆ  ทั้งนี้  ครัวเรือนยากจนได้ยืมเงินจากกองทุน กข.คจ.  ได้ใช้คืนครบถ้วนแล้ว   และไม่ประสงค์จะขอยืมอีก
จำนวน  85,588  ครัวเรือน    และจากผลการดำเนินโครงการดังกล่าวมีหมู่บ้านที่มีรายได้ผ่านเกณฑ์  15,000 
บาท/คน/ปี มากกว่าร้อยละ 70  ของครัวเรือนทั้งหมู่บ้านจำนวน 1,644 หมู่บ้าน  หรือร้อยละ  9.33  ของหมู่
บ้านเป้าหมาย สำหรับกิจกรรมสนับสนุนและเพิ่มประสิทธิภาพโครงการ  กข.คจ. ได้แก่ โครงการฝึกอบรมเพิ่ม
พูนประสิทธิภาพการบริหารโครงการ กข.คจ. เชิงคุณภาพ  ระหว่างวันที่ 20 - 21 มิถุนายน 2545  ที่นนทบุรี
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารดำเนินงานอย่างมีเป้าหมาย   และมีเกณฑ์ชี้วัดผลลัพธ์ที่ชัดเจนในเชิงคุณภาพ 
ทั้งนี้  ได้มอบหมายให้จังหวัดดำเนินการกำหนดเป้าหมายยกระดับรายได้ของครัวเรือนและหมู่บ้าน  ระหว่างปี 
พ.ศ. 2545 - 2547  กำหนดกลยุทธ์และแนวทางดำเนินงานพร้อมแผนปฏิบัติการตามโครงการ  กข.คจ.  เชิง
คุณภาพเป็นรายอำเภอ และการกำหนดวิธีการสนับสนุนติดตามผลและรายงานผลโดยศูนย์ช่วยเหลือทางวิชา
การพัฒนาชุมชนเขตต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมรายงานความคืบหน้าโครงการ
พัฒนาเศรษฐกิจชุมชนเพื่อการส่งออก โดยได้แต่งตั้งคณะทำงานโครงการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนเพื่อการส่งออก
เพื่อจัดทำและเห็นชอบแผนปฏิบัติงานในการดำเนินโครงการ ฯ ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2545-กันยายน
2546 แบ่งเป็น   2 ปีงบประมาณ  โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  ได้รับงบประมาณ  2,236,000  บาท ใน
การดำเนินการตามภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กรมเอเซียใต้ ตะวันออก  และแอฟริกา  กรมส่งเสริมการ
ส่งออก  กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน  กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน) ได้แก่  การสำรวจข้อมูลด้านวัฒนธรรม
ในภูมิภาคตะวันออกและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้  เอเซียใต้  และแอฟริกา  สำรวจข้อมูลด้านการตลาด   ข้อมูล
กลุ่มอาชีพ/รายได้ และการจัดทำ Web-site 4 ภาษา  ส่วนปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 จะต้องขอรับการจัดสรร
เงินงบประมาณที่เหลือจำนวน 1,000,000 บาท  เพื่อใช้ในการร่วมออกนิทรรศการงานแสดงสินค้าที่ประเทศ
ดูไบ สหรัฐอาหรับอิมิเรทส์  ทั้งนี้ ผลที่คาดว่าจะได้รับเป็นกลุ่มเป้าหมายในการพัฒนาสตรีให้ได้รับการพัฒนา
ทักษะฝีมือ ทักษะการประกอบธุรกิจ  การใช้เทคโนโลยี  และการจัดทำ Web-site เพื่อให้สามารถขยายตลาด
จำหน่ายสินค้าได้เพิ่มขึ้น โดยมอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักและได้มีการ
ตัดโอนเงินให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการเบิกจ่ายแทนกันตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2545

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมรายงานผลการประชุมรัฐมนตรี
แรงงานอาเซียน  ครั้งที่ 16  ณ  นครเวียงจันทน์  ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  ระหว่างวันที่
6-10  พฤษภาคม  2545  โดยมีนายเดช  บุญ-หลง  รองนายกรัฐมนตรี  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
และสวัสดิการสังคม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยวัตถุประสงค์ของการประชุมรัฐมนตรีแรง
งาน ฯ ครั้งนี้ก็เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนโดยเฉพาะในเรื่องความร่วมมือด้าน
แรงงานให้มีความใกล้ชิดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน     ผลการประชุมครั้งนี้  เกิดฉันทามติในเรื่องสำคัญหลายเรื่อง
โดยเฉพาะด้านสังคมที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในภูมิภาค  และเรื่องเกี่ยวกับองค์การแรงงานระหว่าง
ประเทศ เฉพาะเรื่องที่ถือว่ามีนโยบายร่วมกัน  และยังได้มีการประชุมร่วมกับประเทศคู่เจรจา (ประเทศ + 3) ซึ่ง
ได้แก่  จีน  ญี่ปุ่น  และสาธารณรัฐเกาหลี  เพื่อร่วมกันพัฒนาสังคม  ทรัพยากรมนุษย์   และบรรเทาภาวะวิกฤต
เศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาคอาเซียน   นอกจากนี้   ที่ประชุมรัฐมนตรีแรงงาน  ฯ  ได้รับรองแผนงานโครงการ
ต่าง ๆ  ที่ช่วยเหลือประเทศกัมพูชา  ลาว  พม่า  และเวียดนาม  (CLMV)  ให้สามารถยกระดับการพัฒนาให้ใกล้
เคียงกับประเทศสมาชิกเก่ามากขึ้น   ตลอดจนเห็นชอบในหลักการให้ทุกประเทศมีส่วนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายร่วม
กัน (cost-sharing) ในการดำเนินโครงการที่มีความสำคัญและเร่งด่วนเพื่อแสดงถึงความตั้งใจจริงโดยไม่ต้องพึ่ง
พาความช่วยเหลือจากภายนอก  สำหรับบทบาทของไทยในการประชุมรัฐมนตรีแรงงาน ฯ ครั้งนี้  ได้มีบทบาท
สำคัญในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  โดยเฉพาะด้านการพัฒนาทักษะฝีมือและการประกันสังคม   โดยได้
เข้าร่วมประชุมสัมมนาแลกเปลี่ยนความร่วมมือและข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ  กับประเทศสมาชิกอาเซียน  รวมทั้งให้
ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมแก่ประเทศ CLMV ในหลาย ๆ เรื่อง และที่ประชุมมีมติที่จะจัดการประชุม ครั้ง
ที่ 17 ในเดือนพฤษภาคม 2546  ประเทศอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพ

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลโครงการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ต้องขัง
ติดยาเสพติด ในค่ายทหาร  (โรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง)  ในส่วนของการอบรมเจ้าหน้าที่ทหารประจำโรงเรียน
การกำหนดคุณสมบัติในการคัดเลือกผู้ต้องขัง การพิจารณาคุณสมบัติผู้ต้องขัง  สถานที่สำหรับการฟื้นฟู  งบ
ประมาณในการดำเนินการ รวมทั้งขั้นการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพ  และการติดตามประเมินผลระหว่างอยู่ใน
ค่ายทหาร  การปฏิบัติและการสงเคราะห์หลังปล่อย  และการติดตามผลภายหลังผู้ต้องขังกลับสู่ชุมชน  โดย
ผลที่ได้รับจากการดำเนินโครงการ ฯ บรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนว
ทางเพื่อเอาชนะยาเสพติด โดยตัดวงจรผู้เสพออกจากผู้ค้า สามารถแบ่งเบาภาระกรมราชทัณฑ์ในการบำบัด
ฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดและช่วยแก้ปัญหาความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถานได้ในระดับหนึ่ง และ
ยังถือเป็นโครงการนำร่องในการแก้ไขผู้ติดยาเสพติดได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนเครือรัฐออสเตรเลียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี 
ระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2545  เพื่อหารือกับนายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย  รวมทั้งการ
ประชุมเต็มคณะระหว่างทั้งสองฝ่าย โดยสาระสำคัญของการหารือและการประชุมดังกล่าว  ได้แก่  การเจรจา
จัดทำ Free Trade Agreement Plus หรือ  Closer Economic Relations (CER)  โครงการแลกเปลี่ยนเยาวชน
ระหว่างกันภายใต้โครงการ Working Holiday Visa โครงการปลูกพืชทดแทน  ความร่วมมือในด้านการศึกษา
ระหว่างกัน   และความร่วมมือทวิภาคีในด้านการก่อการร้าย   และจากผลการเยือนเครือรัฐออสเตรเลียของ
นายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายทั้งในด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐ
กิจการค้า ตลอดจนการศึกษาและวัฒนธรรม โดยเฉพาะการดำเนินโครงการ Working Holiday Visa ซึ่งไทย
เป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ออสเตรเลียจะจัดทำโครงการนี้ด้วย   นอกจากนี้   ไทยยังได้รับการยอมรับใน
ฐานะประเทศที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในหลายเรื่อง  เนื่องจาก CER ที่ไทยทำกับออสเตรเลีย เมื่อผนวก
กับ FTA  ที่ทำกับจีน  ญี่ปุ่น  และอินเดีย  ทำให้ไทยเป็นเสมือนศูนย์กลางด้านการค้าที่ประเทศเหล่านี้จะติด
ต่อค้าขายและใช้เป็นฐานในการผลิต ส่วนความร่วมมือด้านการศึกษากับออสเตรเลียจะช่วยสนับสนุนมาตร
ฐานด้านการศึกษาในระดับอุดมศึกษาของไทยให้สูงขึ้นจนสามารถเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาในประเทศ
เพื่อนบ้าน  ทั้งนี้  มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่สำนักเลขาธิ
การนายกรัฐมนตรีเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพิทักษ์  อินทรวิทยนันท์) ประธานคณะกรรม
การนโยบายข้าว รับข้อเรียกร้องของเกษตรกรในบางจังหวัดที่ขอให้รัฐบาลขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการ
รับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2545 ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่  31  กรกฎาคม  2545  ออกไปอีกระยะหนึ่ง ไปพิจารณา
และตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยด่วน   และหากจำเป็นก็ให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครง
การได้ตามความเหมาะสม ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 319 ร. เรื่อง การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร
เพื่อรองรับโครงการอินเทอร์เน็ตตำบล ของนายนพดล  อินนา  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  (บัญชีรายชื่อ)
ซึ่งถามว่า  กระทรวงมหาดไทยได้มีแผนงาน  ตลอดจนมาตรการในการเตรียมความพร้อมด้านการพัฒนา
บุคลากรเพื่อรองรับการดำเนินโครงการอินเทอร์เน็ตตำบล โดยได้จัดเตรียมโครงการฝึกอบรมเพื่อให้เกิด
ความรู้ความชำนาญให้แก่ประชาชนผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตดังกล่าวไว้มากน้อยเพียงใด และอย่างไร  จาก
ผลการดำเนินโครงการอินเทอร์เน็ต ฯ  ของกรมการปกครอง  กระทรวงมหาดไทย ได้จัดสรรงบประมาณ
ในเบื้องต้นไปแล้วเท่าใด    และจะต้องใช้งบประมาณอีกจำนวนเท่าใดในการดำเนินการโครงการดังกล่าว
ให้ครอบคลุมทุกชุมชนของประเทศไทย   เพื่อให้ประชาชนในทุกภูมิภาคของประเทศได้รับประโยชน์อย่าง
สูงสุด   จากแผนงานการติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ประกอบต่าง  ๆ  ดังกล่าวได้ดำเนินการไป
แล้วมีความคืบหน้ามากน้อยเพียงใด   และผลการดำเนินการทดลองโครงการ  ฯ  ในองค์การบริหารส่วน
ตำบลทั้ง 10 แห่ง ได้มีการติดตามผลการดำเนินงานดังกล่าวไว้อย่างไรบ้าง  และสัมฤทธิ์ผลตามนโยบาย
ที่ได้ตั้งไว้เพียงใด ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป